ความคิดเห็นที่ 1 เศร้าจังค่ะ แต่ว่ามันเป็นเรื่องที่กระทบกับคนในครอบครัวด้วยไม่ถนัดเลยค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้ผ่านไปด้วยดีแล้วกันนะคะ ส่วนคำแนะนำรอความเห็นต่อไปค่ะ จากคุณ : oldword เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 14:27:39

ความคิดเห็นที่ 2   คบ 10 ปี จะแต่งงานทะเลาะกันยังกับจะเลิก ไม่ง้อ ทะแม่มๆแฮะ เค้าเคยเป็นแบบนี้มาก่อนรึป่าว จากคุณ : ... เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 14:46:48 A:118.173.97.75 X: TicketID:266743

ความคิดเห็นที่ 3 ถามตัวเองดูว่า “คุณอยู่ได้มั้ยถ้าไม่มีเค้าอยู่ข้างๆ” ถ้าคำตอบคืออยู่ได้ไม่มีปัญหา เราแนะนำให้ยกเลิกงานแต่งค่ะ อาจจะดูเสียหน้า แต่ชีวิตหลังแต่งล่ะคะ คุณแน่ใจเหรอว่าคุณจะมีความสุขได้จริงๆ คือถ้าแต่งแล้วไปอยู่ข้างนอกสองคน และแฟนคุณเค้าแคร์คุณและทำเพื่อคุณได้มากกว่านี้ เราจะแนะนำให้คุณแต่ง แต่นี่ดูเค้าไม่แคร์คุณเลย พูดโดยไม่นึกถึงน้ำใจคุณเลย จะไปอยู่ไหนก็ไป นี่เหรอคะที่คนกำลังจะแต่งงานกันเค้าพูดกัน สิ่งที่ยากและเหนื่อยที่สุดสำหรับคนจะใช้ชีวิตร่วมกัน คือ การต้องต่อสู้กับครอบครัวของอีกฝ่ายค่ะ เพราะเราไม่สามารถทำอะไรได้เลย นอกจากยอมรับมัน คุณรู้มั้ยคะว่ามันมีความสุขแค่ไหน ถ้าเวลามีปัญหาอะไรแล้วคนรักของเราเค้ากุมมือเราแล้วบอกเราว่า “อย่าคิดมากนะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเค้าก็อยู่ข้างๆเรา เดินไปพร้อมเรา สู้ไปพร้อมเรา และพร้อมจะดูแลและปกป้องเรา” คนรักกันนะคะ ต่อให้เจออุปสรรคมากน้อยแค่ไหน ถ้าคนรักอยู่ข้างๆเรา แค่นี้ก็มีกำลังใจจะสู้ต่อแล้วล่ะค่ะ ป.ล. นี่คือความเห็นส่วนตัวของเรานะคะ คุณไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย แต่อยากบอกว่า ทำในสิ่งที่ตัวเองมีความสุขค่ะ ถ้าความสุขของคุณคือการมีเค้าก็มองผ่านเรื่องนี้ไป แต่ถ้าไม่ใช่คิดดีๆอีกสักครั้งก็ได้ค่ะ สู้ๆนะคะ จากคุณ : KS_SK เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 14:47:05

ความคิดเห็นที่ 4 เราไม่มีประสบการณ์ด้านนี้ง่ะ แต่อ่านแล้วอยากให้กำลังใจ และอยากให้มองมุมกลับบ้างว่า บางที อาจจะมีบางเรื่องที่แฟนคุณแบกรับมันมากกว่าทีคุณคิดรึเปล่าคะ เช่น ทางบ้านว่าอะไรคุณ หรือ บังคับ หรือ จะบังคับทำให้คุณลำบากใจ แต่เค้าก็แบกรับ และรับความกดดันนั้นแทน โดยที่ไม่บอกคุณในบางเรื่องที่กลัวคุณไม่สบายใจ ทีนี้พอเจอคำพูดคุณทำนองตัดพ้อ ทำให้เค้า สติแตกน่ะค่ะ เลยเผลอพูดอะไรแบบนั้นออกไป บางทีสิ่งที่เค้าเจออาจจะมากกว่าที่คุณรับรู้ก็ได้ค่ะ จากคุณ : หนูนากระป๋อง เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 14:53:12

ความคิดเห็นที่ 5   คคห. ของผม คุณคงจะทำไม่ได้แน่นอน แต่ก็ต้องเข้าใจ..นะ เพราะมันก็เป็นความเห็นส่วนตัวอย่างหนึ่ง รูปการแบบนี้ ยังไม่ทันแต่งซะแล้ว กับเรื่องแค่เล็กน้อยมากๆ ก็ดันกลายเป็นปัญหาใหญ่โต  และสิ่งที่ทางครอบครัวแฟนไม่ชอบคุณนั้น (ตรงนี้) ผมก็ไม่ทราบว่า ไม่ชอบอะไรในตัวคุณไปบ้าง แต่..ถ้าแฟนคุณแบ่งแยกไม่ได้ ว่านี้จะต้องเป็นเมียในอนาคต แล้วมาพูดจาแบบหักห่ามน้ำใจแบบนี้ ถ้าคุณยังทนต่อไป คุณก็ยังเป็นเบี้ยล่างไปอีกตลอดชีวิต "เลิก" ไปเลยดีกว่าครับ งานแต่งที่เตรียมไว้ ก็ช่างมัน ความคิดของผม ผมมองในวันหลังจากที่แต่งกันดีกว่า ถ้าเรื่องแค่เบาะนอน เตียงนอน แล้วคุณไปคุยกับแฟน แล้วแฟนพูดทำนองว่า อยู่ไม่ได้ ก็ไม่ต้องอยู่ ไปอยู่ที่อื่นซะ ผมว่า คุณจะต้องเจอเรื่องอื่นๆ ตามมาอีกเยอะแน่นอน หากคุณแต่งงาน แต่คุณคงรัก เป็นใครๆ คงคิดที่จะเลิกกลางคันแบบนี้ มันยากมากๆ แต่ก็ให้คุณเรียนรู้ไง ว่าถ้าคุณคิดรัก และแต่งงาน คุณต้องยอมรับสภาพที่แย่ๆ อีกเพียบแน่ๆ ขึ้นอยู่ที่ว่า แต่งไปแล้ว คุณจะมีแรงอดทนได้แค่ไหน ซึ่งตรงนี้จะไม่พูดถึงว่า คุณมีนิสัยอย่างไรมาก่อน แต่จะบอกในทำนองหลังจากแต่งกันไปแล้ว เพราะดูจากที่คุณเล่า แฟนคุณก็คงเอื้อมละอาคุณเยอะเหมือนกัน ไม่งั้นเค้าก็คงไม่พูดแบบขับใสไล่ส่งคุณหรอกครับ ถ้าคุณเป็นญาตผมนะ ผมจะขอให้คุณเลิก ให้ได้ ด้วยซ้ำ คนเรา คิดจะมีเมีย มันก็น่าจะแบ่งแยกความรู้สึกกับทางครอบครัวเค้า ให้ไดซิ !  คุณจะนิสัยอย่างไรมาก่อนนั้น แฟนคุณควรยอมรับ ไม่ใช่วันๆ จะมาพูดจาแบบคนไร้ความคิด แต่ง แล้วมาทนกันอีก หรือเลิก แล้วสบายใจ มันมีอยู่ 2 ทางเลือกเท่านั้น วิธีแก้ไข ที่จะทำให้แฟน และครอบครัวแฟนกลับมาเป็นปรกติๆ ผมว่า น่าจะหมดหนทาง เพราะนี้ขนาดอีก 2 เดือน จะแต่ง มันก็มีเรื่องเล็กๆ แบบนี้ กลายเป็นเรื่องใหญ่ ลองคิดด้วยตัวเองครับ ดีที่สุด แต่คุณต้องยอมรับทุกอย่างให้ได้ ไม่ว่าเลือกวิธีใด..ก็ตาม ปล. ระหว่างเขียน คคห. นี้ ก็ไม่ได้เห็น คคห. ของคุณ KS_SK เรื่องราว ของ คคห. มันก็เลยคล้ายๆ กัน แก้ไขเมื่อ 07 ก.ค. 53 14:58:20 จากคุณ : Greenapple1 เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 14:54:23

ความคิดเห็นที่ 6 ถึงขนาดตะโกนด่าไล่กันแบบนี้จะอยู่ไปทำไมครับ พี่สาวผมกับแฟนก็คบกันมา 10 กว่าปียังเลิกกันได้เลย หาใหม่ครับ จากคุณ : enishi เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 15:03:45

ความคิดเห็นที่ 7 เราว่าตอนนี้เขาเองก็ได้รับการกดดันและต่อว่ามาจากทางบ้านของเขาเองเหมือนกัน ตัวเขาซึ่งอยู่ในฐานะคนกลางก็คงทั้งอึดอัดและลำบากใจไม่แพ้กัน คนที่บ้านก็จะเอาอย่างนี้ คุณก็จะเอาอย่างนั้น เห็นใจใครก็โดนหาว่าเข้าข้างอีกฝ่ายอีก หาคำว่า "ตรงกลาง และความพอดี" ไม่เจอเลย ทางที่ดีหากคุณรักและเห็นใจแฟน และต้องการชนะใจทางบ้านแฟนก็ตาม ๆ ใจเขาไปสักหน่อยเถอะ แต่สิ่งสำคัญคือต้องหาต้นเหตุที่สำคัญให้เจอว่าทำไมคนที่บ้านแฟนคุณถึงไม่ชอบหน้าคุณ อาจถึงเวลาแล้วที่จะต้องพูดคุยเอาความจริง ดีกว่าที่จะหาทางชนะใจคนที่บ้านแฟน ตามความคิดตัวเองแบบสะเปสะปะ หาต้นเหตุให้เจอและแก้ไขให้ตรงจุดดีกว่าค่ะ คุณมีเวลาเหลืออีกไม่นานแล้วที่จะต้องแต่งเข้าไปอยู่บ้านเขา แก้ไขเมื่อ 07 ก.ค. 53 15:11:34 จากคุณ : No More No Mood!!! เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 15:10:42

ความคิดเห็นที่ 8 เป็นเราไม่แต่งค่ะ ยอมเสียเวลา 10 ปีไป แต่ไม่อยากทนไปอีกหลาย 10 ปี ไม่รู้ว่าเค้ามีข้อดีมากกว่านี้รึเปล่านะคะ แต่เราตอบตามเนื้อหาในกระทู้น่ะค่ะ จากคุณ : ชามะนาวเย็น ๆ เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 15:12:39

ความคิดเห็นที่ 9 อันนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิต จขกท. เลยทีเดียว แม้จะผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะ แต่วิถีชีวิตของ"แฟน" กับ "สามี-ภรรยา" แตกต่างกันพอสมควร บอกคนบอกว่าความรักคือการปิดตาข้างนึง แต่ผมว่า เราเลือกได้ครับ ว่าจะปิดตาข้างนึง หรือเปิดตาดวงที่สาม มองไปข้างหน้า มองย้อนกลับไปในเรื่องราวที่ผ่านมา และมองปัจจุบันด้วยความเป็นจริง พิจารณาเพื่อความสุขของตัวเอง และผู้ที่เกี่ยวข้อง แนะนำอะไรไม่ได้เลย ขอเป็นกำลังใจให้ จขกท. ผ่านพ้นเรื่องราวลำบากใจนี้ไปได้อย่างมีความสุขนะครับ จากคุณ : อยากลองเป็นสับปะรดดูสักที เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 15:32:56

