ความคิดเห็นที่ 1 รพ.ขาดทุน.. อุปกรณ์ทางการแพทย์ก็เก่าไปตามเวลา บางอย่าง เสียจนใช้ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง... มีคนบอกว่า ... "ถ้าหมอไม่ประมาท ก็ไม่โดนฟ้อง" ถ้าหากผู้ป่วยมีภาวะที่ต้องการใช้เครื่องมือตอนนั้น เดี๋ยวนั้น แล้วเครื่องมือไม่พร้อม คนไข้เป็นอะไรไป ถือว่าหมอประมาทไหม..??? แล้วอย่างนี้โทษใคร โทษกระทรวง หรือว่าโทษหมอดี แต่เห็นมีแต่คนโทษหมอ ทั้งๆ ที่ถือสืบสาวความผิด... มันเกิดจากผู้บริหารที่ไม่เจียดงบประมาณมาที่ รพ.อย่างเพียงพอ..   แต่พอเกิดเรื่อง... ผู้บริหารดังกล่าว ก็ได้แต่มาทำเป็นพ่อพระ ให้เงินช่วยเหลือ ส่งเสียครอบครัว โดยใช้เงินภาษีประชาชน ตัวเองได้หน้าเต็มๆ ส่วนคนทำงาน โดนด่า..??? จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 20:54:46

ความคิดเห็นที่ 2 "ถ้าไม่ได้ทำผิด ไม่ต้องกลัวโดนฟ้อง" คำพูดนี้... ใช้ไม่ได้เสมอไป... ยกตัวอย่างจากกรณีนี้ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ยกฟ้องแพทย์ รพ.วชิรปราการขโมยไต http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9530000133732&CommentReferID=17078140&CommentReferNo=1&#Comment ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องหมอ หมอไม่ได้ผิด ... แต่กักขังจริง เข้าคุกจริง... ใครที่บอกว่า "ถ้าไม่ได้ทำผิด ไม่ต้องกลัว" ลองไปอยู่ในคุกสักสัปดาห์หน่อยไหมครับ.. ???? จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 20:59:53

ความคิดเห็นที่ 3 ขาดทุนน้อยกว่าที่คิดครับ เพราะจากกฎการเบิกจ่ายเงินในปัจจุบัน ที่จริงไม่ควรมีโรงพยาบาใดในประเทศไทยที่ไม่ขาดทุนเลยถ้าอาศัยเงินจากรัฐอย่างเดียว เพราะระบบเบิกจ่ายที่มี เห็นมีแต่เท่าทุนกับขาดทุน จากคุณ : หมอแมว เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 21:45:49

ความคิดเห็นที่ 4   @@ กระทรวงได้แก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ ด้วยการให้นักศึกษาในพื้นที่ชายแดนจังหวัดภาคใต้ได้เรียนในสาขาวิชาการแพทย์  จำนวน 3,000 คน @@ น่าจะเทียบเท่ากับการผลิตบุคลากรทางการแพทย์ทั้ง ประเทศเลยนะคะ โอ้ววว.. ทั้งที่ 3 จังหวัดชายแดนนั้น มันไม่ขาดแคลนจริงๆ แล้วไม่ใช่เหรอ ทำไม ไม่กระจายไปให้ทางอีสานบ้างหง่ะ ??? จากคุณ : fayraykyo เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 22:03:51

ความคิดเห็นที่ 5 มั่วมาอีกละจขกท. ถ้าศาลสั่งจำคุก อันนั้นถึงไปเข้าคุก ---------------- โทษกักขัง จำเลยจะถูกกักขังไว้ในสถานที่กักขังซึ่งกำหนดไว้อันมิใช่เรือนจำ เช่น สถานีตำรวจหรือสถานที่ควบคุมผู้ต้องหาของพนักงานสอบสวน --------------- จริงๆที่ศาลสั่งกักขัง คือให้ยื่นประกันตัว จะได้ไม่หนีคดีไปง่ายๆ เพราะมีหลักประกัน,นายประกันอยู่ ยื่นประกันตัวปั๊ปก็เดินปร๋อออกมาแล้ว -- ถ้าคดีนี้ผู้ต้องหาได้เข้าไปติดคุกจริงให้ถีบเลยเอ้า ขั้นตอนทางศาล ไม่ว่าใครอาชีพไหนก็ต้องเจอแบบนี้ทั้งนั้น อย่าดราม่าเลย เกิดอาชีพอื่นๆมาโวยวายบ้างกฏหมายคงไม่เป็นกฏหมายแล้ว จากคุณ : omeg เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 22:17:54

ความคิดเห็นที่ 6 แล้วที่ยกฟ้องแพทย์ รพ.วชิรปราการขโมยไต ไม่ใช่ยกฟ้องเพราะมีหลักฐานว่าบริสุทธิ์หรอกนะ ข้อหาปลอมและใช้เอกสารปลอม เอกสารนั้นมีการแก้ไขเติมข้อความเข้าไปจริง เพียงแต่ไม่ใช่ลายมือของ นพ.สิโรจน์ ศาลจึงยกประโยชน์ให้จำเลย ที่เอาผิดไม่ได้ไม่ใช่ไม่มีการปลอมแปลงเอกสาร แต่โจทก์ไม่รู้ว่าคนที่ปลอมแปลงน่ะใคร  เลยรอดตัวไปด้วยประการฉะนี้แล ผิดจริงไม่ผิดจริง คิดเอาเอง จากคุณ : omeg เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 22:29:28

