ความคิดเห็นที่ 1 ผู้เขียนคิดว่าถ้าสังคมเห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว สังคมก็ควรที่จะต้องมี กองทุนเพื่อชดเชยความเสียหายจากการใช้ถนนที่สร้างอย่างไม่มีคุณภาพโดยไม่ต้องพิสูจน์ความรับผิด เช่น ถนนที่สร้างแล้วเกิดเป็นหลุมบ่อและทำให้ระบบช่วงล่างของรถได้รับความเสียหาย (ไม่มากก็น้อย) ถนนที่สร้างแล้วไม่ลาดเอียงตรงโค้งอย่างเพียงพอรวมทั้งไม่มีไฟถนนอย่างพอ เพียง ทำให้รถที่วิ่งผ่านโค้งนั้นๆ ในยามค่ำมืดอาจเกิดอุบัติเหตุรถตกไหล่ทางหรือแหกโค้ง รวมทั้งรถชนกันหรือชนคนข้ามถนนซึ่งก็ก่อให้เกิดความเสียหายทั้งต่อชีวิตและ ทรัพย์สิน ในส่วนเงินของกองทุนเพื่อชดเชยความเสียหายจากการใช้ถนนฯ ก็กำหนดให้บริษัทรับสร้างถนนทั้งบริษัทเล็กและใหญ่ทั่วประเทศ (รวมทั้งบริษัทต่างชาติ) การไฟฟ้าภูมิภาค การไฟฟ้านครหลวง (เพราะเป็นคนติดตั้งไฟที่ควรจะพอเพียงเนื่องจากเป็นผู้เชี่ยวชาญ) การไฟฟ้าฝ่ายผลิต (เพราะอาจผลิตไฟไม่เพียงพอทำให้ไฟส่องสว่างถนนไม่สว่างเพียงพอ) และบริษัทน้อยใหญ่ที่รับทำราวกั้นขอบถนน (เพราะทำให้รถเสียหาย รถบุบ ไม่มีคุณภาพอย่างในเยอรมนี และไม่สามารถป้องกันรถไม่ให้ตกลงคูข้างถนน) รวมทั้งงบประมาณแผ่นดินที่มาจากภาษีของทุกคน ในรูปเงินอุดหนุนจากรัฐบาล (ซึ่งรวมทั้งภาษีจากคนที่ไม่ได้ขับรถด้วยเพราะขับไม่เป็น) ถ้าหน่วยงานหรือผู้ประกอบการใดไม่ส่งเงินเข้าร่วมสมทบก็มีความผิดอาจถูกยึด หรืออายัดทรัพย์สินเพื่อให้ชำระเงินได้             เช่นกัน สังคมก็ควรที่จะเรียกร้องให้มีกฎหมายที่กำหนดให้ต้องมีกองทุนเพื่อชดเชยความ เสียหายจากการบริโภคอาหาร เครื่องสำอาง เครื่องดื่ม เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย โดยไม่ต้องพิสูจน์ความผิด เช่น อาหารที่ทำให้ท้องเสีย อาหารที่ไม่มีคุณค่าอาหาร อาหารที่ไม่เป็นไปตามภาพที่ปรากฏในเมนูอาหาร อาหารที่ปนเปื้อนทั้งสารฟอกขาว สารบอแรกซ์ ฯลฯ             อาหารที่ทำให้เกิดเศษอาหารติดค้างตามร่องฟันและทำให้ฟันผุ เครื่องสำอางที่ใช้แล้วหน้าหรือรักแร้ไม่ขาวดังคำโฆษณา เครื่องดื่มของหวานอัดลมที่ทำให้ฟันผุ ครีมหน้าขาวประเภท “กวนเอง” และทำให้เกิดอาการแพ้บนใบหน้า เสื้อผ้าที่ขาดรุ่ยเป็นขุยง่ายและตะเข็บแตกง่าย เสื้อสีตกและทำให้เสื้อผ้าชิ้นอื่นที่ซักร่วมกันเสียหาย เงินกองทุนก็ต้องมาจากบริษัทผู้ผลิตเสื้อผ้าทุกราย ผู้ผลิตเครื่องสำอางทุกราย และร้านอาหารทั้งเล็กใหญ่ทุกราย ทั้งผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรายใหญ่ระดับประเทศและรายเล็กประจำชุมชน รวมทั้งงบประมาณแผ่นดินที่มาจากภาษีของทุกคน ในรูปเงินอุดหนุนจากรัฐบาล ถ้าหน่วยงานหรือผู้ประกอบการใดไม่ส่งเงินเข้าร่วมสมทบก็มีความผิดอาจถูกยึด หรืออายัดทรัพย์สินเพื่อให้ชำระเงินได้             และเช่นกัน สังคมก็ควรที่จะเรียกร้องให้กฎหมายที่กำหนดให้ต้องมีกองทุนเพื่อชดเชยความ เสียหายจากการซื้อบ้านหรือห้องพักหรืออาคารชุด โดยไม่ต้องพิสูจน์ความผิด เช่น บ้านที่ทรุดอย่างมาก บ้านที่ทรุดก่อนเวลา หมู่บ้านที่น้ำท่วมขังในหน้าฝน บ้านที่ไม่ได้คุณภาพ เช่น หลังคารั่ว พื้นปาร์เก้โก่งยกลอย หมู่บ้านที่ไม่มีส่วนกลางหรูตามที่โฆษณา บ้านอาคารชุดหรือห้องแถวที่สร้างไม่เสร็จทั้งจากผู้ประกอบการที่มีปัญหาการ ขาดสภาพคล่องรวมทั้งผู้ประกอบการที่ตั้งใจจะหลอกลวงผู้ซื้อ             หมู่บ้านที่ขโมยขึ้นบ้านเพราะระบบรักษาความปลอดภัยไม่ดีพอ เงินกองทุนในกรณีนี้ก็มาจากบริษัทก่อสร้างทุกราย ทั้งรายใหญ่ระดับบิ๊กโฟร์ของประเทศ และรายย่อยระดับตำบลตามชายแดน เจ้าของอาคารชุดและนิติบุคคลที่กำลังยื่นคำขอก่อสร้างนิติบุคคลของหมู่บ้าน บริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายกระเบื้องมุงหลังคา และบริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายปาร์เก้ บริษัทผู้ผลิตเสาเข็มก่อสร้าง กรมทะเบียนการค้าและกระทรวงพาณิชย์ที่มีหน้าที่ในการตรวจสอบประวัติผู้ขอ ขึ้นทะเบียนการค้าแต่ไม่สามารถตรวจพบผู้ประกอบการที่มีประวัติตั้งใจหลอกลวง ผู้บริโภค รวมทั้งเงินที่มาจากงบประมาณแผ่นดินที่มาจากภาษีของทุกคนในรูปเงินอุดหนุน จากรัฐบาล และเช่นกัน ถ้าหน่วยงานหรือผู้ประกอบการใดไม่ส่งเงินเข้าร่วมสมทบก็มีความผิดอาจถูกยึด หรืออายัดทรัพย์สินเพื่อให้ชำระเงินได้ จากคุณ : หมอหมู เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 12:02:12

