ความคิดเห็นที่ 1 เราผ่าที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ (ต้องนัดคิวผ่าตัดล่วงหน้านะเพราะเป็นโรงพยาบาลรัฐ ของเรารอสองเดือนกว่า) เราเลือกผ่าตัดโดยใช้เครื่องมือตัดเย็บแบบใหม่ (Stapled hemorrhoidectomy) เพราะจะช่วยให้แผลเจ็บน้อยกว่าและหายเร็วกว่าแบบเดิม (ลองไปหาข้อมูลในเว็บเพิ่มกันเองนะคะ)         เรานอนที่ รพ.3 วัน2 คืน  เป็นห้องพิเศษค่ะ วันแรกเป็นวันเตรียมตัวก่อน เราแอดมิทตอนเช้า จะได้มีเวลาทำใจนานๆ หน่อย ฮ่าๆ       พอค่ำๆ พยาบาลก็มาสวนทวารเพื่อล้างลำไส้ เหอๆ เค้าจะใช้สายยางเล็กๆ เสียบเข้ารูตรู๊ดแล้วค่อยๆ ปล่อยน้ำที่ใช้สวนก้นเข้าไป ให้เรากลั้นไว้ก่อนสักสองสามนาที พอเริ่มปวดอึแล้วค่อยไปถ่าย    แต่เราแป่บเดียวก็ปวดแล้ว เกือบแจ้นเข้าห้องน้ำไม่ทัน แล้วคืนนั้นก็ถ่ายหลายรอบมาก หมดไส้หมดพุงเลย แล้วก็งดอาหารหลังเที่ยงคืนเป็นต้นไปด้วย จากคุณ : rain_breath เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 14:33:08

ความคิดเห็นที่ 2 ตื่นเช้ามา วันนี้วันผ่าตัดแล้ว ระโหยโรยแรง แต่พอเค้ามาเสียบน้ำเกลือให้ก็ค่อยสดชื่นขึ้นหน่อย    สักพักเค้าก็เข็นเราไปตึกที่ผ่าตัด   ใจเต้นตุ่มๆ ต่อมๆ เลย     พอไปถึงหน้าห้องผ่าตัด เปลี่ยนชุดก่อน เป็นชุดยาวเลย ผ่าด้านหลังมีเชือกผูก จากนั้นก็พาเข็นเราเข้าห้องผ่าตัด >_<     พอประตูเปิด เจอหมอ พยาบาล วิสัญญี แล้วก็นักศึกษาแพทย์ ราวๆ สิบคนได้ แต่ใจดีน่ารักกันหมดเลย เหมือนรู้ว่าเรากลัว เค้าก็ชวนคุยเรารีแลกซื     ขั้นแรกเป็นการฉีดยาบล็อกหลัง      หมอให้เรานอนขดตัวเหมือนเด็กในท้องแม่ แล้วก็คลำๆ หลังเรา เพื่อหาจุดฉีดยาใกล้ๆ แถวก้นกก เรากะว่าต้องเจ็บสุดๆ แน่ ฉีดตอนแรกไม่เข้า พออีกที จึ๊ก! หมอบอกว่าโอเคแหละ เอ๊! เจ็บนิดเดียวเองแฮะ ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดเลย พอฉีดยาเสร็จแล้ว หมอก็ให้เรารีบกลิ้งตัวย้ายไปเตียงผ่าตัดที่อยู่ติดกัน จากคุณ : rain_breath เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 14:36:15

