|
ความคิดเห็นที่ 8 |
|
ข้อหนึ่ง นั้น เป็นความเชื่อที่ผิดครับ จริงครับ โดยเฉพาะคนป่วยโรคไต หัวใจ ความดัน แต่ในคนทั่วไปข้อนี้อาจถูกครับ เพราะโดยทั่วไปคนมักกินน้ำน้อย หรือเต็มที่ก็กินได้ไม่เกิน 3-4 ลิตรต่อวัน(ซึ่งไม่เป็นผลร้ายต่อร่างกายเพราะไตสามารถขับน้ำส่วนเกินออกได้) ข้อสอง ถ้าให้ชัดใช้ สูตรคำนวนทางการแพทย์ครับ ไม่เกิน 10 กก แรกของน้ำหนักตัว คิด 100 มล ต่อกก, 10 กกต่อมาคิด 50 มล ต่อกก,ส่วนเกินคิด 20 มลต่อกก(ตย น้ำหนัก 15 กก 100x10+50x5=1250 มล, 30 กก ควรได้รับน้ำอย่างน้อย 100x10+50x10+20x10=1700 มลต่อวัน)เป็นปริมาณน้ำที่น้อยที่สุดที่ควรได้รับต่อวัน(มากกว่านี้ก็ได้ครับ) แต่อย่าลืมว่าในอาหารทุกชนิด ก็มีน้ำเป็นส่วนประกอบนะครับ (คิดปริมาณน้ำแฝงในอาหาร ที่ 200-500 มลต่อวัน)ดังนั้นน้ำมี่ดื่มจริงอาจไม่ต้องถึง 8-10 แก้วก็ได้ครับ ข้อสาม สิ่งของที่กินไปทุกชนิด ไม่ว่าร้อนหรือเย็น จะไปถูกพักไว้ที่กระเพาะก่อนเสมอแล้วจะถูกทยอยปล่อยลงลำไส้ที่ละนิด กว่าจะหมดกินเวลา 2-8 ชมแล้วแต่ชนิดของอาหารครับ ในส่วนของอุณหภูมิของอาหาร ใช้เวลาไม่เกิน 30 นาทีก็จะถูกปรับให้เท่ากับอุณหภูมิของร่างกายแล้วครับ (ส่วนเรื่องอาหารเน่าในกระเพาะนี้คงยากครับ ถ้าอาหารนั้น เน่าได้ใน 8 ชม ก็ไม่ควรจะกินตั้งแต่แรก อีกประการในกระเพาะมี pH เป็นกรดครับ แบคที่เรียเจริญได้ไม่ดี การเน่าเสียจึงเกิดได้ยาก) ข้อสี่ น้ำย่อยเป็น enzyme ครับ แปลว่า เป็นตัวช่วยในการย่อยสลายอาหารให้มีขนาดเล็กลง เพื่อร่างกายจะดูดซึมได้ สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ไม่ถูกสลายไปกับขบวนการย่อย ไม่เหมือนกรดที่ใช้ H อิออน เป็นตัวสลาย(ดังนี้นเมื่อความเข้มข้นของกรดลดลง ความสามรถในการกัดกร่อนจึงลดลง) ส่วนสารทีี่ใช้ทำให้อาหารมีขาดเล็งลงจริงคือน้ำครับ โดยน้ำจะเข้าไปแตกพันธะ(bond) ระหว่างโมเลกุลของอาหาร ดังนั้นกินข้าวไปกินน้ำไป น่าจะทำให้ขบวนการย่อยอาหารมีประสิทธิภาพดีมากกว่า (แต่จะกินน้ำรวดเดียว หลังกินข้าวก็ได้ เพราะอย่างไรก็จะไปรวมกันที่กระเพาะอยูดี) ส่านการจิบน้ำบ่อยๆ จะได้ผลดีขณะอกกำลังกายครับเพราะจะทำให้นำ้ถูกดูดซึมง่ายกว่า(คำอธิายจะเกี่ยวกับระบบประสาทอัตโนมัติ sympathetic-parasympathetic) ถ้าในการกินอาหารปกติ ไม่มีผลครับเพราะร่างกายจะรับทราบว่ามีอาหารและน้ำเข้ามา ลำไส้จะลดการบีบตัวเพื่อเพิ่มการดูดซึมอาหารแทนอยู่แล้ว เรื่องเรอกับท้องอืด โดยมากเกิดจากการกินอาหารอย่างรวดเร็ว เคียวไม่ละเอียด พูดคุย(เม้า)ขณะกิน ยิ่งถ้าพูดเรื่องตลกทำให้หัวเราะยิ่งแล้วใหญ่ จะทำให้มีการกลืนลมลงในกระเพาะ ทำให้มีแก็สสะสมเป็นเหตุให้ท้องอืด เรอ (ดังนั้นคนอินเดียจึงถือว่าการเรอหลังกินเป็นการชมว่าอาหารอร่อย -อร่อยทำให้กินอย่างรวดเร็ว) กินผลไม่ล้างปาก ข้อดี ดับกลินปากจากอาหารคาว จะกินทันทีหรือหลัง 1-2 ชมก็คงไม่มีผลเพราะอาหารเดิม ยังไม่หมดกระเพาะเลย(ส่วนใหญ่อาหารที่มีไขมันหรือโปรตีน จะอยู่ในกระเพาะ 6-8 ชมครับ เพราะเสียเวลาย่อยนานร่างกายจึงจะปล่อยลงลำไส้ได้ ที่ละนิดละนิดเท่านั้น) ส่วนเรื่อง ธาตุไฟ ธาตุน้ำ ไม่ขอออกความเห็นครับ ไม่ใช่ผู้รู้ด้านนี้ ส่วนข้อสุดท้าย น้ำอัดลม ข้อดี อร่อย มีน้ำตาลกลูโคส กินแล้วสดชื่น มีกรดคารบอนิกช่วยในการย่อย มีแกส คารบอนไดออกไซด์ ทำให้เรอลดการแน่นท้อง ข้อเสีย เปลื่องเงิน มี คาเฟอีน และสารอนุพันธ์อื่นๆในกลุ่มไฮโดรคารบอน ที่ไม่มีประโยชน์ เว้นแต่การเป็นสารเสพติดอย่างอ่อนที่ทำให้รู้สึกดี ชา กาแฟ เหมือนน้ำอัดลมครับ
สุดท้ายของสุดท้าย ข้อความเหล่่านี้ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่แน่นอน(อ้างอิงได้)เกิดจากความรู้ความเข้าใจของผู้เขียน(อาจถูกหรือผิดก็ได้ เช่นเดียวกับ ของ จขท ) หากมีจริงผู้เขียนก็เกียจคร้านเกินจะไปหามา ดังนั้นผู้อ่านจึงควรใช้ วิจารณญาณของตนในการเลื่อกที่จะเชื่อหรือไม่ เหรียญ มีสองด้านเสมอครับ ยังไงก็ใช้หลักกาลามสูตรนะครับ (กาลามสูตรนะครับ ไม่ใช่กามาสูตรา)
จากคุณ |
:
ขออภัย ความรู้เท่าหางลูกอ๊อด
|
เขียนเมื่อ |
:
13 ส.ค. 53 09:59:57
A:222.123.209.200 X: TicketID:278779
|
|
|
|
|