![](/cafe/image/w40px.gif) |
ความคิดเห็นที่ 9 |
ส่วนความเห็นตัวผมเองเห็นด้วยกับบทความนี้ครับ อ้างจาก โพสต์ ทูเดย์ 10/08/10
ชันสูตร หัว (ใจ) หมอความแตกต่างระหว่างความเป็นคน
เป็นเรื่องยากอย่างยิ่งสำหรับคนตัวเล็กๆในสังคมที่จะลุกขึ้นมาทวงถามหาความถูกต้องแข่งกับคนมีหน้ามีตามีเกียรติและมีเงินมากกว่า
เป็นเรื่องยากอย่างยิ่งสำหรับคนตัวเล็กๆในสังคมที่จะลุกขึ้นมาทวงถามหาความถูกต้องแข่งกับคนมีหน้ามีตามีเกียรติและมีเงินมากกว่า ตัวอย่างจาก นางดอกรัก เพ็ชรประเสริฐ เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2549 เข้าไปหาหมอที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง โดยระหว่างทำการรักษานั้น หมอเจ้าของไข้ได้นำยาเพนนิซิลินมาฉีดให้กับเธอ โดยไม่ดูทะเบียนประวัติในการักษาว่าเธอมีอาการแพ้ยาตัวนี้อย่างรุนแรง
นางดอกรัก เคยเล่าถึงอาการในวันนั้นว่า เมื่อหมอฉีดยาดังกล่าวให้กับเธอแล้ว เธอก็เกิดอาการใจสั่นและเหนื่อยหอบ ซึ่งเป็นอาการเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในตอนที่แพ้ยาครั้งแรก
“จึงได้ถามหมอว่า เอายาอะไรมาฉีดให้ฉัน หมอคนนั้นก็ตอบว่า ยาเพนนิซิลิน ด้วยความตกใจ ฉันจึงรีบบอกกับหมอคนดังกล่าวว่า ทำไมหมอไม่ดูประวัติการแพ้ยาของคนไข้เสียก่อน เพราะฉันแพ้ยาตัวนี้เป็นอย่างมาก หมอคนดังกล่าวจึงรีบเอายาที่ให้ออกและนำยาตัวอื่นมาฉีดให้แทน และพูดปลอบฉันว่าฉีดยาแก้แพ้ยาให้แล้ว ไม่เป็นไรแล้ว เดี๋ยวก็หาย”และจาก “เดี๋ยวก็หาย” ที่ทำให้ นางดอกรัก ต้องทนทุกข์กับการตาบอด โดยความรับผิดชอบเดียวขณะนั้นที่สนองให้เธอคือไล่ออกจากโรงพยาบาล
บทเรียนจากความผิดพลาดกรณีนางดอกรัก หาได้ทำให้หมอตระหนักถึงเหตุสุดวิสัยซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ และถึงแม้จะมีการถามถึง “จรรยาบรรณ” สัญญาณตอบรับจากหมอก็คือความเงียบ
จนกระทั่ง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข พ.ศ.... ถูกนำขึ้นมาเป็นประเด็น แทนที่เราจะได้เห็น “จรรยาบรรณ” ของผู้ประกอบอาชีพซึ่งได้รับความเชื่อถือมากที่สุดในสังคมไทย หรือการถกเถียงด้วยเหตุผลของหมอ ซึ่งมีการศึกษาสูง
เรากลับพบการโต้แย้งแบบข้างๆคูๆในทุกเวทีที่แพทยสภาไปร่วมวง พร้อมกับการเปิดเผยผลประโยชน์ที่ทับซ้อนอยู่ของโรงพยาบาลเอกชนบางแห่ง และ การประกาศนโยบายในการรักษาเก้าอี้หัวโขนสมัยหน้า
ยิ่ง (หัว) หมอต้านมากเท่าไร ก็ปรากฏภาพให้สังคมเห็นถึงธาตุแท้ในทุกมุมมากขึ้นเท่านั้น
การเดินหน้าค้านดะ ยังรวมไปถึงการใช้ “ตำแหน่ง หน้าที่ ฐานะสังคม” เพื่อเข้าถึง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก่อนจะเข้าประชุมคณะรัฐมนตรี ในเช้าวันที่ 10 สิงหาคม
