Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
'วันหลุด' นั้นสำคัญ โดยเฉพาะเพื่อนๆที่ลดแบบนับแคลอรี่นะคะ  

ทำไมเราหากระทู้นี้ของตัวเองไม่เจออ่ะคะ?

'วันหลุด' นั้นสำคัญ โดยเฉพาะเพื่อนๆที่ลดแบบนับแคลอรี่นะคะ  "


>>>>>>>>>>>คิดว่าจะเก็บกระทู้นี้ดีกว่า ขออนุญาตเอาข้อมูลมาแปะไว้กระทู้นี้ดีกว่า ^^

'วันหลุด' นั้นสำคัญ โดยเฉพาะเพื่อนๆที่ลดแบบนับแคลอรี่นะคะ      

พอดีวันนี้เราตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไมลดต้องคุมที่ 1000-1200 แคลอรี่ ส่วนนึงเราพอรู้แล้วว่าทำไม ซึ่งเราจะเอามาเล่าในโอกาสต่อไป ส่วนตอนนี้เรากำลังเก็บข้อมูลหลายๆแหล่งก่อนจะได้พอสรุปมาเล่าถูก

อย่างไรก็ตามก่อนจะถึงตอนนั้น เราอยากแวะมาเตือนเพื่อนๆโดยเฉพาะที่กำลังลดแบบคุมแคลอรี่อยู่สักสองสามข้อต่อไปนี้ค่ะ

1. วันหลุดนั้นสำคัญ เพราะนอกจากจะสนองความต้องการหล่อเลี้ยงจิตใจเราแล้ว มันยังทำให้แคลอรี่ที่กินโดยรวมไม่น้อยจนเกินไปด้วยค่ะ
ที่ว่าแคลอรี่โดยรวมหมายถึงแคลอรี่รวมๆกันหลายๆวัน เช่นอาจจะเป็นอาทิตย์หรือเป็นเดือน การที่เรามีวันหลุดทำให้แคลอรี่หารเฉลี่ยต่อวันไม่น้อยจนเกินไปค่ะ

2. วันหลุดมีบ่อยๆก็อาจทำให้น้ำหนักเด้งกระจายเอาง่ายๆ เพราะฉะนั้นเราจะต้องมีวันที่เราเรียกว่าวันหย่อน คือวันที่เราไม่ถึงกะหลุดแต่ก็ไม่ถึงกะเคร่งครัดพันแคลอรี่ อาจจะประมาณสัก 1200-1300-1400 หรือประมาณเท่า BMR เราค่ะ ซึ่ง วันหย่อนนี่ดีตรงที่ว่าไม่ทำให้เราเด้งค่ะ มีได้บ่อยได้เท่าที่ต้องการ

3. เหตุผลที่มีข้อ 1-2 เพราะการกินแคลอรี่วันละ 1000 แคลอรี่ เท่ากันทุกๆวัน เท่าที่หาข้อมูลมาเวบนึงบอกว่ากินต่ำๆเท่ากันทุกวันเกิน 14 วัน อาจทำให้ระบบเผาผลาญชะลอลงได้ รวมถึงอาจทำให้สูญเสียกล้ามเนื้อ เวบที่อ้างอิงบอกว่าแคลอรี่พันนึงเพียงพอต่อคนที่ตัวไม่ใหญ่กิจกรรมไม่เยอะเพียงพอโดยไม่มีผลกระทบได้ประมาณ 14 วันน่ะค่ะ อย่างไรก็ตาม เรากำลังเก็บข้อมูลอยู่ จะมาเล่าให้ฟังอีกทีนะคะ
ถ้าเป็นคนที่รูปร่างสูงใหญ่หรือกิจกรรมเยอะอาจจะคุมที่1200 แคลอรี่


