ความคิดเห็นที่ 1 เวย์ดีกว่าครับ ลองอ่านดุก็แล้วกันครับ http://www.thaimuscle.net/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=17607&highlight= จากคุณ : bankpakim เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 00:29:05

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าจะเอาสร้างกล้ามดีที่สุดก็ whey isolate ครับ จากคุณ : Anqueetas เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 01:09:45

ความคิดเห็นที่ 3   1. Whey ครับ 2. เหมือนกันทั้งคู่ครับ ตอบแค่นี้ล่ะครับ ถ้าอยากรู้ละเอียด ลองจุดธูปเรียกหา "เดอะกูรู" ดูนะครับ เค๊าอาจจะโผล่มาพร้อมกับความรู้แน่นเอี้ยดแบบ 4 หน้ากระดาษฟูลสแก๊ป จากคุณ : เจริญ Porn เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 03:17:02 A:113.53.214.187 X: TicketID:248235

ความคิดเห็นที่ 4 ^ ^ ผมว่าตาม "ผู้รู้" อิอิ กรด อะมิโน ... เป็นโปรตีนที่พร้อมใช้งานได้ทันที เวร์ โปรตีน  .... จะต้องย่อยเสียก่อน จึงจะเป็น กรดอะมิโน พอย่อยแล้ว มันก็ไปสร้างกล้ามได้=เท่ากัน ต่างกันที่ ราคา จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 06:38:59

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณครับ ทุกท่าน ตอนนี้ ซื้อ whey isolate มากินประมาณ 10 วันแล้ว ไปดูตารางฝึกตามเว็บ ส่วนมากเค้าเนะ ให้กิน อะมิโน เอซิด เลยสับสนครับ ว่าเดือนหน้าจะซื้อไรมากินดี แก้ไขเมื่อ 03 ส.ค. 53 09:47:10 จากคุณ : junctionaof เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 09:35:46

ความคิดเห็นที่ 6   อืมมม เรื่องของ Whey Isolate เนี่ย จริง ๆ แล้วมันดูดซึมได้เร็วและ ปริมาณโปรตีนสูงกว่า Whey Concentrate มากอยู่เหมือนกัน มากจนที่ว่า หากกินระหว่างวัน ควรที่จะต้องใช้ผสมกับอะไร ๆ ให้มันมี Mass เพิ่ม ไปดักการดูดซึมให้ค่อยเป็นค่อยไป ดีกว่าจะให้อัตราอะมิโนแอซิดในกระแสเลือดมันพุ่งปรี๊ดซ์ แล้วกล้ามเนื้อมันดักเก็บไว้ไม่ทัน จนส่วนเกินถูกถีบทิ้งผ่านทางไต เสียของเปล่า ๆ ผมถึงแนะนำว่า Whey Concentrate เป็นอะไรที่คุ้มค่ากว่า เพราะราคาก็ถูกกว่าหลายโข เทียบกับอันตราการดูดซึมที่เป็นรอง นิ๊ดเดียว และไหลออกไตได้น้อยกว่า ส่วนเจ้า Whey Isolate เนรี่ย เค๊าจะเหมาะกับการใช้ตอนหลังจากออกกำลังกายทันที ในเวลาเดียวเท่านั้นแหละครับ จากคุณ : เจริญ Porn เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 10:34:18 A:125.26.89.34 X: TicketID:248235

ความคิดเห็นที่ 7 อืมครับผม ปกติที่กิน  Whey ก็จะกินช่วงที่ฝึกในยิมเท่านั้นครับ แบบว่าฝึกไปด้วยกินไปด้วยเลย เค้าเนะนำมาอย่างนั้น ปกติผมจะฝึกวันเว้นวัน ตัว Whey ก็จะกินวันเว้นวัน เช่นเดียวกันครับ ส่วนเวลาปกติ หรือวันที่ไม่ได้ฝึกก็ทานอาหารหลักเยอะๆตามปกติครับ เน้นใข่ขาว กับ คาโบไฮเดรด ผมเป็นคนติดทานนมมากเลย ทุกเช้าเย็น ก่อนนอน หรือ เวลาซื้อเครื่องดื่มกิน ดับกระหายก็มักจะซื้อนมเป้นส่วนใหญ่ ไม่ทราบว่ามีผลกับร่างกายในระยะยาวป่าวครับ อันนี้นอกเรื่องนิดนึง เผื่อผู้รู้จะเวะมาแถวนี้ 555 แก้ไขเมื่อ 03 ส.ค. 53 18:25:44 แก้ไขเมื่อ 03 ส.ค. 53 18:25:09 จากคุณ : junctionaof เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 18:23:56