ความคิดเห็นที่ 7 ^ ^ ข้อหามันมีสองข้อหา ข้อหาแรก - ฆ่าคนตายโดยเจตนา โดยโจทก์ฟ้องว่า ได้นำตับและไตจากผู้บริจาค โดยที่ผู้บริจาคยังไม่เสียชีวิต ข้อหาสอง - ปลอมแปลงเอกสาร ข้อหาแรก ยกฟ้อง เพราะไม่มีพยานหลักฐานที่แสดงว่า "มีการใช้ยาหรือมีการทำโดยประการใดๆ ของพวกจำเลย ทำให้คนไข้ทั้งสองแกนสมองตายโดยเจตนา ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่า คนไข้ทั้งสองถึงแก่ความตายแล้ว ก่อนที่จะมีการผ่าตัดนำอวัยวะ (ไตและตับ) ออกไป" ข้อหาสอง ยกฟ้อง เพราะพยานโจทก์ ก็ไม่รู้ว่าเป็นลายมือจำเลยหรือไม่..??? แต่ฟ้องจำเลย เพราะ... ???? อย่างเช่น ผมเห็นในใบยินยอม บอกว่าบริจาคตับและไต.. ผมก็ผ่าตัดอวัยวะจากผู้บริจาคตามนั้น.. ถามว่าผมทำผิดตรงไหน... ผมมีหน้าที่ที่จะต้องพิสูจน์ลายมือไหมว่าเป็นลายมือญาติจริงๆ ??? แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 53 22:47:48 จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 22:46:03

ความคิดเห็นที่ 8 ผู้บริหารส่วนใหญ่ ในกระทรวงสาธารณสุข ก้อเป็น หมอ มิใช่รึ เกือบทั้งหมดเรยด้วยซ้ำ เหอ เหอ จากคุณ : . (ThaiSNowMan) เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 22:59:01

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้าประชาชนมีความรู้ และดูแลตัวเองได้ดี ประหยัดค่ายา เบาหวาน ความดัน ไขมัน ฯลฯ ผมเคยเจอคนไข้ เบาหวานฉีดอินซูลิน แต่ไม่ควบคุมอาหารไม่ดูแลตัวเองเลย บอกว่า ไม่เป็นไร ได้ยาฟรี กินๆไปเหอะก็ชอบขนมหวานๆ  แม่เจ้าไม่คิดประหยัดยาบ้างเลย จากคุณ : thaimedกานต์ เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 23:20:03

ความคิดเห็นที่ 10 # 8 จะบอกว่ายังไงเหรอครับ อ่านแล้วงง หมอกำลังตั้งกระทู้บอกว่า ผู้บริหารเบื้องบน(หมอ) บริหารไม่ดี ทำให้หมอที่ทำงานเบื่องล่างนั้นลำบากมาก แล้วยังไงต่อเหรอครับ จะบอกว่า หมอต้องเข้าใจหมอด้วยกันเอง หมอทุกคนต้องคิดเหมือนกันหมด หรือหมอต้องเข้าข้างหมอด้วยกัน งง จากคุณ : ไม่ใช่หมอแต่ขอ...ถาม (Radomski) เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 53 23:27:43

ความคิดเห็นที่ 11 ตอนใช้ทุน ร.พ.ที่อยู่ไม่มีเครื่อง defibrilator ต้อง CPR คนไข้ไปในรถ ambu เพื่อไป defib อำเภอข้างๆ จาก VF ถึงก็ asystole ทั้งๆที่เป็น case electrical shock ธรรมดา แบบนี้ ใครรับผิดชอบ ? ? ? -  -  -  -  - อยู่ร.พ.มหาลัย มีแต่พวกเบิกราชการมาตรวจ ขอยานอกเท่านั้น ป่วยแล้วก็ต้องนอนนานกว่าปกติ แบบว่าเพลียยังทำงานไม่ใหว เช่น เป็นหวัด ไม่มีไข้ นอน ~ 5วัน ฯลฯ เวลาเบิกได้ตาม DRG ขาดทุนย่อยยับ . . . แบบนี้ ใครรับผิดชอบ ? ? ? -  -  -  -  - รู้ไหม อย่างนศพ.โควต้าเนี่ย จบแล้วเหลือทำงานในพื้นที่กี่คน ส่วนใหญ่ก็ใช้เงินแล้วไปทำ clinic หมด กี่%กันที่ทำงานที่บ้านเกิด แก้ไม่ถูกจุดเลย -  -  -  -  - จากคุณ : บ่นมามาก ไปดีกว่า (no preservation) เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 00:58:07