ความคิดเห็นที่ 10 ใจเย็นๆ ค่อยๆ ก่อนดีมั๊ยคะ รู้สึกตอนนี้เหมือนว่า ต่างคนต่างร้อน ร้อนกับร้อนมาเจอกัน มันก็พังอ่ะดิ่ ตอนนี้เฉยๆ กันไปสักพักนึงก่อน ยังไม่ต้องไปเอาความชัดเจนเรื่องอะไรทั้งนั้น ยังพอมีเวลาสำหรับคิดเรื่องอื่นๆ เกี่ยวกับการแต่งงาน ส่วนเรื่องการแต่งงานน่ะ ถ้าไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนใจฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง คิดว่า ไม่มีปัญหาหรอกค่ะ สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือ คุณต้องเป็นฝ่ายเย็นกว่าเขา ไม่ใช่ว่าจะให้งอนง้อเรื่องการแต่งงานหรอกนะ ถ้าเขามีคนอื่น คุณก็เลิกกับเขาไปเลยค่ะ แต่นี่เรายังไม่รู้ปัญหาจริงๆ คืออะไรเลย กับเรื่องที่ดูเหมือนจะเคลียร์กันได้ก็ยังเป็นเรื่องซะขนาดนี้ ตั้งสติ ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ทำนะคะ จากคุณ : ช้อนชา เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 15:38:28

ความคิดเห็นที่ 11 แฟนก็คงกดดันจากที่บ้านมาหน่ะค่ะ แต่เค้าและคุณสู้ด้วยกันมาแล้ว จนกระทั้งจะแต่งกันแล้วนิ่ เค้าเปลี่ยนใจหรอ?? เพราะถ้าเค้าไม่สู้ แล้วคุณจะสู้กับใคร กลับไปเคลียร์กับเค้าเถอะค่ะ ว่าจะเอายังไง ถ้าไม่อยากแต่ง ให้มันจบแต่ตอนนี้ ดีกว่าแต่งไปไม่กี่วันแล้วเลิกกันน่ะ อืม จริงๆแล้ว ถ้าแต่งแล้ว น่าจะหาวิธี ไม่ต้องไปอยู่กะครอบครัวเค้าหรอก เค้าไม่ชอบ จขกท ขนาดน้น มีหวัง ถ้า จขกท ไม่อกแตกตาย ก็คงตีกันบ้านแตกแน่เลย!! เป็นกำลังใจน่ะค่ะ จากคุณ : ip~ (Glot^Gofe) เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 15:38:34

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณทุกคำตอบมากๆค่ะ ยังรอคำชี้แนะต่อไปนะคะ ตอบคคห.7 ค่ะ ที่บานเขาไม่ชอบหน้าเรา เพราะเราอายุมากกว่าแฟนเขา ทางบ้านเขาถือค่ะ ไอ้ที่จะกลับไปเกิดใหม่เพื่อให้บ้านเขาชอบเราก็คงไม่ได้ เลยไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไง ประจบก็แล้ว อะไรก็แล้ว คุณม้าแฟนก็ยังใช้หางตามองเราอยู่วันยังค่ำ จากคุณ : cheer up เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 15:40:15

ความคิดเห็นที่ 13 คิดว่า...แฟนคุณก็เครียดเหมือนกัน และจงคิดเอาไว้เสมอ..ว่าคุณจะอยู่แค่ชั่วคราว ^^ แฟนคุณ..เขาเหมือนเป็นหนังหน้าไฟ..จะไปทางไหนมากก็ไม่ได้มากกว่า แต่บังเอิญ..คุณเป็นแฟน  แฟนที่คบกันมานาน  บางทีก็ถูกมองเป็นที่ระบาย ว่าที่ภรรยาอีกตะหาก   เหมือนลงงเรือลำเดียวกัน แฟนคุณคงเครียดมากๆเลยปล่อยมันเลย  ไม่เอาไรสักอย่าง คุณไม่ได้ผิด..ที่คิดว่า  แค่เตียง แค่ที่นอนยังเข้ามากะเกณฑ์  แต่อาจพลาดไปนิด ที่ไม่ได้วัดไซส์ก่อนไปซื้อเลยทำให้เกิดปัญหาขึ้น แต่ในมุมของพ่อแม่แฟน  ก็อาจคิดว่าเตียงมันมีอยู่แล้ว  ก็ให้ใช้ของที่มีอยู่ โดยคิดช่วยแก้ปัญหาเรื่องฟูกให้ได้.. จะเข้าไปอยู่บ้านเขา  ก็อย่าไปเปลี่ยนแปลงอะไรที่บ้านเขาเลย  ยกเว้นเขาจะออกปากกันเอง แฟนคุณโดนคุณพ่อว่ามา  ก็คงรู้สึกแย่ๆ..  คุณกับแฟนคุณน่าจะอยู่ในสถานการณ์เดียวกันนะ คุณก็ช่วยแฟนคุณแบ่งเบาความรู้สึกแย่ๆ  แล้วหาทางออกดีกว่าไปซ้ำเติมในสิ่งที่เขาก็แก้ปัญหาไม่ได้ พูดไม่ออกในเวลานี้ เขาเองคงใจเสียและเสียหน้าเหมือนกันในฐานะเจ้าบ้านนะ..ในสิ่งที่เขาพูดกับคุณ เขาเองก็คงเสียใจไม่น้อยเหมือนกันนะคะ ลดทิฐิ  แล้วก็ขอโทษกันซะเถอะค่ะ  ไม่ต้องคิดว่าใครเริ่มก่อน แต่มันควรจะเป็น  คุณสองคนจะประคับประคองกันไปยังไง..หันกลับไปมอง 10 ปีที่ผ่านมาก็ได้ค่ะ ถ้าคุณคิดได้ว่าแค่เรื่องฟูก นั่นสิเนาะแค่เรื่องฟูกเอง ยังเคืองกันขนาดนี้ แล้วถ้าเรื่องอื่นๆล่ะ..ขืนเก็บมาคิดหมดคงแย่แน่ๆ  อะไรวางได้ก็วางเถอะค่ะ เจ้าสาว..  เครียดแล้วจะไม่สวยนะคะ จากคุณ : พิพิม เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 15:42:58

ความคิดเห็นที่ 14 โห เป็นเราก็คงอึ้งน่ะ (อาจกระโดดถีบขาคู่ แถมฟันศอกอีก2ที) ดีแล้วที่ลายออกตั้งแต่ตอนนี้ ดีแล้วที่คุณยังไม่ได้แต่งงานกับเขานะ - -" เป็นเรา เราไม่แต่งนะ แล้วจะหาใหม่ให้ดีกว่านี้100เท่า1000เท่าเลยล่ะ เขามีข้อดีอย่างอื่นหรือเปล่า เราไม่รู้ เราตอบตามเนื้อหาในกระทู้เหมือนกัน อยู่ที่จขกท.จะตัดสินใจแล้วล่ะค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ จากคุณ : บีเว่อร์แก้มป่อง เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 15:44:56

ความคิดเห็นที่ 15 เอาใจช่วยให้ผ่านปัญหานี้ไปให้ได้นะคะ นี่แค่เรื่องฟูกนะคะ ยังมีอีกหลายร้อยเรื่องที่จะตามมาภายหลัง ต้องอดทนและรักกันให้มากๆค่ะ คุณเลือกเค้าแล้ว เดินหน้ามาขนาดนี้แล้ว จะถอยหลังกลับไปทำไมคะ รอให้อารมณ์เย็นลง แล้วคุยกันใหม่ดีกว่า ขอให้เข้าใจกันเร็วๆ นะคะ จากคุณ : ขาหมูแก้มป่อง เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 15:57:54

ความคิดเห็นที่ 16 พึ่งมาเห็นคคห.12  ..  สาเหตุที่บ้านแฟนไม่ชอบคุณ ถ้าพูดภาษาการเมือง..เหมือนเป็นการต่อสู้เชิงสัญลักษณ์แฮะ ทัศนคติของทางบ้านเขาต่อ..อายุซึ่งเป็นสัญลักษณ์  แต่ไม่ใช่ตัวตนของคุณ เราคิดว่า 10 ปี กับสายตาและสติปัญญาในตัวแฟนของคุณ..คุณเชื่อเค้ามั้ยล่ะ? เราคิดว่าคุณก็ต้องมีดีอะไรบ้างแล่ะน่า  ไม่งั้นจะเอาชนะใจแฟนคุณมาได้ไง แต่งานนี้กับที่บ้านเค้า..ถ้าคุณตอบโต้ด้วยสัญลักษณ์...เราคิดว่าคุณไม่รอดหรอก คุณไม่ต้องทำไร...ไม่ต้องประจบ  เพราะของงี้มันดูกันออกว่าเฟค แค่เป็นตัวคุณ  จริงใจ  ใสซื่อ  ปรารถนาดี  และไม่มีอคติตอบ....  วันนึงญาติๆคงจะมองที่ตัวตนของคุณจริงๆบ้าง ถึงตอนนั้น  ..  อาม้าก็อาม้าเหอะ....ให้ท้าชน ตัว:ตัวเลยค่ะ   จากคุณ : พิพิม เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 16:16:49