ความคิดเห็นที่ 8   ในระกว่างฝึก กระเพาะอาหารไม่ทำงานนะครับ เลือดไปเลี้ยงอวัยวะที่เราใช้ฝึกหมดเลย เป็นที่มาของอาการของอ้วกสำหรับผู้ที่กินข้าวมาอิ่มหมาด ๆ นะครับ ผมไม่ยืนยันนะครับ ว่าการกินเวย์ในขณะฝึก จะเป็นการดี เพราะเหตุผลข้างต้นที่บอกไป ผมจะชอบแนะนำให้โหลดเวย์หลังออกกำลังกายทันที เพราะหลังจากหยุดออกกำลังกายไม่นานนัก จะเป็นช่วงที่อวัยวะต่าง ๆ ต้องการการซ่อมแซมอย่างยิ่งยวด การรับประทานโปรตีน และคาร์โบไฮเดรต ภานในช่วงเวลา 2 ชัวโมงหลังการฝึก จะส่งผลต่อการพัฒนากล้ามเนื้อในระดับสูงสุด และภายใน 36 ชั่วโมงหลังการฝึก อวัยวะที่ฝึก จะต้องการการพักผ่อนและฟื้นฟู สำหรับผู้ที่มีอัตราการเผาผลาญสารอาหารในระดับสูง-ปกติ การรับประทานอาหารพวกโปรตีนและคาร์โบฯ ในช่วงเวลาดังกล่าว ร่างกายจะสามารถดึงไปใช้ในการสร้างมวลกล้ามเนื้อได้ในปริมาณที่สูง ฉะนั้น ในวันพัก ที่ไม่ได้ฝึก ในช่วงคาบเกี่ยว 36 ชั่วโมงหลังการฝึกครั้งสุดท้าย การโหลดเวย์เข้าร่างกาย ก็ไม่สูญเปล่านะครับ ส่วนอาการติดนมเนี่ย ขอให้ติดเป็นคน ๆ ไปนะครับ ถ้าไปติดมั่วซั่ว นมนั้นมีเจ้าของอยู่แล้ว นมคงจะลวกปากเลือดสาด หรือหากนิยมนมมากกว่า 1 คน อาจจะโดนนมเก่าข่วนหน้าแหกได้ครับ ปล. ต้องขออนุญาต "เดอะกูรู" ตอบแทนละกัน เห็นไม่เข้ามาตอบสักที จากคุณ : เจริญ Porn เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 02:04:46 A:125.26.89.34 X: TicketID:248235

ความคิดเห็นที่ 9 ฟูลสแก๊ป 4 หน้าพร้อม ดราม่า เรื่องกรดอะมิโน กับเพาะกาย ดร. กับ คนขายทะเลาะกัน เมื่อเร็วๆนี้ ทีห้องหว้ากอ http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X9502772/X9502772.html ปล ที่ไม่้ตอบเพราะเห็นคุณเองก็ตอบได้ถูกต้องดีแล้ว จะให้ตามแก้ไปทำไมครับ ถ้าตอบผิด ค่อยบอกที่ถูก เป็นยังไง ก็พอแล้ว ส่วนที่ยกให้เป็น The guru ผมขอไม่รับครับ ไม่ว่าจะด้วยเจตนาดี หรือ แค่ถากถางสนุกปาก ผมก็ไม่เหมาะสมที่จะรับด้วยเหตุผลอะไร ยิ่งรู้มาก จะยิ่งรู้ว่า ความรู้ที่เรามี มันไม่มีอะไรเลย และผมจะทำใจไม่ได้เลย ที่เวลาเจอผู้ป่วยแล้วให้คำตอบที่ถูกต้องไม่ได้ ผมเลยไม่เหมาะกับคำว่า กูรู เพราะจากที่พบเจอคือส่วนใหญ่ กรูจะไม่รู้ เสียมากกว่า จากคุณ : V--Bank--V เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 09:04:40