ความคิดเห็นที่ 2 แล้วกองทุนชดเชยความเสียหายจากกระบวนการยุติธรรมล่ะ?             ในปัจจุบันมีกฎหมายดังกล่าวแล้ว นั่นคือ “พ.ร.บ. ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544” แต่ตาม พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว จำเลยผู้บริสุทธิ์ในคดีอาญาซึ่งคือผู้ที่ถูกกักขังแต่ในที่สุดแล้วเป็นผู้ บริสุทธิ์ (เช่นจำเลยในคดีเชอรี่ แอน ดันแคน) จะได้รับการชดเชยก็ต่อเมื่อคดีถึงที่สิ้นสุด (คือฎีกา) ซึ่งอาจใช้เวลามากกว่า 10 ถึง 20 ปี ทำไมถึงไม่ชดเชยตั้งแต่ในชั้นที่ศาลอุทธรณ์กลับคำตัดสินของศาลชั้นต้นเลยโดย ไม่ต้องรอให้คดีถึงที่สิ้นสุด             ถ้าศาลฎีกากลับคำตัดสินของศาลอุทธรณ์แล้วจึงค่อยนำเงินคืน ในส่วนของเงินที่จ่ายตามพ.ร.บ.ฉบับนี้ก็เป็นเงินที่กระทรวงยุติธรรมต้องขอ จากงบประมาณแผ่นดินจากรัฐบาลเป็นปีต่อปี ทำไม พ.ร.บ.นี้จึงไม่กำหนดให้ตั้งเป็นกองทุนเพื่อชดเชยผู้เสียหายจากกระบวนการ ยุติธรรมโดยเก็บเงินสมทบจากสถานีตำรวจภูธรตำบลทุกตำบล สถานีตำรวจภูธรอำเภอทุกอำเภอ สถานีตำรวจในเขตนครบาลทุกแห่ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จากสำนักงานอัยการจังหวัดทุกจังหวัด และสำนักงานอัยการสูงสุด จากศาลยุติธรรมชั้นต้นทั้งศาลแขวง ศาลจังหวัด ศาลแพ่ง ศาลอาญา ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา จากสำนักงานทนายความเอกชนทุกแห่งทั้งใหญ่เล็กในประเทศทั้งสำนักงานทนายความ ของคนไทยและที่เป็นสาขาของชาวต่างชาติ             แล้วกองทุนผู้ได้รับความเสียหายจากการศึกษา ประมาณว่า เรียนแล้วสอบตก สอบเข้าศึกษาต่อสถาบันอื่นไม่ได้ กองทุนผู้ได้รับความเสียหายจากการได้รับบริการด้านสื่อมวลชน เช่น สื่อมวลชนที่ลงข่าวและทำให้เสียชื่อเสียง ลงข่าวผิดพลาด กองทุนผู้ได้รับความเสียหายจากการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค กองทุนชดเชยความเสียหายจากการใช้บริการโทรคมนาคม กองทุนชดเชยความเสียหายจากการใช้บริการขนส่งทั้งทางบก ทางอากาศ และทางน้ำ รวมทั้งกองทุนในด้านต่างๆ อีกมากมาย จากคุณ : หมอหมู เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 12:02:48

ความคิดเห็นที่ 3 เมื่อไล่เรียงไปในแต่ละกองทุนที่อุบัติขึ้นมาแล้ว และที่อาจจะเกิดขึ้นตามมา (ตามที่กล่าวในตอนต้น) สุดท้ายแล้วทุกหน่วยงานของรัฐและผู้ประกอบการเอกชนก็ต้องถูกกำหนดและบังคับ ให้ต้องร่วมจ่ายเงินสมทบกับกองทุนใดกองทุนหนึ่ง หรืออาจหลายกองทุนพร้อมๆ กัน รวมทั้งเงินงบประมาณของแผ่นดินจำนวนมหาศาลที่ต้องมาสนับสนุนกองทุนเหล่านี้ เพียงเพื่อเตรียมชดเชยความเสียหาย โดยปล่อยให้คณะกรรมการกองทุนเป็นผู้บริหาร รวมทั้งคณะอนุกรรมการที่เป็นผู้ปฏิบัติและมีอิทธิพลที่แท้จริงในแต่ละชุด             งบประมาณแผ่นดินที่ควรนำไปจัดสรรเพื่อการลงทุนของประเทศและพัฒนา ประเทศในด้านต่างๆ ซึ่งโดยปกติก็คิดเป็นสัดส่วนที่น้อยมากอยู่แล้วก็จะต้องถูกลดทอนไปเพื่อกอง ทุนเหล่านี้ การจ่ายของกองทุนเหล่านี้ในทางเศรษฐศาสตร์ถือว่าเป็นการใช้จ่ายที่ไม่ก่อให้ เกิดผลผลิต (Non-productive expenditure)             ท่านผู้อ่านคิดว่าจำนวนการฟ้องร้องในเรื่องต่างๆ เหล่านี้เพื่อเรียกร้องการชดเชยจากกองทุนต่างๆ จะมีแนวโน้มมากขึ้นเรื่อยๆ หรือแนวโน้มจะลดน้อยลงไปเรื่อยๆ             ท่านผู้อ่านคิดว่าเมื่อมีกองทุนต่างๆ เหล่านี้เกิดขึ้นแล้ว เงินชดเชยรวมจากกองทุนต่างๆ ที่ต้องใช้เพื่อชดเชยตามคำเรียกร้องเหล่านี้จะมีแนวโน้มการจ่ายมากขึ้น เรื่อยๆ ในแต่ละปีหรือลดลงไปเรื่อยๆ ในแต่ละปี             ท่านผู้อ่านคิดว่า เมื่อมีกองทุนต่างๆ เหล่านี้เกิดขึ้นแล้ว สังคมในอนาคตจะวุ่นวายหรือไม่             ท่านผู้อ่านคิดว่า เมื่อมีกองทุนต่างๆ เหล่านี้เกิดขึ้นแล้ว ประเทศชาติจะพัฒนาอย่างเต็มที่ได้อย่างไร จากคุณ : หมอหมู เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 12:03:18

