ความคิดเห็นที่ 1 คำตอบ แต่ข้อเท็จจริงคือ ส่วนใหญ่ผู้ได้รับเชื้อเอชพีวี จะไม่เป็นมะเร็งปากมดลูก โดยทั่วไปผู้ หญิงที่ได้รับเชื้อไวรัสเอชพีวีจะเกิดความผิดปกติเล็กน้อยที่เยื่อบุปาก มดลูก ผู้หญิง 1 ใน 3,000 คน ร่างกายจะมีกลไกในการกำจัดเชื้อไวรัสได้และจะหายเป็นปกติได้เอง ภายใน 2 เดือนถึง 1 ปี โดยไม่ต้องทำการรักษาใดๆ แต่กระนั้น ก็จงอย่าได้ชะล่าใจ นะคะ เพราะว่ามันแค่ 1 ใน 3,000 คนเท่านั้นที่จะทำได้ เหอๆๆๆ จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 16:20:17

ความคิดเห็นที่ 2 ประเด็นต่อมา จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 16:20:35

ความคิดเห็นที่ 3 คำตอบ จริงๆแล้ว วัคซีนสามารถป้องกันเชื้อเอชพีวี สายพันธุ์ 16 และ 18 ได้ 100% ซึ่ง 2 สายพันธุ์นี้เป็นสาเหตุอันดับ 1 และ 2 ของมะเร็งปากมดลูกตามลำดับคิดเป็นสาเหตุ ถึง 70% ของมะเร็งปากมดลูก การฉีดวัคซีนจึงป้องกันได้ ประมาณ 70% แต่เท่าที่รู้ล่าสุด มีวัคซีนตัวนึงที่เรียกว่า วัคซีน 2 สายพันธุ์ ชื่อ Cervarix สามารถป้องกันสายพันธุ์ก่อมะเร็งอื่นได้ เพิ่มขึ้นนอกเหนือจาก16 และ 18 ด้วย คือสายพันธุ์ 45 กับ 31 (สาเหตุอันดับ 3 และ 4 ของมะเร็งปากมดลูก) ทำให้ ป้องกันได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 70% แต่ยังไงก็ไม่ 100% อยู่ดี เราเลยต้องป้องกันวิธีอื่น ร่วมด้วย คือการตรวจแป๊ปเสมียร์นั่นเอง จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 16:21:52

ความคิดเห็นที่ 4 ประเด็นที่สาม จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 16:22:18

ความคิดเห็นที่ 5 คำตอบ ต้องบอกก่อนว่า วัคซีน คือการ สังเคราะห์เลียนแบบเชื้อเอชพีวี และทำการฉีดเข้าร่างกาย เพื่อให้ร่างกายนั้น สามารถผลิตแอนตี้บอดี้ขึ้นมาป้องกันเชื้อเอชพีวีเองค่ะ (โดย ปกติร่างกายของเราจะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันเองได้อยู่แล้วนะคะ แต่อยู่ในระดับต่ำมาก ป้องกันโรคไม่ได้) วัคซีนนั้น ไม่ใช่ยารักษาแต่อย่างใด แต่เป็นตัวกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันต่างหาก คร่าาาา และวัคซีนก็ไม่ได้ป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ได้นะจ๊ะ จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 16:22:54

ความคิดเห็นที่ 6 ประเด็นที่สี่ จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 16:23:14

ความคิดเห็นที่ 7 ... คำตอบ เรื่องนี้ไม่จริงนะคะ จริง อยู่ที่ว่า วัคซีนจะมีประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยมเต็มที่กับเด็กอายุ 11 -12 หรือเด็กวัยรุ่น แต่ว่า สำหรับสาวที่เคยผ่านการมีเพศสัมพันธ์มาแล้ว หรือ อายุเกิน 30 ปีนั้น ขณะนี้ก็ได้มีการวิจัยประสิทธิภาพของ วัคซีนใหม่แล้วนะคะว่าได้ขยายผลครอบคลุมมาสู่กลุ่มผู้หญิง ในช่วงอายุ 27- 55 ปีแล้ว เพราะฉะนั้นเกิน 30 ปีแล้ว ก็ยังฉีดได้จ้าาาา จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 16:23:45

ความคิดเห็นที่ 8 แต่เดี๋ยวก่อน จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 16:24:12

ความคิดเห็นที่ 9 มาต่อประเด็นต่อไป.... จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 16:24:34

ความคิดเห็นที่ 10 คำตอบ จริงๆ ไม่ได้จะเกี่ยวกับบรรพบุรุษ เลยคัาบบบ โรคนี้ อยากให้เข้าใจกันใหม่นะคะว่า..... "มะเร็งมากปากมดลูก" ไม่ได้เกิดจากกรรมพันธุ์ แต่เกิดจากการติดเชื้อเอชพีวีต่างหากจ้ะ ป.ล. มีใครรู้บ้างไหมว่า ผู้ชายก็สามารถ ฉีดวัคซีน มะเร็งปากมดลูกได้นะคะ ไม่ใช่แค่ผู้หญิง จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 16:25:43

ความคิดเห็นที่ 11 ลองอ่านดูนะคะ จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 16:27:04