ความคิดเห็นที่ 12   ผมดูยังไง.....ก็ยังผิดอยู่อะ.....เรื่องรพ.วชิรปราการ ผิดตั้งกะ...ไปทำที่ “โรงพยาบาลเอกชน” แล้ว.... ก็เคยกล่าวไว้แล้วว่า ทำไม เรียก “ทนายหัวหมอ” ไม่เรียกหัวอย่างอื่น...... ก็อ้างไปว่า..ทำในสิ่งที่กฎหมายไม่ห้ามไว้.....หุหุ...(ฮิตติดปาก) แต่พี่ครับ....อย่าลืมว่า หมออยู่สูงกว่าหลายวิชาชีพ จริยธรรม นั้น มันยิ่งกว่า กฎหมาย....ซะอีกสำหรับพวกเราแล้ว ถ้าพี่เลือกที่จะทำ “เอกชน” พี่ก็ต้องยอมรับว่า ผู้มารับบริการ ย่อม มีความคาดหวังสูงกว่าธรรมดา เช่นเดียวกัน พี่ก็ต้องระมัดระวัง มากกว่ามาตรฐานธรรมดา ตาม “ค่าตอบแทน” ที่สูงลิบลิ่วด้วย......ใช่มะพี่ “แพทยสภาเร่งสอบกรณีโรงพยาบาลเอกชนลักลอบซื้อขายไต พบข้อมูลแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด ระหว่างการผ่าตัดเปลี่ยนไตผู้ป่วยในโรงพยาบาลของรัฐกับโรงพยาบาลเอกชนที่ตกเป็นข่าวอื้อฉาว กล่าวคือ รพ.ศิริราช ดำเนินการเปลี่ยนไตให้ผู้ป่วยมาแล้ว 6 ปี เปลี่ยนไตไปทั้งสิ้น 26 ราย รพ.จุฬาฯ ดำเนินการมา 6 ปี เปลี่ยนไตไปแล้ว 24 ราย และรพ. ขอนแก่น ดำเนินการมา 6 ปี เปลี่ยนไตไปแล้ว 35 ราย ขณะที่ รพ. เอกชนใน จ.สมุทรปราการที่ถูกร้องเรียนเพิ่งดำเนินการเปลี่ยนไตมาเพียง 3 ปีเท่านั้น ผ่าตัดไตให้คนไข้ไปแล้วกว่า 100 ราย โดยพบว่ามียอดเงินบริจาคให้ญาติคนไข้ผ่านเช็คธนาคารกรุงไทย สาขาสมุทรปราการ ตั้งแต่ 2540-41 รวมหลายล้านบาท สอดรับกับที่มีการระบุว่ามีการจ่ายเงินซื้อขายไตจริงๆ (ไทยรัฐ 24/07/42)” “มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เคยจัดสัมมนาโต๊ะกลมถกปัญหา แง่มุมกฎหมาย และระเบียบข้อบังคับของแพทยสภาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่ง นพ. สิโรจน์ กาญจนปัญจพล อดีต ผอ.รพ. วชิรปราการ ที่ตกเป็นข่าวซื้อขายไตยังไปนั่งร่วมวงด้วย และ "โยนหินถามทาง" เปิดประเด็นว่า กรณีญาติคนไข้ไม่มีเงินรักษา จะขอให้ญาติคนไข้เซ็นบริจาคอวัยวะแทนค่ารักษาพยาบาล โดยทาง รพ. จ่ายค่ารักษาให้เอง ถือว่าเข้าข่ายการซื้อ-ขายหรือไม่ ทาง ศ.ประสิทธิ์ โฆวิลัยกุล อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นผู้ชี้แจงว่า การบริจาคอวัยวะตามที่ญาติเซ็นอนุมัติ หากเป็นการกระทำที่มีสิ่งตอบแทน ก็ชัดเจนว่าสิ่งที่ให้ไปนั้นมุ่งหวังผลตอบแทน ถือว่าเป็นการซื้อขายอย่างแน่นอน (ไทยรัฐ 26/07/42)” พี่เป็นคนดี...ผมไม่อาจทราบ หรือไม่เถียงได้ครับ...แต่ คนดี “ไม่มีสิทธิติดหนี้”ครับ.......(มันคนละเรื่องกัน) ปล.ถ้าพี่ทำในโรงพยาบาลของรัฐ ผมจะไม่ว่าซักคำ และ ขอชื่นชมด้วยซ้ำครับ...เพราะมีคนที่รอคิวอยู่ มากมาย ขอบอก (ความรู้สึกของคนที่โดนแซงคิว เพราะ....มัน รันทดมากนะครับ) จากคุณ : "หมาขี้เรื้อน" ตืนแล้วจร้า.... เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 05:43:11 A:117.47.96.91 X: TicketID:286658