ความคิดเห็นที่ 4 ท่านผู้อ่านหลายท่านอาจคิดแย้งว่า กองทุนอื่นไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตั้งขึ้นมาเพราะมีศาลแพ่งในคดีละเมิดและ ศาลอาญาในกรณีที่เกิดอันตรายต่อชีวิตหรือกรณีที่เข้าข่ายเป็นคดีอาญาอยู่ แล้ว ผู้ใช้บริการด้านต่างๆ สามารถฟ้องร้องเป็นคดีแพ่งและคดีอาญาได้             คำถามคือ แล้วทำไมจึงต้องมีกองทุนความเสียหายจากการรับบริการสาธารณสุขในเมื่อก็ไม่ ได้ตัดสิทธิการฟ้องร้องทางคดีแพ่งและคดีอาญาอยู่แล้วเช่นกัน             โดยส่วนตัวนั้น ผู้เขียนไม่เห็นด้วยกับการที่ต้องนำเงินทั้งเงินภาษีประชาชนในรูปของเงินงบ ประมาณและเงินของหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่อาจมีคุณภาพและไม่ได้มีส่วน ในการก่อให้เกิดผลเสียหายในการให้บริการสาธารณสุขมารวมกันและให้กลุ่มบุคคล ในนามของ “คณะกรรมการบริหารกองทุน” มาเป็นผู้ดูแลกองทุน แม้จะมีความพยายามอธิบายว่า มีสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินมาคอยทำหน้าที่ตรวจสอบงบการเงินและรับรองดังความ ในมาตรา 24 แต่นั่นก็มิได้เป็นหลักประกันที่แท้จริง เพราะมิเช่นนั้นประเทศไทยคงไม่ได้อยู่ลำดับที่ 15 จากทั้งหมด 16 ประเทศจากการจัดอันดับประเทศคอร์รัปชันในเอเชียในปี 2552 โดยบริษัทปรึกษาความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจและการเมือง หรือ PERC - Political and Economic Risk Consultancy Ltd. ประเทศไทยได้คะแนน 7.63 ชนะประเทศอินโดนีเซียอยู่ประเทศเดียว และเลวร้ายกว่ากัมพูชาซึ่งได้ 7.0 (ยิ่งคะแนนมาก ยิ่งคอร์รัปชันมาก) จากคุณ : หมอหมู เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 12:03:42

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้าการลงขันกันของสถานพยาบาลต่างๆ เป็นในรูปของการซื้อประกันความเสี่ยง สถานพยาบาลนั้นๆ ไม่ต้องมาวุ่นวายกับการฟ้องร้องหรือคดีความเพราะมีผู้ดำเนินการให้ และไม่ต้องถูกรบกวนให้ต้องลงขันเพิ่มในปีต่อไปแม้ว่าจะเกิดความเสียหายจริง จากการให้บริการสาธารณสุขของสถานพยาบาลนั้นๆ การลงขันในกองทุนก็อาจจะเป็นการคุ้มค่า และการมีกองทุนชดเชยความสียหายต่างๆ ก็อาจเป็นสิ่งที่มีประโยชน์แก่สังคม แต่จะเห็นได้ว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้มิได้ห้ามการฟ้องร้องทางแพ่งและทางอาญาต่อศาล และศาลอาจพิจารณาให้สถานพยาบาลจ่ายมากกว่าที่เงินกองทุนที่จะจ่ายให้ นั่นหมายความว่าสถานพยาบาลนั้นก็ต้องจ่ายอยู่ดี รวมทั้งการลงขันในปีต่อไปก็อาจมีการปรับให้จ่ายเงินลงขันมากขึ้น ถ้าพบว่าเกิดเหตุการณ์ความเสียหายจากสถานพยาบาลนั้น ตามความในมาตรา 21             ทำไมจึงไม่เพียงตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาตามมาตรา 5 และมาตรา 6 และถ้าคำร้องมีมูลคณะกรรมการก็มีคำสั่งการให้สถานพยาบาลนั้นๆ ที่ถูกร้องและหน่วยงานต้นสังกัดของสถานพยาบาลนั้นๆ (ในกรณีเป็นสถานพยาบาลของรัฐ) จ่ายชดเชยในเบื้องต้นให้แก่ผู้รับบริการ และรอผลการพิจารณาของศาลในที่สุด ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้สถานพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนที่ดีมีคุณภาพใส่ใจต่อการให้บริการสาธารณสุขซึ่งเป็นส่วนใหญ่ของสถานพยาบาลทั้งหมดก็ไม่ต้องมีภาระในการต้องจัดเงินมาลงขันในกองทุนดังกล่าว รวมทั้งไม่เป็นภาระแก่เงินงบประมาณแผ่นดินของประเทศซึ่งรัฐบาลควรที่จะนำ เงินดังกล่าวไปลงทุนโดยเฉพาะด้านทรัพยากรมนุษย์คือลงทุนด้านการศึกษาและการ ลงทุนในการการยกระดับจิตใจคนในสังคมเพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันอย่างเอื้อ อาทร อย่างมีคุณธรรมและอย่างมีมนุษยธรรม จากคุณ : หมอหมู เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 12:04:31