ความคิดเห็นที่ 12 คุณ ภรรยา ทั้งหลายมาอ่านแล้วคงแบบว่า สามีที่รัก เราไปฉีดพร้อมกันเลยละกันนะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ต่อไป มาพูดถึงเรื่องแป๊ปเสมียร์กันบ้าง แบบว่าลืมพูดถึงไปเลย การตรวจภายใน และการตรวจแป๊ปเสมียร์ (Pap Smear) เป็นวิธีการตรวจหา มะเร็งปากมดลูกระยะก่อนลุกลามที่ดีที่สุดซึ่ง ทำได้ง่าย ไม่มีข้อห้าม ไม่เจ็บปวด ... (อันนี้ต้องถามผู้เคยผ่านมาแล้วว่าเจ็บไหม แต่ที่เคยได้ยินมาจริงๆ มันไม่เจ็บนะ) ไม่มีอันตรายและการตรวจด้วย วิธีนี้จะทำให้แพทย์สามารถวินิจฉัยภาวะความผิดปกติของ ปากมดลูกก่อนเกิด มะเร็งระยะลุกลาม ซึ่งจะทำให้รักษาได้ง่าย ผลการรักษาดีมากร้อยละ 80ของผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูก สามารถป้องกันได้ โดยการตรวจภายในและตรวจ แป๊ปเสมียร์อย่างน้อยปีละครั้งค่ะ แต่การตรวจแป๊ปเสมียร์ก็ยังป้องกัน ไม่ได้ไม่ 100% อยู่ดีนั่นแหละ จึงควรฉีดวัคซีนร่วมด้วย เพื่อให้ผลดียิ่งขึ้นยังไงล่ะ จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 16:28:29

ความคิดเห็นที่ 13 ส่วนเรื่องขั้นตอนของการตรวจ จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 16:29:03

ความคิดเห็นที่ 14 ป.ล. ตรวจแป๊ปเสมียร์ ต่างกับตรวจภายในนะคะ ตรวจภายใน หมอจะตรวจแค่ภายนอกเท่านั้นและจะไม่มีการขูดเซลล์ปากมดลูกไปตรวจ หากใครอยากตรวจหามะเร็งละก็ ต้องระบุนิดนึงอ่าคะว่า ตรวจแป๊ปเสมียร์จ้า แต่เดี๋ยวนี้โรงพยาบาลส่วนใหญ่ เค้าก็จะแนะนำอยู่แล้วอ่านะคะ เพราะว่า มันเหมือนเป็นการรณรงค์ ด้วยอ่าคะ สาวๆเสียชีวิตจากโรคนี้กันเยอะ และเป็นภัยเงียบมากกกกกก จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 16:30:07

ความคิดเห็นที่ 15 ส่วนเรื่อง การเตรียมตัวก่อนตรวจก็มีนะคะ เหมือนตรวจเลือดอ่าแหละ เราต้องเตรียม พร้อมก่อน 1.ไม่ควรมาตรวจในระหว่างมีประจำเดือน 2.งด เพศสัมพันธ์ งดใช้ยาเหน็บช่องคลอดอย่างน้อย 3 วันก่อนมาตรวจ 3.ไม่ สวนล้างช่องคลอดก่อนมาตรวจ ***ถ้ามา ตรวจภายใน พบการอักเสบบนปากมดลูก ต้องทำการรักษาก่อนแล้วจึงมาตรวจใหม่เมื่อรักษาการอักเสบดีขึ้นแล้ว*** จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 16:31:30

ความคิดเห็นที่ 16 แล้วใครต้องมาตรวจบ้างอ่ะ จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 16:31:59

ความคิดเห็นที่ 17 ล่าสุดไปเห็นมาว่า www.womenprotectwomen.com (เข้าไปอ่านเอาความรู้อ่า) ก็เพิ่งจะรู้ว่า อ้าว !!! จะมีคอนเสริต์ด้วยหรอเป็นการกุศลด้วยอ่า (แอบคิด ดีเหมือนกันแหะ) รู้สึกว่าจะมีเพียงแค่ 25 รางวัล อยากเป็นหนึ่งในคนที่โชคดี คนนั้น แต่ดวงไม่ค่อยจะมี แอบเส้า ถาม!!! มีใครไปเล่นกันแล้วบ้างอ่า เค้าไปเล่นมาแล้วนะฮ่าๆๆๆๆ เผื่อได้ไปดูคอนเสริต์ฟรีกะคนอื่นมั่ง กรั่กๆๆๆๆ ใครไม่ชอบของฟรี (รู้นะว่าไม่มีคนยกมือ ฮ่าๆๆ) ไม่มี ใครไม่ชอบหรอกใช่ม๊า ของฟรีอ่ะ หึหึหึ ขอบคุณข้อมูลจาก แหล่งอ้างอิง http://www.womenprotectwomen.com/ http://www.bangkokhealth.com http://www.bknowledge.org http://edunews.eduzones.com/futurecareer/13937 จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 16:35:09

ความคิดเห็นที่ 18 gift หมด .. แต่ โหวตให้ .. จากคุณ : หมอหมู เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 18:31:43

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณมากค่ะ สำหรับข้อมูล ^_^ รบกวนถามหน่อยค่ะ สงสัยว่า ถ้าคนไม่ได้แต่งงาน (ไม่มี พสพ) หรือคนที่แต่งงาน แล้วสามีไม่ไปเรี่ยราดที่ไหน ก็จะไม่เป็นโรคนี้ใช่หรือเปล่าคะ จากคุณ : BrowNie เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 18:45:17