ความคิดเห็นที่ 10   ไปเจิมมาแล้วครับ สิ่งที่เห็น ผมตกตะลึงมากเลย เพราะเจอพฤติกรรมแบบเดิม ตอบแบบวิชาการอย่างเดียวไม่เป็น ต้องมีแถมแขวะ แขวะ และแขวะ ด้วย ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ อย่างนี้ ต้องตั้งฉายาใหม่แล้วครับ เดอะกูรู ไม่ได้แล้วล่ะนะ เพราะเห็นไม่ยอมรับ (คงกลัวข้อผิดพลาดเดี๋ยวกรรมจะสนอง) เอาเป็น หมอเมพ ไหม เหอ ๆ ๆ จากคุณ : เจริญ Porn เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 11:38:50 A:125.26.86.155 X: TicketID:248235

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณ คุณ เจริญ Porn  ครับที่ช่วยแก้ข้อสงสัย 555 ไอ้ดื่มนมนี่ สงสัยท่านจะเจอประสบการบ่อยนะครับ ถึงรู้ดี 5555 ส่วนกระทู้พวกนักวิชาการถกเถียงกันผมไม่ขออ่านดีดกว่าครับ แต่ขอเปิดดูนิดนึง อิอิ ผมไม่ค่อยเปลี่ยนใจอะไรง่ายๆครับ ถ้าตัวเองคิดว่าดีที่สุดแล้ว ก็ทำแบบนั้นไป ใครมาเป่าหูอ้างโน่นอ้างนี่ ก็คงเปลี่ยนไม่รู้จบ ยังไงก็ขอบคุณทุกท่านจริงๆนะครับ ผมสงสัยอะไร เซิส google แล้ว ยังสงสัยอยู่ก็มักมาโพสในนี้ มันช่วยได้เอยะเลยครับ การได้ขอคำเนะนำจากใครซักคนนึง แล้ว มีคนมาตอบ ถึงแม้ว่าเราจะไม่รู้ว่าเค้าคือใคร แต่แค่นี้ก็รู้สึกสบายใจแล้วครับ *-*- จากคุณ : junctionaof เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 53 19:14:34

ความคิดเห็นที่ 12 ว่าจะไม่พูดตอบแล้วนะ เพราะเห็นความเห็นคุณแสดงท่าทีแบบนั้น แต่ก็อดไม่ได้จริงๆ คุณไปดูในลิงค์แรกที่ http://www.thaimuscle.net/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=17607&highlight= ดูแล้วอ่านนะ แล้วมาบอกผมด้วย ว่าใครพูดจริง ใครโกหก ใครพูดความ จริงไม่หมด แล้วใครได้ประโยชน์ จากคุณ : V--Bank--V เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 53 00:16:33

ความคิดเห็นที่ 13   ^ ^^ ^^^ เอ่ Link นี้มันมาจากไหนเหรอ ไม่เห็นคุณเอามาอ้างอิงก่อนหน้านี้เลย อันนี้ นักเพาะกายรุ่นพี่เค้ามาไขความกระจ่างให้เป็นที่เรียบร้อยแล้วนี่ พวกเข้าใจผิดก็ได้เข้าใจถูก = แต่ = ประเด็นสำหรับคุณ ผมพยายามบอกคุณอยู่นะ ว่าหากจะงัดเอาหลักวิชาการมาสอนคน ก็อย่าเสร่อทำตัวเกรียน แขวะคนอื่นเค๊า ผมเข้าใจครับ ว่าเพิ่งจบหมอมาเนี่ย มันไฟแรง ถ้าเรียนก่อนเกณฑ์ คุณก็เพิ่งจะจบมาหมาด ๆ ถ้าตามเกณฑ์ คุณก็จบมาแล้วประมาณ 1-2 ปี ประสบการณ์ในวิชาชีพยังต่ำมาก ๆ เลยด้วยซ้ำ พอพิจารณาจากข้อมูลส่วนตัวของคุณ ผมมองว่า คุณยังไม่มีวัยวุฒิ และประสบการณ์เพียงพอที่จะเอาตำราวิชาการไปตบกบาลใคร ๆ เค๊า อยากรู้ไหม ทำไมผมรู้ ว่าคุณเป็นหมอใหม่ และอยู่ในสภาวะเห่อวิชาชีพ เพราะคำนี้ไง "ยิ่งรู้มาก จะยิ่งรู้ว่า ความรู้ที่เรามี มันไม่มีอะไรเลย และผมจะทำใจไม่ได้เลย ที่เวลาเจอผู้ป่วยแล้วให้คำตอบที่ถูกต้องไม่ได้ ผมเลยไม่เหมาะกับคำว่า กูรู เพราะจากที่พบเจอคือส่วนใหญ่ กรูจะไม่รู้ เสียมากกว่า" มันทำให้ต่อมวิปัสนาของผม ทำงานอย่างหนัก เพราะสงสัยว่า ทำไมไม่แน่จริง และไม่กล้ารับผิดชอบอีกด้วย จนได้คำตอบว่า ให้กลับไปดูข้อมูลอ้างอิงเพื่อค้นหาปัจจัยแห่งพฤติกรรมของคุณ ถึงได้เจอเหตุผล ดังที่ว่ามานั่นแหละ คุณหยุดซะเถอะ ผมไม่อยากเล่นด้วยแล้ว คุณหมอมือใหม่ ฮ่า ๆ ๆ ๆ จากคุณ : เจริญ Porn เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 53 00:47:44 A:125.26.86.155 X: TicketID:248235