ความคิดเห็นที่ 6 ถึงเวลาหรือยังที่สังคมเราจะปฏิรูปกระบวนการออกกฎหมายโดย             1. ผู้ยกร่างกฎหมายและผู้เสนอร่างกฎหมายจะต้องไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีส่วน ได้เสียในกระบวนการบังคับใช้กฎหมายเป็นเวลาอย่างน้อย 10 ปี ยกเว้น ร่างกฎหมายเกี่ยวกับการเงินที่มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินได้ตามกฎหมายดัง กล่าวเป็นเงินของแผ่นดิน (ในกรณี (ร่าง) พ.ร.บ.ฉบับนี้ ผู้มีรายชื่อในการประชุมเพื่อยกร่างทั้งในส่วนของข้าราชการของกรมสนับสนุน บริการสุขภาพ และผู้มีรายชื่อในส่วนของตัวแทนของผู้บริโภคจะต้องไม่ดำรงตำแหน่งทั้งในคณะ กรรมการ หรือในคณะอนุกรรมการเป็นเวลา 10 ปี) ทั้งนี้เพื่อแสดงถึงความบริสุทธิ์ใจในการผลักดันร่างกฎหมายฉบับนั้นๆ             2. รัฐบาลมีหน้าที่ที่จะบริหารประเทศให้มีความเจริญก้าวหน้าโดยผ่านการลงทุนและ การพัฒนาที่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่สังคม รัฐสภามีหน้าที่ในการกำกับทิศทางของรัฐบาล และสังคม (ที่เจริญ) มีหน้าที่ในการติดตามการดำเนินงานของทุกฝ่าย ทุกคนในสังคมควรพยายามช่วยกันด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อที่จะให้ทั้งรัฐบาล รัฐสภา และสังคมได้ทำหน้าที่ของตนอย่างสมบูรณ์ ทั้งด้วยการวิพากษ์ การวิจารณ์ ให้ข้อเสนแนะ ทำการตรวจสอบ การเดินขบวนประท้วง รวมทั้งการทำสิ่งที่เรียกว่า “Social Sanction” หรืออื่นๆ             กลุ่มคนในสังคมไม่ควรแสดงความไม่ไว้ใจในรัฐบาล หรือรัฐสภา และเชื่อว่าตนบริหารได้ดีกว่าจนนำมาสู่ความพยายามถ่ายโอนอำนาจบริหารและ ทรัพยากรเงินมาอยู่ในมือตนโดยการออกกฎหมายในรูปแบบที่จะทำให้เกิดกองทุนโดย นำเงินมาจากงบประมาณแผ่นดินซึ่งเป็นเงินของประชาชนทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกำหนดหรือบังคับให้องค์กรอื่นต้องเข้าร่วมสมทบเงินใน กองทุนนั้นๆ และให้ “คณะกรรมการกองทุน” เป็นผู้บริหาร             3. เพื่อให้สอดคล้องกับคำว่า “ประชาธิปไตย” (ซึ่งย่อมมิใช่ “ผู้แทนราษฎรธิปไตย” หรือ “พรรคการเมืองธิปไตย” ) และเพื่อให้มีการใช้ประโยชน์จากความพร้อมของเทคโนโลยีการสื่อสารของสังคมใน ปัจจุบันรวมทั้งเครือข่ายสังคมทางอินเทอร์เน็ต (ร่าง) กฎหมายที่จะเสนอเป็นพระราชบัญญัติ (ซึ่ง โดยปกติไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน เพราะเรื่องที่เร่งด่วน เรื่องที่เกี่ยวกับความมั่นคง หรือเรื่องที่ต้องปกปิดไม่สามารถแพร่งพรายแก่สาธารณชนก่อนเวลาได้ด้วยเหตุ ที่เกี่ยวข้องกับการเงิน อาทิการลดค่าเงิน รัฐบาลจะออกเป็นพระราชกำหนดและมีผลบังคับใช้แล้วจึงจะนำเข้าสู่สภาเพื่อออกเป็น พ.ร.บ.ตามมาในภายหลัง) ควรจะต้องเผยแพร่ให้ประชาชนทราบเพื่อร่วมกันในการแสดงความคิดเห็นในแง่มุมต่างๆ ก่อนที่จะเข้าสู่รัฐสภา และ ได้ข้อยุติที่สังคมยอมรับร่วมกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเชิงเจตนารมณ์หรือหลัก การ การนำไปปฏิบัติ ความขัดแย้งกับหลักการหรือค่านิยมที่สำคัญของประเทศ รวมทั้งความขัดแย้งในทางปฏิบัติหรือหลักการกับกฎหมายอื่นที่ถือปฏิบัติอยู่ แล้ว เพื่อมิให้เกิดปัญหาดังเช่น (ร่าง) พ.ร.บ.คุ้มครองความเสียหายฯ             สาระสำคัญของการระบบการปกครองที่ดีมิได้อยู่ที่กระบวนการใช้อำนาจว่า ใช้โดยบุคคลเดียว โดยกลุ่มบุคคลกลุ่มเดียวที่เรียกว่า “เผด็จการ” หรือโดยคนหมู่มากของสังคมที่เรียกว่า “ระบอบประชาธิปไตย” สาระสำคัญของการระบบการปกครองที่ดีอยู่ที่ว่าการปกครองนั้นต้องเป็นไปเพื่อ ประโยชน์ของคนหมู่มากของสังคม             แต่ประโยชน์ของคนหมู่มากในขณะนั้น (ซึ่งในที่สุดก็ต้องตายจากไป) ก็ต้องไม่ก่อให้เกิดผลเสียต่อสังคมในระยะยาว ประวัติ ศาสตร์ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า ถ้าสิ่งที่ผู้ร้ายที่ชื่อ “ระบอบเผด็จการ” ทำไปนั้นเพื่อประโยชน์ของสังคมระยะยาวแล้วก็ดูจะมีประโยชน์และคุณานุปการต่อ สังคมมากกว่าพระเอกที่ชื่อ “ระบอบประชาธิปไตย” ที่ยังประโยชน์เพียงคนหมู่มากในขณะนั้นแต่อาจทิ้งผลกรรมไว้ให้แก่สังคมใน ระยะยาวและแก่คนรุ่นหลัง จากคุณ : หมอหมู เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 12:05:33