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้าหากผู้ป่วยมีภาวะที่ต้องการใช้เครื่องมือตอนนั้น เดี๋ยวนั้น แล้วเครื่องมือไม่พร้อม คนไข้เป็นอะไรไป ถือว่าหมอประมาทไหม..??? >> ก็ไม่ประมาทครับ ถ้าได้พยายามเต็มที่ตามหลักวิชาแล้ว และถึงเอาหมอคนอื่นๆ มา ก็ไม่สามารถทำได้ดีกว่านั้น ก็ไม่ถือว่าประมาท เรื่องแบบนี้มันมีหลักเกณฑ์ของมันอยู่นะครับ คุณหมอ อย่าเอามาเบี่ยงเบนซะจนน่าสงสารขนาดนั้นเลยครับ -- มันเกิดจากผู้บริหารที่ไม่เจียดงบประมาณมาที่ รพ.อย่างเพียงพอ..   แต่พอเกิดเรื่อง... ผู้บริหารดังกล่าว ก็ได้แต่มาทำเป็นพ่อพระ ให้เงินช่วยเหลือ ส่งเสียครอบครัว โดยใช้เงินภาษีประชาชน ตัวเองได้หน้าเต็มๆ >> หมอครับ  เขาให้งบมาพอมังครับ ถ้าไม่เอาไปเป็นค่าล่วงเวลา ค่าจัดเลี้ยง ค่าโน่นนั่นนี่เพื่อบำรุงขวัญและสวัสดิการเจ้าหน้าที่ มันน่าจะพอนะครับ แต่ถ้าไม่พอจริงๆ ก็อยู่ที่ภาวะผู้นำแล้วล่ะครับ   ข้าราชการหน่วยอื่นๆ คนเขาไม่เชื่อถือ ไม่เคารพรักอย่างหมอ เขายังไปเจียดเงิน ไปจัดกิจกรรมเรี่ยไรเงินมาสร้างอาคาร ซื้อโน่นนี่ได้เลย  ทำไมไม่ลองคิดนอกกรอบดูบ้างล่ะครับ เอิ่ม แล้วเงินที่ detail ยาให้น่ะ  เอามาหมุนใช้ในเรื่องราชการบ้าง ก็จะดีไม่น้อยนะครับ -- ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องหมอ หมอไม่ได้ผิด ... แต่กักขังจริง เข้าคุกจริง... >> คุณหมอไปดูดีๆ นะครับ ว่าเขารอดได้ยังไง งานนี้ น่าสงสารคนไข้ครับ และหมอคนนั้นโชคดีมาก ที่คนไข้ไม่ได้มีตังค์เยอะพอจะจ้างทนายเก่งๆ ได้ ไม่งั้นคดีก็น่าจะพลิกไปอีกหน้าหนึ่งเลย อย่าเอาผลคดีที่เกิดจากปัจจัยในกระบวนพิจารณา มาเบี่ยงเบนว่าหมอทำถูกแล้ว ทำดีแล้ว แต่ต้องรับกรรมสิครับ   มันคนละเรื่องกันเห็นๆ อยู่ จากคุณ : ลูกหมีเขี้ยวยาวเขาโง้ง เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 11:56:06

ความคิดเห็นที่ 14 -- ผมเห็นในใบยินยอม บอกว่าบริจาคตับและไต.. ผมก็ผ่าตัดอวัยวะจากผู้บริจาคตามนั้น.. ถามว่าผมทำผิดตรงไหน... ผมมีหน้าที่ที่จะต้องพิสูจน์ลายมือไหมว่าเป็นลายมือญาติจริงๆ ??? >>> ตรงนี้ มันวางระบบการตรวจสอบเอกสารดีๆ ก่อนถึงหมอไม่ได้เลยเหรอครับ  ทำไมแบงค์มันยังวางระบบเอกสารพวกนี้ได้ คนปล่อยสินเชื่อ ก็ไม่ได้มานั่งพิสูจน์ลายมือหรอกครับ แต่กระบวนการกลั่นกรองเขาดีจนปลอมเอกสารลำบากแค่นั้นเอง ถ้าระบบมันแย่  หมอเป็นผู้บริหารสถานพยาบาลเอง ก็แก้ไขปรับปรุงมันได้นี่ครับ สาระสำคัญมันอยู่ตรงนั้น  ไม่ใช่มาอ้างข้างๆ คูๆ ว่า ไม่มีหน้าที่ ไม่ขอรับผิดชอบ อันนี้พูดกันถึงทั้งระบบนะครับ ไม่ใช่เอาปัจเจกบุคคลมาว่ากัน ที่เขาออก ร่าง พรบ.ฯ มา ก็เพื่อแก้ปํญหาที่ตัวระบบแบบนี่แหละ ถ้าแก้ปัญหาความผิดพลาดจากตัวบุคคล กฎหมายอาญามีรองรับไว้อยู่แล้วล่ะครับ จากคุณ : ลูกหมีเขี้ยวยาวเขาโง้ง เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 12:00:39

ความคิดเห็นที่ 15 --- อยู่ร.พ.มหาลัย มีแต่พวกเบิกราชการมาตรวจ ขอยานอกเท่านั้น ป่วยแล้วก็ต้องนอนนานกว่าปกติ แบบว่าเพลียยังทำงานไม่ใหว เช่น เป็นหวัด ไม่มีไข้ นอน ~ 5วัน ฯลฯ แบบนี้ ใครรับผิดชอบ ? ? ? >> แล้วให้เบิกไปทำไมล่ะครับ แล้วให้เขาอ้างโน่นนั่นนี่ไปทำไม ถ้ารู้อยู่แล้ว ว่าเขาไม่ป่วยหนัก แต่ยังให้ยานอก ยังให้นั่นนี่ ผิดพลาดขึ้นมา หรือเจอตรวจสอบทุจริตจากกรมบัญชีกลางขึ้นมา อย่าอ้างนะครับ ว่าทำไปตามหน้าที่แล้ว  ทำดีที่สุดแล้ว เวลาข้าราชการหน่วยงานอื่นๆ เขาเจอ สส. เจอ สท. เจอนักการเมืองทั้งระดับชาติ หรือระดับท้องถิ่นบีบ เขาสติปัญญาไม่สูงขนาดคนเรียนหมอ แต่ยังมีจิตสำนึกในการทำหน้าที่ หาทางหลบเลี่ยง ซิกแซ็กไม่ได้เป็นไปตามที่นักการเมืองหรือผู้มีอิทธิพลบีบ ทำไมเขาทำได้ล่ะครับ  และทำไมเคสง่ายๆ แบบนี่ คุณหมอถึงทำอะไรไม่ได้เลย ทำงาน มันต้องมีปัญหาอุปสรรคบ้าง  แต่ตามน้ำมันไปแล้วโทษฟ้าโทษฝน หรือสู้กันมันด้วยสติปัญญา ด้วยความอดทน  ด้วยสำนึกในหน้าที่   อันนี้ผมว่า มันเป็นเรื่องเฉพาะตัวของแต่ละคน  แต่มันสอนมันปลูกฝังกันได้  แต่ก็นั่นแหละ ปลูกฝังแล้ว จะทำหรือไม่ อันนี้มันก็แล้วแต่คนอีก เพราะบางที่คนเราก็ไม่ได้กล้าเดินทางที่ลำบากกันทุกคน คุณ no preservation คิดว่าจริงไหม จากคุณ : ลูกหมีเขี้ยวยาวเขาโง้ง เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 12:07:05

