 |
ความคิดเห็นที่ 1 |
|
ไดเอ็ท DIET ไม่ใช่ ไดอด เอาหล่ะครับทีนี้คุณตัดสินใจที่จะ CHANGE หรือเปลี่ยนตัวคุณเองแล้ว สิ่งแรกที่คุณควรเริ่มต้นคืออะไร ? อย่างแรกสุดคุณต้องเริ่มจากปรับเปลี่ยนความคิดของคุณในมุมมองใหม่ก่อนครับ เริ่มจากการให้คำนิยามเรื่องการ ไดเอ็ทของคุณ
ถ้าถามเพื่อนๆหลายๆคนว่าการไดเอ็ทคืออะไร...... ส่วนมากมักจะให้คำตอบไปในแนว กินให้น้อยๆ หรือ อดอาหาร ว้า... คงไม่ได้กินเค้กหรือไอติม ทรมารน่าดู หิวสุดๆ ท้องร้อง ทนไม่ไหว อยากกินๆๆ ซึ่งทั้งหมดเป็นสิ่งที่คุณต้องเริ่มเปลี่ยนมุมมองของการไดเอ็ทของคุณใหม่ครับ หากเราเปิด Dictionary ของฝรั่งดู การไดเอ็ทจะหมายถึง อาหารธรรมดาและเครื่องดื่มสำหรับคนและสัตว์ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือคุณต้องเลือกสรรในการกินให้ถูกวิธี You are what you eat หุ่นคุณจะเป็นอย่างไร จะอ้วนผอม อยู่ที่การเลือกกินของคุณจริงๆ
อย่านับแค่ปริมาณแคลอรี่แต่ให้สนใจคุณภาพของอาหารที่คุณกินมากกว่าตัวเลข ทีนี้เราลองมาดูตัวอย่างของรายการอาหารที่คุณกินเพื่อการไดเอ็ทกันครับ จากที่ทุกคนได้รับการบอกเล่ามา หากเราสามารถรับประทานอาหารต่อวัน วันละ 1200-1500 กิโลแคลอรี่ จากความต้องการโดยเฉลี่ยของคนธรรมดาวันละ 2,000 กิโลแคลอรี่ ดังนั้นปริมาณแคลอรี่ของเราก็จะติดลบถ้าทำหรือควบคุมปริมาณแคลอรี่อย่างนี้ไปเรื่อยๆโดยปกติน้ำหนักของคุณก็จะลดลงโดยธรรมชาติครับ ทีนี้เราลองมาดูตัวอย่างของรายการอาหารที่คุณกินเพื่อการไดเอ็ทกันครับ ตัวอย่าง เช้า ผรั่งกิมจู 1 ผล+ยาคูลท์ 1 ขวด ว่างเช้า กาแฟ 3-in-1 เที่ยง ข้าวคลุกกะปิ (ทำเอง) ว่างบ่าย Nesvita 1 ซอง อาหารเช้ารวม 475 แคลอรี่
7:20 ข้าวไก่เทอริยากิที่7-11 <400>,หมูปิง 1 ไม้ <75>
มื้อกลางวันรวม 730 แคลอรี่
12:00 ข้าว 5 คำ <30>,เส้นหมี่ไก่ใส่น่อง 1 ชาม <350> ตำป่า<50> 13:30 ชาเขียว 1 แก้ว <300>
มื้อเย็นรวม XXX แคลลอรี่ อันนี้ขอแอบยกตัวอย่างของเพื่อนๆที่มารายงานเรื่องอาหาร โดยสรุป เพื่อนๆ ก็จะเน้นไปที่ตัวเลขของจำนวนแคลอรี่ต่อวัน โดยให้ความสนใจของคุณภาพอาหารค่อนข้างน้อย ซึ่งคุณลืมไปว่า ร่างกายเราต้องการสารอาหารให้ครบห้าหมู่ รายการผักและผลไม้ ? รายการอาหารที่มีประโยชน์ต่อผู้หญิง?
ทีนี้เรามาดูว่าเราควร change หรือ เปลี่ยนอะไรบ้างครับ อย่างแรกสุด การนับแคลอรี่ของคุณถูกแล้ว แต่... คุณมองเพียงเหรียญด้านเดียวครับ ด้วยคำศัพท์คำนี้จะทำให้คุณเข้าใจมากขึ้น “NEGATIVE CALORIE DIET “
อย่างที่บอกนะครับว่าเรามองเพียงด้านเดียว negative calorie diet สามารถอธิบายได้ง่ายๆ เช่น แอปเปิ้ล 1 ลูก ให้พลังงาน 80 แคลอรี่ ครับ แต่อย่างไรก็ดี เวลาที่เรารับประทาน ร่างกายมีกระบวนการทางเคมี มีกระบวนการย่อย มีกิจกรรม เหล่านี้จะใช้พลังงานทั้งสิ้น เป็นเหตุให้ใช้พลังงานไปทั้งสิ้นถึง 100 แคลอรี่ ดังนั้นจึงเป็นผลให้ -20 ดังนั้น แอปเปิ้ลที่เรากินเข้าไปแค่ 20 แคลอรี่เท่านั้น ดังนั้นเห็นไม่ครับ ว่าเรามองเรื่องของแคลอรี่แค่ด้านเดียว เราสนใจแค่ตัวเลขจำนวนค่าแคลอรี่ของมันเท่านั้น แต่เราลืมนึกถึงกระบวนการเผาผลาญของร่างกายไปด้วย ดังนั้น ถ้าเรารับประทาน น้ำหวาน 1 แก้ว 160 แคลอรี่ เปรียบเทียบกับ แอปเปิ้ล 2 ลูก 160 แคลอรี่ ผลที่ได้มันไม่เท่ากันนะครับ เพราะ ถ้าเรา กินน้ำหวานเข้าไปซึ่งเป็นอาหารแบบ high gi ร่างกายแทบไม่ได้ใช้พลังงานอะไรเลยครับ จึงเป็นเหตุถึงที่มาว่า ทำไมต้องพูดถึง อาหารพวก low gi สำหรับการลดน้ำหนักซึ่งผมจะอธิบายในตอนต่อไป และ สิ่งที่คุณต้องมีคือ ความเข้าใจเรื่องของระบบการเผาผลาญอีกด้วย ดังนั้นผมขอสรุปก่อนสำหรับตอนนี้นะครับว่า “ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือคุณต้องเลือกสรรในการกินให้ถูกวิธี You are what you eat หุ่นคุณจะเป็นอย่างไร จะอ้วนผอม อยู่ที่การเลือกกินของคุณจริงๆ
อย่านับแค่ปริมาณแคลอรี่แต่ให้สนใจคุณภาพของอาหารที่คุณกินมากกว่าตัวเลขครับ ดังนั้นถ้าคุณวางแผนการกินของคุณดีๆคุณจะไม่หิวโหยเลยครับ แต่ให้ใช้ประโยชน์จากแนวความคิด “NEGATIVE CALORIE DIET “
จากคุณ |
:
พีรวัส ชูเพชร (mrtrainer2008)
|
เขียนเมื่อ |
:
14 ก.ย. 53 18:45:11
|
|
|
|
 |