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้าว่าง ก็แวะอ่านกระทู้นี้ ด้วยก็ดีนะครับ มีความเห็นที่น่าสนใจเยอะแยะ แล้วก็มีลิงค์กระทู้ที่เกี่ยวข้องที่น่าสนใจเพิ่มเติม ..  อ่านกัน จุใจ แน่นอน .. L9647148 บทวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงแก้ไข “ร่างพรบ.คุ้มครองผู้เสียหายฯ” ... โดย นพ.เมธี วงศ์ศิริสุวรรณ (74 - 02 ก.ย. 2553 18:54:56) http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L9647148/L9647148.html จากคุณ : หมอหมู เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 12:08:50

ความคิดเห็นที่ 8 ตรรกะของผู้เขียนรายนี้มั่วมากครับ การเปรียบเทียบการรักษาคน กับการสร้างถนน มันคนละเรื่องอย่างรุนแรง เอาชีวิตของคน ไปเทียบกับรถ อืม....ดีจริงๆ ที่มาของแนวคิดกองทุน ก็มาจากประชาชนอยู่แล้ว การที่บอกว่า กองทุนอาหารเป็นพิษ ฯลฯ มันเป็นเรื่องไร้สาระ ที่พยายามโยงเข้ามาอย่างมั่วๆ การที่มีกองทุนนี้ ก็เพื่อช่วยแก้ปัญหาที่แพทย์นั้น ถูกฟ้องร้องโดยไม่จำเป็น เพราะจะช่วยในการไกล่เกลี่ยเบื้องต้น ถ้าเราไม่เคยเป็นผู้เสียหายจากการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบของบุึคลากรทางการแพทย์ คงไม่เข้าใจความรู้สึก ตัวผมเองก็ไม่เคยเป็น แต่โชคดีที่ผมเคยทำงานในแง่ของการไกล่เกลี่ย รับเรื่องร้องเรียนในโรงพยาบาลมาระดับหนึ่ง ทำให้เห็นภาพของผู้เสียหายที่เป็นทุกข์ร้อนจริงๆ มาไม่น้อย ดังนั้นจึงเกิดคำถามว่าถ้าไม่มีกองทุนนี้แล้ว ถ้าคนไข้ฟ้องร้องแพทย์ ให้แพทย์ชดใช้เองทุกอย่าง เอาเช่นนั้นหรือ? กองทุนนี้ตั้งขึ้นมาป้องกันกระบวนการนี้ครับ ปัญหาของพรบ. คือเนื้อหา บางส่วน ที่คงต้องแก้ ซึ่งไม่ทันในรัฐบาลชุดนี้อยู่แล้ว แต่การที่ผู้เขียนบอกว่าจะให้ใครที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องมาออกกฎหมาย ก็เป็นเรื่องตลกไปสักนิด ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียนี่แหละ ที่จะทำให้กม. พร้อมใช้งานมากที่สุด ปัญหาคือ ยอมคุยกันหรือเปล่า คำตอบมันมีอยู่ในตัวอยู่แล้วทุกอย่าง เพียงแต่ว่า จะยอมลดทิษฐิตัวเอง เพื่อส่วนรวมหรือไม่ ก็แค่นั้น อยากบอกให้แพทยสภาสบายใจได้หนึ่งอย่างนะครับว่า คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ไม่ได้ขยับเท่าไหร่เรื่องนี้ ยังไงพรบ. ก็ไม่ผ่านเร็วๆ นี้ แล้วก็ไม่ได้ไปแอบมุบมิบปล่อยผ่านกัน อย่างที่พวกหมอๆ ทั้งหลายเข้าใจครับ จากคุณ : Epinephrine เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 12:37:46

ความคิดเห็นที่ 9 กองทุนประกันสังคม ก็เป็นกองทุนนึงที่ทุกวันนี้เงินไปจมอยู่มากมายมหาศาล แต่ผู้ประกันตนกลับไม่ได้รับผลโยชน์จากกองทุนนี้อย่างเต็มที่ น่าจะมาคิดพัฒนากองทุนนี้ด้วยจะดีมากๆครับ ตอบในฐานะผู้ประกันตน ที่เวลาป่วยไม่เคยใช้ประกันสังคมเลย เพราะ "เข็ญ" กับการเข้ารับบริการ ซึ่งสุดท้ายก็ยอมจ่ายเงินเองเพื่อรักษาพยาบาลในรูปแบบที่เราพอใจ แต่เงินก็ถูกหักสมทบทุกเดือนๆ โดยที่เราไม่ได้ใช้เลย รวมถึงการเบิกจ่าย เช่น ค่าทำฟัน ที่แสนจะยุ่งยาก ต้องเดินทางไปยื่นเรื่องที่ สนง.ประกันสังคม เศร้าจิต จากคุณ : ไม่ออกนาม เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 12:45:53