ความคิดเห็นที่ 16 คห.7 ข้อเท็จจริงในคดีนั้นคือ มีการเติมข้อความจริง ถามว่าเขารู้ได้ไง ก็แสดงว่า ลายมือที่เติม ต้องแตกต่างจากลายมือในส่วนอื่นๆ จริงอยู่ หมอไม่มีหน้าที่ต้องพิสูจน์ลายมือว่าเป็นของคนไข้จริงไหม แต่หากดูแล้ว(แน่นอนว่าคดีนี้ศาลก็เห็นด้วย) ลายมือมันตรงนี้อย่างนึง ตรงนี้อีกอย่างนึง เอกสารนั้นก็ต้องให้คนไข้กรอกใหม่ครับ ซึ่งโดยตามความเป็นจริง ก็น่าจะเขียนโดยคนเพียงคนเดียว ลายมือเดียวไม่ใชหรือ ใจเขาใจเราด้วย เพราะเอกสารพวกนี้ส่วนใหญ่เซ็นแล้วจะเก็บอยู่ในรพ.,ในมือหมอ ทำให้เข้าใจว่ามีการปลอมแปลงขณะอยู่ในรพ.หรือในมือหมอได้ง่าย จากคุณ : omeg เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 12:24:25

ความคิดเห็นที่ 17 อ่านตรงนี้แล้วขัดใจจริง --- อยู่ร.พ.มหาลัย มีแต่พวกเบิกราชการมาตรวจ ขอยานอกเท่านั้น ป่วยแล้วก็ต้องนอนนานกว่าปกติ แบบว่าเพลียยังทำงานไม่ใหว เช่น เป็นหวัด ไม่มีไข้ นอน ~ 5วัน ฯลฯ มีใครไปมัดมือบีบคอให้หมอสั่งยา สั่ง admit หรือเปล่า หมอ สั่งจ่ายยาที่ไม่จำเป็น สั่ง admit ให้นอนทั้งๆที่ไม่มีความจำเป็น ก็เท่ากับ "ร่วมกันทุจริต" นั่นแหละ แถมยังฉ้อราษฏร์ด้วยการออกเอกสารให้เขาไปใช้สิทธิลาป่วยโดยไม่มีความจำเป็นจริง เบียดบังเวลาหลวงในการทำงาน (ย้ำว่า โดยการลาป่วยโดยไม่เป็นจริง) จากคุณ : *Cookies* เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 13:02:10

ความคิดเห็นที่ 18 คุณลูกหมีครับ  งบที่รัฐให้มา ไม่พอหรอกครับ ไม่เชื่อก็ดู รพ.ศิริราช สิครับ  ถ้าไม่มีเงินบริจาค อยู่ไม่ได้หรอกครับ รพ.อื่น ถ้ามีคนบริจาคเหมือนศิริราช ก็คงไม่มีปัญหาหรอกครับ ส่วนค่าล่วงเวลา...เอ่อ...ก็ยังจะไม่ให้หมอ พยาบาล พนักงานรพ. เลยหรือครับ   แหม...น่าจะโหดไปหน่อยมั้งครับ แล้วตกลงคุณลูกหมี สนับสนุนให้หมอคิดนอกรอบไปเรี่ยไรรับบริจาค จริงๆหรือครับ...แหะ..แหะ...คราวนี้ สงสัยหมอจะโดนหนักกว่าเดิมมั้งครับ ข้อหา  ใครไ่ม่ให้  อย่าป่วย ล่ะกัน....55555... จากคุณ : กินลม ชมทะเล เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 15:05:36

