 |
(กระทู้ล่อเป้า) ทำไมเดี๋ยวนี้อาชีพหมอถึงเป็นแบบนี้
|
|
เป็นหมอมาไม่นาน ทำงานไปแล้วก็ีคิดได้หลายๆอย่างว่าทำไมเดี๋ยวนี้อาชีพหมอเปลี่ยนไปขนาดนี้ มีอะไรหลายๆอย่างที่มันเปลี่ยนไปจากเดิม
1.หมอไม่ได้รับความนับถือในสังคมอีกต่อไปแล้ว เจอเหตุการณ์หลายๆอย่างที่ทำให้รุ้สึกแย่ๆว่า เดี๋ยวนี้คนไข้คิดกับเราแบบนี้หรอ
การอยู่เวรดึก(หลังเที่ยงคืนถึงเช้า)ซึ่งมักจะไม่ได้นอน และตอนเช้าก็ต้องไปราวด์วอร์ดตามปกติ และไปออกตรวจผู้ป่วยนอก ซึ่งบางครั้งก่อนหน้านั้นไม่ได้อยู่เวรวันเดียว แต่บางคนอยู่สามถึงสี่วันติดกันไมไ่ด้นอน ซึ่งบางครั้งก็ทำให้ขีดจำกัดร่างกายไม่ไหว ง่วงนอนตลอดเวลา การทำงาน การตัดสินใจรักษาคนไข้แย่ลง เราก็อาจจะต้องพึ่งกาแฟบ้าง เพิ่้อไม่ให้หลับ(แต่การตัดสินใจก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่) และเมือเราเดินไปผู้ป่วยนอก(OPD) พร้อมกับกาแฟ สิ่งที่ได้ยินจากปากคนไข้คือ "อืมสงสัยหมอจะว่างนะ ปล่อยให้คนไข้รอนาน แล้วตัวเองไปซื้อกาแฟกินสบายใจ" ขอโทษนะครับ ไม่ได้อยากกินหรอก แต่ถ้าไม่กินเนี่ย หลับคาห้องตรวจแน่ๆ ถ้าไม่แวะซื้อของพวกนี้ อยู่ไม่ได้แน่นอน และเมื่อหมอบางคนหลับคาห้องตรวจ ก็ได้ยิน "หมอนี่ดีนะ ได้นอนเวลาทำงานด้วย" อยากรู้ความรู้สึกว่าถ้าคุณอดหลับอดนอนทำอะไรเพื่อใครเนี่ย มันเหนื่อยจนไม่ไหวแล้วถูกว่าแบบนี้จะรู้สึกยังไง
2.คนไข้ไม่เข้าใจการทำงานของหมอแล้วว่าโน่นว่านี่
ยกตัวอย่าง OPD โดยเฉลี่ย หมอท่านนึงจะตรวจ OPD ประมาณ 100++ ทุกวัน และมีเวลาตรวจ 3-4 ชม. หลายคนอาจจะสงสัย ทำไมต้องมีเวลาแค่นี้ เพราะหมอไม่ได้มีหน้าที่ออกตรวจOPD อย่างเดียว ก่อนหน้าที่จะมาตรวจพวกคุณหนะ หมอทุกคนจะต้องไปราวด์วอร์ดรอบเช้าของคนไข้ในประจำวอร์ดที่ตัวเองรับผิดชอบ ไม่ได้มาทำงานเก้าโมงอย่างที่หลายๆคนเข้าใจ และหลายครั้งคนไข้ตอนเช้าก็เกิดปัญหาขึ้น ก็ต้องได้ีัรับการดูแลอย่างทันท่วงทีในตอนนั้น ทำให้หมอมาออกตรวจสาย "ไม่ได้ตื่นสายอย่างที่หลา่ยๆคนคิด"
ปัญหาเรื่องการตรวจ OPD ก็เป็นอีกประเด็นที่โดนว่าอยุ่บ่อยๆ เช่น คนไข้มารอนาน แล้วได้ตรวช้าก็จะคอยว่าว่า ทำไมยังไม่ได้ตรวจ ช้อตต่อไปเมื่อได้คิวตรวจและหมอตรวจด้วยความรวดเร็ว ก็จะมีคำอีกคำตามมา "มารอตั้งเป็นชม.ๆ ตรวจแค่นาทีเดียวเองอ่ะ" ซึ่งถ้าคิดตามหลักการก็จะเข้าใจได้ไม่ยาก
ตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น หมอมีคนไข้อย่างน้อย 100 ต่อเวลา 3 ชม. หารง่ายๆก็ 180 นาที/ 100++ คน คิดหยาบๆอย่างช้าที่สุดก็ต้องคนละ สองนาที ซึ่งหมอที่ตรวจเร็วมาตรฐาน ไม่เกินสามนาทีอยุ่แล้ว(จริงๆคือตรวจช้ามากแล้ว) แต่นั้นคือต้องตรวจแบบไม่พูดอะไรมาก และตรวจเป็นประเด็นๆไป ไม่ได้มานั่งฟังปัญหามากมาย ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่ใช่แบบนั้น เพราะมารพ.ทีก็ขอพูดปัญหามากมายซึ่งหลายครั้งก็ไม่ได้สำคัญอะไร แต่อยากคุยกับหมอ ถ้าไม่ฟังก็หาว่าหมอไม่สนใจอีก และมันก็กลายเป็นวงจรอุบาศว์ดังนี้