ความคิดเห็นที่ 10 #8 ผมว่าการรักษาคน กับสร้างถนนเรื่องเดียวกันครับ 1 เป็นวิชาชีพ 2 ทำให้ตายและพิการได้เช่นกัน(มาดูแถวบ้านผม) กายภาพของถนนทำให้ตายได้มากกว่าหมอรักษาพลาด เรื่องพรบ. เห็นด้วยกับการช่วยเหลือผู้ป่วย แต่ก็ต้องออกกฎหมายให้รัดกุมมากกว่านี้ครับ ผมและเพื่อนโดนกฎหมายต่างๆที่เกี่ยวกับการแพทย์ ทำให้น้ำตาตกหลายคนแล้ว มีทั้งตกงาน ไม่รับทำงาน ไม่สามารถลงทุนได้ กดเงินเดือนและอื่นๆ เพราะมันเป็นกฎที่ผู้อื่นเขียนให้โดยที่พวกผมไม่ได้มีส่วนร่วมเลยครับ จากคุณ : thaimedกานต์ เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 13:07:28

ความคิดเห็นที่ 11   ผมไม่แน่ใจว่า กองทุนมะเดื่อ(ข้างนอกสุกใส ข้างใน....) จะมีประสิทธิภาพสมราคาคุยหรือเปล่านะครับ ส่วนไอ้เรื่องทิษฐิ เนื่ย มันคงต้องลดทั้ง2 ฝ่ายนะครับ ไม่งั้นคุยกันไม่รู้เรื่อง (แค่เรื่องที่ฝ่ายต้านจะให้ถอนออกมาปรับก่อน กับ ฝ่ายสนับสนุนจะให้เข้าสภาก่อน ก็คุยกันไม่รู้เรื่องแล้วล่ะครับ) จากคุณ : ขออภัย ความรู้เท่าหางลูกอ๊อด เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 13:28:50 A:180.183.32.120 X: TicketID:278779

ความคิดเห็นที่ 12   การทำประกันสุขภาพ(ทุกคนจ่าย) ไม่เคยป่วยก็ขาดทุน ถ้าป่วยบ่อยก็กำไร จะว่าไปมันคล้ายๆประกันความเสี่ยง.. ออกรถใหม่ ก็ต้องทำประกันค่ะ ถ้าเราไม่เกิดอุบัติเหตุเลย(ก็ได้แต้ม) ถ้าเกิดบ่อย เบี้ยประกันสูงขึ้น เอาเป็นว่า จ่ายเงินประกันไป แม้ไม่ได้ทำความผิด แต่ซื้อความเสี่ยงค่ะ ขาดเหลือก็ไม่ต้องควักกระเป๋าจ่ายคนเดียวบานตะไท อย่างไรเล่าคะ.. แต่ระบบประกันอาจซับซ้อน เงื่อนงำ เวลาเกิดเรื่องจริง ไอ้นั่นไม่จ่าย ไอ้นี่ก็ไม่จ่าย......แบบนี้ น่าโมโหมาก....(ไม่ทราบคุยเรื่องเดียวกันเปล่าอิ อิ) จากคุณ : usbankusa เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 13:29:07 A:183.89.84.49 X: TicketID:281596

ความคิดเห็นที่ 13 มาขอเล่า เมื่อวานนี้ พยบ.หน้าห้องตรวจมาขอให้ผมไปช่วยตรวจผู้ป่วยนอก (โดยที่ผมไม่ได้เป็นเวรตรวจวันนั้น) เพราะผู้ป่วยนอกเยอะมาก หมอที่ตรวจก็ตรวจไม่ทัน ซึ่งผมก็ไปช่วยตรวจให้ เป็นการช่วยเหลือกัน แต่ถ้ามี พรบ.ขึ้นมา ผมก็คงไม่ไปช่วยแล้ว เพราะถ้าไปช่วยตรวจแล้ว ผมไม่ได้อะไร ไม่ได้ค่าตอบแทนเพิ่มขึ้นแม้แต่น้อย ซ้ำยังเสี่ยงต่อการโดนฟ้องร้อง ร้องเรียนอีก ตรวจมากเสี่ยงมาก ตรวจน้อยเสี่ยงน้อย โดยได้ค่าตอบแทนเท่าเดิม ??? แล้วใครอยากจะตรวจมากล่ะครับ จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 13:46:12

ความคิดเห็นที่ 14 แนวคิดอีกแบบ คือ พรบ.เป็นเหมือนการประกันภัยชั้น 1 ถ้าคุณขับรถยนต์ที่มีประกันภัยชั้น 1 กับขับรถที่ไม่มีประกันอะไรเลย คุณคิดว่า คุณจะใช้ความระมัดระวังในการขับรถคันไหนมากกว่ากันครับ ... โอเค ... ถ้าคุณขับรถไปชนคน สัตว์ สิ่งของ ก็มีประกันมาบรรเทาอุบัติภัยของคุณได้ แต่ถ้าเลือกได้ คุณอยากจะให้มันเกิดขึ้นหรือไม่... ??? จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 13:50:36

ความคิดเห็นที่ 15 บางกลุ่ม อยากจะได้เงินมาเพื่อบรรเทาความเสียหายที่เกิดจากการให้บริการสาธารณสุข แต่บางกลุ่ม เห็นว่า น่าจะนำเงินเหล่านั้น มาเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการทางสาธารณสุข เพื่อช่วยลดความเสียหายที่เกิดจากการให้บริการสาธารณสุขมากกว่า จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 13:53:08