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้าหากเป็นแค่ว่าเรื่องอายุมากกว่าผู้ชาย เอืม...ลำบากเหมือนกันเรื่องความเชื่อเนี่ย แต่เรื่องนี้แก้ไม่ยากค่ะ คนจีนไม่ชอบคนขี้ประจบค่ะ มักถูกมองว่าไม่จริงใจ วิธีการคือคุณต้องขยันขันแข็ง เอาการเอางาน งานบ้านอย่าให้ขาด ทำไปเรื่อย ๆ ค่ะ มันไม่เห็นผลภายในเดือนสองเดือนหรอก แม่เราเนี่ยทางฝ่ายอาม่าและบ้านพ่อเรา ก็ไม่ชอบค่ะ เพราะแม่เราจน จบแค่ป. 4 เป็นผู้หญิงมาจากบ้านนอกคอกนา เป็นช่างเย็บผ้ากระจอก ๆ แถมไฮไล้ท์เลยนะวันแต่งงานพ่อกะแม่เรา เป็นวันที่พ่อเราประสบอุบัติเหตุขณะเดินทางมาทำพิธีแต่งงานที่บ้านแม่เรา พ่อเราบาดเจ็บหนนักต้องผ่าตัดขา (ทุกวันนี้ยังเดินขาไม่เท่ากันเลย) และมีคนตาย จากการประสบอุบัติเหตุในครั้งนั้น การแต่งงานวันนั้นเป็นอันยกเลิกไป แต่แม่เรา ก็ได้แต่งเป็นเมียเข้าบ้านพ่อเราถูกต้องตามกฎหมายนะคะ แต่ถูกมองว่าเป็นตัวกาลกิณีไป หนักกว่าคุณอีกที่โดนมองแค่ว่าอายุเยอะกว่าผู้ชาย แต่แม่เราอดทนมาก ๆ ทำความดีชนะใจ ทั้งอากุ๊งอาม่าเรา เขาไม่ชอบขี้หน้าแม่เราตั้งแต่เรายังไม่เกิดจนเราโต ตอนเราเด็ก ๆ เราก็ไม่รู้เรื่องหรอก เวลาหน้าเทศกาลหน้างานอะไร แม่เราก็ตามไปช่วยงานไม่เคยขาดไม่มีเงินก็ช่วยเรื่องแรง ทำกับข้าวกับปลา ทำงานบ้าน ทำโน่นทำนี่ จนสุดท้ายก็ชนะใจญาติ ๆ ฝ่ายพ่อเราได้ รวมถึงอาม่าเรา จนวันที่แม่เราตาย เราถึงได้รับรู้ว่าแม่เป็นที่รักของญาติ ๆ ทุกคน แต่ละคนเดินทางมาจากจังหวัดไกล ๆ เพื่อมาร่วมงานศพแม่เรา ญาติฝ่ายพ่อเรา ถึงกับหลั่งน้ำตาต่อการจากไปของแม่เรา เชิญหลานซึ่งบวชเป็นพระจีนอยู่มาส่วนเป็นพิเศษ ให้กับแม่ สุดท้ายแม่ไม่ใช่เป็นตัวกาลกิณีของบ้านพ่ออีกต่อไป ไม่ใช่เป็นแค่เมียของพ่อ แต่เป็นคนในบ้านคนหนึ่ง ที่ใคร ๆ ก็เสียใจต่อการสูญเสียและการจากไปของแม่เรา แม้วันนั้นจะเป็นวันที่เราเสียใจที่สุด แต่เราก็ภาคภูมิใจในตัวแม่เรามากที่สุดเหมือนกัน สำหรับคุณ คุณบอกรายละเอียดเกี่ยวกับแฟนคุณไม่หมด มันไม่แฟร์กับเขาเลย ถ้าหากด้านอื่น ๆ ที่ผ่านมาเขาดีกับคุณ เขาต่อสู้กับคุณมาจนมีวันนี้ แล้วด้วยอารมณ์ชั่ววูบ หรืออะไรก็ตามแต่ที่เขาแสดงกับคุณ แล้วคุณมาตั้งกระทู้แบบนี้ มันทำให้คนที่ เขาไม่ได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของแฟนคุณ ไปต่อว่าแฟนคุณและบ้านแฟนคุณในทางที่ไม่ดี เราเชื่อว่าคุณเองก็ไม่อยากเลิกกับแฟนจึงเข้ามาตั้งกระทู้ถามคนในนี้ว่าทำอย่างไรดีใช่ไหมคะ เราเป็นกำลังใจให้คุณนะคะ อยากให้คุณหนักแน่นและผ่านอุปสรรค์นี้ไปให้ได้ เลิกกับคนนี้ไป แล้วมีอะไรเป็นตัวการันตีล่ะว่า คุณจะได้แฟนใหม่เลย แล้วแฟนใหม่ จะดีกว่าคนปัจจุบัน ไม่พอใจคบแล้วเลิก คบแล้วเลิก คนเราเลือกได้ขนาดนั้นเลยหรอ? แก้ไขเมื่อ 07 ก.ค. 53 16:39:06 จากคุณ : No More No Mood!!! เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 16:17:02

ความคิดเห็นที่ 18 พ่อแม่เขาไม่ชอบคุณ  แฟนคุณก็เด็กกว่าคุณปกป้องคุณไม่ได้อีก แถมดันมางอนใส่คุณ งานนี้เห็นที่ คุณต้องง้อแล้วล่ะ  แถมยังต้องยอมพ่อแม่แฟนอีก ยังไงพ่อแม่เขา ก็เป็นผู้ใหญ่กว่า ไม่ชอบว่าที่ลูกสะใภ้ยังไง ก็ยังยอมให้เข้าบ้าน ยังยอมให้อยู่บ้านเดียวกัน ก็ถือว่าเขายอมมาครึ่งหนึ่งแล้วนะ ถึงจะไม่อยากได้ ก็ยังรับเข้าบ้าน แล้วคุณจะเป็นตัวของตัวเองในบ้าน ท่าจะยาก ต้องเป็นไม้อ่อน ยอมแล้ว ยอมอีก ยังไงพ่อแม่เขา เขาย่อมเชื่อและฟังพ่อแม่มากกว่าแฟนอยู่แล้ว คุณเสียงแข็งไปก็แพ้ จะแต่งกันอยู่แล้ว อะไรยอมได้ ก็ยอมไปเถอะค่ะ อย่ามีปัญหากันเลย ถ้ายกเลิกแล้ว โอกาสจะกลับมาแต่งอีกทีคงยาก  ใช่ว่าพ่อแม่เขาจะยอม ให้แต่งง่ายๆ กว่าจะได้แต่ง รอกันมาเป็นสิบปีแล้ว บางที คุณอาจจะยังทำดีไม่พอให้เขารัก  แต่ไหนๆเราจะอยู่บ้านเขาแล้ว เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิวตาตามค่ะ อะไรที่พ่อแม่เขาว่าดี ก็ดีตามไปเถอะ ปัญหาจะได้จบๆ อย่าไปเรื่องมากเลย ไม่งั้นจะอยู่กันยากนะ จากคุณ : ..ฟ้าใส.. เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 16:49:19

ความคิดเห็นที่ 19 การแต่งงานมันไม่ใช่แค่เรื่องของคนสองคนหรอกค่ะ จากคุณ : KHIMM เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 17:15:12

ความคิดเห็นที่ 20 อยากจะบอกว่า ชีวิตคู่ต้องใช้สติและเหตุผลคุยกัน มากกว่าจะใช้อารมณ์เข้าหากันแล้วหาคนผิดคนถูก อะไรที่คิดว่าเป็นปัญหา ควรหาทางคุยกันซะ จากคุณ : ทะเลสวย น้ำใส เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 17:17:57

ความคิดเห็นที่ 21   อืมม.. จะโดนเขกหัวมั้ยคะ..ถ้าจะบอกว่า.. "แค่" เรื่องฟูกเอง... มองอย่างคนนอก..ไม่มีส่วนได้เสีย มองอย่างคนที่ไม่มีอารมณ์ร่วมเลย.. มันก็แค่เรื่องฟูกน่ะค่ะ.. เรื่องเล็กกระจิ๊บกระจ้อยร่อยที่สุด... จะมาทะเลาะเอาชนะคะคานกันจะเป็นจะตายทำไมกันคะ... ก็แค่ไปซื้อฟูกใหม่ที่พอดีพอดิบกับเตียงเดิมก็สิ้นเรื่องแล้ว อย่างมากก็เสียตังค์ไม่เท่าไร..ถือว่าซื้อความสบายใจ... ส่วนฟูกที่ซื้อมาแล้วก็เอาไปไว้ที่บ้านคุณก่อนกำหนดสักปีคงไม่เป็นไรมั้งคะ... เรื่องโกรธที่เค้าขึ้นเสียงและดูไม่เอาใจคุณเนี่ย.. เราว่า..มองกลับไปจากเรื่องราวที่คุณเล่ามา.. เราว่าเค้าเองก็รับความกดดันอยู่ไม่น้อย ทั้งที่ที่บ้านเค้าไม่ชอบคุณเลย.. แต่เค้าก็ยังอุตส่าห์ฝ่าฟันให้ได้แต่งงานกับคุณนะ.. คุณไม่รู้หรอกว่า..เค้าจะต้องอดทนและรับความกดดันขนาดไหน.. เราจะบอกให้ว่า..คุณยังโชคดี..บางบ้าน..บ้านเพื่อนเราเอง.. ไม่ต้อนรับว่าที่ลูกสะใภ้เลยนะคะ.. ขนาดที่แม่ยื่นคำขาดให้ลูกชายต้องเลิก หรือถ้าจะคบต่อก็เชิญ แต่ไม่มีงานแต่งเด็ดขาด... อันนั้นหนักกว่าเยอะ.. เราว่าเค้าเองก็เจอมาหนักน้า..กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้.. แทนที่คุณจะพยายามเข้าใจ..ช่วยเค้าลดปัญหา..แต่กลับเพิ่มความหนักใจให้เค้าซะอีก..กับแค่เรื่องฟูก... เป็นเรา..เราก็เครียดนะคะ... แนะนำให้หันหน้ามาคุยกันดีๆ อีกครั้งค่ะ... คุยแบบเจอหน้ากันนะคะ.. ไม่ต้องผ่านโทรศัพท์... คุยกันด้วยเหตุผล.. จะเรื่องฟูก หรือ เรื่องงานแต่ง ก็ต้องหันมาคุยกันดีๆ น่ะค่ะ.. ถอยหนึ่งก้าว เพื่อชนะทั้งกระดาน จากคุณ : เจ้าหญิงน้อยรสส้ม เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 17:21:43

ความคิดเห็นที่ 22   ลองปรึกษาพ่อกับแม่คุณดูสิคะ เชื่อว่าท่านคงไม่อยากให้แต่งชัวร์ จากคุณ : Handle Carefully เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 17:51:44

ความคิดเห็นที่ 23 ถ้าแนะนำให้ล้มงานแต่งซะ แล้วถอยกันคนละก้าว จากนั้นคณก็ค่อยๆทำใจที่จะไม่มเค้าในชีวิต แน่ใจว่าคุณแข็งแรงพอแล้ว กลับไปหาเค้าอีกครั้งบอกเค้าว่า "เลิกกันเถอะ อย่ามาเจอกันอีกเลย" คุณทำได้ป่ะครับ (ทำยากแน่ๆเนอะ) แต่ถ้าผมเป็นคุณผมจะทำแบบนั้น ถ้าแฟนผมไม่พร้อมจะอยูเคียงข้างอีกแล้ว การเข้าไปเป็นสมาชิกคนนึงในบ้านเค้าจะโดดเดี่ยวมากนะ จากคุณ : +ฟ้างามยามค่ำ+ เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 18:05:32

ความคิดเห็นที่ 24 น่าเห็นใจมาก ยังไม่แต่งก็ยังมีโอกาส ตัดสินใจเองครับ ชีวิตที่เหลือเป็นของคุณ จากคุณ : ชอบเลี้ยงปลา เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 18:19:08

ความคิดเห็นที่ 25 - -" ทำไมเราอ่านแล้วก็รู้สึกว่า หากมองที่ใจ แฟนคุณก็เครียดเหมือนคุณนี่แหละ... แต่เมื่อมองด้วยตา ก็บังเอิญที่ โต้ตอบระบายออกมาได้ห่วยไปหน่อย และก็บังเอิญที่การกระทำนี่มันสะกิดใจคุณ แทนที่จะช่วยๆ กันคิด...ดันไล่ อืมมม... คุณก็อย่าขยายปัญหาให้ใหญ่โตเลย เรื่องบางเรื่องมองไม่เป็นปัญหา มันก็ไม่เป็นปัญหา ห้องนอนพี่สาวไม่ต้องไปแตะสักส่วนเลยยังได้ ไม่ต้องซื้อฟูกใหม่ ทนนอนฟูกเก่าไป ปีเดียวเอง จากคุณ : ยิ้มเดียว เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 18:46:59