กลุ่มเครือข่ายคุ้มครองบริการสาธารณสุข และ สหพันธ์ผู้ปฏิบัติงานด้านแพทย์และสาธารณสุขแห่งประเทศ ได้เดินทางเข้าพบ นายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องให้ถอน ร่างพ.ร.บ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข ออกไปก่อน
โดยอ้างว่า เพื่อให้มีการทำประชาพิจารณ์อย่างรอบคอบ ต้องเชิญผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้ง แพทย์ และ ประชาชน เข้าร่วมแสดงความคิดเห็น ทำเป็นวาระแห่งชาติและมีการจัดประชุมระดับชาติเพื่อเป็นการให้ความรู้ประชาชนอย่างกว้างขวาง เพราะเป็นกฎหมายที่กระทบต่อประชาชนทั้ง 64 ล้านคน และไม่ควรมีการกำหนดว่าต้องเสร็จภายใน 2 เดือนเท่านั้น
ถามว่าถ้าเป็นคนตัวเล็กๆในสังคม จะแบกหน้าเข้าไปทำเนียบเพื่อเรียกร้องให้นายกฯ ผลักดันร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ได้หรือไม่
สิ่งที่คนเป็นหมอควรทำคือรักษาผู้ป่วย รักษาคนไข้ แต่เหตุใดจึงมีการคัดค้านกฎหมายที่จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั้งประเทศ
สิ่งที่น่าคิดคือ หมอรู้หรือไม่ว่า การที่กฎหมายแต่ละฉบับจะผ่านออกมาบังคับใช้ได้นั้น ต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในวาระ 2,3 และวุฒิสภา
การออกมายื่นหนังสือให้นายกฯถอนร่างกฎหมายนี้ออกมา จึงเป็นยิ่งกว่าการกระทำที่ไร้จรรยาบรรณโดยการใช้ตำแหน่งหน้าที่ในทางมิชอบ เพื่อให้ผลประโยชน์เกิดต่อกลุ่มของตน
นางดอกรัก เคยกล่าวทั้งน้ำตาที่ไหลออกมาจากเบ้าบอดว่า เธออยากให้หมอของโรงพยาบาลมีความรับผิดชอบมากกว่านี้ อยากให้ดูแลเอาใจใส่คนไข้ให้มากกว่านี้ จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์ผิดพลาดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ที่ฉันพูดออกมานี้ไม่ได้ว่าหมอไม่ดี เพราะหมอที่ดี ๆ ก็มีเยอะ ทุกวันนี้พยายามคิดว่าเป็นเรื่องของเวรกรรมจะได้ทำให้ฉันไม่ฟุ้งซ่าน แต่ถ้าคิดอีกแบบว่ามันไม่ใช่เรื่องเวรกรรม ก็จะกลายเป็นเรื่องของความประมาทของหมอมากกว่า และที่ออกมาพูดเช่นนี้ก็ไม่ได้ต้องการอะไร นอกจากต้องการให้หมอของโรงพยาบาลรับผิดชอบคนไข้มากกว่า ไม่ผลักไสไล่ส่งคนไข้กลับบ้าน ทั้ง ๆ ที่อาการยังไม่ดีขึ้นแบบนี้ พอตกเป็นข่าวทีก็มีหลายหน่วยงานเข้ามาดูแล โรงพยาบาลก็ดูแลรักษาให้ความสำคัญ พอเรื่องเงียบก็ปล่อยทิ้งคนไข้ ไม่ดูแลเอาใจใส่เท่าที่ควร แล้วคนไข้อย่างฉันต่อไปนี้จะไปหาหมอที่โรงพยาบาลไหนมาช่วยรักษาได้ถ้าเกิดเจ็บไข้ขึ้นมาอีก”
และนับต่อจากนี้การเคลื่อนไหวของหมอจะต้องถูกสังคมมองอย่างดูแคลนขึ้นเรื่อยๆ หากสะบัดความเคลือบแคลงที่แฝงเร้นในวงการหมอไม่กระจ่าง
ยิ่งกดดันก็ยิ่งเสีย และหากมากเกินขอบเขต ก็อาจมีวันหนึ่งที่ได้เห็นองค์กรภาคประชาสังคมออกมาเรียกร้องให้หมอที่ไม่รักษาคนไข้ไปเล่นการเมือง...จะเหมาะสมกว่า
จากคุณ |
:
gomtsn
|
เขียนเมื่อ |
:
11 ส.ค. 53 10:56:41
|
|
|
|
![](/cafe/image/w40px.gif) |