อย่าเพิ่งตกใจครับ แม่ผมก็เป็นมะเร็งเต้านมครับ เมื่อ 18 ปีก่อนครับ ตอนนั้น
ก็ผ่าตัดออก แต่ไม่ได้ทำคีโมครับ แต่จำไม่ได้ว่าฉายแสงหรือเปล่า แล้วก็กินยา
แผนโบราณที่แกปรุงเอง และก็ซื้อมาครับ เลยรอดมาได้ ทุกวันนี้ก็แข็งแรงดี
ครับ
ผมแนะนำเป็นข้อๆดังนี้ครับ
1. สำหรับผมตอนนี้ยาแผนโบราณ กับวิธีรักษาแบบธรรมชาติก็สูสีกันครับ
อาจต้องใช้ร่วมกัน แต่การทำคีโมผมไม่แนะนำ ถ้าเลี่ยงไม่ได้ หรือคุณหมอ
เน้นสุดๆ ก็ขอให้เป็นวิธีหลังๆครับ ส่วนการผ่าตัดออกก็เป็นวิธีที่ผมคิดว่าดีมาก
ครับ เพราะทนเจ็บนิดหน่อย แต่ไม่ต้องเสี่ยงกับคีโมครับ หรือวิธีการอื่นๆเช่น ฉายแสง หรือฝังแร่ก็ดีมากครับ
2. วิธีการตัดสินใจเลือกวิธีการรักษาครับ ให้คุณไปเปิดสถิติอัตราการรอด
ของมะเร็งแต่ละชนิด เมื่อรักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบันครับ มะเร็งบางตัวรักษาหายได้เกือบ 90% แต่ถ้าตัวไหนที่ได้แค่ 40-60% ถือว่าน้อยครับ ถ้าเป็นยังงี้
อย่าไปเสี่ยงกับแพทย์แผนปัจจุบันมากครับ โดยเฉพาะการทำคีโม ให้เสี่ยง
ทำแต่การผ่าตัดออก และการฉายแสงครับ
3. ให้งดกินเนื้อสัตว์ทุกชนิดครับ ส่วนอาหารประเภทอื่นว่าควรงดอะไรบ้าง
ให้ลองหาข้อมูลจาก google ครับ พวกคอร์สชีวจิตรักษาโรคมะเร็ง แล้วก็
สมัครให้คุณพ่อไปเข้าคอร์สครับ ซักคอร์สนึงก่อน อาจจะต้องไปอยู่กับเขาเลย
7-15 วัน ก็ทำไปเถอะครับ ให้รู้หลักการและวิธีการ แล้วค่อนกลับมาทำเอง
ที่บ้านครับ หรืออยากจะเข้าคอร์สยาวเลยก็จะดีมาก ถ้ามีเงินนะ
การงดเนื้อสัตว์นั้น ควรงดพวกของหวานแล้วก็น้ำผลไม้ด้วยครับ แต่ผมไม่แน่ใจ
ว่ารวมถึงผลไม้ที่มีรสหวานด้วยหรือเปล่า ถ้าคนไข้หิวหรือไม่มีแรงต้องอย่าใจอ่อน
นะครับ อย่าลืมว่าเวลาที่เราอด เซลมะเร็งมันจะอดและค่อยๆตายไปเรื่อยๆครับ
เมื่อไหร่ที่เราหิวจนหน้ามืด ค่อยไปปรึกษาหมอแผนปัจจุบันหรือหมอชีวจิตดูว่าจะ
แก้ไขอย่างไร ที่ให้งดเพราะเนื่องจากอาหารพวกนี้เป็นอาหารของมะเร็งครับ ถ้า
เราอดแล้วไปกินอย่างอื่น แล้วการกินเซลพืชก็จะมีกลไกไปเพิ่มภูมิต้านทานด้วย
ครับ เซลมะเร็งจะค่อยๆตายไปครับ คิดเสียว่าเวลาเราหิวเนื้อสัตว์ หรืออ่อนแรง
เพราะกินแต่พืชเนี่ยเท่ากับว่าเราได้ฆ่าเซลมะเร็งครับ
ส่วนนมวัว ไม่แน่ใจว่าควรงดหรือเปล่า ลองศึกษาดูนะครับ