ความคิดเห็นที่ 26 รีบๆหันหน้าคุยเรื่องนี้กันซะ ถ้าเคลียร์ไม่ได้ ก็อย่าแต่งทั้งๆที่มีปัญหามันคาใจอยู่ จากคุณ : เป็นเรา ๆไม่แต่งนะ (สวยERROR) เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 18:47:02

ความคิดเห็นที่ 27   ต้องหันหน้าเหากันอย่าด่วน!!!!! จับเข่าคุยเลยเอาไงกันแน่ทั้ง2ฝ่าย แต่แถวบ้านเถ้าแก่ใหญ่เยาวราช เตรียมงานใหญ่โตอีก2วันแต่งแต่บ่าวสาว เป็นแบบเนี้ยะ สรุปยกเลิกค่ะจบ............................. จากคุณ : ลูกแม่พลอย เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 19:04:43 A:183.89.12.209 X: TicketID:276606

ความคิดเห็นที่ 28 ถ้าเป็นเราจะไม่ยอมแต่งงานกับผู้ชายคนนี้เด็ดขาด แม้งานจะเตรียมไปแล้วก็ตาม เสียหน้าเสียใจถูกคนด่าว่าตอนนี้ ดีกว่าไปเสียใจภายหลังแบบทำไรไม่ได้ ถึงตอนนั้นอาจเสียใจที่ตัดสินใจผิดมาแต่งกับคนผิดๆๆอ่ะ ไม่มีไรสายเกินแก้...ไปเหอะ..ผู้ชายมีอีกเยอะรออยู่ จากคุณ : เค็มจังตังค์อยู่ครบ เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 19:14:54

ความคิดเห็นที่ 29 อ่านจากที่ จขกท เล่า  เราก็ไม่รู้ว่า จขกท ไปงอแงหรือถึงขั้นวีนแฟนเลยรึเปล่า ถ้า  จขกท ออกอาการงอแง แล้ววีนใส่เค้า  เราว่าเค้าก็คงโมโหอ่ะค่ะ "ทำไมทั้งเราและเขาถึงไม่มีทางเลือกอะไรเลย ทำไมถึงไม่มีอิสระอะไรเลย ไม่รู้สึกว่ามีความสุขเลย" บ้านที่เค้าอยู่มาตลอดชีวิต พ่อแม่พี่้น้องที่อุ้มชูเลี้ยงเค้ามา  คอยประคองให้เค้าก้าวเดิน จขกท ดันมาบอก "ไม่รู้สึกว่ามีความสุข"  ก็เหมือนตำหนิที่บ้านเค้าอ่ะค่ะ  แล้วถ้ายิ่งออกน้ำเสียงงอแงนี่   แฟนคุณคงเคืองน่ะ ว่าแค่เรื่องฟูกอะไรนักหนา ย้ายแล้วซื้อใหม่ก็ได้  แค่นี้ยอมพ่อแม่เค้าหน่อยไม่ได้เหรอ เราว่าคนกลางก็คงรู้สึกกดดันไม่แพ้คุณหรอกนะคะ ที่บ้านเค้าไม่ชอบคุณ แสดงว่าเค้าคงต้องทำอะไรหลายๆอย่างกว่าจะได้แต่งงานกับคุณ กว่าที่บ้านจะยอมให้แต่งได้ ซึ่งเค้าอาจจะเจออะไรที่หนักมากว่าเรื่อง ฟูก  เค้าก็พยายามจนที่บ้านยอมมาได้ พอมาเจอเรื่องฟูก ที่มันไม่ลงตัว เค้าคงคิดว่าเรื่องมันเล็กน้อยก็เลยขอให้ จขกท ยอมๆหน่อย แต่ จขกท กลับตัดพ้อต่อว่า แต่ถ้า จขกท คิดว่า อยู่ไปแล้วไม่มีความสุขจริงๆ   ก็อย่าแต่งเลยค่ะ   แต่งไปแล้วปรับตัวเข้าหากันไม่ได้ จะยิ่งแย่กว่านี้นะคะ จากคุณ : เทมปุระ เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 19:37:34

ความคิดเห็นที่ 30 "ก็เลยถามเขาว่า เธอปกป้องอะไรเราได้ไหมล่ะ" คุณจะให้เขาปกป้องคุณ จากครอบครัวของเขา เหรออออ? จะเอาแต่ลูก ไม่เอาพ่อแม่เขา  อย่างงั้น ช่ายยยยป่ะ? ...อย่าไปแต่งเลยครับ... สรุปได้แค่นี้ จากคุณ : HI Golfer เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 20:03:02

ความคิดเห็นที่ 31 การจะปกป้องว่าที่เมีย ไม่ได้หมายความว่า ไม่เอาพ่อแม่ของตัวเองเลย แต่มันสามารถปกป้องได้   อย่างน้อยที่สุดก็ต้อง ไม่ซ้ำเติมกัน คำพูดน่ะ คำพูด ต่อให้กดดันครียด แค่ไหน ก่อนจะพูดอะไร ก็หัดมีความยั้งคิดซะบ้าง!! นี่อะไร ไล่ให้ไปอยู่ที่อื่น เออนะ!! แก้ไขเมื่อ 07 ก.ค. 53 20:19:59 จากคุณ : แพรเพลง เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 20:19:20

ความคิดเห็นที่ 32 ยังไม่ได้แต่งยังเครียดขนาดนี้ แต่งไปจะขนาดไหน ตำราแม่ผัว ลูกสะใภ้นี่ ทุกทีเลยเชียว เสียเวลามา 10 ปี แต่ทนไปตลอดชีวิต เลือกเอาอันไหนล่ะค่ะ - -'' จากคุณ : พี่เลี้ยงจำเป็น เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 21:22:56

ความคิดเห็นที่ 33 ชีวิตทั้งชีวิตนะคะ ตัดสินใจให้ดี เลือกที่จะอยู่ให้มีความสุขและพึ่งพาตัวเองให้ได้ค่ะ จากคุณ : พายองุ่น เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 21:47:15

ความคิดเห็นที่ 34 ผู้ชาย ดูไม่มี ความเป็นตัวของตัวเองเลยนะครับ ความรักเขาถูกกดดัน   จะว่าไปผมเป็นคุณ  ผมไม่อยู่บ้านนั้นเด็ดขาด เพราะอยู่แล้ว  วันนึงต้องเลิกกันแน่เผลอๆ ไม่ถึงปี  เสียทั้งเงิน  เสียทั้งเวลา เสียทั้งคำนำหน้านาง   เอางัยก็เอาครับ  ถ้าเขารักเราจริง  เขาต้องพิสูจน์  เขาต้องจัดการ วางแผน  ที่จะทำให้ทุกอย่างมันออกมาดี   ปัญหาทั้งหมดเกิดจากครอบครัวเขา  คุณไม่ได้สร้างปัญหา   ถ้าครอบครัวเขาไม่เป็นแบบนี้   คงมีความสุขกว่านี้ แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว   อยากให้คุณถตั้งคำถามดู   ว่าอยู่ๆ ไปคุณจะรับสภาพได้ไหม   ไม่ต้องถึงปีหรอกครับ  แค่เรื่องที่นอน  ยังจะเป็นจะตายกัน เรื่องใหญ่กว่านี้ ไม่ไล่กันออกจากบ้านจริงๆ หรือ ผมว่าได้เวลาที่เค้าต้องพิสูจน์แล้วละ  ไม่แต่งไม่ตาย แต่แต่งแล้วอยู่แบบคนตาย เดือนเดียวก็นานเกินไปด้วยซ้ำ ไม่ต้องรอให้ถึงปีหรอก    ไม่ได้ยุให้เลิกน่ะครับ แต่แฟนคุณควรแสดงการปกป้องคุณ   ถ้าเขาเครียดเกินไป นั่นแสดงว่าเขาอ่อนแอเกินไป  เอามาทำอะไรผู้ชายแบบนี้ จากคุณ : sega เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 22:30:16

ความคิดเห็นที่ 35 ลองใจเย็นก่อนดีมั้ยคะ แล้วกลับไปคุยกับเค้าอย่างมีสตินำ อย่าใช้อารมณ์พา ถ้าเค้ายังอารมณ์เสียใส่คุณอีก ถึงตอนนั้นค่อยตัดสินใจอีกที คนเรารักกัน ถ้ารักกันแล้ว ฟันฝ่ามาด้วยกันขนาดนี้ มันไม่ใช่ว่าเค้าต้องปกป้องเรา เอาใจเราตลอด ผู้หญิงมักจะชอบคิดเอาว่า ผู้ชายต้องเป็นฝ่ายปกป้องเราสิ คอยเอาอกเอาใจเราสิ ต้องยอมเราสิ จนทำให้ผู้หญิงคิดไปเองว่าเหนือกว่าผู้ชาย แล้วมักจะใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล ซึ่งเราว่ามันเป็นกันทุกคนแหล่ะ เพราะว่ามันเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว ในกรณีคุณนี่ เราก็ว่าคุณอาจจะงอแง และใช้อารมณ์ในการพูดกับเค้ามั้ง เค้าคงเจอแบบนี้มาบ่อยแล้ว ก็ 10 ปีแล้วนี่นะ มันก็นานอ่ะ แล้วอีกอย่าง เวลาเตรียมงานแต่ง มันเครียดนะ เราเห็นผู้ชายส่วนใหญ่ มักจะเครียดกันมาก เพื่อนที่ทำงานเราใครใกล้แต่งงานนี่ หน้ามุ่ยมากเลย บางคนต้องหยุดงานไปเป็นเดือน เหอะๆ ขนาดแฟนพี่สาวเรา ยังฆ่าตัวตายเลย ก็ไม่รู้ว่าเครียดอะไร ทั้งที่ก็ไม่มีอุปสรรคอะไร จะแต่งงานกันอยู่แล้วแท้ๆ ดันกินยาฆ่าตัวตายก่อน ทั้งที่ก็บอกว่ารักพี่สาวเรามาก เราก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันเป็นอาถรรพ์รึเปล่านะ แต่ยังไงคุณก็พยายามทำความเข้าใจแฟนคุณหน่อยแล้วกัน ที่อยากเตือนเพราะเราเคยเป็นผู้หญิงงี่เง่าเอาแต่ใจมาก่อน เลิกกับแฟนมาด้วยอารมณ์ล้วนๆ เหตุเพราะเค้าไม่ทำตามที่เราต้องการ ไม่เอาใจเรามากเหมือนเดิม ไม่โทรหาเราบ่อยเหมือนเดิม คิดว่าเลิกกันได้ง่ายๆ ก็แค่ผู้ชายคนเดียว แต่เอาเข้าจริง พอห่างกันออกมา เรารู้สึกว่าตัวเองแย่มาก ความสัมพันธ์ที่มันน่าจะดี เรากลับใช้แต่อารมณ์ ทำให้เค้ากลายเป็นแบบนั้น ทำให้ต้องเสียคนที่เรารักไป คิดถึงมากแค่ไหน เสียใจมากแค่ไหน แต่ก็เอาคืนไม่ได้แล้ว ต้องยอมรับชะตากรรมไป พอมีความรักครั้งใหม่ มันทำให้เรามีสติมากขึ้น ทำให้เราเสียสละมากขึ้น ใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ แฟนไม่ว่างก็คือไม่ว่าง อย่าไปเซ้าซี้ เค้าไม่โทรหาบ่อยๆก็ช่างเขา เราก็อยู่ได้ เค้าไม่เอาใจ ไม่โรแมนติกก็ไม่เป็นไร เราเข้าใจ ไม่ต้องเอานู่เอานี่มาประเคน เราหาเงินเองได้ ทุกวันนี้ เค้าก็บอกว่ารักเรามาก เพราะเราเข้าใจเค้าและดีกับเค้าที่สุด แค่นี้เราก็ดีใจแล้วแหล่ะค่ะ แค่รู้ว่าคนที่เรารัก เค้ารักเรา แค่นี้ก็พอแล้ว จากคุณ : kurapik เขียนเมื่อ : 7 ก.ค. 53 22:38:03