ความคิดเห็นที่ 20 โหวตแล้ว และรบกวนหลังไมค์นิดนุงค่ะ จากคุณ : Gravy เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 18:46:09

ความคิดเห็นที่ 21 อ่านหัวข้อกระทู้แล้วตกใจหมด เห็นบอกว่าช่วยด้วย นึกว่าฉีดวัคซีนแล้วจะกลายเป็นซอมบี้รึเปล่าหว่า เราก็ไปฉีดมาแล้วด้วยสิ แต่ส่วนตัวเราว่าจริง ๆ วัคซีนก็ไม่จำเป็นเท่าไหร่ แถมมันแพงด้วย (ที่ไปฉีดเพราะเบิกได้ครึ่งนึง) หมอก็บอกว่าถึงฉีดแล้วก็ควรมาตรวจอย่างสม่ำเสมออยู่ดี แล้วเจ้ามะเร็งปากมดลูกนี่ กว่าเชื้อมันจะพัฒนากลายเป็นเซลล์มะเร็งก็ใช้เวลาหลายปี ดังนั้นถ้าเราตรวจอย่างสม่ำเสมออยู่แล้วยังไงถ้าติดเชื้อก็คงเจอก่อนและรักษาได้ทัน จากคุณ : ranmachan เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 20:18:03

ความคิดเห็นที่ 22   ขอบคุณสำหรับกระทู้ให้ความรู้นะคะ อ่านเข้าใจง่ายและนำเสนออย่างเป็นระบบดีจังเลยค่ะ ^^ จากคุณ : * เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 20:52:00 A:92.11.99.4 X: TicketID:152752

ความคิดเห็นที่ 23 ฉีดวัคซีนนี่ค่าใช้ประมาณเท่าไหร่คะ เค้าฉีดที่แขนใช่มั้ยคะ มีเพื่อนเข้าใจว่าฉีดตรงนั้นน่ะค่ะ จากคุณ : คุ้กกี้สีขาว เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 22:42:06

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณ จขกท. ค่ะ ข้อมูลมีประโยชน์มาก อยากทราบค่าใช้จ่ายเหมือนกันค่ะ ทราบมาว่าต้องฉีด 3 เข็ม ราคา (ปัจจุบัน) เข็มละเท่าไหร่กันเอ่ย เข้าใจว่ายิ่งเวลาผ่านไปก็จะยิ่งมีการพัฒนาวัคซีนให้ดียิ่งขึ้น + ค่าใช้จ่ายถูกลงใช่มั้ยคะ แล้วถ้าเราไม่มีความเสี่ยง (ไม่มีเพศสัมพันธ์) จะมีโอกาสได้รับเชื้อจากทางอื่นรึเปล่าคะ ถ้าไม่ จะได้รอจนกว่าจะแต่งงาน แต่ถ้าไม่ได้แต่งงาน และอายุถึง 35-40 ปี (ที่จะต้องตรวจ pap smear) จำเป็นต้องไปฉีดรึเปล่าคะ คือคิดว่าถ้าหลังจากนั้นแล้วโอกาสคงน้อยลง แหะๆ สงสัยอีกอย่างค่ะ ถ้าไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ และเยื่อพรหมจรรย์ยังไม่ขาด (สมมุตินะ) เวลาไปตรวจภายในหรือ pap smear ทำไงอ่ะคะ อย่าขำกันนะ หัวโบราณแต่อยากดูแลสุขภาพค่ะ จากคุณ : *~KingFisho~* เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 23:13:49

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณมากๆๆคะ จากคุณ : vintage เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 53 23:56:56

