|
ความคิดเห็นที่ 2 |
เอาบทความมาฝากเผื่อเป็นประโยชน์นะคะ ..............................................................................
การตรวจมะเร็งปากมดลูก
หลังจากที่มาตรวจภายในและทำ Pap smear (การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก) กับสูตินรีแพทย์แล้ว ประมาณ 1-2 สัปดาห์ก็จะทราบผลการตรวจ อาจจะโดยทางโทรศัพท์ จดหมาย หรือหมอนัดมาฟังผล ก็สุดแล้วแต่ทางโรงพยาบาลจะจัดการ
สิ่งแรกที่ต้องทำคือ อย่าตกใจ เพราะมันไม่ได้หมายความว่าคุณต้องเป็นมะเร็งแน่ๆ อย่างที่สองคือ อย่าไปตรวจ Pap smear ใหม่ที่ไหนเด็ดขาด เพราะผลการตรวจที่ออกมา มักจะผิดปกติจริง จะเป็นมากน้อยแค่ไหน เป็นมะเร็งแล้วหรือยัง คุณจะต้องตรวจพิเศษต่อไป ไม่ใช่กลับไปตรวจคัดกรอง Pap smearใหม่
ที่บอกว่าอย่าตกใจไปเลยกับผลการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเบื้องต้นที่ ผิดปกติ ก็เพราะว่าการรายงานผลที่ผิดปกตินั้นมีสามสี่ระดับ ตั้งแต่การตรวจพบเซลล์เยื่อบุปากมดลูก ที่มีเพียงการอักเสบ ซึ่งสุภาพสตรีทั่วไปที่มีครอบครัวหรือมีบุตรแล้ว ปากมดลูกก็มักอักเสบเป็นธรรมดา ไม่ได้มีอันตรายแต่อย่างใด
ระดับถัดมา การรายงานผลจะเรียกว่า LSIL (Low grade squamous intraepithelial lesion) คือเซลล์ปากมดลูกมีการเปลี่ยนแปลงผิดปกติบ้างแล้ว มักจะเป็นรอยโรคปากมดลูก ระยะก่อนมะเร็งแบบแรกเริ่มจริง ๆ (CIN I, cervical intraepithelial neoplasia )
ระดับที่สามก็คือ HSIL (High grade squamous intraepithelial lesion) คือเซลล์ปากมดลูกมีการเปลี่ยนแปลงผิดปกติมากขึ้นมาอีกนิด มักจะเป็นรอยโรคปากมดลูกระยะก่อนมะเร็งที่เซลล์ผิดปกติค่อนข้างมาก (CIN II, III)
ระดับสุดท้ายที่จะมีการรายงานผลได้คือ สงสัยว่าพบเซลล์มะเร็งปากมดลูก ทั้งนี้ทั้งนั้น ผลการตรวจที่ได้จากการทำ Pap smear เป็นเพียงการคัดกรองนะคะ ยังไม่ได้ฟันธงว่าคุณต้องเป็นมะเร็งปากมดลูก หรือเป็นรอยโรคปากมดลูกระยะก่อนมะเร็ง
เมื่อคุณหมอนัดให้มาตรวจเพิ่มเติมนั้น แนะนำว่าควรรีบมาเพื่อจะได้รับการส่องกล้องตรวจปากมดลูก ที่เรียกว่า คอลโปสโคปี (Colposcopy) ซึ่งจะมีความแม่นยำมากขึ้น แล้วคุณหมอก็จะขอตัวอย่างเนื้อเยื่อในส่วนที่สงสัย ไปตรวจทางพยาธิวิทยาต่อไป รับรองได้ว่าไม่เจ็บค่ะ แต่ต้องมาตรวจส่องกล้องตอนที่ไม่มีประจำเดือน และไม่มีการติดเชื้อในช่องคลอดจะดีกว่า มาช้ารู้ผลช้า มาเร็วรู้ผลเร็ว