ความคิดเห็นที่ 36 ตั้งสติแล้วหาเวลาคุยแล้วเคลียกับเขาใหม่ ผมแนะคุณได้แค่นี้แหละ เพราะผมไม่ใช่คุณ เพราะฉนั้นจะทำอะไรคิดดูให้ดีก่อนนะ คำตอบมันอยู่ที่ตัวคุณ จากคุณ : kenmaker เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 01:42:45

ความคิดเห็นที่ 37 โห ทำไมมาดีแตกเอาตอนใกล้แต่งเนี่ย อุตส่าห์อดทนคบฝ่าฟันมาได้ตั้ง 10 ปี เจอไล่กันอย่างงี้ แถมยังมีการคุยก๊อกสองกันแล้วด้วยยังเคยอย่างงี้ เราว่าเป็นผู้ชายที่ไม่น่าเอามาพึ่งพาซะเลย   ถ้าจะบอกว่าเจอแรงกดดันมาก แต่ถ้าแต่งแล้วย้ายเข้าไปคงเจอหนักกว่านี้อีกเยอะ แล้วจะไหวเร้อ ขอตอบว่าถ้าเป็นเรา เลิกดีกว่า ท่าทางจะไม่รอด จากคุณ : GniN เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 01:52:11

ความคิดเห็นที่ 38 ไม่รู้เบื้องหลังเรื่องราวนัก แต่เท่าที่ฟังเป็นเรา เราไม่แต่ง เราเจอมาหมดแล้ว เราก็เคยตกลงกับอดีตสามีเหมือนกัน ว่าจะย้ายออกมา สุดท้ายก็หย่ากันค่ะ ขอเตือนว่าขนาดของเราเริ่มย้ายเข้าบรรยากาศดีมาก แต่ก็ไม่วายมีปัญหาจนได้ กรณีคุณ แฟนคือกุญแจสำคัญ  เขาฟังคุณเท่าๆกับฟังที่บ้านไหม เขาปกป้องคุณได้ไหม ถ้าคุณต้องกดดันอยู่คนเดียวในทุกเรื่อง ลองคิดดูนะ คุณหัวเดียวกระเทียมลีบอยู่ในบ้านหลังนั้น ไม่มีที่พักใจ ไม่มีพื้นที่ส่วนตัว ถ้ามีน้องขึ้นมานี่ยิ่งเคลียดหนักเพราะพวกเขาจะเข้ามายุ่มย่ามมากขึ้น ยอมเลิกตั้งแต่ตอนนี้เถอะ อย่าเข้าไปเลยค่ะ จากคุณ : We love MBK เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 02:14:10

ความคิดเห็นที่ 39   ของเค้ามีอยู่แล้วเฟอร์นิเจอร์ก็มีอยู่แล้ว แต่ไปรื้อของๆเค้าทำเหมือนไม่อยากใช้ของร่วม เค้าอาจจะคิดแบบนี้เปล่า (ผมมองมุมมองของบ้านนั้นอะนะ) แต่!!!!! แค่เรื่องฟูกเองถ้าเรามองเป็นเรื่องเล็กมันก็จิ๊บจ๋อยมาก นานพื้นไม้ยังนอนได้เลยถ้าไม่ยึดติดอะ คนเราหัดเป็นคนอยู่ง่ายกินง่ายอยู่ที่ไหนก็สบาย ไม่ชอบไม่พอใจก็ทำงานกลับบ้านดึกๆไปเดินเที่ยวห้างกลับมาก็นอน 1ปีมันคงไม่ขาดใจตายหรอกมั้งเพื่อความรัก และช่วยเหลือแบ่งเบาภาระในบ้านทำตัวให้เค้าเอ็นดู ไม่ใช่เค้าเกลียดก็ไม่อยากอยู่ไม่อยากเจอ ถ้าเป็นเพื่อนนะจะไม่ว่าเลย แต่นี้ พ่อแม่สามีคุณนะ ไม่รู้นะถามอยากเดียวพอพูดมากก็เท่านั้น รักสามีหรือเปล่าคิดสะว่าทนเพื่อเค้าได้ไหมแค่ 1ปี ถ้าคิดว่ารักก็ทนอยู่ไปเฮอะแต่ต้องอยู่แบบมีความสุขนะ เพราะเมื่อใดที่คิดว่าบ้านพ่อแม่สามีเป็นนรกย้ายเข้าไป คุณก็จะทุกข์ใจจนเลิกกันไปโดยปริยาย จากคุณ : มุมิงุงิ เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 02:51:43 A:125.24.57.152 X: TicketID:270694

ความคิดเห็นที่ 40 บางความเห็นบอกว่า แค่ "ฟูก" เอง นั่นสิครับ แค่ฟูกเอง ไอ้เพศผู้ตัวนั้นไม่มีปัญญาเคลียร์ให้ว่าที่ภรรยา แล้วต่อไป ไม่ว่าศึกใน หรือศึกนอก ที่มันต้องใหญ่กว่านี้แสนเท่าล้านทวี มันจะเป็นที่พึ่งให้ภรรยา ณ ตอนนั้น ได้เรอะ!!! ไม่ได้ว่าผู้ชายต้องรับผิืดชอบหรือคอยช่วยทุกเรื่อง แต่ถ้าหยุมหยิมแค่นี้ไม่มีปัญญา ผมขอใจร้ายแนะนำว่า "เลิกเหอะ" จากคุณ : ด้วยความสัตย์จริง (ตวงสิทธิ์) เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 08:51:51

ความคิดเห็นที่ 41   คุณ คห. 40 บางความเห็นบอกว่า แค่ "ฟูก" เอง นั้นคงหมายถึงผมด้วยสินะ หรือโดยตรง? มารยาทในการตอบกระทู้ยังไม่มีเลย แล้วจะไปสอนคนอื่นได้อย่างไร รู้จักความคิดเห็นส่วนตัวไหม คุณมีสิทธิไปวิจารณ์ความคิดใครด้วยหรือ แล้วคุณมั่นใจมากแล้วหรือว่าสิ่งที่คุณคิดนะถูกไปแนะให้เค้าเลิกกัน? คำพูดที่คุณคิดแล้วพิมพ์ออกมา ก็บอก จขกท.สิไม่ต้องอ้างคห.อื่น ถ้าจะขอให้ความคิดเห็นจะตั้งกระทู้เอง ไม่ต้องส่อเสียดทำตัวเป็นผู้ ญ อยากพูดอยากพิมพ์อะไร ก็แนะ เจ้าของกระทู้พอ จากคุณ : มุมิงุงิ เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 10:04:54 A:125.24.57.152 X: TicketID:270694

ความคิดเห็นที่ 42 เวบบอร์ด มีไว้เล่นไม่ใช่อิน แค่ความเห็นต่าง จะให้เห็นเหมือนคงไม่ได้ เราว่าคุณไม่ล้มเลิกงานแต่งหรอก เพราะงั้น งานนี้ต้องลุ้น ให้ วทจบ ง้อคุณก่อนใช่มะ แต่แต่งแล้ว นรก แน่ ๆ จากคุณ : rain&ant เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 10:51:13

ความคิดเห็นที่ 43   แฟนคนนี้ คบกันมา10 ปีพอดี เราทนฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆมาด้วยกันตลอด และไม่เคยทิ้งกัน จริงเหรอ? จากคุณ : yatiko เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 11:25:24

ความคิดเห็นที่ 44 เราก็มองเหมือนหลาย คห ที่บอกว่า แค่เรื่องฟูกเองนะ คุณก็รู้อยู่ว่าที่บ้านเค้าไม่ชอบคุณอยู่แล้ว จริงๆมันก็ไม่ใช้เรื่องใหญ่โตอะไรเลย ยอมได้ก็ยอมเค้าไปบ้างเถอะค่ะ ผู้ใหญ่น่ะ ยังไงก็ชอบคนนอบน้อม ยิ่งจะไปเป็นสะใภ้ด้วยแล้ว เรื่องไหนยอมได้ก็ยอม อย่าไปมีปากเสียงอะไรมาก เพราะยังไงเค้าก็ผู้ใหญ่กว่า แล้วคุณก็จะไปอยู่บ้านเค้า ส่วนแฟนน่ะ ยังไงก็คนกลางนะคะ คงจะเจอความกดดันมาไม่น้อย พ่อแม่ไม่พอใจคถณ ก็ไปลงที่แฟน คุณไม่ใจพ่อแม่เค้า ก็ไปลงที่แฟน ทนมาเป็นสิบปี เค้าก็ต้องมีไม่ไหวเหมือนกันแหละค่ะ ไม่ใช่คุณคนเดียวหรอกที่มีปัญหา เห็นใจเค้าบ้างนะ สำหรับสถานการณ์ตอนนี้ แนะนำว่า ให้รอจนใจเย็นทั้งสองฝ่ายก่อน คุนกันตอนอารมณ์ไม่ดี ยังไงก็ไม่รู้เรื่องหรอกค่ะ เรื่องเลิก เราไม่แนะนำนะ คบกันมาเป็นสิบปี ถ้าจะเลิก ก็ควรเลิกไปตั้งนานแล้วล่ะค่ะ นี่เตรียมงานแต่งแล้ว แสดงว่าคุณก็คงมั่นใจในตัวแฟนมากทีเดียว แค่อยากบอกว่า หลังแต่งงาน คุณก็จะมีญหาไม่น้อยเลยทีเดียว ถ้าไปอยู่บ้านแฟน มีเรื่องอะไรก็ต้องอดทนให้มากๆ เพราะไม่ใช่บ้านคุณ ทำตัวให้ง่ายๆ เข้าไว้ ไม่ใช่อะไรก็ไม่ดี ไม่เอาไปหมด มันไม่น่ารักค่ะ ลองคิดดูว่า ถ้าคุณมีลูกสะใภ้ หรือพี่ น้องสะใภ้ คุณอยากให้เค้าทำยังไง อยากให้มาวีนแม่คุณแว้ดๆไม๊ ถ้าไม่ชอบ ก็อย่าทำกับคนอื่นด้วยค่ะ แก้ไขเมื่อ 08 ก.ค. 53 11:33:10 จากคุณ : กระต่ายลงพุง เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 11:31:59

ความคิดเห็นที่ 45   เห็นด้วยกับ #40 จากคุณ : Greenapple1 เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 11:47:33