เมื่อได้สูตรอาหารมาแล้ว ก็ต้องเข้มงวด 100% นะครับ อย่างน้อยต้องทำให้ได้ 1 ปีครับ หรือถ้าทำได้ซัก 2 ปี รับรองว่าเซลมะเร็งมันจะไม่กลับมาอีกครับ แต่อย่าประมาทนะครับ การกินอย่างนี้แค่ให้อาการทุเลาลงแค่ 3-6 เเดือน เซลมะเร็งมันจะกลับมาอีกครับ แล้วก็ปรึกษากับแพทย์แผนปัจจุบันเป็นระยะ บอกหมอเขาไปเลยว่า
อยากจะรักษาด้วยวิธีธรรมชาติก่อน ส่วนวิธีการไหนของแพทย์แผนปัจจุบันที่
หมอเขาแนะนำก็ทำได้ครับ ยกเว้นคีโม เพราะคีโมเป็นดาบสองคมครับ คีโม
ทำให้ภูมิต้านทานอ่อนแอ ซึ่งภูมิต้านทานนี่เองที่เป็นกุญแจสำคัญในการฆ่าเซลมะเร็ง
4. เดินทุกวันครับ วันละ 3 กิโลเป็นอย่างน้อย ถ้าขี้เกียจก็เดินธรรมดานี่แหละ
แต่อย่าให้ช้ามาก เดินคุยกันไปครับ ถ้าเดินหลังอาหารได้ยิ่งดี จะเป็นการช่วย
ย่อยอาหารไปด้วย ผมเคยพาพ่อไปออกกำลังกายด้วยการเดินครับ วันละ 3
กิโล เดินคุยกันไปด้วย ทุกวันเลยครับ ตลอด 6 เดือนหลังอาหารเย็น รวมระยะ
ทางได้กว่า 500 กิโลเมตรครับ อิอิ รู้สึกภูมิใจ
เคยมีงานวิจัยบอกว่า การเดินเพียง 30 นาที ทุกวัน และกินแอปเปิลวันละ 1 ลูก ก็
จะหนีห่างโรคมะเร็งได้แล้วครับ แต่เรื่องลูกแอปเปิลนี่ลองปรึกษากับหมอชีวจิตอีกทีนะว่าเมื่อเราเป็นมะเร็งแล้วควรกินหรือเปล่า
5. ถ้าหายแล้ว 2 ปี อาจจะกลับมากินเนื้อสัตวได้ครับ แต่ควรศึกษาดูว่าสุขนิสัยใน
การกินแบบไหนที่ทำให้เราเป็นมะเร็งในครั้งนี้ ก็ปรับปรุงครับ เช่น เนื้อย่าง หรือพวกอาหารมันๆ หรือการไม่ออกกำลังกาย หรือการกินพวก fast food บ่อยๆ หรือการโหม
ทำงานดึกๆ นอนไม่พอ นอนไม่เป็นเวลา ก็ทำให้เป็นมะเร็งได้ครับ อย่างน้อยต้องทำต่อเนื่อง 3 อย่างไปตลอดชีวิตครับคือ
- เดินทุกวันๆละ 3 กิโล
- กินน้ำวันละ 3 แก้ว ป้องกันท้องผูกและมะเร็งลำไส้ แล้วก็ถ่ายให้ได้สม่ำเสมอ ถ้าท้องผูกปีละเกินกว่า 5 ครั้ง ถือว่าต้องปรับปรุง
- กินผลไม้วันละ 1-2 ลูกเป็นอย่างน้อย เน้นพวกมีกากเยอะๆ เช่น ฝรั่ง, ชมพู่, มะละกอ เป็นต้น หลีกเลี่ยงผลไม้ที่มีรสหวาน หรือพวกน้ำผลไม้รสหวานมากๆ
ทานได้แต่ไม่ควรทานบ่อย แล้วก็หลีกเลี่ยงอาหารมันๆ พวกข้าวขาหมู เป็นต้น
แก้ไขเมื่อ 16 ก.ย. 53 13:27:14
แก้ไขเมื่อ 16 ก.ย. 53 13:19:51
แก้ไขเมื่อ 16 ก.ย. 53 13:17:57
แก้ไขเมื่อ 16 ก.ย. 53 13:13:08
แก้ไขเมื่อ 16 ก.ย. 53 13:06:13