ความคิดเห็นที่ 16 ทุกวันนี้เงินไม่ได้หัก ก็ไม่ได้ทำให้ระบบบริการดีขึ้นครับ ปัญหาของระบบบริการไม่ดีขึ้น ไม่ได้อยู่แค่เงินรายหัวไม่กี่บาทอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของการบริหารเงินที่ล้มเหลวมาแต่โบราณกาล กองทุนประกันสังคมใครว่าล้มเหลวครับ ไม่จริงเลย ตัวกองทุนน่ะ ไม่เคยล้มเหลว ถ้าคนที่บอกว่าล้มเหลว คือคนที่ไม่เคยใช้บริการ และไม่ได้เข้าใจปัญหาที่เกิดอย่างแท้จริง เพราะผมเป็นคนหนึ่งที่ใช้สิทธิประกันสังคม แถมใช่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยซะด้วย เพียงแต่ระบบควบคุมของปกส. กับ สปสช. มันต้องไปทางเดียวกัน หมอไม่เคยตกงานครับ ไม่รู้หรอกว่าปกส. ช่วยชีวิตคนตกงานได้แค่ไหน บังเอิญผมเป็นเภสัช แล้วก็เคยตกงานด้วย เงินที่ผมส่งปกส. เทียบกับสิ่งที่ผมได้น่ะ จิ๊บๆ มากครับ เฉพาะค่ารักษาพยาบาลผมก็หลายแสนแล้ว :) ประโยคที่หมอก้อนหินพูด ถ้าเป็นไปได้จริง มันถูกต้องที่สุดครับ บางกลุ่ม อยากจะได้เงินมาเพื่อบรรเทาความเสียหายที่เกิดจากการให้บริการสาธารณสุข แต่บางกลุ่ม เห็นว่า น่าจะนำเงินเหล่านั้น มาเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการทางสาธารณสุข เพื่อช่วยลดความเสียหายที่เกิดจากการให้บริการสาธารณสุขมากกว่า แต่ในความเป็นจริงแล้ว ปัญหานี้ไม่ได้จะแก้ได้ด้วยการเอาเศษเงินที่มาตั้งกองทุน ไปลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพอย่างที่ว่ากัน เพราะระบบต่างๆ มันไม่เอื้อให้ทำเช่นนั้น แค่ผลิตหมอเพิ่มก็ทำไม่ได้แล้วครับ แพทย์เฉพาะทาง พอเก่งหน่อย ก็ไม่ยอมอยู่ในรร.แพทย์ หนีไปอยู่ในรพ. เอกชน ด้วยสาเหตุหลายๆ อย่าง อาจารย์แพทย์ก็ขาด ทำให้เพิ่มจำนวนผลิตไม่ได้ แม้ทุกวันนี้จะเพิ่มจำนวนรับมากมายมหาศาล แต่ก็ยังคงไม่พอ พยาบาลที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของระบบสาธารณสุขไทยนั้น ยิ่งไม่พอใหญ่ ทุกวันนี้ถึงขนาดต้องไปตั้งโต๊ะรับสมัครกันที่วิทยาลัยพยาบาล เพื่อดึงตัวมาทำงานกัน แต่การป้องกันไม่ให้ผู้ประกอบวิชาชีพทุกคนได้รับความเดือดร้อน มันเป็นทางออกที่แก้ไขในระยะสั้นและระยะยาวได้ไม่ยาก ปัญหาคือว่า รายละเอียดในการจัดการตรงนั้นเหมาะสมหรือไม่ อย่างที่บอก ไม่มีพรบ. นี้หมอก็โดนฟ้องได้อยู่แล้ว การที่ไปคิดถึง worst case ที่เป็น rare case มันมีแต่บั่นทอนความรู้สึก แล้วทำให้มองคนอื่นในแง่ร้ายไปซะหมด อย่างที่ผมบอก หมอที่ถูกฟ้องปีๆ นึง มีแค่ 1 ในล้านครั้งของการทำหัตถการ ไม่ได้บอกว่าทำดีจะกลัวทำไมนะครับ แต่โอกาสน้อยกว่ารถชนตายอีก ถ้ากลัวโดนฟ้อง ก็ต้องกลัวขับรถหละครับ อาชีพแพทย์น่ะ ไม่มีใครอยากจะฟ้องหรือรังเกียจหรอกครับ แล้วถามว่าพยาบาล เภสัช กายภาพ ฯลฯ มีใครมาปกป้องเขาไหม? ไม่ใช่ไม่โดนฟ้องนะครับ มีไม่น้อย แต่ไม่มีใครมาปกป้องอย่างแพทย์เลย พรบ. นี้ช่วยทุกคนครับ ไม่ได้ช่วยแต่แพทย์อย่างเดียว จากคุณ : Epinephrine เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 15:21:14

ความคิดเห็นที่ 17   อย่าไปเถียงคุณหมอทั้งหลายเลยค่ะ   เดี๋ยวจะโดนคุณหมอด่าว่าสร้างปัญหาให้ประเทศชาติ เหมือนดิชั้นโดน เหมือน link นี้ เพียงเพราะดิขชั้นสนับสนุน พรบ. และpost ตาม คห.ส่วนตัว แต่บางท่านกับโจมตีดิชั้นเหมือนเคยโกรธแค้นกัน http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L9696126/L9696126.html จากคุณ : หมูหมากาเป็ดเห็ดสดเลือกมาค่ะ เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 17:16:28

ความคิดเห็นที่ 18 คห.16 ที่ต้อง focus ที่แพทย์ เป็นเพราะ... เวลาเกิดอะไรขึ้น แพทย์โดนก่อน... แม้แต่คดีที่เป็นข่าว.. พยาบาลอ่าน order ผิด จาก Incision ก้อนที่ปาก ไปเป็น Circumcision (ขลิบ) แต่สังคมด่าหมอ.. บางที ความผิดพลาดจากการรักษา มันมาจากสหวิชาชีพ แต่ส่วนใหญ่ focus ที่หมอ เช่น - เจ้าหน้าที่ lab สลับผลเลือด คนไข้ไข้เลือดออก หมอดูผลเลือดไป แล้วรักษา กลายเป็นว่ารักษาคนไข้ผิด เพราะผลเลือดผิด คนไข้เป็นอะไรไป ญาติฟ้องใครคนแรก ??? - คนไข้หอบมาก หายใจไม่ไหว พยบ. ไม่ได้โทรรายงานแพทย์ ต่อมาเสียชีวิตไป ญาติฟ้องใครคนแรก ??? ฯลฯ จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 18:24:29