ความคิดเห็นที่ 19 ^ ^ ^ 555 รู้ได้ไงครับ ว่าทุกวันนี้เขาไม่ได้ทำอยู่ หน่วยงานผมต้องหาเงินให้โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ปีนึงเป็นร้อยล้าน เพราะเขาขอมา (ขนาดนี้ เวลาไปรักษาที่นี้ ยังไม่ได้ห้องพิเศษเลย ยังต้องรอคิวอยู่เลย  ยังเจอหมอดุเพราะอารมณ์หงุดหงิดมาจากคนไข้เยอะอยู่เลย) ผมเรียนไปตามาข้อเท็จจริงนะครับ หน่วยงานราชการต่างๆ เขาก็ใช้วิธีจัดกิจกรรมพิเศษกับชาวบ้านร้านค้าทั้งนั้นแหละครับ  ไม่ใช่ไปเรียไรเอาดื้อๆ  (อันนั้นเขาเรียกไถตังค์นา ผมว่าน่ะ) แต่มีหัวคิดในการดึงประชาคมตรงนั้นเขามาทำงานร่วมกับรัฐนิดนึง ให้เขามีส่วนร่วมในการให้บริการของรัฐ  โดยที่เราเองก็ลดอัตตาลงนิดนึง ไปคุยไปร่วมกิจกรรมต่างๆ ของเขาบ้างเท่าที่เวลาเราจะทำได้ เขายินดีบริจาคหรือร่วมกิจกรรรมกะเราเลยล่ะครับ อันนีบอกได้จากที่เคยทำมาแล้ว  (ขนาดผมความน่าเชื่อถือไม่ถึงขนาดหมอนะครับ) ส่วนเรื่องงบฯ  ถ้าไม่เอาไปดูงาน ไปทัศนศึกษานอกสถานที่ ไปใช้จัดงานประจำปีภายใน  ไม่เอาไปจัดทำโบร์ชัวร์แจก จ่ายเบี้ยประชุม เบี้ยเลี้ยงเดินทางค่าเครื่องบิน (รถทัวร์ก็นั่งได้นะ เชื่อสิ) มันก็จะพอเหลือหรอกครับ ที่ Detail ยาให้มาน่ะ  ลองเอามาหมุนตรงนี้ดูบ้างสิครับ ป.ล. อยากเอาเคสคุณหมอที่สุราษฏร์ท่านนึง ที่ทำโรงพยาบาลชุมชนด้วยแนวคิดใหม่ เอาชาวบ้านมาร่วมกันทำงานกะโรงพยาบาล  ร่วมมือกันจนโรงพยาบาลไม่ขาดแคลน ชาวบ้านก็ไม่ค่อยป่วย ผม search หาไม่เจอ  ใครเจอช่วยโพสหน่อยนะครับ จะได้เอามาเป็นตัวอย่างให้คุณหมอ จขกท. ได้พิจารณา แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 53 15:33:04 จากคุณ : ลูกหมีเขี้ยวยาวเขาโง้ง เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 53 15:22:47

ความคิดเห็นที่ 20   คุณลูกหมี พูดถึง "เกาะยาว" หรือเปล่าครับ ถ้าใช่ คงต้องใช้คำของคุณลูกหมีที่ว่า "คุณลูกหมีไปดูดีๆ นะครับ ว่าเขารอดได้ยังไง " สเกล มันต่างกันมากครับ ระหว่าง จำนวนคนไข้ที่ไปรพ ในแต่ละที่ (ทางอีสานยิ่งแล้วใหญ๋) ส่วนเรื่องขาดทุนนั้น ในวงการเขารู้มานานแล้วครับ ว่า มากกว่า 191 อีก แต่ ยัังพอมีทุนเก่าอยู่บ้าง ยิ่งเวลาผ่านไปก็จะยิ่งทราบ (ลองไปหาในกระทู้เก่าเกี่ยวกับ พรบ ก็มี ครับ จะได้รู้ว่า รพ ส่วนใหญ่ ได้ค่าเหมาจ่ายรายหัว ต่อประชากรจากสปสช เท่าไหร่ มารพ เฉลี่ย ปีละ กี่ครั้ง ค่ายา เฉลี่ย ครั้งละกี่บาท ) ส่วนเรื่องหาเงิน บริจาค รพ รัฐ ร่วม 700 กว่าแห่ง ถ้าทุกที่ หาเงิน บริจาคได้ ที่ละ 10 ล้านบาท(ไม่มาก ขอแค่ 10%ของหน่วยงานที่คุณลูกหมีทำให้) ปีหนึ่งๆ จะต้องมีคนบริจาค 7000 กว่าล้านบาท ไม่มากเลยใช่ไหมครับ (คุณลูกหมีช่วยแนะนำ idea ได้ ไหมครับ ผมจะเอาไปแนะนำ ผอ รพชแต่ละที่ให้ทำตาม) ปล ไม่เอา มุข เงินจาก ดีเทล นะครับ ยาส่วนใหญ่ของ รพช (กว่า 80% ถ้าไม่ยาองค์การ ก็เปิดซองครับ(ถูกกว่าได้) มีพอเลี้ยงปีใหม่ พอเป็นขวัญกำลังใจพนักงาน(มีตั้งแต่หมอยันคนทำความสะอาด ไม่เห็นใจหมอ ก็น่าจะเห็นใจ ชุดเหลืองนะครับ มีเลี้ยงปีละครั้งก็ยังดี)ก็บุญแล้วครับ จากคุณ : ขออภัย ความรู้เท่าหางลูกอ๊อด เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 00:56:03 A:114.128.177.10 X: TicketID:278779

ความคิดเห็นที่ 21 รพส่วนใหญ่ มีรายได้จากการรับบริจาค และกิจกรรมต่างๆ อยู่แล้วครับ มากบ้างน้อยบ้าง แม้แต่การขอการสนับสนุน(บริจาค)ยาราคาแพง จากบริษัทยา (ทำได้เฉพาะใน รพ ใหญ่ๆ) บ้างแต่ถึงกระนั้นก็ยังขาดทุน ผมคิดว่า 191 แห่ง เป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าความเป็นจริงมาก และยังไม่รวมถึง รพ ที่ รายจ่าย > รับ เรื่อยๆ แต่ที่ยังไม่ขาดทุนเเพราะมีบุญเก่าครับ ps. เป็นหมอนี่หน้าที่เยอะจัง ต้องเป็นทั้งหมอ ทั้งนักบริหาร นักวิจัย รวมทั้งเป็น อ ให้ นศพ ทั้งๆที่เจ้าหน้าที่แค่ทำงานอย่างเดียวก็แย่แล้ว ผมว่า หลายๆฝ่ายคาดหวังกับพวกเราสูงเกินไปครับ จากคุณ : Elixir The High Priest เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 09:04:07