ความคิดเห็นที่ 14 ดูใน คห 1 ของคุณ  bankpakim ในกระทู้นี้สิครับ นั่นแหละครับลิงค์ที่ผมเอามา คุณไปเอาความเห็นนักเพาะกายรุ่นพี่ที่แนะนำมาให้ผมดูด้วยนะครับ เพราะในนั้นไม่ว่าจะ คุณ tinker_muscle คุณ AnabolicManz หรือ จากเว็บ Tuva นั่นก็ไม่ถูกต้องทั้งหมดครับ ========================================= แล้วต่ออีกนิด ผมตอบในกระทู้หว้ากอนั้นตั้งแต่ คห.14 ซึ่งครบถ้วนดีแล้ว ต่อมา ยังมีความเห็นของคุณ kimpercholic ใน คห. 16 ที่มาตอบ >ไข่ขาว ก็ยังมีไขมัน และคาร์โบไฮเดรตอยู่ ถูกหรือผิดครับ ? ถ้าคิดแบบละเอียดๆ ก็คงใช่ แต่ถ้าคิดแบบหยาบๆ คาร์บ 1 กรัม / 100 กรัม ถือว่าปัดทิ้งได้ไหมครับ ? >แต่อะมิโน10000 จะเป็นกรดอะมิโนเพียวๆเลย ฉลากเขียนไว้ชัดเจนเลยครับว่า เป็น Hydrolyzed whey แปลว่า ถ้าทางเดินอาหารของคุณไม่ย่อยโปรตีน อะมิโนหมื่นของคุณก็จะไม่ดูดซึม เพราะไม่ได้เป็นกรดอะมิโน อย่างที่คุณ kimpercholic เข้าใจ พร้อมแนบลิงค์แสดงวิธีคิดคำนวณปริมาณโปรตีนในไข่ขาวนั่น ก็ผิด เพราะในตาราง Nutrient Composition Table จะคิดแบบ Crude protein หรือ จะต้องคิดตาม % BV คุณต้องหาจากวิธีวิเคราะห์ของ USDA เว็บ Nutritiomdata และ ข้อมูลสารอาหารส่วนใหญ่จะอ้างอิงของ USDA เป็นหลัก ดังนั้นถึงควรจะต้องอ่านก่อนทำความเข้าใจกับข้อมูลเสียก่อน ถ้าคิดเป็น crude protein ก็จำเป็นต้องหัก BV เฉพาะเมื่อต้องการคำนวณ ปริมาณกรดอะมิโนเพื่อใช้ในงานวิจัยเท่านั้น ถ้าใช้กินทั่วไป %BV ที่ ต่ำกว่า 60% เท่านั้นถึงจะต้องนำมาใช้หักในการคำนวณ ซึ่งเค้า ไม่รู้ แล้วไม่ได้รับฟัง ถ้าโต้แย้งด้วยข้อมูลมันเป็นเรื่องที่ดี แต่คุณ kimpercholic กลับโต้แย้งด้วยการ ยกเมฆ คือไปยก เอาเว็บ ... มาิแล้วบอกว่า เค้าแปลมาจากนอก ซึ่ง imply อ้อมๆ ได้ว่า หนังสือนอกนะ เว้ยฝรั่งเขียน โง่กว่าฝรั่งจะไปรู้อะไร  แถมยังจับ แพะ ผสม แกะ จนออกมาเป็น ลา ... เค้ายังไม่เข้าใจ นิยามของ %BV เลย เอามาอ้างได้ไงว่าต้องคิดตาม %BV นี่ถ้าไปอ่านค่า PDCAAS แล้วไม่ไปกันใหญ่รึครับ แล้วยังมีการแขวะทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า >ตัวที่เป็นพระเอกของเราจริงๆคือ อะมิโนครับ ไม่ใช่โปรตีน ย่อยโปรตีนไม่ได้กรดอะมิโนหรือไง แล้วลำไส้คนทำงานได้ปรกติมีใคร ย่อยโปรตีนไม่ได้บ้าง ? นี่คือ ความผิดพลาดที่เกิดจากการรู้ไม่จริง ======================================== คำพูดผมที่ว่า "ยิ่งรู้มาก จะยิ่งรู้ว่า ความรู้ที่เรามี มันไม่มีอะไรเลย