 |
Change season 1 (Weight Loss Series) :EP 3 What is Metabolism
|
|
มาถึงตอนที่ 3 แล้วครับ สำหรับการนำเสนอเรื่องราวที่ควรรู้ สำหรับ การลดน้ำหนัก Weight Loss Series เปลี่ยน คุณเป็นคนใหม่ หรือ Change ใครที่พลาด ตอน 1-2 อ่านได้จาก http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L9718406/L9718406.html
ครับ
What is Metabolism กระบวนการการเผาผลาญคืออะไร คุณคงได้อ่านข้อความในหนังสือต่างๆ ตามเวบบอร์ด กระทู้ และอีกสารพัดสื่อที่เขียนถึงเรื่องของการลดน้ำหนัก ที่พูดถึง Metabolism รวมทั้งผมเองก็เคยเขียนเตือนบรรดาผู้ที่ทำกำลังอยู่ในช่วงลดน้ำหนักว่า ห้ามงดอาหารมื้อใดๆโดยเฉพาะอาหารมื้อเช้า และ สิ่งสำคัญที่ใครๆมักจะพูดและบอกคุณเสมอครับว่า ถ้าคุณอยากจะลดน้ำหนักคุณต้องทำสองอย่างคือ 1.ควบคุมอาหาร 2.ออกกำลังกาย ซึ่งคุณอาจเลือกวิธีใดวิธีหนึ่งหรือไม่ก็ใช้ทั้งสองวิธีในการทำให้เป้าหมายของคุณบรรลุ แต่ไม่ว่าวิธีใหนก็ตามที่คุณใช้ พระเอกของเรื่องก็คือ เจ้า Metabolism นี่เอง เพราะว่า การเผาผลาญก็คือพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตนี่เองและเป็นพื้นฐานเรื่องของการลดน้ำหนักด้วย แล้วจริงๆ Metabolism กระบวนการการเผาผลาญคืออะไร เอาแบบทางวิชาการก่อน Metabolism ก็คือ กระบวนการทางเคมี ที่เปลี่ยนแปลงอาหารและเครื่องดื่มต่างเป็นพลังงานให้ร่างกายได้นำไปใช้ โดยตัวของ Metabolism จะมีสองด้านคือ การสร้างและการทำลาย 1.การสร้าง Anabolism คือ การสร้างผลิตผลทางทางเคมีของร่างกายและเนื้อเยื่อต่างๆ อะไรบ้างที่เป็น ผลิตผลทางทางเคมีของร่างกาย เช่น เลือด เอนไซม์ ฮอร์โมน สรุป คือ ทุกอย่างของร่างกายนั่นเอง 2.การทำลาย Catabolism คือ การทำลาย Catabolism อันนี้เป็นกระบวนการผลิตพลังงานที่ร่างกายใช้ในทำกิจกรรมต่างๆ ส่วนมากมากได้จากแป้งกับไขมัน โดยอาศัยอ๊อกซิเจนเป็นตัวช่วย ทำให้ร่างกายร้อนขึ้น แล้วจึงเกิดคาร์บอนไดออกไซค์และน้ำ ถูกขับออกมาเป็นของเสีย ที่เราเห็นได้ ทางผิวหนัง และทางไตเป็นต้น ทีนี้ ถ้าอธิบายแบบภาษาเราๆแบบชาวบ้านเลย ก็เปรียบเทียบตัวเราเหมือนรถยนต์ที่เราขับขี่ซึ่งถูกสตาร์ตแล้วติดเครื่องตั้งแต่วินาทีแรกที่เราเกิด แล้วเราก็ขับเคลื่อนรถคันนี้ ซึ่งเชื้อเพลิงของรถคันนี้คือ น้ำตาลและไขมัน รถคันนี้จะติดเครื่องอยู่เสมอ เหมือนร่างกายของเราไม่ว่าคุณจะทำอะไร นอนหลับ เดิน วิ่ง กิน อยู่เฉยๆ ก็ต้องเผาผลาญตลอดเหมือนเครื่องยนต์ที่ติดไว้แต่ว่าจะมีการเผาผลาญแค่ใหนเท่านั้นระดับที่เป็นตัววัดการเผาผลาญนี้ก็คือ Metabolic Rate มีศัพท์คำหนึ่งที่เราต้องเกี่ยวข้องและคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับเรื่องนี้ นั่นคือ แคลอรี่ Calorie เราทุกคนอาจได้ยินเรื่องนี้บ่อยมาก แล้ว คำว่า แคลอรี่ มาจากใหน ย้อนกลับไปที่เรื่องราวก่อนหน้านี้ในตอนที่แล้วเกี่ยวกับกระบวนการย่อยอาหารของเรา อาหารที่เรากินหรือดื่ม จะถูกแปลงออกมาเป็น คาร์โบไฮเดรต โปรตีน และ ไขมัน ซึ่งเป็นแหล่งเชื้อเพลิง เรียกง่ายๆว่า พลังงาน เป็นพลังงานสำหรับความร้อนและการทำงานต่างๆ ยกลับมาที่ แคลอรี่ เวลาที่ร่างกาของเรามีการเผาผลาญ ทั้ง คาร์โบไฮเดรต โปรตีน และ ไขมัน จะมีปฎิกิริยาทางเคมี ทำให้เกิดความร้อน และ ความร้อนนี่แหละคือ แคลอรี่ Calorie ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า แคลอรี่ (Calorie) คือ หน่วยที่ใช้วัดพลังงานจากอาหารที่ร่างกายเปลี่ยนเป็นพลังงาน และ ที่ร่างกายใช้ในการทำกิจกรรมต่างๆ ค่าของแคลอรี่ที่เราใช้กันอยู่โดยทั่วไป คือ กิโลแคลอรี่ (Kcal) พลังงาน 1 Kcal คือ ปริมาณของความร้อนที่ทำให้น้ำหนัก 1,000 กรัม (1ลิตร) มีอุณหภูมิสูงขึ้น 1 องศาเซลเซียสความสำคัญอยู่ที่เรารับประทานอาหารให้เหมาะสมกับการใช้พลังงานมากน้อยแค่ใหนเพียงพอกับที่ร่างกายต้องการรึเปล่า ที่สำคัญถ้ามีแครอลี่ที่เหลือจากการใช้งาน แครอลี่ที่เหลือจะเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมอยู่ตามร่างกายพลังงาน 3,500 แครอลี่ (บวกหรือลบก็ตาม) จะเป็นไขมันหนัก 1 ปอนด์ ดังนั้น การเผาผลาญจึงสัมพันธ์โดยตรงกับแคลอรี่และสำคัญอย่างมากต่อการลดน้ำหนัก
ดังที่กล่าวไปตอนต้นถ้าคุณอยากจะลดน้ำหนัก มี 2 วิธี คือ การออกกำลังกาย และ การควบคุมอาหาร แต่ อยากจะบอกว่า เป้าหมายจริงๆของคุณคือ ทำอย่างไรให้ร่างกายเรามีการเผาผลาญหรือมีการเบริ์นแคลอรี่มากที่สุด โดยคุณต้องไม่ลืมต่อไปนี้ 1.ร่างกายมีการเผาผลาญอยู่ตลอดเวลา 2.อาหารต่างๆที่เรากินเข้าไปก็คือการเผาผลาญซึ่งร่างกายต้องใช้พลังงานในการย่อย ถ้าคุณไม่กินหรือ อด ร่างกายก็ไม่ได้ใช้พลังงาน 3.ระดับการเผาผลาญของเราจะมากสุดในตอนเช้าและลดต่ำลงเรื่อยๆตามเช่วงเวลาของวัน 4.ระดับการเผาผลาญในคนอายุน้อยมีมากกว่าคนมี่มีอายุแก่กว่า
และจำไว้ครับ ว่า ไม่ว่าคุณจะทำหรือไม่ทำอะไร ก็ คือ การเผาผลาญ แต่คุณจะเผาผลาญให้เป็นพลังงานหรือแคลอรี่มากน้อยแค่ใหนขึ้นอยู่กับกิจกรรม ความหนักเบา ระยะเวลา และย้ำครับ ว่า เป้าหมายเราคือ เพิ่มการเผาผลาญ ทีนี้เราลองมาดูปัจจัยที่มีผลต่อระดับการเผาผลาญของเรา ซึ่งปัจจัยที่จะทำให้เรา เผาผลาญมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับ
1.ปริมาณไขมันและกล้ามเนื้อ ที่มีในร่างกาย
2. Person’s basal metabolic rate หรือ BMR ก็คือหน่วยที่วัดการเผาผลาญพลังงานในยามพักผ่อน ฉนั้น คนที่ BMR ต่ำๆก็อ้วนง่ายอันนี้เป็นสาเหตุที่เรากับเพื่อน อ้วนผอมไม่เท่ากัน และการใช้เวทเทรนนิ่งในการออกกำลังกายมีผลทำให้ BMR สูง ก็เพราะว่าการเล่นเวทมีผลกระตุ้นฮอโมนของเราและฮอโมนนี้ก็มีผลต่อ ค่า BMR ดังนั้นคนที่เล่นเวทจึงเป็นการส่งเสริม BMR โดยตรง หากเราใช้วิธีอดๆ อาหาร จะมีผลทำให้ กระบวนการเผาผลาญเสียในทางตรงกันข้าม การรับประทานอาหารในช่วงเช้า พบว่าเป็นการกระตุ้น การเผาผลาญได้ดีการรับประทานอาหาร วันละ ห้ามื้อ โดยแบ่งเป็นมื้อ ย่อยๆ ให้ผลในการ เผาผลาญได้ดีกว่า เห็นความสำคัญของเรื่องของการเผาผลาญกันแล้วใช่ไหมครับ ทีนี้ผมมี เทคนิคง่ายๆที่จะทำให้คุณเพิ่มระดับการเผาผลาญของคุณให้สูงขึ้น
จากคุณ |
:
mrtrainer2008
|
เขียนเมื่อ |
:
23 ก.ย. 53 13:01:09
|
|
|
|  |