ความคิดเห็นที่ 1 นาน ๆ จะได้ตอบในสาขาที่ตัวเองเรียนนะครับ คือศัลยศาสตร์ทางเดินปัสสาวะนั่นเอง มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ เป็นมะเร็งอีกชนิดที่เจอเยอะในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง ประมาณ 4 เท่าครับ ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมารพ.ด้วยอาการปัสสาวะออกเป็นเลือด โดยไม่มีอาการปวดร่วมด้วย คือฉี่มาเป็นเลือดเลยหนะครับ บางคนออกมาเป็นลิตรเลย แล้วส่วนใหญ่พอส่องกล้องเข้าไปก็จะเจอกับเนื้อร้ายครับ เมื่อเจอแล้วหมอก็จะทำการตัดชิ้นเนื้อไปเพื่อทำการยืนยัน ถ้าใช่ก็งานเข้า ทีนี้มันก็มีวิธีการรักษาหลายวิธี ตามแต่ระยะของโรคครับ ซึ่งในที่นี้ จขกท บอกว่ากินถึงชั้นกล้ามเนื้อแล้ว ก็น่าจะอย่างน้อยระยะที่สองครับ (ไม่แน่ใจว่าจาก CT ไปถึงต่อมน้ำเหลืองหรือยัง) สำหรับการรักษานี้ ปัจจุบันการผ่าตัด ก็ยังเป็นวิธีการรักษามาตรฐานทั่วโลกนะครับ และได้ผลค่อนข้างดีเลยทีเดียว สาเหตุก็เพราะมะเร็งชนิดนี้มันอยู่ในถุงกระเพาะปัสสาวะอยู่แล้ว ถ้าเอาถุงออก ก็เหมือนเอาถุงขยะไปทิ้งครับ  ฉะนั้นผลการรักษานี้ก็เลยออกมาดีเลย เพียงแต่ข้อเสียของการผ่าตัดแบบนี้ก็คือ เมื่อคนไข้ไม่มีกระเพาะปัสสาวะแล้ว ก็ต้องทำการสร้างกระเพาะปัสสาวะใหม่ บางคนก็เอาลำไส้มาทำแล้วเปิดให้อยู่หน้าท้อง หรือบางคนก็ใส่สายครอบถุงครับ ซึ่งคนไข้จำนวนมากที่เลือกวิธีนี้อาจจะต้องรำคาญหน่อย แต่ก็อยู่มาได้เป็นสิบปีก็มีครับ อีกวิธีหนึ่งที่เป็นทางเลือกก็คือการฉายแสงครับ วิธีนี้ก็เหมือนเอารังสีไปฆ่าเนื้อร้ายครับ ปกติเราไม่ใช้เป็นวิธีแรกนะครับ คิดง่าย ๆ ก็เหมือนเอาไมโครเวฟไปยิงถุงขยะแล้วหวังว่าขยะมันจะไหม้หมดหนะครับ แต่ประเด็นก็คือถุงมันก็ยังอยู่ในตัวเหมือนเดิม ซึ่งปกติหมอจะเลือกวิธีนี้ก็ต่อเมื่อคนไข้ผ่าตัดไม่ได้จริง ๆ หรือว่าใช้รังสีเพื่อให้ก้อนมันเล็กก่อนแล้วค่อยเอาไปผ่าเพื่อจะได้ผ่าง่ายมากกว่าครับ และส่วนใหญ่ถ้าเลือกวิธีใช้รังสีนี่ หมอก็มักจะพิจารณาให้ยาเคมีบำบัดร่วมด้วยครับ งง หละสิ เอาง่ายง่าย อย่าไปเล่าต่อหละ อายเค้า แค่ให้เห็นภาพเฉยๆ กระเพาะปัสสาวะ        =  