ความคิดเห็นที่ 22 ตอบคุณ ขออภัย ความรู้เท่าหางลูกอ๊อด เรื่องการหาเงินนะครับ ไม่รู้จะเป็นการสอนหนังสือสังฆราชหรือเปล่า ปกติที่หน่วยงานผมทำ ก็คือจ่ายงานให้จังหวัดไปหามา จังหวัดบางแห่งก็ไถเอาดื้อๆ บางแห่งก็มีหัวคิดหน่อย จัดกิจกรรมการกุศลในลักษณะกาชาดเอา อย่างของผม ไปหาเศรษฐีเก่าที่ซ่อนตัวอยู่ในจังหวัดครับ พวกนี้ ส่วนใหญ่เหลือกินเหลือใช้ ต้องการแค่เกียรติ หาเจอหรือไม่ อันนี้ต้องอธิบายยาว ล่าสุดไปขอล้านนึงดื้อๆ  แกไม่เรียกร้องอะไรเลยสักอย่าง ยื่นเงื่อนไขอย่างเดียว ให้จัดผู้ว่าฯ ไปรับถึงบ้านแกเท่านั้นเอง ผมเลยจัดให้ แบบแถมให้ด้วยเอา เอานักข่าวไปทำข่าวให้ด้วย เอาผู้ว่าฯ ไปรับบริจาคถึงบ้านเลย ก็แฮบปี้กันทุกฝ่ายครับ แม้ตัวผมจะหงุดหงิดกะโรงพยาบาลนี้อยู่บ้าง ที่ขยันขอจริงๆ  ทั้งๆ ที่ตังค์เยอะอยู่แล้ว ผมไปรักษาทีไร  จ่ายค่าตรวจนอกเวลากันอานเลยเหมือนกัน ไม่เคยได้สิทธิพิเศษอะไรกะเขาเลย บอกตามตรงว่า อยากเรี่ยไรไปให้โรงพยาบาลต่างจังหวัดมากกว่าครับ ส่วนเรื่องโรงพยาบาลที่เกาะยาว (คงใช่นะ ผมว่า) สาระสำคัญอยู่ที่ให้ดูวิธีบริหารจัดการของหมอคนนั้น ให้ไปดูไอเดียการดึงชุมชนรอบๆ มาเป็นส่วนร่วมในการทำงาน ให้ไปดูให้เป็นไอเดียในการมองเห็นโอกาสท่ามกลางปัญหา ไม่ใช่ให้ไปเห็นปัญหาในปัญหาอีกที ถ้ามองอะไร มองเป็นปัญหาตั้งแต่ต้นแล้ว คงยากจะพัฒนาอะไรดีๆ ขึ้นมาได้ล่ะครับ ถ้าคุณหมอคนนั้นคิดได้แบบคนหาเช้ากินค่ำทั่วไป ก็คงไม่เกิดไอเดียดีๆ แบบนี้ขึ้นมาได้หรอกครับ การเป็นนักพัฒนา มันต้องกล้าคิดนอกกรอบ กล้าวิ่งเข้าใส่ปัญหา ไม่ใช่มองแต่สภาพแวดล้อมแบบเดิมๆ อยากจะอยู่แบบเดิมตามความเคยชินที่เป็นมา อันนั้นก็จะไม่เกิดการพัฒนาหรอกครับ ว่างๆ คุณหมอลองคุยกะนายอำเภอ พัฒนาชุมชน หรือหมอดินที่อยู่ในพื้นที่บ้างซิครับ จะได้ลองรับไอเดียแบบนี้มาประยุกต์ใช้ได้บ้าง จากคุณ : ลูกหมีเขี้ยวยาวเขาโง้ง เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 09:28:23

ความคิดเห็นที่ 23 อยากรู้จริงๆว่า ชุมชนที่เข้ามามีส่วนร่วมทำงานกับ รพ.เป็นคนมีอันจะกิน เหลือกินเหลือใช้ หรือเป็นคนจน อยากให้คนที่มาร่วมเป็นคนมีอันจะกินมาช่วยกันทำงาน  ให้คนที่มีเงินน้อย ไปทำงานหาเงินเพื่อจะได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นครับ  เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว มันก็จะเป็นงูกินหาง  คือ ในที่สุดประชาชนที่เข้ามาช่วยก็จะมีปัญหาอย่างอื่น ตามมา หรือลูกหลานก็ต้องไปทำานหาเงินมาส่งทางบ้านอยู่ดี นี่แหละที่ผมว่า น่าจะเสนอ พรบ.ให้จัดงบประมาณมาจ้างคนในชุมชนเข้ามา ช่วยดีไหมครับ  มีพรบ.ระดมกองทุนเอาเงินให้ทุกรพ.จ้างคนเข้ามาช่วย ชาวบ้านมีเงินใช้  รพ.มีคนช่วยกิจกรรมต่างๆ  ดีด้วยกันทุกฝ่าย   เป็นเหตุ เป็นผลกว่า พรบ.ชดเชยผู้เสียหาย ซะอีก ที่มาแก้ปลายเหตุแล้วบอกว่าหมอ ไม่ดี  แบบนี้ หมอก็ดี  ชาวบ้านก็ดี หมด   ช่วยกันเสนอหน่อยสิครับ จากคุณ : กินลม ชมทะเล เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 11:47:20