และผมจะทำใจไม่ได้เลย ที่เวลาเจอผู้ป่วยแล้วให้คำตอบที่ถูกต้องไม่ได้ ผมเลยไม่เหมาะกับคำว่า กูรู เพราะจากที่พบเจอคือส่วนใหญ่ กรูจะไม่รู้ เสียมากกว่า" นั่นถูกต้องดีแล้ว ผมเรียน nutrition มา 3 ปี เจอคนไข้ถามผมว่า "เค้าจะกิน xxx มันจะมีผลอะไรกับเค้ามั้ยหมอ" ผมก็ต้องเริ่มไล่ดูตั้งแต่ต้น สารอาหารอะไร ส่วนประกอบอะไร กรรมวิธีอะไร เค้าเป็นโรคอะไร มีรายงานไหมที่ต้องระวังอะไร ฯลฯ ทุกอย่างไม่เคยมีสอน ผมก็ต้องหาเองทั้งหมด สิ่งที่ผมเรียนมีเฉพาะ "วิธีการหาความรู้เอาไปตอบ" ไม่ได้เรียน "สิ่งที่คนไข้จะถาม" แล้วอย่างที่ คห.11 พูดไว้ >ผมไม่ค่อยเปลี่ยนใจอะไรง่ายๆครับ ถ้าตัวเองคิดว่าดีที่สุดแล้ว >ก็ทำแบบนั้นไป ใครมาเป่าหูอ้างโน่นอ้างนี่ ก็คงเปลี่ยนไม่รู้จบ แปลว่า เค้าจะฟังสิ่งที่ตรงกับที่เค้าคิด ? ซึ่งอาจไม่ถูกแต่ก็จะเชื่อ ? ถ้าคนแรกมาบอกเค้าเป็น ป้าเช็ง บอกน้ำหมักแกมีโปรตีนสูง แล้ว โดน คนหลายคนบอกต่อๆกันว่า มันดีจริง โดยไม่ดูตามเหตุผลทาง วิทยาศาสตร์ ประโยชน์ที่ได้มันจะตกถึงเค้าจริงๆ หรอ ? ======================================== อ้อ ผมเห็นที่คุณ เจริญพร ใช้เว็บ http://www.scientificpsychic.com/health/count-calories.html คำนวณแคลอรี สำหรับนักกล้าม คุณรู้หรือป่าวว่า เค้าใช้สมการอะไรคิด ? ตัวสมการมันหมายความว่าอะไร ? ใช้ในคนจำพวกไหนได้บ้าง ? ทำไมถึงไม่นิยมในหมู่ Sport science โดยเฉพาะ Body Builder ? ระดับ Activity Factor ที่ต่างกัน 0.1 มันต่างกันระดับไหน ? เมื่อไหร่จะเพิ่ม เมื่อไหร่จะลด คุณคิดว่าเลือกถูกไหมครับ ? คุณใช้แบบสอบคำถาม เพื่อแยก Activity Factor อย่างไรครับ แล้วคุณได้คำนึงถึง Injury Factor ที่จะตามมาภายหลังจากที่คุณออก กำลังกายหรือป่าว ? ในตอนแรกผมอ่านความเห็นคุณ petertan2523  ที่แขวะผมในกระทู้ ก่อนหน้าที่ว่า >ผมนับถือที่คุณนั่งคำนวณพลังงาน แคลอรี แล้วไง >คุณคิดว่าคนเล่นเวทเขาไม่รู้เหรอ เรื่องเนี้ย ผมยังคิดว่า พวกคุณเข้าใจเหมือนกันหมดเสียอีก จนมาเห็น ใช้เว็บที่ว่านั่นคิด พลังงานทีต้องการ ถึงรู้เลยว่า คุณก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมว่า คนที่ไม่รู้จักยอมรับความจริง คงไม่ใช่ผม แต่ดูเหมือนจะเป็นคุณ และก็คงจะเป็นความผิดของผม ที่คิดว่า พวกคุณ รู้ในระดับที่นำไปใช้ได้ แต่นี่ การนำไปใช้เบื้องต้น ยังนำไปใช้ไม่ถูกเลย มันแปลได้ว่าอะไร ? จากคุณ : V--Bank--V เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 53 04:27:33