ถุงดำ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ = ถุงดำใส่ขยะ เลือกผ่าตัด                = ตัดใจเอาถุงขยะไปทิ้ง --> แล้วทำถุงใหม่ เลือกฉายแสง            = เสียดายถุง  เลยเอาถุงดำใส่ขยะเข้าไมโครเวฟ หวังว่าขยะข้างในจะไหม้ ฉายแสง + เคมี          = เสียดายถุง  เปิดปากถุงเท vixol ใส่ขยะให้ละลายไปซะแล้วเอาถุงไปเข้าไมโครเวฟอีกที ฉะนั้นก็จะเห็นว่า วิธีผ่าตัดก็น่าจะได้ผลดีที่สุดครับ หมดจดดี เพียงแต่ที่บอกก็ต้องมีถุงใหม่ให้ดูแล แต่ถ้า จขกท จะเลือกวิธีฉายแสง มันก็ผลข้างเคียงที่ก็ต้องรู้ก่อนนะครับ อันแรกก็คือที่บอก ถุงเดิมก็ยังอยู่ ฉะนั้นก็มีโอกาสที่จะกลับมาใหม่ได้ง่ายครับ และไม่ได้รับประกันว่าหมดแน่ ต่อมาผลระยะสั้น ก็คือระหว่างฉายแสงหรือให้เคมีก็พวกทั่ว ๆ ไปครับ อ่อ่นเพลีย คลื่นไส้อาเจียน ฉี่ลำบาก ท้องเสีย (บางคนงงว่าท้องเสียได้ไง เดี๋ยวรู้)เจ็บแสบกระเพาะฉี่จากการฉายแสงครับ ผลระยะยาว (ประมาณ 3 ปี ++) กระเพาะปัสสาวะที่เคยฉายแสงจะเกิดแผลเป็นครับ ทำให้ปริมาตรความจุน้อยลง ผู้ป่วยเลยจะฉี่บ่อยขึ้นครับ จากนั้นบางส่วนที่บอกคือเมื่อเอาถุงไปยิงไมโครเวฟ ฉะนั้นก็โดนทั้งถุง ทั้งขยะ ผลเลยทำให้ผนังกระเพาะปัสสาวะบางลงครับ เลือดออกในกระเพาะปัสสาวะง่าย ผู้ป่วยก็จะมารพ.ด้วยปัสสาวะเป็นเลือดบ่อยมาก ๆ ทั้งที่ไม่ได้เป็นไร เพียงแต่ที่บอกผิวกระเพาะปัสสาวะจะบางครับ ซึ่งบางคนที่เป็นมากกว่านี้ก็คืออย่าลืมว่าถุงใบนี้มันวางอยู่ตรงลำไส้ใหญ่ครับ เลยทำให้เวลาฉายแสงลำไส้ใหญ่ก็โดนไปด้วย(สาเหตุทีทำให้ท้องเสียข้างบนไง)  สรุปลำไส้ใหญ่ก็บางด้วย บางคนถึงขั้นลำไส้กับกระเพาะปัสสาวะทะลุถึงกันอีก คราวนี้ปัสสาวะก็มีอุจจาระปนเลยครับ ซึ่งก็พบได้แม้ไม่บ่อย แต่ยิ่งอยู่นานยิ่งเจอครับ สรุปการรักษาทุกอย่างก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียครับ อยู่ที่อายุ ความพร้อมของทั้ง คนไข้และคนดูแล และกำลังใจ ลองปรึกษาหมอที่รักษาดูอีกทีนะครับ ส่วนคนที่ยังไม่เป็นและไม่อยากเป็น ก็ต้องเริ่มทานอาหารแบบระวัง ๆ นะครับ พวกอาหารใส่สี ของหมักดองสีสดๆ บางอย่าง หรือบุหรี่นี่งดได้ก็ควรครับ เพราะพบว่าคนที่สูบเป็นมะเร็งมากกว่าคนไม่สูบ 2 เท่าเชียว และหากสังเกตุปัสสาวะมีสีผิดปกติ หรือสังเกตุมีเลือดปนก็รีบไปหาหมอนะครับ อโรคยา ปรมา ลาภาครับ แก้ไขเมื่อ 17 ต.ค. 53 15:32:49 จากคุณ : สาลิกาโบยบิน เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 53 15:23:37