ความคิดเห็นที่ 3 พอย้ายตัวมาที่เตียงผ่าตัด ก็ทดสอบก่อนว่ายาชาออกฤทธิ์แล้วยัง โดยเอาปาสเตอร์มาแปะแล้วดึงออก ถ้าไม่รู้สึกอะไรก็แสดงว่าโอเคแหละ       เค้าเอาแผงผ้ามากั้นลำตัวช่วงล่างลงไป หมอก็จะผ่าตัดอยู่หลังผ้ากั้นนั้น เราอยู่ในท่านอนคว่ำ หมอพยาบาลชวนคุยไปเรื่อย       ผ่าๆ ไป สักพักเราก็หนาวสั่น  เค้าก็วุ่นวายดูเครื่องความดันกันใหญ่ แ่ต่ก็ไม่มีไร ก็ช่วยกันเอาผ้าชุบน้ำอุ่นๆ มาคลุมช่วงไหล่ให้ แต่เราก็ยังสั่นไม่หาย ใจมันหวิวๆ ก็คนมันกลัว ต้องบังคับใจให้สงบนิ่งจะได้ไม่สั่น เราแอบท่องพุทธโธในใจเลย สักพักก็ดีขึ้น        ผ่าตัดเสร็จใช้เวลาเกือบหนึ่ง ชม.แล้วเค้าก็ย้ายเรามานอนห้องพักพื้น เราก็เริ่มหนาวสั่นอีก คราวนี้ไม่หายสักที พยาบาลเลยฉีดยาแก้สั่นให้ ยาเค้าดีจริงๆ แป่บเดียวหายสั่นเลย พักฟื้นอยู่ 1 ชม. เค้าก็เข็นเตียงเรากลับมาที่ห้อง จากคุณ : rain_breath เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 14:39:09

ความคิดเห็นที่ 4 หลังผ่าตัดแล้วรู้สึกยังไงอ่ะหรอ เหอๆ ขอบอกว่า ไม่รู้สึกอะไรเลย เพราะยาชายังไม่หมดฤทธิ์ โทรศัพท์คุยกับเพื่อนได้สบายใจเฉิบๆ หมอบอกให้นอนนิ่งๆ แบบนี้ไปอีก หก ชม.  ก็กินข้าวกินน้ำดูทีวีไปเรื่อย       จู่ๆ ปวดท้องขึ้นมาซะงั้น ปวดมาก ไม่รู้เป็นอะไร พยาบาลมากดๆ ท้อง ก็บอกว่าเราปวดฉี่ ต้องสวนฉี่ ตอนสวนก็ยังไม่รู้สึกอะไรเพราะยาชายังไม่หมดฤทธิ์ พอสวนเสร็จ หายปวดท้องเลย สวนมาได้ 1 ลิตรเต็มๆ มิน่าถึงปวดมาก        พอบ่ายก็ปวดท้องอีก พยาบาลก็มาสวนให้อีก คราวนี้ยาชามันเริ่มจะหมดฤทธิ์แหละ เหอๆ เลยเจ็บแปร่บๆ ค่ำๆ ยาชาหมดฤทธิ์แหละ ลุกไปไหนมาไหนได้ แต่ดันปวดท้องอีก พยาบาลก็จะสวนอีก แต่พอรู้ว่านี่จะเป็นครั้งที่สามแหละ เค้าก็เลยไม่สวนให้      เค้าให้เราเอาถุงเย็นมาวางไว้หน้าท้อง แต่เราก็ยังฉี่ไม่ออก พยาบาลก็บอกว่าไม่ต้องกลัวว่าฉี่ไปเลอะผ้าปิดแผล เดี๋ยวไงก็เปลี่ยนได้ แล้วไม่ต้องกลัวเจ็บแผล เราเลยทำใจร่มๆ ไปฉี่ใหม่ พอไม่กังวลอะไรก็ฉี่ออกแหละ ส่วนเรื่องเจ็บแผลหลังผ่านั้นก็ระบมพอสมควร ถ้าปวดมากหน่อย ก็บอกหมอ หมอก็จะมาฉีดยาแก้ปวดให้ จากคุณ : rain_breath เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 14:41:13