ความคิดเห็นที่ 19   คห17 คุณเป็นคนที่ไม่ยอมรับฟังความเห็นของผู้อื่นแล้วไปโทษคนโน้นคนนี้ ผมอ่านดูคนอื่นเขาก็ให้เหตุผลตามที่เขาคิด เวปบอรดนี้เขาเป็นประชาธิปไคยนะครับ ปล ผมเห็นด้วยครับว่าร่างพรบ คุ้มครองผู้เสียหายที่กำลังจะเข้าสภานั้นมีจุดบอดและข้อเสียมากมาย นอกจากทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างหมอกับคนไข้แย่แล้ว ยังทำให้การสาธารณสุขล่มสลาย ทำให้ประเทศไทยที่ยากจนต้องเสียเงินไปกับส่วนนี้มากเกิน แทนที่จะนำเงินส่วนนี้ไปพัฒนาระบบ(ซื้อยาและเครื่องมือ) จากคุณ : คนไทยหัวใจเป็นธรรม เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 19:14:43 A:58.8.120.188 X: TicketID:286863

ความคิดเห็นที่ 20 เมืองไทยเป็นแบบจนแล้วอวดรวย เตี้ยอวดจะอุ้มค่อมครับ กองทุนต่างๆ คนได้ประโยชน์คือผู้บริหารคอรัปชั่น ไปดูงานต่างประเทศ จัดซื้อจัดจ้าง ปกส เป็นตัวอย่างที่เลวร้ายที่สุด มีอย่างทีไหน เช่าระบบคอมพ์เป็นพันล้าน ซื้ออาคารแพงกว่าเป็นจริงสองเท่า มันแดกกันไปหมด ผู้ผลักดันก็คืออยากไปบริหารเงินก้อนโตนี่เองครับ ลองให้หน่วยงานที่ผลักดันไม่สามารถเป็นกรรมการ ไม่สามารถบริหารสิ ดูสิรับเงินเดือนเท่าข้าราชการไม่มีโบนัส ไม่มีการไปดูงานต่างประเทศ ไม่มีรถประจำตำแหน่ง ไม่มีค่าเบี้ยประชุม รับรองไม่ผลักดันให้เกิดกองทุนหรอกครับ ผมคิดในแง่ร้ายแบบนี้ครับ จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 20:21:27

ความคิดเห็นที่ 21 อยากให้ทุกคนฟังและทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน เชื่อว่าลึกๆแล้วทุกคนอยากช่วยกันแก้ปัญหา แต่คนที่จะมาแก้ควรแก้ตรงจุด ควรต้องศึกษาหาต้นตอของปัญหาแล้วแก้ไข มิใช่ออกกฏมาแก้ไขแค่ฉาบฉวยซึ่งมันจะเป็นการสร้างปมปัญหาให้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ .....สุดท้าย คนที่ลำบากก็คือประชาชนตาดำๆนั่นแหละ จากคุณ : prosthee เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 20:51:03

ความคิดเห็นที่ 22 ผมเห็นด้วยกับหลักการนะ แต่ไม่เห็นด้วยกับพรบนี้ คิดว่ามันคงมีทางออกแต่ไม่ยอมกันทั้งคู่แหละนะ แค่ยังไม่่ออกพรบ.ฉบับนี้ทำให้คนที่เคยช่วยตอบบอร์ดนี้ คนที่ผมแอบนับถือ ต้องมาทะเลาะกันเองซะแล้ว (ถึงจะว่าคุยด้วยเหตุผลก็เหอะ อ่านดูก็รู้ว่าอารมณ์ล้วนๆ) จากคุณ : xanyz เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 23:07:28

ความคิดเห็นที่ 23 ^ ^ นั่นสิครับ... คนผลักดันบอกว่า.. พรบ.จะช่วยทำให้ความขัดแย้งลดน้อยลง แต่นี่ ยังไม่ออก พรบ.เลย.. ก็ทะเลาะกันใหญ่แล้ว.. จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 23:12:43

ความคิดเห็นที่ 24 เป็นเรื่องที่พูดยาก และน่าเห็นใจทุกฝ่าย คงไม่มีใครอยากป่วยรักษาไม่หาย และก็คงไม่มีหมอที่ไหนไม่อยากให้คนไข้ทรุดหนักกว่าเดิม แต่ พรบ นี้เหมือนไล่บี้ วิชาชีพที่ถูกกฏหมายและอยู่บนพื้นฐานศีลธรรมอันดี แค่รักษาผู้ป่วย ก็กดดันจะแย่ นี่ต้องมานั่งกังวลอีกว่าคนไข้จะบอกข้อมูลหมดมั๊ย กั๊กไว้รึป่าว จะซวยมั๊ยหว่า บลาๆๆ พรบ นี้คงไม่ได้เป็นตัวประกันความผิดพลาดอะไรเลย เพราะวิชาชีพนี้ พลาดแล้วถึงตาย  ไม่เห็นว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นทางซักกะนิด ถ้าจะออก พรบ คุ้มครองแนวนี้ ขอแนะนำ กฏหมายคุ้มครองสวัสดิภาพ ในการโดยสารรถจักรยานยนต์รับจ้าง แทนดีกว่านะคะ ขับซิ่งๆปาดไปปาดมา ทำคนเจ็บคนตายมาได้ตั้งเยอะแยะ แต่มีวินมอไซค์เพิ่มขึ้นทุกวัน จากคุณ : ลูกพริกไทย เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 00:55:34

ความคิดเห็นที่ 25 ความคิดเห็นที่ 8 [ถูกใจ] [แจ้งลบ]   ตรรกะของผู้เขียนรายนี้มั่วมากครับ การเปรียบ เทียบการรักษาคน กับการสร้างถนน มันคนละเรื่องอย่างรุนแรง เอาชีวิต ของคน ไปเทียบกับรถ อืม....ดีจริงๆ ตรงนี้ ค้านนิดนึงครับ  เพราะรถ มันเคลื่อนที่ไม่ได้ ถ้าไม่ได้ขับโดยคน นะครับ และถ้าจำไม่ผิด   การบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ มาเป็นอันดับ หนึ่งสำหรับประเทศไทย นะครับ   ในขณะที่ คนตายจากความผิดพลาดของ หมอ น่าจะไม่ใช่อันดับหนึ่งในประเทศไทย ครับ จากคุณ : กินลม ชมทะเล เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 13:01:09