ความคิดเห็นที่ 2 ขอบคุณ คุณสาลิกาโบยบิน มากครับ      ตอนนี้กำลังรอ ทำ CT Scan ครับเลยยังไม่รู้ว่าไปถึงต่อมน้ำเหลืองหรือยัง ตอนแรกคือมีอาการเลือดออกมาปนกับปัสสวะครับ ไปหาหมออายุรกรรม ให้ทานยาแก้อักเสบแล้วไม่หาย เลยตรวจกับหมอทางเดินปัสสวะ พบก้อนเนื้อครับ ตอนแรกดูจากก้อนเนื้อแล้ว ขนาดยังไม่โต มีโอกาสที่จะเจริญแค่ผนังกระเพาะซี่งผ่าผ่านท่อทางเดินปัสสวะก็หาย แต่ตรวจผลชิ้นเนื้อแล้วไม่ดี คือเนื้อมะเร็งเจริญลงลึกไปถึงกล้ามเนื้อ       ขอถามต่ออีกหน่อยนะครับ คุณพ่อ อายุ 70 สุขภาพก็แข็งแรงปานกลาง ตามวัย มีโรคความดัน กำลังคุมความดันเตรียมสำหรับ ผ่าตัด หรือ ฉายแสง ครับ ทีนี้ต้องรอผล CT Scan ก่อนครับ ถ้า ลุกลาม เลยผนังด้านนอก ก็คงเลือกได้เฉพาะฉายแสง แต่ถ้ายังก็ทำได้ทั้งผ่าตัดและฉายแสง เลยอยากทราบต่อครับว่า       1. ปกติพ่อจะเป็นคนที่ถ่ายยาก ( อาจจะสูบบุหรี่จัด ไม่กินผัก หรือ เป็นคนธาตุแข็ง ) บางครั้งต้องใช้ยาถ่ายบ้าง ถ้าทำการฉายแสงแล้วจะมีผลกระทบกับลำใส้ใหญ่ด้วย ตรงนี้เป็นกังวลว่าจะทำได้ใหมครับ กลัวว่าจะมีปัญหาถ่ายไม่ได้ครับ แล้วคุณพ่อเคยผ่าเนื้องอกธรรมดา (ขนาดเล็ก) ในลำใส้ใหญ่ออก จะมีผลกระทบใหมครับ       2. ถ้าผิวกระเพาะปัสสวะบาง แล้วเลือดออก ก็จะต้องรอให้แผลหายไปเองใช่ใหมครับ แล้วจะเป็นบ่อยแค่ใหนครับ อีกซักกี่ปีจะมีปัญหากระเพาะปัสสวะรั่ว       3. ถ้ากระเพาะปัสสวะบางมาก จนใช้งานไม่ได้ จะทำอย่างไรครับ ต้องตัดออกมาต่อทำกระเพาะปัสสวะเทียมข้างนอกใช่ใหมครับ ถึงตอนนั้นถ้าอายุมากคงลำบากมาก       4. ถ้าลุกลามไปต่อมน้ำเหลือง ต้องเอาต่อมน้ำเหลืองออกด้วย จะมีผลกระทบอย่างไรครับ       5. จากสุขภาพของพ่อ ซี่งไม่มีโรคอะไรนอกจากความดัน การมีอายุยาวออกไปมากกว่า 5-10 ปี ขึ้นไป วิธีการผ่าตัด จะเป็นวิธีที่ผู้ป่วยมีความสุขมากกว่าฉายแสงใช่ใหมครับ           คุณพ่อสูบบุหรี่จัดครับ วันละซอง กลางคืนจะสูบก่อนนอนเยอะมาก