ความคิดเห็นที่ 15   ดูท่าว่า คุณคงจะอ่านไม่ละเอียดนะ ถึงไม่รู้ว่าผมใช้เว็บนี้คำนวณ แต่ผมไม่ปักใจเชื่อมัน 100% และส่วนตัวผม ที่ผมใช้เว็บนั้น เพราะผมขี้เกียจ อ่านดูให้ละเอียด ๆ ครับ จะรู้ว่าผมใช้มันคำนวณจริง แต่ผมก็บอกไปอยู่นี่ ว่าร่างกายมนุษย์นั้น ใช้หลักตรรกศาสตร์ มาตัดสินเป๊ะ ๆ ไม่ได้ เพราะมีเหตุปัจจัยที่นำมาซึ่งความผิดพลาด ฉะนั้น วิทยาศาสตร์เป็นเพียงแนวทาง หากจะทดลองและคาดหวังให้เป็นผลลัพธ์ตามต้องการ มันต้องทำ "เกิน" จากความคาดหวังไว้ก่อน การเล่นตลกกับร่างกายมนุษย์เนี่ย มันไม่สามารถบอกได้หรอก ว่าไอ้นี่แล้ว 100% ไอ้นั่นแล้ว 100% เหมือนคุณหว่านปุ๋ยใส่ต้นมะม่วงแล้วมาคาดหวังว่าให้ต้นมะม่วงมันออกผลมา 1000 ผลเป๊ะ ๆ เพราะถึงเวลาจริง ๆ ปัจจัยแวดล้อมทั้งภายในและภายนอก มันจะทำให้ผลที่ออกมาคลาดเคลื่อน อาจจะออก 1256 ผล หรือออก 859 ผล ใครจะไปรู้ ร่างกายมนุษย์ก็เป็นเช่นนั้น = แต่ = หากจะใช้ หลักวิชาการในการตัดสินถูก-ผิด สามารถทำได้หรือไม่ บอกเลยว่าสามารถทำได้ แต่มันไม่สามารถตัดสินผลลัพท์ในร่างกายมนุษย์ได้เลยหากความผิด หรือความถูก มันถูกดัด ถูกเลี้ยวเบน จากปัจจัยเพียงไม่กี่ % จากความเป็นจริง หากเป็นฟิสิกส์ สิ่งนี้ผมจะนิยามร่างกายมนุษย์ว่าเป็นเครื่องมือแบบ Analog แต่สิ่งที่คุณกำลังพยายามทำ มันเหมือนกับว่าคุณพยายามนิยามร่างกายมนุษย์ให้เป็นเครื่องมือระบบ Digital ผิดตั้งแต่แนวคิดแรก ที่เถรตรงจนเกินไป ความคิดต่อมาก็เลยตรงเผงอย่างที่เห็น ใครกระดิกอะไรก็ไม่ได้เลย นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งในตัวคุณนะ ที่ผมเห็น ถามว่ามันดีไหม บอกเลยว่าดี แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนรู้สึกแย่ในตัวคุณ ก็คือการตอบคำถามแนวกระทบกระแทก แดกดัน แขวะไปทั่ว สมมุติเหตุการณ์นะ สมมุติ มีเกษตรกรคุยกันเรื่องของปุ๋ยใส่ต้นไม่ ว่าใช้แล้วดีอย่างโน้น อย่างนี้ ทีนี้ ก็ด้วยความสนใจ ใส่ใจ ไปอ่านรายละเอียด ว่ามันเป็นยังไง