ความคิดเห็นที่ 26 มาตอบช้าไปไหม เกือบข้ามวัน แหะๆๆๆ เพิ่งเข้ามาอ่าคะ คุณหมอหมู ขอบคุณมากค่า ส้มว่ามีประโยชน์เนอะ ตัวเองหาอ่านเอง กลัวเอง เลยเตือนคนอื่นๆด้วยอ่าคะ คุณBrowNie Q : ถ้าคนไม่ได้แต่งงาน (ไม่มี พสพ) หรือคนที่ แต่งงาน แล้วสามีไม่ไปเรี่ยราดที่ไหน   ก็จะไม่เป็นโรคนี้ใช่หรือเปล่า คะ A : ไม่เสมอไปคะ อย่างแรกถ้าไม่ได้แต่งงานและไม่เคยมีประสบการณ์เลย เสี่ยงน้อยคะ    อาจไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีน แต่แนะนำให้ตรวจแป๊ปฯ คะถ้าอายุเริ่มเยอะแล้ว "เพราะจริงๆแล้ว เชื้อ HPV ผู้หญิงเราทุกคนมีกันอยู่แล้วในตัวคะ เพียงแต่ว่าจะมีสิ่งไปกระตุ้น ให้มัน ปะทุ ออกมาเป็นมะเร็งหรือป่าวเท่านั้นคะ" ส่วนถ้ามีสามีแล้ว แต่มั่นใจว่า สามีไม่แน่นอน ส้มเองก็ยังยืนยังคะว่าให้ไปตรวจ ตามเหตุผลเดิมคะ อะไรก็ไม่แน่ไม่นอนจริงๆคะ ชีวิตนี้ เรื่องฉีดวัคซีน อาจลองปรึกษาหมอก่อนได้คะ แต่ส่วนตัวแนะนำให้ตรวจก่อนก็ได้คะ คุณGravy ขอบคุณมากค่า เดี๋ยวส้มไปทางหลังไมค์นะคะ คุณ ranmachan โอ้วว คุณranmachan โชคดีจังคะ ที่ทำงานออกให้ครึ่งนึงเหมือนแม่ส้มเลยอ่ะ ส้มอ่ะ อยากฉีด เก็บเงินอยู่เนี่ย แพงไหม นิดนึงอ่าคะ แต่ส้มว่าคุ้มนะ สำหรับตัวเองราคานี้ กับเวลาที่ วัคซีนจะสามารถป้องกันเราได้ อีก 7 ปี ไงส้มคงมีสามีอยู่ละ เราก็ไม่รู้ว่าคุณสามี ในอนาคตนั้น เคยผ่านมากี่หญิง คงต้องป้องกันตัวเองก่อนอ่าคะ ^^ คุณ * ขอบคุณค่า คุณ คุ้กกี้สีขาว วัคซีนราคาอยู่ที่ประมาณ 5600 - 6000 บาทคะ ฉีด 3 เข็ม เรื่องระยะเวลาความห่าง ในการฉีด  ไม่แน่ใจมากคะ ลองคุยกะนางพยาบาล หรือคุณหมออีกทีชัวร์กว่าคะ ป.ล. ฉีดวัคซีนที่แขนจ้า มิช่ายตรงนั้นน่า อายยย อิอิ คุณ*~KingFisho~* เรื่องค่าใช้จ่ายก็ ราคาเหมือนข้างต้นเลยคะ แต่ว่ามันจะมีบางที ที่โรงพยาบาลมีโปรโมชั่น (เหมือนค่าโทรศัพท์เลยแหะ ฮ่าๆๆ) ลดค่าใช้จ่ายเรื่องวัคซีนลงคะ ตรงนี้ส้มเองก็ไม่รู้นะว่าโรงพยาบาลไหนบ้าง แต่เคยได้ยินมา ประมาณนี้ ตอนนั้นเค้าบอกเราก็ไม่จำ >*< ส่วนเรื่องว่าวัคซีนดีขึ้น ค่าใช้จ่ายถูกลง ส้มว่าไม่น่าน๊าา แต่ด้วยการรณรงค์ และเห็นความสำคัญ มันอาจทำให้มีการลดลง แจก แถม ไรทำนองนั้นมากกว่าคะ ส่วนเรื่องเราไม่เค๊ย ไม่เคย... เลยจนแต่งงาน เสี่ยงไหม จากตัวเราอ่ะไม่คะ แต่จากคุณสามีในอนาคต เราไม่รู้อดีตเขาไงคะ ประเด็น เป็นส้มฉีดดีกว่า และถ้าอายุ 35 - 40 ปีละ ตรวจแป๊ปฯ แต่จำเป็นไหม ลองถามคุณหมอที่ตรวจดูอีกทีดีกว่าคะว่า ลักษณะแบบเราเสี่ยงมากไหม ควรหรือไม่ควรฉีด เพราะหมอเค้าตรวจ เค้าน่าจะรู้อาการและ แนะนำเรา ตอนนั้นได้ดีกว่าคะ เรื่องเยื่อพรหมจรรย์ สัมถามหมอมาเหมือนกัน เค้าว่าไม่เกี่ยวกันคะ ฮ่าๆๆๆๆ แต่ ถ้าเคยเล่นกีฬา แบบพวกตีแบต เล่นบาส หรือ ขี่จักรยาน ตอนมี ปจด. ละก็ หมอบอกว่า มันไปหมดแล้วหนู เอิ๊กๆๆ คุณ vintage ขอบคุณที่แวะมาจ้า ขอบคุณที่แวะมาอ่านคร๊าา มีกำลังหา ข้อมูลเพิ่มต่อ หาเอง อ่านเอง แล้ว เราก็หลอน กลัวมะเร็งเอง ฮ่าๆๆๆ จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 53 00:02:03

ความคิดเห็นที่ 27   เพิ่มเติมครับ เกี่ยวกับวัคซีนกับโรคมะเร็ง http://www.chulacancer.net/newpage/question/cervical-cancer-vaccine.html http://www.chulacancer.net/newpage/question/cancer-vaccine.html จากคุณ : wisut (wisutiyano) เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 53 08:03:19

ความคิดเห็นที่ 28 โหวดให้ค่ะ สำหรับนกเองก็ไปตรวจมาเมื่อพ.ค.ที่ผ่านมานี้เอง เพราะไปพบคุณหมอเพื่อปรึกษาเรื่องมีบุตรยาก แต่คุณหมอแนะนำให้ตรวจมะเร็งปากมดลูกไปด้วยจะดีกว่า ผลออกมา "ฟลุ๊ค" ค่ะ พบเซลล์ผิดปรกติหลังจากที่ส่่งห้องแล็บแล้วมันคือ เชื้อ HPV และในที่สุดต้องทำการตัดออกไปเพราะตรวจแบบคัดกรองมันเป็นมะเร็งขั้นเริ่มต้นจริงๆ แต่คุณหมอให้พยายามมีน้องก่อนแล้วก็ไปฉีดวัคซีนป้องกัน ซึ่งมันอาจจะไม่ป้องกัน 100% เนื่องจากมีเคยมีเชื้อมาแล้ว แต่อย่างน้อยเราก็ได้ป้องกันไว้ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ ตอนนี้ก็พยายามป้องกันและดูแลตัวเองให้ดีที่สุดค่ะ ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ อีกครั้งค่ะ จากคุณ : nokojang เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 53 11:22:05