ความคิดเห็นที่ 46   ก็อย่าไปนอนเตียง นอนพื้น แม่มเลย จากคุณ : อย่ารู้เลยว่าฉันเป็นใคร เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 13:23:25

ความคิดเห็นที่ 47 อย่าเสียดายเวลาที่ผ่านมา... แต่จงเห็นคุณค่าของเวลาที่เหลืออยู่... จากคุณ : ครั้งหนึ่งเราเคยรักกัน เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 15:26:34

ความคิดเห็นที่ 48 ผมไม่มีมารยาท รึบางคนกินปูนเป็นอาหารก็ไม่ทราบได้ จากคุณ : ตวงสิทธิ์ เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 15:43:56

ความคิดเห็นที่ 49 แต่งแล้วแน่ใจได้อย่างไร ว่าอีก 1 ปี จะได้ย้ายออกคะ ถ้าสามารถย้ายออกได้จริงๆ ทำไมไม่ออกไปสร้างครอบครัวอยู่กันเองตั้งแต่แรกเลยล่ะค่ะ ...  ลูกชายคนจีน ยิ่งถ้าเป็นลูกชายคนเดียวนะ ยากกกกมากอ่ะที่จะย้ายไปอยู่ที่อื่น พี่ที่ออฟฟิศ แต่งมาเป็น 10 ปีแล้ว ขนาดซื้อบ้านกันเองแล้วใกล้ๆ บ้านพ่อแม่สามีด้วย ยังย้ายออกมาไม่ได้เลยค่ะ ทั้งๆ ที่ตอนแรกก็คิดว่าจะอยู่บ้านพ่อแม่สามีแค่ชั่วคราว แต่พอจะย้ายออกเขามีนั่นมีนี่มาให้คุณลูกชายต้องหนักใจในการย้ายออกเสมออ่ะ สุดท้ายก็ยังไม่ได้ไปซะที  อันนี้ขนาดไม่ใช่ลูกชายคนเดียวนะคะ จากคุณ : fanstevie g เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 15:50:09

ความคิดเห็นที่ 50 ฟังจาก จขกท. ขอเตือนว่าถ้า จขกท.รู้สึกอคติกับครอบครัวเขาแล้วจะยิ่งอยู่ยาก ตัวเองไม่มีความสุข  ทุกคนรักพ่อแม่ตัวเองทั้งนั้นแหละค่ะ ถามตัวเองว่าจะปรับตัวได้หรือเปล่า ถ้าตอบตัวเองได้ แต่งหรือไม่แต่งก็อยู่ที่คำตอบนี่แหละค่ะ เอาใจเค้ามาใส่ใจเราคิดบวกไว้ เรารักพ่อแม่เรายังไง เค้าก็รักพ่อแม่เค้าอย่างนั้นเหมือนกัน บางที จขกท.ตอนพูดพาดพิงพ่อแม่เค้าอาจจะฟังไม่รื่นหูเค้าหรือเปล่าคะ คือคนกำลังโมโห โกรธ เค้าถึงพูดแบบนั้น คำพูดบางคำพูดสำหรับเราอาจไม่ได้คิดอะไร แต่คนฟังอาจจะคิดก็ได้นะคะ คบกันมาตั้งนาน เรื่องแค่นี้น่าจะเคลียร์กันได้นะคะ อยู่กับใครยังไง ก็ไม่เหมือนอยู่กับพ่อแม่ของตัวเองหรอกค่ะ ต่อให้ จขกท. ไม่มีอคติกับครอบครัวแฟน พอแต่งไปแล้วยังไงก็ต้องปรับตัวอยู่ดี จากแต่ก่อนเป็นแค่แฟน แต่ตอนนี้จะเป็นลูกสะใภ้แล้ว จะทำเหมือนอยู่บ้านตัวเองก็คงไม่ได้แน่นอน จากคุณ : หมูคิม เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 18:14:22

ความคิดเห็นที่ 51 ครอบครัวเค้าก็ไม่รัก แฟนก็ไม่เข้าข้าง แล้วแต่งไปจะไม่โดนรุมเหรอคะ เหมือนแกะน้อยในดงหมาป่า จากคุณ : เทพบุตรหมัดดาวหาง เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 21:19:52

ความคิดเห็นที่ 52 สามีควรจะต้องสามารถปกป้องภรรยาได้ค่ะ ขนาดยังไม่แต่งยังไล่ออกจากบ้านได้ พูดจาทำร้ายจิตใจกันได้ แต่งแล้วจะหวังว่าชีวิตจะดีขึ้นกว่าเดิม เราว่า ยากมาก จากคุณ : บลูบราร่า เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 22:44:10

ความคิดเห็นที่ 53 http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L9446085/L9446085.html มาเป็นกำลังใจให้ครับ ผมขอเสนอความคิดเห็นหน่อยได้ไหม จริงอยู่ ในทางศาสนาถ้าไปยุให้คู่รักเลิกกันมันบาป แต่ถ้าคุรเล่ามาเป็นจริงแล้วล่ะ ผมอยากแนะนำให้หาคนใหม่น่ะครับ แฟนน่ะ ขนาดก่อนจะแต่งยังปกป้องเราไม่ได้ ปล่อยให้ที่บ้านฟัดเขาฟัดเราซะเยิน  แต่งไปรักยิ่งจืดจาง ไม่ยิ่งแย่เหรอครับ อีกอย่าง ถ้าคุณแต่งแล้ว เลิกกันทีหลังเพราะทนไม่ได้ คุณจะมีคำว่าหม้ายเป็นชนักอยู่ ทำให้หาคู่ยากอีกอะ ผมแนะนำว่าเลิกดีกว่านะครับ แนะนำเพราะรัก ฐานเพื่อนร่วมโลกนะ จากคุณ : จักรพรรดิแดนรักทหารErosPhoenix เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 23:28:21

ความคิดเห็นที่ 54 ขอย้ำนะเพคะ พระมเหสีอย่าทรงยอมนะเพคะ  หม่อมชั้นมิเห็นด้วยเลย พระมเหสีจะเอาหัวใจไปให้ชายเยี่ยงนั้นดอกรึเพคะ คิดดูดีๆนะเพคะ จากคุณ : จักรพรรดิแดนรักทหารErosPhoenix เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 23:29:24

ความคิดเห็นที่ 55   ไม่ทราบ จขกท ยังเข้ามาอ่านอยู่มั๊ย เพื่อนเรามันกำลังจะแต่งงานค่ะ แต่ดันมีเรื่อง เพราะมันดันไปซื้อชุดแต่งงานราคาเกือบแสน ว่าที่แม่สามีเลยสติแตกค่ะ กลายเป็นเรื่องพูดจากระทบกระทั่งกัน เพราะเงินซื้อชุดน่ะ คือเงินลูกชายเค้า วันที่เรารู้เรื่องคือ วันที่เพื่อนโทรมาหาเราร้องห่มร้องไห้ค่ะ ในขณะที่เพื่อนกำลังเล่าเรื่องให้เราฟังทางโทรศัพท์ พร้อมๆ กับร้องไห้ไปด้วยนั้น เราได้ยินเสียงว่าที่สามีเพื่อนพูดกับเพื่อนเราว่า "ที่รักหยุดร้องไห้เถอะ เรื่องเล็กนิดเดียวเอง ไม่เป็นไรหรอกนะ ชุดนั้นซื้อมาก็ดีแล้ว ถึงจะแพงแต่คุ้มค่านะ เพราะว่าที่รักใส่แล้วสวยมากเลย อย่าไปฟังแม่ ไม่ใช่เงินแม่ซะหน่อย" อืมมม คู่นี้เค้าคบกันมาเจ็ดปีกว่าค่ะ จากคุณ : เรื่องจริงจ้า เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 23:54:19 A:83.253.120.79 X: TicketID:077776

ความคิดเห็นที่ 56 คุณไม่ผิดหรอกค่ะ  แฟนคุณก็ไม่ผิด รวมถึงพ่อแม่แฟนคุณก็ไม่ผิด แค่ความต้องการไม่ตรงกัน  ความชอบไม่เหมือนกัน  ทัศนคติ+นิสัยต่างกัน ลองทบทวนใหม่นะคะ  รักแฟนมากพอที่จะอดทนได้หรือเปล่า ทำดีกับท่านเหมือนที่ทำกับพ่อแม่เรา พูดถึงท่านด้วยความเคารพทั้งต่อหน้าและลับหลัง ถ้าคิดว่าไม่สามารถทำได้  ให้ถอยดีกว่าค่ะ  อยู่คนเดียวอาจจะมีความสุขกว่า เอาใจช่วยค่ะ ^^" จากคุณ : ลีลิน~* (LeeLin Actually~*) เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 53 00:22:25

ความคิดเห็นที่ 57 อ่านแค่เนื้อหากระทู้ เดี๊ยนว่า คงกลุ้มใจหนักเลย แต่คุณอาจลืมความรู้สึกใจเขาใจเรา ระหว่างคุณกับแฟน อีกสองเดือนเองนะคะ คิดว่าควรรีบปรับความเข้าใจโดยด่วนค่ะ เพราะสถานการณ์มันเซ้นสิถีบเข้าไปทุกขณะ ึคุณต้องเลือกทางใดทางหนึ่งน่ะค่ะ ไม่ใช่แค่คุณที่เครียดคนเดียว ส่วนทางพ่อแม่ของแฟน เค้าก็คงเครียด การคิดต่าง หรือการแย้งใดๆ ของพวกเขา คงไม่ใช่เรื่องต่อต้านหรอกค่ะ เพียงแต่บ้านของเขา เขาก็อยากตัดสินใจให้เท่านั้นเอง อย่าเพิ่งเอาไปรวมกันหมดกองเดียวค่ะ เรื่องอคติ กับเหตุผล วันมงคลแท้ๆ แต่เป็นวันสำคัญมากในชีวิต ขอให้ใช้สติเยอะๆนะคะ จากคุณ : แดงเร็กเก้บาร์ เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 53 01:45:14