เพราะอะไรถึงเป็นเช่นนั้น (คือไขความข้องใจ เพียงเท่านั้นเอง) เกษตรกรก็ถก ก็คุยอย่างเมามัน มีทั้งข้อมูลเบื้องลึก ที่มีทั้งผิด และก็มีถูก เผอิญ เกษตรอำเภอหนุ่มไฟแรง เดินมาได้ยินบทสนทนา เกษตรอำเภอไฟแรง ก็รีบสวนกลับไปทันทีว่า "ไม่ใช่แบบนี้นะ มันต้องแบบนี้ ใครที่พูดแบบนี้ มันโง่เหมือนควาย" "และเหตุนี้นะ มันจะได้ผลแบบนี้ ถ้าใครคิดเหตุผลผิด มันต้องไล่กลับไปค้นคว้าใหม่ซะให้เข็ด" ใครหน้าไหน เค๊าจะฟังความจริงจากคุณ ในเมื่อเด็กน้อยที่ไหนก็ไม่รู้ เห่อวิชา ร้อนวิชา บ้าพลังจากที่ไหนก็ไม่รู้ มาสั่งมาสอน สอนอย่างเดียวไม่พอ มีแขวะ มีจิก มีด่า มีกวนอารมณ์ ต่อให้เป็นความจริงที่ควรรับรู้ ก็ไม่มีใครหน้าไหนเค๊าอยากฟังหรอก เผลอ ๆ จะโดนกระทืบออกจากวงสนทนาด้วยซ้ำ " ผมยังคิดว่า พวกคุณเข้าใจเหมือนกันหมดเสียอีก จนมาเห็น ใช้เว็บที่ว่านั่นคิด พลังงานทีต้องการ ถึงรู้เลยว่า คุณก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมว่า คนที่ไม่รู้จักยอมรับความจริง คงไม่ใช่ผม แต่ดูเหมือนจะเป็นคุณ และก็คงจะเป็นความผิดของผม ที่คิดว่า พวกคุณ รู้ในระดับที่นำไปใช้ได้ แต่นี่ การนำไปใช้เบื้องต้น ยังนำไปใช้ไม่ถูกเลย มันแปลได้ว่าอะไร ? " มันแปลว่า ไม่มีอะไรในกอไผ่ แปลว่าผมขี้เกียจ แปลว่าผมไม่ใช่พวกกอดตำราตาย ก็ผมบอกไปแล้ว ว่าผมใช้เครื่องคำนวณนี้เป็นเพียงแนวทางคร่าว ๆ ปฏิบัติจริง ผมก็เผื่อความผิดพลาด เพราะผมไม่เชื่อมัน 100% วิทยาศาสตร์ คือศาสตร์ที่ว่าด้วยหลักเหตุ และผล มีสมมุติฐาน มีการทดลอง มีการสรุปผล แต่รู้ไหม ว่ามีบางสิ่งที่ส่งผลต่อการทดลอง มันคือ Error Factor ฟิสิกส์ ก็ยังมี Error Factor แม้แต่คณิตศาสตร์ ศาสตร์ที่ตรงที่สุดในจักรวาล ก็ยังมีบางกรณีที่พิสูจน์ไม่ได้เลย (ผมไม่พูดว่า Error Factor นะ ผมไม่ใช่นักคณิตศาสตร์) กลับไปดูตัวเองก่อน พ่อเกษตรอำเภอหนุ่มไฟแรง จากคุณ : เจริญ Porn เขียนเมื่อ : 5 ส.ค. 53 10:54:14 A:125.26.81.218 X: TicketID:248235