ความคิดเห็นที่ 29 ความจริงอีกข้อคือ ฉีดไปแล้วใช่ว่าภูมิคุ้มกันจะขึ้นทุกคน แถม % การขึ้นของภูมิก็ไม่ได้มีผลการวิจัยบอกไว้ด้วยเนื่องจากมันตรวจไม่ได้ว่าคนที่ฉีดไปแล้วมีภูมิคุ้มกันหรือไม่ ระวังนะครับ บริษัทที่ขายวัคซีนบอกข้อมูลไม่หมดทุกด้านครับ ... แก้ไขเมื่อ 23 มิ.ย. 53 15:36:18 จากคุณ : Seven deadly sin เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 53 15:35:52

ความคิดเห็นที่ 30 สวัสดีค่า คุณ nokojang ขอบคุณที่โหวตให้ค่า ดีใจด้วยคะที่ไปตรวจเจอพอดี และสามารถรักษาได้ทัน อ่านแล้วก้มมองตัวเองทันที คุณ Sevendeadlysin ส้มว่า มันคงมีจุดบกพร่องในตัววัคซีน เป็นธรรมดาคะ ตรงนี้ส้มไม่ได้ มายด์นะว่า จะฉีดหรือไม่ แต่ที่ ส้มมายด์คือ .... อยากให้ ผู้หญิงรวมถึงผู้ชาย ได้ตระหนักถึงความน่ากลัว และบอกต่อ ถึงความพึงระวังคะว่า มันไม่ใช่เรื่องไกลตัว ส่วนเรื่องวัคซีน ถ้าใครได้ดู ตีสิบ คงจะได้เห็นว่า มีคนแพ้ ยาแก้อักเสบอะม๊อกซี ขนาดตาจะบอดได้เลยคนเราต่างกัน แต่มันยังดีกว่าไม่ทำไรเลย ปล่อยตัวเองไปตามยถากรรม นะคะ อยากให้มองในแง่ดีที่ว่า อย่างน้อย ส้มก็ยังใส่ใจ และอยากบอกต่อ แบ่งปันตรงนี้ ส่วนเรื่องลึกๆ ของวัคซีนที่ว่าด้วยเรื่องของข้อบกพร่องนั้น ส้มไม่มีส่วนที่ต้องไปศึกษาขนาดนั้นอ่ะคะ คนที่ต้องศึกษา คือบริษัทผู้ผลิต ซึ่งแน่นอนส้มว่า เขาคงไม่ต้องมาบอกอ่าคะว่า แต่ละคน ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนนั้น จะสร้างภูมิได้ไม่เท่ากัน แต่มันเป็นการรณรงค์มากกว่าที่ส้มมอง อย่างน้อย ก็ทำให้เรารู้สึกได้ว่า เราได้ทำอะไรแล้ว ได้พยายามเต็มที่แล้ว แต่ขอบคุณมากค่่า จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 53 22:23:21

ความคิดเห็นที่ 31 สวยด้วย ใจดีด้วย แบ่งปัน ข้อมูล อ่านง่าย เข้าใจได้ดี เป็นการ์ตูน เหมาะกับเด็ก ๆ สาว ๆ น่าจะไปโพสท์ ห้องแป็งด้วยนะคะ สาววัยรุ่น จะได้ตระหนัก ถึงความร้ายการของ "มะเร็งปากมดลูก" จากคุณ : missyka เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 53 23:15:11

ความคิดเห็นที่ 32 ของเรา คุณหมอนัดไปตรวจประจำปีแต่ไม่ได้ไปซักที แหะๆ แต่ที่จะไปตรวจไม่ใช่แบบแป๊บสเมียร์ที่เคยตรวจปีที่แล้ว เป็นอีกแบบที่ค่าใช้จ่ายสูงกว่า + แม่นยำกว่า (เห็นคุณหมอว่างั้นนะคะ) แต่จำไม่ได้แล้วค่ะว่าเรียกว่าอะไร ก็กะว่าเดือนหน้าจะไปตรวจซะที ^^ จากคุณ : Amecchi เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 53 11:47:56

ความคิดเห็นที่ 33 ข้อบ่งชี้ที่รับรู้จากคนชิดใกล้ คือ คุณสุภาพสตรีถ้ามีประจำเดือนมามาก หรือจำนวนวันหลาย ๆ วัน บางคนเป็นทั้งเดือน แต่มีมาไม่มาก มากะปริบกะปรอย อย่าชะล่าใจเด็ดขาด ควรหาหมอทันที อย่าคิดเอาเอง ว่า..เออฉันคงเข้าวัยทองบ้างล่ะ  จำไว้  อย่าคิดเอาเอง ..หาหมอเถิดนะคะ  เพราะปล่อยไว้ จนหมอบอกว่า เข้าระยะที่ 3  เฮ้อ.... จากคุณ : แม่เจ้าประคุณ เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 53 21:35:59