ความคิดเห็นที่ 58 ^ ^ ^ ขำพี่แดงอ่ะค่ะ เซ้นสิถีบ ตอบจขกทนะคะ ในมุมมองเราเท่านั้นค่ะ ความคิดเห็นในแบบฉบับของเราเองนะจ๊ะ ไม่ถูกใจใครก็อย่ากระแนะกระแหนกันนะ สรรพนามที่คุณจขกทเรียกว่าที่แม่สามี คือ ม้า นี่หมายถึง คุณแม่ในภาษาจีนใช่ไหมคะ เราเดาว่าก็เป็นครอบครัวคนจีนนั่นเอง ทั้งนี้ ครอบครัวคนจีนที่เราเคยประสพมาทั้งกับตัวเองและเพื่อนฝูงมากมาย ส่วนมากแต่งเข้าไปแล้วมักเครียดค่ะ ในกรณีที่เป็นครอบครัวคนจีนสมัยใหม่ไม่ค่อยเท่าไหร่ค่ะ อันนี้ไม่ได้มีเจตนาว่าครอบครัวคนจีนนะคะ แค่พูดตามที่เห็น ที่เจอค่ะ ถ้าลูกชายที่มาจากครอบครัวคนจีน ไม่หนักแน่น ไม่เป็นตัวของตัวเองพอ เวลาแต่งงานไปแล้วอาจจะมีทุกข์มากกว่าสุขนะคะสำหรับคนเป็นภรรยา ส่วนเรื่องที่ว่าที่สามีคุณจขกท ไล่คุณแบบนั้น เราว่า เค้าก็คงเครียดค่ะ เพราะแฟนคุณก็คือคนตรงกลาง ระหว่าง คุณจขกทกับครอบครัวตัวเอง ปัญหานี้แก้ยากนะคะ ถ้าคนตรงกลางไม่หนักแน่นจริงๆแล้วถ้าแค่นี้ยังไม่สามารถปกป้องว่าที่ภรรยาตัวเองได้ แต่งไปเราว่าคุณมีเรื่องให้ปวดหัวเยอะกว่านี้แน่ๆค่ะ สามีเราบอกเราเสมอค่ะว่า เมื่อแต่งงานแล้ว ภรรยา มาอันดับหนึ่งค่ะ แต่ไม่ได้หมายถึงว่า พ่อแม่ก็จะทิ้งละเลยนะคะ แต่หมายถึงว่า ไม่ว่าจำทำอะไร ตัดสินใจร่วมกันเรื่องใดๆ ก็ต้องภรรยาหรือคู่ชีวิตมาก่อนค่ะ เพราะถือเป็นการให้เกียรติกันอย่างนึงค่ะ และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น สามีก็อยู่ข้างเราเสมอค่ะ เพราะงั้น การที่ว่าที่สามีคุณในอนาคตใช้คำพูดที่ เวรี่ เซ้นสิถีบ (ยืมคำพี่แดงหน่อยค่ะ อิอิ) ขนาดนี้ ไม่สมควรอย่างยิ่งค่ะ สามีเราไม่เคยดุ ด่า ว่า ตวาด ขึ้นเสียง เลยค่ะ ชีวิตคู่ต้องเรียนรู้จักคำว่าอธิบาย มากกว่า ดุ ด่า ว่า ตวาด ขึ้นเสียงค่ะ ไม่งั้นก็ไม่รอด เราว่าว่าที่สามีคุณจขกท อ่อนแอ และ ไม่หนักแน่นพอนะคะ แต่ท้ายสุดนี้ก็ขอให้สามีคุณจขกทหันหน้ามาพูดกันดีๆ ใช้หลักอธิบายดีกว่าด่าทอกันนะคะ จากคุณ : แฟนสาวฮัตโตริคุง เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 53 07:35:28

ความคิดเห็นที่ 59 มุมมองของเราสามีภรรยาเรื่องของคน2คนใช้ชีวิตร่วมกัน เราแต่งกับสามีไม่ได้แต่งกับครอบครัว ต้องอดทนทำไมกันมีสามีก็ต้องการความสบายใจไม่จำเป็นต้องครองคู่อย่างอึดอัดใจโดยสามีทำตัวเป็นลูกแหง่ตัดสินใจอะไรไม่ได้ นั่นก็แม่ นี่ก็ภรรยา เลยพาลเป็นอารมณ์หงุดหงิดไปโน่น แต่คนเป็นแฟนกันย่อมมีเรื่องกระทบกระทั่งกันบ้าง,หนักนิดเบาหน่อยควรอภัยให้กัน ไม่ใช่ว่าจะไม่ให้สามีไม่เอาพ่อแม่พี่น้องของเขาเลยแต่คนเป็นสามีควรเข้มแข็งกว่านี้ ในเมื่อภรรยาไม่กินเส้นกับแม่สามีจะให้อยู่รวมบ้านกันได้อย่างไรมีเรื่องไม่จบไม่สิ้นควรแยกครอบครัวออกมาอยู่กันเอง คุยกับเขาควรแต่งงานและแยกครอบครัวออกมาต่างหาก ถ้าเขาไม่ยอม เราตัดสินใจขึ้นคานดีกว่าหมดยุคอดทนเพื่อครอบครัวสามีแล้วล่ะ จากคุณ : ANYTHING POSSIBLY HAPPEN! เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 53 13:11:40

ความคิดเห็นที่ 60 ถ้าแฟนเป็นคนที่ยอมครอบครัวมาตลอด ก็ยากค่ะ ที่จะแข็งขืนลุกขึ้นมาปกป้องเรา ไม่ว่าเราจะถูกหรือผิด ยังไงก็ต้องเป็นฝ่ายยอม ถ้าอยากอยู่กับเค้า ส่วนเรา เลือกที่จะไม่ยอม อยู่กันมาสิบปี มีลูกสาวที่น่ารัก 1 คน ผล อยู่สองคนแม่ลูกสบายใจ และมีความสุขกว่าเยอะค่ะ จากคุณ : Endoo เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 53 16:54:50

ความคิดเห็นที่ 61 การแต่งงานเป็นเรื่องของคนสองคนครับ พอมีหลายๆคนมายุ่งด้วยทีไร เละทุกที แฟนคุณและคุณต้องเข้าใจจุดนี้ให้มากๆครับ ม๊าววววววววววววววว จากคุณ : แมวกักขฬะ เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 53 18:07:46

ความคิดเห็นที่ 62   เอาเถอะน่ะ คุณ ตวงสิทธิ์ ใครเค้าเห็นด้วยกับความคิดเห็นคุณก็ไม่ได้ไปขัดหรอกนะ แต่คุณไม่ควรจะไปพาดพิงคำพูดใคร ส่วนคณ จะเล่นสำนวณหรือใช้สันดานผู้หญิงมากัดผมก็เชิญตามสบาย แต่รู้อะไรไว้สักอย่างนะ คนที่เค้ามองเป็นแค่เรื่องฟูกนั้นเยอะแยะ เพราะเค้าไม่อยากให้ จขกท. กับแฟนเลิกกัน ก็เหมือนที่คุณ อยากให้เค้าเลิกกับแฟน นั้นแหละ การที่คุณไปยกคำพูดใครมาพูด เช่น บางความเห็นบอกว่า แค่ "ฟูก" เอง มันไม่ใช่ กินปูนร้อนท้องหรอก เค้าเรียกว่า ปลาหมอตายเพราะปาก เพราะมีเด็กปัญญาอ่อนเท่านั้นแหละที่ดูไม่รู้ว่าหมายถึงใคร แต่ก่อนจะไปวิจาณ์หรือส่อเสียดความคิดใครเคยอ่าน กติกา บ้างรึเปล่า คำแนะนำเพื่อเป็นแนวทางในการเข้าร่วมกิจกรรม 4.เปิดใจให้กว้าง ยินดีรับฟังและเคารพในเสรีภาพของการเสนอความคิดเห็นของผู้อื่น พึงตระหนักอยู่เสมอว่านี่เป็นเสมือนสังคมหนึ่งที่เปิดกว้างต่อสาธารณะ 5.การเสนอความเห็นต่อกระทู้ใดๆ พึงระลึกเสมอว่า มีผู้อ่านที่แตกต่างกันทั้งวัยวุฒิ คุณวุฒิ และวุฒิภาวะ ดังนั้นจึงควรระมัดระวังในการใช้ข้อความ เช่น ข้อความที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ซึ่งอาจนำไปสู่การทะเลาะเบาะแว้ง ข้อความที่มีเนื้อหาขัดต่อกฏหมาย หรือศีลธรรมอันดีของสังคม ข้อความที่พาดพิงบุคคลที่สามในทางหมิ่นประมาท เป็นต้น หวังว่าทีหลังจะเสนอความคิดเห็นอะไรก็คุยกับเจ้าของกระทุ้พอนะ ถ้าเค้าเห็นด้วยกับคุณเค้าก็ให้กีฟคุณเองแหละไม่ต้องไปยกคำใคร มาวิจารณ์อีกละเพราะถ้าอยากจะให้วิจารณ์จะตั้งกระทู้เอง ขอบคุณ... จากคุณ : มุมิงุงิ เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 53 20:01:55 A:125.24.47.234 X: TicketID:270694

ความคิดเห็นที่ 63 พ่อแม่แฟนเขาไม่ชอบคุณเพราะแค่คุณอายุมากกว่าลูกชายเขาเท่านั้นเองเหรอ? ที่เล่ามานี่คุณยังเล่าแค่ด้านเดียวนะ ในด้านที่คุณเป็นผู้โดนกระทำ ส่วนที่คุณลบความไม่พอใจออกไปไม่ได้ เพราะไปเพิ่มความไม่พอใจ ให้มากขึ้นหรือเปล่า  แล้วคุณไม่ได้เล่า...ไม่งั้นว่าที่สามีไม่น่าจะ โวยขนาดนั้น  มันเหมือนกับ...อีกแล้วเหรอ อีกแล้วเหรอ? งั้นก็ไม่ต้องแต่งเลยแล้วกัน แบบนี้มากเลยนะ ตัดสินใจดูแล้วกัน 10 ปีไม่ต้องเสียดายเวลาหรอก ถ้าคุณคิดว่าเขาดีไม่พอสำหรับคุณ พ่อแม่เขาก็น่ารำคาญ ก็ไม่ต้องแต่ง  ถ้าแต่งไปแล้ว ไปนั่งบ่นนั่งตัดพ้อพ่อแม่สามี ให้สามีฟังอีกไม่แคล้วคงจบไม่สวยอยู่ดี เลิกกันกับไม่แต่ง... มันคล้ายๆ กันนั่นแหละ  ไม่มีอันไหนเสียหน้าน้อยกว่ากัน ถึงเลิกกัน แต่ 10 ปีนี่ มันเป็นความทรงจำที่งดงามไม่ใช่เหรอ? จากคุณ : คิงเพนกวิน เขียนเมื่อ : 9 ก.ค. 53 23:04:22

ความคิดเห็นที่ 64 นี่แหละน้า ใครบอกว่าการแต่งงานเป็นเรื่องของคนสองคน ไม่จริงเลย เป็นเรื่องของคนหลายคนมากกว่า จากคุณ : Alex on the rock เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 53 15:01:22

ความคิดเห็นที่ 65 อ่านละเครียดแทน แฟนคุณก็คงกดดันไม่น้อยอะนะคะเราว่า ลองหันกลับไปมองในมุมของแฟนคุณดูบ้าง ถ้าคุณเป็นเค้าเจอแบบเค้าเค้าจะทำยังไง บางทีที่เค้าพูดมา ว่าอยู่ไม่ได้ก็ไม่ต้องอยู่ ออกไปเลย เค้าอาจจะพูดประชดทั้งคุณทั้งที่บ้านเค้าด้วยก็ได้ (คิดบวกนะคะ) แบบว่าคนนั้นจะเอางี้ คนนี้จะเอางั้น ถ้ายังรักกันอยู่ ก็จับมือเดินไปด้วยกันอดทนด้วยกัน อย่าคิดว่าเราอดทนฝ่ายเดียว มองมุมเค้าด้วยค่ะ ว่าเค้าอดทนอะไรอยู่บ้าง แต่เราลืม และมองข้ามไป จากคุณ : Ta Pling เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 53 00:20:13