คนไข้เยอะ -> เวลาตรวจน้อย -> ตรวจเร็ว -> โดนว่า -> โดนฟ้อง -> หมอลาออก,โดนติดคดี -> หมอที่เหลือก็น้อยลง -> อัตราส่วนคนไข้ก็เยอะขึ้น -> คนไข้เยอะ(กลับไปอันแรก) ซึ่งปัญหาตรงนี้มันคงแก้ที่ใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้ มันคงต้องแก้ทั้งตัวหมอเองก็ต้องมีความชำนาญการมากขึ้น(ซึ่งก็ทำได้ยากเพราะสภาพปัจจุบันแค่เอาร่างกายให้รอดไปวันๆก็ลำบากแย่แล้ว เวลานอนสัปดาห์ละไม่ถึง 20 ชม.) แต่ประเด็นสำคัญคือคนไข้น่าจะ้เข้าใจหมอให้มากขึ้น หมอเราๆจะได้มีกำลังใจในการทำงานมากๆขึ้น เหมือนที่เมื่อก่อนเคยเป็นมาก่อน
ประเด็นเรื่องรพ.เอกชล
คนอาจจะคิดว่า ที่เกิดปัญหาข้างต้นขึ้นเพราะว่า หมอไปกระจุกอยู่รพ.เอกชลหมดเพราะว่าได้เงินเยอะกว่า ซึ่งบอกตามตรงว่า เหตุที่หมอเลือกรพ.เอกชลไม่ใช่เพราะเงินเป็นหลัก แต่สาเหตุมาจาก
- รพ.เอกชลคนมาก็ต้องเป็นคนมีเงิน ซึ่งเมื่อเทียบปริมาณกับคนไข้รพ.รัฐเนี่ย ก็เทียบกันไม่ติดดังนั้น ปัญหาข้างบนจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน เมื่อไม่เกิดปัญหาข้างบนหมอ ก็ทำงานได้อย่างสบายใจ มีกำลังใจจะทำงานต่อไป
- เมื่อคนไข้น้อยกว่า งานน้อยกว่า หมอก็มีเวลาพักผ่อนมากขึ้น งานที่ได้ก็ดีขึ้น โอกาสพลาดน้อยลง โอกาสถูกฟ้องก็มากขึ้น
จริงๆเหตุผลยังมีอีกมากมายที่ทำให้คนไข้เลือกไปรพ.เอกชล แต่แค่นี้ก็น่าจะ
พอเห็นภาพมากแล้ว
ขอกล่าวถึงเรื่องการฟ้องร้องในสมัยนี้กันสั้นๆนิดนึง
สมัยก่อนการฟ้องหมอเป็นอะไรที่ดูผิดมนุษย์มาก เพราะหมอเป็นคนรักษาคนไข้ หมอมีเจตนาจะให้คนไข้ดีขึ้น ดังนั้นสิ่งที่หมอทำคือสิ่งที่หมอคิดว่า ทำแล้วช่วยคนไข้ให้ดีขึ้น ดังนั้น คนจึงไม่อยากฟ้องกัน
แต่เดี๋ยวนี้เป็นยังไง ไม่พอใจการบริการก็ฟ้อง คนไข้ตาย(ไม่ว่าหมอจะรักษาถูกต้องตามหลักการหรือไม่) ไม่สน จะฟ้อง ได้เงินหนิ สะใจด้วย รู้สึกแย่มากที่คิดกันแบบนี้ ไม่ว่าจะมีกองทุนบ้าบอหรืออะไรก็ตามที่บอกว่าจะช่วยคนไข้ หรือป้องกันไม่ให้หมอถูกฟ้องก็ตาม แต่สิ่งเหล่้านี้เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ไม่คิดหรอว่า หมอคนนั้นจะรู้สึกยังไง หรือจะทำงานต่อไปได้อย่างไร เพราะการถูกฟ้องครั้งนึง ทุกคนรู้กันหมด หมอคนนั้นเดินไปไหนมาไหน คนก็จะบอกว่า "อ่ะ นั่นหมอที่ทำคนไข้ตายแล้วถูกฟ้องหนิ" ไม่ว่าหมอจะทำจะถูกหรือไม่ แต่หมอคนนั้นก็คงทำงานลำบากไปอีกนานทีเดียว และคงรู้สึกแย่ไปอีกนา่นด้วย
จากที่ผมได้กล่าวไปนี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆน้อยๆที่รู้สึกได้จากการทำงาน ถึงแม้จะไม่นาน แต่สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆและยังคงเกิดขึ้นต่อไป ถ้าอะไรๆหายๆอย่างยังไม่เปลี่ยนแปลง และอนาคตคงไม่เหลือหมอดีๆในรพ.รัฐอีกต่อไป เพราะโดนฟ้องเจ๊งกันหมด อยากให้ทุกคนเก็บไปคิดและเข้าใจหมอเราๆกันมากขึ้นรวมถึง ช่วยให้กำลังใจหรืออย่างน้อยที่สุด ไม่ทำให้เสียกำลังใจในการทำงานก็พอ พวกเราจะได้ทำงานกันต่อไปได้
ขอบคุณทีทนอ่านมายาวว
| จากคุณ |
:
หมอคนนึง
|
| เขียนเมื่อ |
:
7 ก.ย. 53 23:39:38
A:125.27.122.13 X: TicketID:209360
|
|
|
| |
...
... เข้ามาดู