ความคิดเห็นที่ 34 ตามคุณ ส้ม  จขกท. ตั้งแต่ Review แต่งหน้าแล้วครับ ขอเสริมนิดนึงนะครับ จาก Comment  คุณ Seven deadly sin ถ้าอยากตรวจภูมิคุ้มกันจริง ๆ ก็ตรวจได้ครับ แต่ไม่ได้มี ชุดตรวจ ตามโรงพยาบาลทั่วไปนะ มีแต่เฉพาะตามโรงเรียนแพทย์ เท่านั้น !!! และข้อมูลทางการแพทย์ก็ยืนยันว่า การฉีดวัคซีนป้องกัน มะเร็งปากมดลูก แล้ว ภูมิขึ้นทุกราย ... จึงไม่มี คำแนะนำว่าคนที่ฉีดวัคซีนป้องกัน มะเร็งปากมดลูกแล้ว ต้องวัดภูมิคุ้มกัน หลังจากฉีดวัคซีน แต่วัคซีนบางตัว เช่นวัคซีนป้องกัน ไวรัสตับอักเสบ คุณหมอจะให้วัดระดับภูมิ . . .เนื่องจาก มีคนไข้ส่วนหนึ่งที่ไม่ตอบสนองต่อ ภูมิคุ้มกัน ทำให้มีข้อแนะนำว่า...ให้วัดภูมิหลังจากฉีดด้วย ในฐานะที่คนรอบตัวมีแต่คุณสาว สาว ทำให้ได้รับรู้ ข่าวสารอีกว่า  . . . ตอนนี้หลาย ๆ ประเทศอนุมัติให้ฉีดวัคซีนชนิดนี้ในเด็กฟรี เพราะสามารถป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้มาก ถึง 70-80% จากคุณ : น้องหนูเกิดมาเหวี่ยง เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 53 23:19:04

ความคิดเห็นที่ 35   เราคิดว่าฉีดก็ต้องดีกว่าไม่ฉีดแน่นอน (ใช่มั๊ยคะ) ถึงจะป้องกันไม่ได้ 100% ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย ถึงจะตรวจแพปสเมียร์อยู่เป็นประจำ ก็น่าจะฉีดนะ ฉีดวัคซีนเป็นการป้องกัน(ป้องกันที่ต้นเหตุ) การตรวจแพปสเมียร์เป็นการตรวจเพื่อทำการรักษาต่อไปหากพบความผิดปกติ ก็น่าจะทำควบคู่กันไปค่ะ จากคุณ : ข้าวผัดปู เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 01:16:52 A:222.123.114.193 X: TicketID:258005

ความคิดเห็นที่ 36 เพื่อนหมอบอกว่าเด็กอายุ ๙ ขวบ ฉีดแล้วภูมิคุ้มกันดีที่สุด ในอเมริกาก็ให้ฉีดตั้งแต่ ๙ ขวบ ลูกสาวเราอายุครบ ๙ ขวบก็ฉลองวันเกิดด้วยเข็มฉีดยากันเลย  ตอนนี้เหลือเข็มสุดท้ายแล้ว รอเวลาอยู่ จากคุณ : sydney&sunny (sydney&sunny) เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 10:10:13

ความคิดเห็นที่ 37 เราฉีคมา 2 เข็มแล้วอะคะ ส่วนเข็มที่ 3เลยกำหนดมา 4 เดือนแล้วไม่ทราบว่าถ้าไปฉีคจะมีผลอะไรหรือปล่าวคะ จากคุณ : นางสาวหญิง (นางสาวหญิง) เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 53 22:20:53

ความคิดเห็นที่ 38 เราก็วางแผนฉีดวัคซีนนี้ตอนเรียนจบ จากคุณ : มหาโจรแห่งบ้านลี้ เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 53 09:55:37

ความคิดเห็นที่ 39 ที่โรงเรียนลูก ราคาวัคซีน 3 เข็ม 6500 บาท แต่ถ้าจะแยกจ่ายรายเข็ม เข็มละ 2300 บาทค่ะ จากคุณ : nakaoka เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 53 15:52:37