ความคิดเห็นที่ 66 เรามีเพื่อนคนนึงที่พ่อแม่ของเค้าสั่งห้ามคบกันแฟนที่อายุมากกว่า เค้าบอกว่าที่บ้านเค้าถือเรื่องนี้มาก ก็เลยต้องแอบคบกันไม่ให้ทางบ้านรู้ ทั้งที่พ่อแม่ของเค้ายังไม่เคยเจอหน้าผู้หญิงเลย แค่รู้ว่าอายุมากกว่าก็ไม่ยอมรับแล้ว แต่พอเราถามลึกๆเข้า เค้าก็เลือกทางบ้านมากกว่า (แอบสงสารแฟนเค้าอยู่เหมือนกัน) เราคิดว่าแฟนคุณพยายามในเรื่องนี้มากนะคะ กว่าที่พ่อแม่ของแฟนคุณจะยอมรับได้ ยังไงก่อนจะเลิกกันก็ลองคิดถึงเรื่องนี้ดูบ้างแล้วกัน ส่วนเรื่องที่เจอ ในความคิดของเราคิดว่าแค่นี้ยังน้อยอยู่ค่ะ ถ้าจะแต่งเข้าบ้านด้วยแล้ว ต้องอดทนให้มากๆนะคะ เพราะวัฒนธรรมของแต่ละบ้านไม่เหมือนกัน เราไม่สามารถเปลี่ยนวัฒนธรรมของบ้านเค้าได้ ถือคติผู้ใหญ่ว่าห้ามเถียง เรามี 2 ข้อที่สามารถทำได้ คือ 1. อะไรยอมได้ก็ยอม 2. อะไรคิดว่าไม่ใช่ ก็รับมาไว้ก่อน แล้วค่อยอธิบายกันไป แต่ถ้ายังไม่ได้อีกก็...กลับไปหาข้อ 1. อิอิ ขึ้นกับคุณว่าจะยอมรับเรื่องเหล่านี้ได้หรือไม่ จากคุณ : bangjang เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 53 19:07:59

ความคิดเห็นที่ 67 เป็นกระทู้ที่สอนตัวเองได้เลย... จากคุณ : คนบ้าบิต เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 53 16:44:46

ความคิดเห็นที่ 68 ความคิดเห็นที่ 55     ไม่ทราบ จขกท ยังเข้ามาอ่านอยู่มั๊ย เพื่อนเรามันกำลังจะแต่งงานค่ะ แต่ดันมีเรื่อง เพราะมันดันไปซื้อชุดแต่งงานราคาเกือบแสน ว่าที่แม่สามีเลยสติแตกค่ะ กลายเป็นเรื่องพูดจากระทบกระทั่งกัน เพราะเงินซื้อชุดน่ะ คือเงินลูกชายเค้า วันที่เรารู้เรื่องคือ วันที่เพื่อนโทรมาหาเราร้องห่มร้องไห้ค่ะ ในขณะที่เพื่อนกำลังเล่าเรื่องให้เราฟังทางโทรศัพท์ พร้อมๆ กับร้องไห้ไปด้วยนั้น เราได้ยินเสียงว่าที่สามีเพื่อนพูดกับเพื่อนเราว่า "ที่รักหยุดร้องไห้เถอะ เรื่องเล็กนิดเดียวเอง ไม่เป็นไรหรอกนะ ชุดนั้นซื้อมาก็ดีแล้ว ถึงจะแพงแต่คุ้มค่านะ เพราะว่าที่รักใส่แล้วสวยมากเลย อย่าไปฟังแม่ ไม่ใช่เงินแม่ซะหน่อย" อืมมม คู่นี้เค้าคบกันมาเจ็ดปีกว่าค่ะ จากคุณ : เรื่องจริงจ้า   เขียนเมื่อ : 8 ก.ค. 53 23:54:19 A:83.253.120.79 X: TicketID:077776   --- ^ ชุดแต่งงานเกือบแสน !!! แพงมากเลยจริงๆนะ  ยิ่งเป็นเงินของฝ่ายชายน่าจะเกรงใจหน่อย จากคุณ : ตอบไม่ตรงคำถาม (la-la-bell) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 53 18:02:06

ความคิดเห็นที่ 69 ครอบครัวฝ่ายชายไม่ชอบ จขกท แล้วนึกยังไงถึงจะแต่งเข้าบ้านนั้นคะ ทำไมไม่แยกครอบครัวออกตั้งแต่แรกเลย บางครั้งความดีไม่ได้ช่วยให้ ความยึดถือในความเชื่อของคนจีนสั่นครอนได้หรอกค่ะ ของว่างฯ มาจากครอบครัวคนจีนค่ะ พวกจีนแท้ ๆ ในสายเลือดเนี่ย เปลี่ยนไม่ได้หรอกค่ะ จากคุณ : ของว่างยามบ่าย เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 53 09:59:02

ความคิดเห็นที่ 70   เราเคยถูกสามีไล่ออกจากบ้านมาด้วย แล้วก็เสียดายว่าไม่น่าแต่งงานกับเขาเลย ไม่กล้าหย่า อายคน ต้องทนอยู่ตลอดชีวิต (หรือเปล่า) แล้วเราก็มีปัญหากับคนในบ้านเขา เราถูกพ่อสามีตะโกนให้ของลับใส่เราว่า "อวย" เพราะแม่สามีกับพี่สาวสามียุยง บางทีพ่อสามีก็ร้องใส่เราว่า ไม่ต้องมาอยู่ด้วยกันหรอก เราก็ต้องเงียบ เพราะถ้าเราย้ายออก ก็ต้องหย่ากับสามี แต่ญาติเราบอกว่าเป็นสาวโสดลำบาก ทุกข์กว่าแต่งงาน แล้วตอนแก่ ใครจะมาดูแลเรา ถ้าเราช่วยตัวเองไม่ได้ ก็ลองชั่งน้ำหนักดูนะคะ โสดก็ทุกข์อย่างโสด แต่งงานก็ทุกข์อย่างแต่งงาน จากคุณ : หวังดี เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 12:05:30 A:125.26.167.204 X: TicketID:139926

ความคิดเห็นที่ 71   จะเตือนว่า ตอนแรก เรากับสามีรักกันดี แต่ถูกคนในบ้านสามียุยง จนสามีเปลี่ยนไป พูดจาไม่ดีกับเรา จนถึงขั้นว่าถึงพ่อแม่ของเรา ทำให้เราไม่รักสามีแล้ว ร้าวจนต่อไม่ติด ถ้าคุณต้องแต่งงานกับเขา ต้องเอาใจพ่อแม่สามีค่ะ ไม่งั้นเขาจะทำลายความสัมพันธ์ของคุณได้ เพราะแฟนคุณเข้าข้างบ้านเขาค่ะ ไม่ใช่คุณ จากคุณ : หวังดี เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 12:32:47 A:125.26.167.204 X: TicketID:139926

ความคิดเห็นที่ 72 อย่างแรกรู้สึกเห็นใจมากๆ ค่ะ ยังไม่อยากให้เลิกกันอยากให้ปรับความเข้าใจกันก่อน เห็นด้วยกับความคิดที่ว่า แฟนคุณตอนนี้เป้นคนกลาง กำลังเครียด ยังต้องมาได้ยินคุณว่าครอบครัวเขาและ เรียกร้องสิ่งที่เขาทำไม่ได้    ความคิดเห็นของเราอีกอย่างก็คือ ครอบครัวสามีของคุณทราบหรือยังคะ ว่าหลังแต่งงานได้ 1 ปี คุณจะให้สามีย้ายไปอยู่ที่บ้านคุณ เพราะนั่นจะยิ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณไม่ได้รับการยอมรับมากขึ้นไปอีก เพราะตอนนี้เราก็กำลังไม่พอใจพี่ชายเราอย่างมากที่จะย้ายไปอยู่บ้านภรรยาหลังแต่งงาน (แต่เราไม่ได้โกรธแฟนพี่หรอกค่ะ) ถึงขนาดไม่คุยกันเป็นเดือนแล้ว และจนถึงปัจจุบันเราก็ยังไม่พอใจและ ไม่อยากคุยกับพี่ชายเลย จากคุณ : Pink Apple Green เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 53 01:19:03

ความคิดเห็นที่ 73 ถ้าเรื่องฟูกแค่นั้นเราคงยอม เพราะไม่อยากมีเรื่อง แต่ที่ไม่เข้าใจคือ ไม่ถูกกันตั้งแต่แรกแล้วย้ายไปอยู่ที่บ้านนั้นทำไมค่ะ ????  ... แต่เป็นไปไม่ได้เหรอที่ย้ายไปอยุ่บ้านคุณเลย ... เลิกไปเลยชีวิตอาจจะดีกว่านี้นะ ... เพราะแต่งไปแล้วก็จะเจออะไรแบบนี้ซ้ำซากๆๆ จากคุณ : ironeta เขียนเมื่อ : 29 ก.ค. 53 12:51:54

ความคิดเห็นที่ 74 เห็นใจจขกท.ครับ   ที่โดนแฟนไล่มาขนาดนั้นแรงมากเลย ตอนนี้ผมแนะนำให้จขกท.  กลับมาทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา  แล้วคิดดูให้ละเอียดถี่ถ้วนถึงข้อดีข้อเสียของแฟนนะครับ   มองอย่างเป็นกลาง  ไม่เข้าข้างตัวเอง ถ้าแฟนของจขกท.  มีข้อดีมากมาย  แต่มาพลาดเรื่องนี้เรื่องเดียว  แล้วหลุดมาแบบนี้  ก็อยากให้จขกท.  แกล้งมองข้ามไป  แต่จำไว้เป็นบทเรียนให้ดี  และอย่าไปหลงเชื่อในคำหวาน ถ้อยคำต่างๆของเขามากนัก แต่ถ้าตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา  คุณสองคนคบกันแล้ว  แต่เหมือนเป็นการคบไปตามมารยาท  ไม่ได้ลึกซึ้งมากนัก  แล้วแฟนยังคอยข่ม คอยเอาเปรียบตลอด  อันนี้ผมแนะนำว่าอย่าเพิ่งแต่งงานเลย   ยกเลิกเถอะ   เพราะถ้าแต่งงานกันไปแล้วคุณจะไม่มีความสุข  เพราะฝ่ายชายคิดว่าตัวเขาเป็นเจ้าชีวิตคุณไปแล้ว  มีอะไรเขาก็จะยึดตัวเองเป็นจุดศุนย์กลาง  แล้วไม่สนใจความรู้สึกของคุณ   แล้วตอนนั้นคุณจะมีความสุขได้อย่างไร   อย่าคิดว่ามั่นหมายตระเตรียมงานแต่งไปแล้ว  จะยกเลิกไม่ได้ คุณมีสิทธิ์เลือกเสมอ   หากฝ่ายชายไม่เหมาะสมที่จะนำมาเป็นสามี และเป็นพ่อที่ดีของลูกคุณไม่ได้  คุณมีสิทธิ์ยกเลิกงานแต่งได้เช่นกัน  ไม่ใช่ว่าฝ่ายชาย   หรือบ้านฝ่ายชายจะเป็นคนจับคุณใส่กรงแล้ว บีบบังคับให้คุณกินอาหารตามที่เขาจัดเตรียมให้ได้อย่าฝ่ายเดียวครับ   ให้เกียรติตัวเองเยอะๆครับ จากคุณ : bingoman เขียนเมื่อ : 9 ส.ค. 53 21:26:48