ความคิดเห็นที่ 24 ^ ^ เขาเข้ามาช่วยบางเรื่อง ไม่เต็มเวลาครับ กะมี concept เรื่องการรักษาเชิงป้องกันควบคู่ไปด้วย โดยหมอไปหาถึงบ้านก็มี ชาวบ้านไม่ได้เอาเวลามาใช้กะการทำงานร่วมกะโรงพยาบาลทั้งหมดครับ และเขาได้ประโยชน์เต็มๆ เลยเต็มใจ ยังย้ำว่า  ว่างๆ คุณหมอน่าจะลองคุยกะนักพัฒนาโดยอาชีพดู จะได้แง่มุมการแก้ไขปัญหาที่หลากหลายและแตกต่างจากความเคยชินเดิมๆ ซึ่งอาจจะทำให้ได้ไอเดียใหม่ๆ ไปประยุกต์ใช้ได้โดยไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูกอยู่เอง ไม่ได้ว่า เขาเหล่านั้นฉลาดกว่าหมอนะครับ แต่โดยหน้าที่การงานเขา เกี่ยวกะเรื่องการสู้กะความขาดแคลนโดยตรง เกียวกะการทำให้ดีขึ้น บนพื้นฐานข้อจำกัดหลายๆ อย่างในทางปฏิบัติ ดังนั้น ลองปรึกษาเขา จะได้แง่มุมที่เป็นประโยชน์มากเลยล่ะครับ ลองดูซิครับ ป.ล. คนไม่เก่งก็มีครับ อย่าไปปรึกษาขี้เหล้าประจำตำบล หรือว่างงานประจำอำเภอ แล้วมาสรุปว่าไม่ได้อะไรใหม่ๆ นะครับ ขอดักไว้ก่อนครับ 55 จากคุณ : ลูกหมีเขี้ยวยาวเขาโง้ง เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 14:02:07

ความคิดเห็นที่ 25   ขอบคุณครับ คุณลูกหมี ไว้ผมจะแนะนำ พวก ผอ ที่รู้จักให้ทำวิธีนี้บ้าง ได้ผลหรือไม่คงแล้วแต่ความสามารถบุคคลละครับ (ไม่รู้จะเก่งพอหา คหบดีผู้เร้นกาย ได้ไหม -_-" ) แถมอีกข่าวละกันนะครับ รพ.สังกัดสธ.ขาดทุนยับ-โคม่า11.04%เจอพิษ"บัตรทอง" http://www.posttoday.com/วิเคราะห์/สดจากสนาม/52091/รพ-สังกัดสธ-ขาดทุนยับ -โคม่า11-04-เจอพิษบัตรทอง จากคุณ : ขออภัย ความรู้เท่าหางลูกอ๊อด เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 14:42:48 A:114.128.177.10 X: TicketID:278779

ความคิดเห็นที่ 26   คุณลูกหมีเขี้ยวยาวเขาโง้ง ทำไมจะต้องมองว่าหมอทุกคนเอางบไปทุจริต รับเงิน detail ถ้าแนวคิดของคุณมันทำได้แบบ 1+1 แค่ลงมือก็เกิดขึ้นแล้วก็ดีนะสิ ผมก็อยากให้เป็นแบบนั้นเหมือนกัน เอาแค่เป็น project ออกชุมชนช่วงเป็น นสพ.เป็นประโยชน์แก่ชาวบ้านเต็มที่ก็ยังไม่ค่อยมีชาวบ้านเข้าร่วม (มักจะมีข้ออ้างว่าเสียเวลาทำมาหากิน) แล้วในความเป็นจริง หมอใน รพช 1-2 คนต้องรับมือกับคนไข้วันละ 100-200 คน ตรวจกลางวันเสร็จก็ต้องอยู่เวรตอนกลางคืนต่ออีก ความพร้อมในการรักษาก็แย่สุดๆ lab ไม่มี อุปกรณ์เก่าๆพังๆ แค่งานบริการรักษาก็แย่มากแล้วยังจะให้มาบริหารอะไรอีก พวกผมซึ่งเป็นแพทย์ใช้ทุนปีแรกตอนเดือนพฦษภาก็เริ่มงานกันด้วยกำลังใจเต็มเปี่ยมแต่ตอนนี้กำลังใจหดหายจนอยากจะกลับไปเรียนต่อกันทั้งนั้น ก็เพราะเจอการแสดงความคิดเห็นแบบคุณนี่แหละ พวกเราพอเจอกระทู้เกี่ยวกับสุขภาพก็อยากจะเข้าไปช่วยตอบเหมือนแนวคิดพีหมอหมูที่ว่า "ถ้าคนที่มีความรู้ไม่เข้ามาตอบ จะปล่อยคนที่ไม่ค่อยรู้เข้ามาตอบหรือ"แต่เข้าไปเจอแต่ความคิดเห็นแบบนี้ก็ไม่อยากพูดอะไรอีก ทำงานมาแทบตายกลับมาเล่นเน็ทเจอแบบนี้ เล่นเอานึกถึงคำพูดของเพื่อนผมที่แปะใน FB ว่า "เห็นชาวบ้านมีความคิดกับพวกเราแบบนี้ ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะตื่นขึ้้นไปช่วยพวกเขาทำไม" บ่นไปงั้นแหละ พรุ่งนี้ก็ตื่น 6 โมงไปราวน์เช้าอยู่ดี จากคุณ : Doctor-K (Devamorana) เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 53 06:58:36