ความคิดเห็นที่ 40 การหมักหมมของขี้เปียกและการที่ไม่ทำความสะอาดให้ดี อาจทำให้เป็นแหล่งที่อยู่ของเชื้อโรคมากมาย และที่สำคัญคือ HPV ไวรัสครับ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกในเพศหญิงและมะเ ร็งองคชาติในเพศชาย ฉะนั้นจึงพบว่าผู้ชายที่ขลิบปลายอวัยวะเพศแล้วจะมีอัตราการเกิด โรคนี้ต่ำมาก ๆ เนื่องจากดูแลสุขอนามัยได้ดีขึ้นและข้อดีนี้ก็ยังเผื่อแผ่ไปถึง สุขภาพของผู้หญิงด้วย WASHINGTON (Reuters) ผลการศึกษาล่าสุด 3 ฉบับที่ถูกตีพิมพ์เมื่อวันพุธที่ผ่านมาได้เพิ่มหลักฐานยืนยันว่าการขลิบ สามารถป้องกันผู้ชายจากการเสียชีวิตด้วยโรค AIDS และการติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูก รายงานจากนิตยสารโรคติดเชื้อมีการพูดถึงเกี่ยวการขลิบทั้งในเด็กผู้ชายและในผู้ใหญ่ ว่าควรจะมีการขลิบเพื่อป้องกันสุขภาพของผู้ชายเอง และบางทียังสามารถส่งผลดีต่อคู่สมรสในอนาคตอีกด้วย DR. Bertran Auvert จากมหาวิทยาลัย Versailles ในประเทศฝรั่งเศส และทีมงานนักวิจัยในแอฟริกาใต้ ได้ทำการทดสอบในผู้ชายมากกว่า 1200 คนที่เข้ามาที่คลินิกของเขาในแอฟริกาใต้ เขาพบว่าประมาณน้อยกว่า 15 เปอร์เซ็นต์ของผู้ชายที่ขลิบแล้ว และ 22 เปอร์เซ็นต์ของคนที่ยังไม่ได้ขลิบมีการติดเชื้อ HPV virus ซึ่งเป็นสาเหตุหลักในการก่อให้เกิดโรคมะเร็งปากมดลูกและหูดที่อวัยวะเพศ ในรายงานกล่าวว่า “สิ่งนี้สามารถอธิบายได้ว่า ทำไมผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายที่ขลิบปลายอวัยวะเพศแล้วจะมีโอกาสเป็นมะเร็งปากมดลูกได้ต่ำกว่าคนที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายที่ไม่ได้ขลิบ “ จากงานวิจัยทางการแพทย์ล่าสุด ออก JAN 2010 นี่เอง พบว่า - สามารถลดอัตราการติดเชื้อ HIV ลงได้ 53 – 60 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้ทำการขริบ - สามารถลดการติดเชื้อ herpes simplex type2 (HSV-2) ซึ่งเป็นเชื้อที่ทำให้เกิดโรคซิฟิลิสลงได้ 28 – 34 เปอร์เซนต์เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้ขริบ - สามารถลดอัตราการติดเชื้อ HPV ซึ่งเป็นเชื้อที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งองคชาติได้ 32 – 35 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้ขริบ - สำหรับคู่นอนที่เป็นผู้หญิง ผู้ชายที่ทำการขริบแล้วสามารถลดอัตราการติดเชื้อ bacterial vaginosis ซึ่งเป็นสาเหตุของการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะของผู้หญิงลงได้ 48 เปอร์เซนต์เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้ขริบ ลดอัตราการเป็นมะเร็งองคชาติ ซึ่งข้อนี้เป็นที่ยอมรับกันมานานแล้ว ว่ามะเร็งองคชาติพบได้น้อยมากในคนที่ทำการขริบ - ลดอัตราการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะในช่วงระหว่างขวบปีแรก ซึ่งการติดเชื้อในระหว่างนี้สามารถรุนแรงได้ถึงขั้นต้องมาพักรักษาในโรงพยาบาล โดยพบว่าเด็กผูชายที่ไม่ได้ทำการขริบ มีโอกาสติดเชื้อทางเดินปัสสาวะได้ 1 ต่อ 100 เมื่อเทียบกับเด็กที่ทำการขริบแล้ว จะพบอัตราการติดเชื้อนี้ได้เพียง 1 ต่อ 1000 - ป้องกันการอักเสบของหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศ - ป้องกันการตีบของหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศหรือที่เรียกว่า phimosis ซึ่งจะทำให้เกิดการเจ็บเวลาที่ทำการร่นหนังหุ้มปลายลงมาทำความสะอาด - ทำให้การดูแลสุขอนามัยของอวัยวะเพศทำได้ง่ายและสะดวกขึ้น แปลจาก Male Circumcision: New Information About Health Benefits Archives of Pediatrics & Adolescent Medicine. ; vol 164 no.1 January 2010 Vol. 164 หาขัอมูลเพิ่มเติม สมาคมกุมารแพทย์อเมริกา American Academy of Pediatrics http://www.aap.org/publiced/BR_Circumcision.htm ศุนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา Centers for Disease Control and Prevention, http://www.cdc.gov/hiv/resources/factsheets/circumcision.htm หลายคนยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าขลิบแล้วเป็นยังไง ผมเลยรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ เอาไว้เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์ในการหาข้อมูลนะครับ คิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่บ้างแหละ ลองเข้าไปชมดูนะครับ ที่ http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=thaicirc20&group=4 ปล.อาจมีภาพไม่เหมาะสมกับเยาวชนบ้าง แต่เจตนาเพื่อการศึกษานะครับ เรื่องเพศศึกษาหรือสุขอนามัยของอวัยวะส่วนสำคัญเมืองไทยเราไม่ค่อยมีคนพูดหรือสอน ปล่อยให้ไปหาความรู้กันเองแบบผิด ๆ แอบถามกันแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ คนตอบก็ถูกบ้าง ผิดบ้าง ตอนสอนครูก็สอนไปอายไป พยายามข้าม ๆ ให้จบ ๆ ผมเลยอยากจะทำเวบเกี่ยวกับเรื่องการดูแลอวัยวะส่วนสำคัญของผู้ชายครับ ไปดูแล้วช่วยกันเผยแพร่หน่อยนะครับ เพราะทุกวันนี้ผมอยู่รพ. มีคนไข้มากมายที่มาปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในพันทิพเองก็มีคำถามแบบนี้มาทุกวัน ทั้งที่จริง ๆ เป็นเรื่องที่ควรจะมีการสอนและปลูกฝังให้กับเยาวชนของพวกเราครับ จากคุณ : สาลิกาโบยบิน เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 53 16:09:10