4. ต่อเนื่องมาจากข้อ 1 2 และ 3 เราจึงแนะนำว่าคนที่คุมน้ำหนักแบบนับแคลอรี่ควรจะคุมในลักษณะซิกแซก หรืออาจจะแบ่งวันก็ได้ค่ะว่าเราจะคุมวันละพันกี่วัน วันละพันกว่ากี่วัน หรือหลุดกี่วัน หรือแล้วแต่ยังไงก็ได้แต่ให้กราฟมันขึ้นๆลงๆ ให้แคลอรี่ต่อวันโดยรวมถัวเฉลี่ยออกมาไม่ต่ำจนเกินไป วิธีนี้จะเป็นวิธีนึงที่ช่วยลดการสูญเสียกล้ามเนื้อ(การลด นน ทำใจไว้เลยว่าต้องเสียกล้ามเนื้อไม่มากก็น้อยเพียงแต่เราต้องพยามเสียให้น้อยที่สุดค่ะ) และป้องกันเรื่องระบบเผาผลาญชะลอ

5. ถามว่าถ้าแล้วยังงั้นทำไมไม่คุมแคลอรี่ให้สูงขึ้นมาหรือเท่า BMR ล่ะ! คำตอบคือ มันแล้วแต่คุณ แล้วแต่เป้าหมายคุณ การทานแคลอรี่ยิ่งสูงขึ้นมาหรือเท่า BMR ที่จริงกลับเป็นการลดที่ดี

แต่ที่ส่วนมากนิยมกำหนดที่ประมาณ 1000-1200 เพราะคำณึงถึงหลักในการที่จะประสบความสำเร็จในการลดซึ่งหนึ่งในหลายๆหลักคือการลดนั้นจะต้องไม่ช้า หรือ ไวจนเกินไป ไวจนเกินไปทำให้เราหักโหมทำให้โยโย่ง่าย ช้าเกินไปก็อาจทำให้เราท้อถอดใจไปก่อนก็ได้

ซึ่งที่สุดแล้วมันก็อยู่ที่ตัวเราและน้ำหนักส่วนเกินที่ต้องลดด้วย อย่างยกตัวอย่างตัวเราที่มีน้ำหนักเกินต้องลดประมาณอย่างน้อยๆ 70 กิโล ซึ่งถ้าเรากินเท่า BMR เราจะลดได้ประมาณดือนละ 1-2 โลเท่านั้นอาจต้องใช้เวลาถึง 3-4 ปี

จริงๆเวลานั้นไม่สำคัญ ช้าๆสิยิ่งดี ลดโอกาสผิวหนังหย่อนยาน สุขภาพดีกว่าด้วยเหตุผลนอกเหนือจากนี้จริงๆเราเคยเล่าไปแล้ว บางคนที่มีโรค หรือการที่ชีวิตคนเราต้องมีสังคม มีงาน ต้องก้าวเดินต่อไปเรื่อยๆ การที่เราชีวิตเหมือนต้องมาหยุดเพราะปัญหาเรื่องอ้วนเขาอาจจะไม่มีเวลาเหลือพอแล้วก็ได้ อย่างญาติเราคนนึงเสียไปเพราะความอ้วน เขาลดความอ้วนไม่ทันเวลา... หรือบางคนหดหู่ซึมเศร้าเก็บตัวอยู่แต่บ้านเพราะความอ้วน หรือด้วยหลายๆเหตุผล

แต่ที่เราไม่ได้เลือกวิธีนี้เพราะเรากลัวใจตัวเองค่ะ อย่างที่เราพูดไปก่อนหน้าว่าหนึ่งในหลายๆ tip ในการจะประสบความสำเร็จในการลดคือ การลดนั้นควรจะต้องไม่เร็วหรือช้าเกินไปค่ะ แต่หากคุณเข้มแข็งและมั่นใจพอก็แนะนำให้ลดอย่างช้าที่สุดเท่าที่ทำได้และออกกำลังกายนั้นดีที่สุด

ที่พูดไปข้างต้นจึงทำให้เป็นเหตุผลที่เราจะคุมกี่แคลอรี่ขึ้นอยู่กะปัจจัยอะไรบ้าง... น้ำหนักตัว.. เป้าหมาย..ความต้องการของเรา..