บางโรงพยาบาลมีคุณหมอที่ส่องตรวจคอลโปสโคปีได้ท่านเดียว คุณอาจต้องรอคิวนานหน่อย เพราะฉะนั้นรีบติดต่อคุณหมอจะดีกว่านะคะ เมื่อผลพยาธิวิทยาออกมาแล้ว คราวนี้ก็จะบอกได้แล้วค่ะว่าคุณเป็นมะเร็งปากมดลูกหรือยัง หรือเป็นแค่รอยโรคปากมดลูกระยะก่อนมะเร็งที่เรียกว่า CIN
บางครั้งอาจต้องทำใจว่ายังสรุปผลไม่ได้เช่นในกรณีที่คุณหมอที่ส่องกล้องตรวจ ปากมดลูกขอเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อน้อยไป ไม่เพียงพอต่อการสรุปคำวินิจฉัย คุณอาจจะต้องให้คุณหมอเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อเพิ่มขึ้นซ้ำอีกครั้งหนึ่งด้วย เทคนิคที่ต่างไป คือการตัดปากมดลูกด้วยห่วงลวดไฟฟ้า หรือที่เรียกว่า LEEP (มาจากคำว่า Loop Electrosurgical Excision Procedure) วิธีนี้ก็ไม่เจ็บค่ะ ทำแล้วกลับบ้านได้ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล ยังงัยก็จะได้รู้กันไปค่ะ ว่าตกลงเราเป็นโรคถึงระดับไหนแล้ว
สำหรับสุภาพสตรีที่มีผลคัดกรองมะเร็งปากมดลูกผิดปกติ ทั้งๆ ตอนคุณหมอที่ตรวจภายใน ก็ไม่ยักมองเห็นแผลหรือก้อนเนื้อที่ปากมดลูกด้วยตาของ คุณหมอเองเลยนั้น บอกได้เลยว่าโอกาสที่จะเป็นมะเร็งปากมดลูกที่แพร่กระจายออกนอกปากมดลูก ค่อนข้างน้อยมากๆ ส่วนใหญ่ผลสรุปมักอออกมาเป็นรอยโรคปากมดลูกระยะก่อนมะเร็ง หรืออย่างแย่สุดก็เป็นมะเร็งปากมดลูกระยะเริ่มแรกที่ยังมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า (แปลว่ามันเล็กจริงๆ ค่ะ)การรักษาในปัจจุบันสามารถรักษาให้หายได้
สิ่งสำคัญอยู่ที่ว่า จิตใจต้องเข้มแข็งและมีสตินะคะ เมื่อได้รับแจ้งจากทางโรงพยาบาล อย่าเพิ่งร้องไห้ฟูมฟาย บอกลาญาติมิตร หาวันว่างๆที่ไม่ใช่วันนั้นของเดือน ไปพบคุณหมอเพื่อส่องกล้องตรวจปากมดลูก อีกรอบแล้วติดตามฟังผลชิ้นเนื้อ หรือผลพยาธิวิทยาจากคุณหมอว่าสรุปคำนิจฉัยโรคว่า อย่างไร และดำเนินการรักษาไปตามผลการวินิจฉัยนั้น
ถ้าการวินิจฉัยว่าเป็นรอยโรคปากมดลูกระยะก่อนมะเร็งหรือ CIN ส่วนมากการรักษา จะรักษาแบบผู้ป่วยนอก ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล อาจจะด้วยการทำ Cryotherapy หรือจี้ปากมดลูกด้วยความเย็น LEEP หรือการตัดปากมดลูกด้วยห่วงลวดไฟฟ้า แต่ถ้าแย่หน่อยเริ่มเป็นมะเร็งไปแล้วการผ่าตัดมดลูกและต่อมน้ำเหลืองในอุ้งเชิงกราน ก็ยังมีโอกาสให้ผู้ป่วยหายจากโรคได้ค่ะ.
บทความ : เนื้อหา จาก ศูนย์วิจัยศึกษาและบำบัดโรคมะเร็ง สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ เผยแพร่โดย น้ำใส ดอทคอม
จากคุณ |
:
แอบอู้ดูทู้ผู้พัน
|
เขียนเมื่อ |
:
14 ก.ค. 53 22:24:44
|
|
|
|
|