ความคิดเห็นที่ 41 กำลังวางแผนจะไปฉีดค่ะ เคยสอบถามที่โรงพยาบาลเอกชน ที่หาดใหญ่ เค้าบอกว่าเข็มละสามพัน ต้องฉีดทั้งหมดสามเข็ม เลยถอยออก มาตั้งหลักก่อน ที่บ้านยังไม่ได้รับ ข้อมูลเรื่องวัคซีนตัวนี้เท่าไหร่เลย ทำให้หลายๆ คนในบ้านต่อต้านกัน ต้องอธิบายกันยาวค่ะ จากคุณ : pocha_t เขียนเมื่อ : วันต่อต้านยาเสพติดโลก 53 21:59:24

ความคิดเห็นที่ 42   เดี๋ยวนี้เค้าฉีดกันตั้งแต่เด็กเลยเนอะ เราต้องไปฉีดบ้างละ เวลามีตกขาวแล้วคันด้วย กลัวเป็นจังเลยอะ เอ่อที่บอกว่าผู้ชายก็ควรฉีดวัคซีนด้วย สงสัยต้องขอร้องแกมบังคับนะถึงจะยอมไปฉีด จากคุณ : มิ้นท์ เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 01:59:11 A:112.142.95.75 X: TicketID:260873

ความคิดเห็นที่ 43   @คุณ ranmachan ความเห็นที่ 21 นะครับ "ดังนั้นถ้าเราตรวจอย่างสม่ำเสมออยู่แล้วยังไงถ้าติดเชื้อก็คงเจอก่อนและรักษาได้ทัน"... การตรวจคัดกรองเป็นการดูรอยโรคครับ นั่นหมายถึงว่าถ้าผิดออกมาปกติก็แสดงว่ามีการติดเชื้อเอชพีวีมาแล้ว ซึ่งต้องรีบรักษาก่อนที่จะลุกลามไปเป็นมะเร็ง ลองนึกดูนะครับ ว่าถ้าคุณไปตรวจ แล้วหมอบอกว่าผลผิดปกติ แต่ต้องรอผลตรวจละเอียดอีกครั้งว่าอยู่ในขั้นไหน ต้องรักษาอย่างไร...ระหว่างที่คุณรอผลเนี่ย...จะกินไม่ได้ นอนไม่หลับไปกี่วัน..แล้วไหนการรักษาก็อาจต้องตัดบริเวณที่เซลล์ผิดปกติทิ้ง และต้องมาติดตามการรักษาทุกๆ เดือนอีก คง suffer สุดๆ สรุปว่า ดีที่สุดคืออย่าให้เชื้อเอชพีวีมันมาติดเราดีกว่า ซึ่งก็คือทำได้ด้วยการฉีดวัคซีนนั่นเอง เดี๋ยวนี้ราคาวัคซีนก็ไม่แพงแล้ว ถ้าป้องกันได้ก็ควรป้องกันนะครับ จากคุณ : LoveNation เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 20:32:41 A:125.24.211.132 X: TicketID:276203

ความคิดเห็นที่ 44   แก้ไขข้อความครับ @คุณ ranmachan ความเห็นที่ 21 นะครับ "ดังนั้นถ้าเราตรวจอย่างสม่ำเสมออยู่แล้วยังไงถ้าติดเชื้อก็คงเจอก่อนและรักษาได้ทัน"... การตรวจคัดกรองเป็นการดูรอยโรคครับ นั่นหมายถึงว่าถ้าผลออกมาผิดปกติก็แสดงว่ามีการติดเชื้อเอชพีวีมาแล้ว ซึ่งต้องรีบรักษาก่อนที่จะลุกลามไปเป็นมะเร็ง ลองนึกดูนะครับ ว่าถ้าคุณไปตรวจ แล้วหมอบอกว่าผลผิดปกติ แต่ต้องรอผลตรวจละเอียดอีกครั้งว่าอยู่ในขั้นไหน ต้องรักษาอย่างไร...ระหว่างที่คุณรอผลเนี่ย...จะกินไม่ได้ นอนไม่หลับไปกี่วัน..แล้วไหนการรักษาก็อาจต้องตัดบริเวณที่เซลล์ผิดปกติทิ้ง และต้องมาติดตามการรักษาทุกๆ เดือนอีก คง suffer สุดๆ สรุปว่า ดีที่สุดคืออย่าให้เชื้อเอชพีวีมันมาติดเราดีกว่า ซึ่งก็คือทำได้ด้วยการฉีดวัคซีนนั่นเอง เดี๋ยวนี้ราคาวัคซีนก็ไม่แพงแล้ว ถ้าป้องกันได้ก็ควรป้องกันนะครับ จากคุณ : LoveNation เขียนเมื่อ : 27 มิ.ย. 53 20:34:59 A:125.24.211.132 X: TicketID:276203

ความคิดเห็นที่ 45   อ่านความเห็นที่ 44 ของคุณ LoveNation แล้วเห็นภาพเลยอ่ะ ประมาณว่าถ้ารอให้เป็นแล้วมาตรวจรักษามันคงยุ่งยากและลำบากสุดๆ ฉีดวัคซีนไว้ก่อนคงจะดีกว่า น่าจะฉีดตั้งนานแล้วนะเรา แต่เพิ่งมารู้ข้อมูลนี่นา ไม่เคยคิดเลยว่ามะเร็งปากมดลูกติดกันได้ง่ายแบบนี้ ตอนนี้กลัวมาก หลอนมาก T_T ปล. ขอคำแนะนำเรื่องวัคซีนด้วยค่ะ ใครฉีดแล้วแนะนำด้วยน้า ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ จากคุณ : มิ้นท์ เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 53 01:36:25 A:222.123.241.247 X: TicketID:260873