ความคิดเห็นที่ 5 ก่อนจะออกจาก รพ. หมอแนะนำให้ถ่ายให้ได้ก่อน ความรู้สึกที่ถ่ายครั้งแรกหลังจากผ่าตัด โอ้วววว เจ็บก็เจ็บแต่เหมือนได้รูตรู๊ดใหม่เลย มันแปลกๆ เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยมีมาก่อน ฮ่าๆ แล้วก็ไม่มีปัญหาเรื่องหูรูดที่จะบังคับกลั้นอึไม่ได้ มีแต่จะคอยกลั้นไว้ตลอด เพราะไม่อยากเจ็บแผลตอนถ่าย     จากนั้นเราก็กลับมาพักฟื้นที่บ้านประมาณสามอาทิตย์หมอแนะนำให้เอาก้นแช่น้ำอุ่นบ่อยๆ จะได้ลดความเจ็บ แล้วก็หาห่วงยางมานั่ง กินอาหารอ่อนๆ กินยาก็จะมีอาการคลื่นไส้บ้าง แต่ไม่นานก็ดีขึ้น      แต่หลังผ่าแล้วที่ก้นก็ยังมีติ่งเล็กๆ เหลืออยู่นิดนึง เคยถามหมอแต่จำไม่ได้แหละว่าหมออธิบายว่าอะไร คุ้นๆ เหมือนมันเป็นส่วนที่ต้องเหลือตอนผ่าตัด     เราผ่าเมื่อปลายปีที่แล้ว ตอนนี้ก็สบายมากๆ เลย ไม่ต้องมาคอยพะวง มาเจ็บก้นทรมานบ่อยๆ แบบเดิมอีก แต่ก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีๆ เพราะโรคนี้ผ่าแล้วก็กลับมาเป็นได้อีก ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กินผักผลไม้เยอะๆ อย่าให้ท้องผูก     ประสบการณ์การผ่าตัดริซซี่ของเราก็จบแหละ ใครที่ป่วยอยู่ก็แนะนำไปหาหมอนะคะ อย่าอาย อย่ากลัว อย่าทนทรมานเลย เป็นกำลังใจให้ค่ะ แล้วถ้าใครมีอะไรจะถามก็หลังไมค์มาได้ สู้ๆ ค่ะ ^_^ จากคุณ : rain_breath เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 14:44:21

ความคิดเห็นที่ 6 ดีใจด้วยนะคบ อย่าลืมทำตามหมอสั่งนะคับ อย่าให้ท้องผูก จะฃ่วยไม่ให้มันกลับมาอีกน่ะครับ จากคุณ : กริชครับผม เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 14:49:37

ความคิดเห็นที่ 7 เข้ามาติดตาม อ่านอย่างใกล้ชิด แล้วจะส่งการบ้านนะคะ อิอิ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : ดวงเด่นเดือน (ดวงเด่นเดือน) เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 15:27:37

ความคิดเห็นที่ 8 เล่าได้สนุกดีจัง อ่านแล้วอยากเป็นบ้าง จากคุณ : แสนเชิง เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 15:43:15

ความคิดเห็นที่ 9 ดีใจด้วยนะค่ะ  หายแล้ว  ต่อไปก็ทานผัก  ผลไม้  น้ำสะอาด เยอะๆหน่อยนะค่ะ  จะได้ไม่เป็นอีก จากคุณ : cheerful_love เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 15:46:14

ความคิดเห็นที่ 10 อ่านไปขนลุกไป แอบนึกภาพตามไปด้วย.. แต่ก็คงไม่ได้ใช้บริการหรอกฮะ..เพราะไม่ได้เป็นซะด้วย ปล.พี่แสนฮะ..ถ้าพี่แสนเป็น งานนี้ไม่ได้เกิดแน่ๆ..ถั่วดำเป็นหมัน ชัวร์.. จากคุณ : จ่าหมาน เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 16:52:18

ความคิดเห็นที่ 11 ได้ไปอีกฟิวนึง มีนักศึกษามุงดูตอนผ่าเต็มเลยเหรอ - -* ขอโป๊ะยาสลบได้มั้ยอะ จากคุณ : EsaOsy เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 19:08:41