6. คุมอาหารแล้วต้องออกกำลังกายสม่ำเสมอด้วยค่ะไม่ใช่แค่เพื่อเบินแต่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบเผาผลาญ การที่เราออกกำลังกาย การที่เรามีมวลกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นล้วนเป็นตัวช่วยรักษาระบบเผาผลาญทั้งนั้นค่ะ

7. ทานอาหารอย่างน้อยวันละ 3 มื้อ หรือมากกว่าค่ะ ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญเช่นกัน ร่างกายมีกลไกตั้งแต่การกินจนย่อยและดูดซึมไปใช้ประมาณ 3-4 ชม. ก่อนที่ร่างกายจะสั่งให้หิวหรือหาพลังงานมาเติมใหม่ ซึ่งหากเราอดมื้อกินมื้อก็จะทำให้ร่างกายปรับสู่โหมดประหยัดพลังงานได้ค่ะ



ตอนนี้เราพยามเก็บข้อมูลและหวังว่าจะได้มีรายละเอียดมาเล่าให้เพื่อนๆฟังมากกว่านี้ สำหรับตอนนี้เราคิดว่าปฏิบัติตามได้ทั้ง 7 ข้อ คุณก็จะปลอดภัยจากการสูญเสียกล้ามเนื้อ(มากเกินไป)หรือป้องกันระบบเผาผลาญถูกทำลายได้ค่ะ


พอเราลดๆความอ้วนมาเราเริ่มมองเห็นว่าการที่เราจะลดได้เรื่อยๆอย่างไม่อึดอัดคือเราต้องปล่อยมันไปเป็นธรรมชาติบ้าง มีหลุด มีหย่อน มีเกินบ้าง การคุมเป๊ะๆ หรือหักโหมเกินไปนอกจากจะไม่ดีแล้วยังพาลทำให้เราทำไม่สำเร็จด้วยค่ะ

การลด กะ การหลุด มันก็ของคู่กัน มีคุณประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่ เราอยากให้เพื่อนๆมองมันอย่างเข้าใจมองมันให้เป็นเรื่องธรรมดาแสนธรรมดาเพื่อที่เราจะได้ไม่เสียขวัญ ท้อจนล้มเลิกเวลาที่เราเผลอหลุด หลุดได้เด้งได้มันก็ดึงเอาลงได้ค่ะ ธรรมด๊าธรรมดานะ อย่าไปหลุดแล้วตกใจจนกลายเป็นหลุดแล้วหลุดเลยอันนั้นแหละน่ากลัวค่ะ ทำความเข้าใจมันกะมันเถอะค่ะ


ก่อนจบกระทู้นี้อยากจะย้ำอีกทีว่านี่เป็นเพียงความคิดเห็นของเรานะ เพื่อนๆอาจจะมีความเห็นหรือมีวิธีลดที่แตกต่างกันออกไป
ตราบใดที่มันได้ผลกับคุณและไม่ทำให้เสียสุขภาพก็ล้วนดีทั้งนั้น การที่เราหาวิธีลดที่เหมาะลงตัวกะเรานั้นดีที่สุดเพราะมันจะเป็นตัวช่วยผลักดันให้คุณทำได้เรื่อยๆจนสำเร็จ

ส่วนตัวเราเองเรายอมรับว่าการลดน้ำหนักของเราอาจจะไม่ได้ perfect หรือ healthy 100% แต่ก็เป็นวิธีที่เราคิดว่าเสียหายน้อยที่สุด(เท่าที่เราทำได้)และคิดว่าเราจะทำได้เรื่อยๆจนสำเร็จในที่สุดค่ะ

เป็นกำลังใจให้เพื่อนๆทุกคนต่อสู้ไปด้วยกันนะคะ ^^

แก้ไขเมื่อ 13 ก.ค. 53 00:34:10

จากคุณ : GetCha
เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 53 11:41:29




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com