ก่อนหน้านี้ก็มีเนื้องอกที่ลำใส้ใหญ่ ตามมาด้วยใฝ่ต่าง ๆ ก็งอกออกมาบ่อยมากในระยะหล้ง ต้องให้หมอตัดไปตรวจเรื่อย ๆ สุดท้ายก็เนื้อมะเร็งที่กระเพาะปัสสวะครับ ตอนนี้ยอมหยุดสูบแล้ว แต่ก็ต้องสูญเสียมากมายจริง ๆ กับบุหรี่ อีกอย่างคือ ผัก ผลไม้ ทานน้อยมาก ไม่ชอบทานผักครับ แกมีความเชื่อว่า สูบบุหรี่ก็จะเป็นแค่ถุงลมโป่งพอง  ซึ่งก็ได้เป็นจริง ๆ ตอนนี้เพิ่งระยะแรก มะเร็งกระเพาะปัสสวะไม่ได้นีกถึงเลย ปกติตรวจปอดบ่อยมาก ตรวจค่ามะเร็งกระแสเลือดก็บ่อย คือลูก ๆ ก็กลัวกันอยู่แล้ว  บุหรี่ไม่ดีจริง ๆ ใครสูบก็เลิกเหอะครับ            ขอบพระคุณมากครับ แก้ไขเมื่อ 17 ต.ค. 53 16:16:53 จากคุณ : BigMooHuHu เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 53 16:11:01

ความคิดเห็นที่ 3 1.เรื่องการถ่ายยากกับการฉายแสงได้หรือไม่นี่ไม่เกี่ยวครับ ถ่ายยากต้องดูว่ากากน้อยหรือไม่ เช่นบางคนไม่กินผัก ไม่กินผลไม้ ก็ท้องผูก พยายามทานน้ำเยอะ ทานผักมาก ๆ ครับ ส่วนการจะฉายแสงได้หรือไม่ ดูที่อายุ ขนาด สภาพร่างกายครับ 2.บอกไม่ได้ครับ บางทีเลือดออกน้อยก็หยุดเองได้ บางทีเลือดออกมากก็ต้องมาส่องกล้องจี้ บางคนก็ต้องมาใส่ formalin นอนรพ. บางคนอาทิตย์นึงก็ 4-5 ครัง ถึงต้องมานอนรพ.ให้เลือดเลย บางทีก็เว้นไปเป็นเดือนก็มี อยู่ที่วันร้ายคืนร้ายครับ เรื่องรั่วก็เช่นกัน ไม่ได้จะรั่วทุกคนครับ  แต่ถ้ารั่วก็ต้องมาผ่าตัดครับ 3.ใช่ครับ ก็ต้องกลับไปตัดทิ้ง แล้วมาทำถุงใหม่ หรือออกหน้าท้อง เหมือนเลือกวิธีผ่าตัดตอนแรกครับ ที่ว่าบางมากจนใช้ไม่ได้ จริง ๆ ก็คือเลือดออกบ่อยมาก จนร่างกายไม่ไหว ให้เลือดบ่อย ๆ หนะครับ เลยต้องมาตัดทิ้ง  เรื่องอายุก็มีผลต่อการเลือกวิธีและตัดสินใจครับครับ 4.ผลกระทบที่เจอได้เช่นอาจมีขาบวม เพราะว่าท่อน้ำเหลืองจากด้านล่างเช่นจากขามันขึ้นไปด้านบนไม่ได้เพราะว่าเราตัดต่อมน้ำเหลืองที่เป็นมะเร็งออก  บางคนก็เลยเกิดขาบวมครับ  แต่ก็ต้องเลือกครับ เพราะการเอาต่อมน้ำเหลืองออกก็เพิ่มโอกาสการอยู่รอดได้เยอะกว่าไม่เอาออกครับ 5.ถามเจ้าตัวเลยครับ ความสุขแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนอยากเจ็บน้อย ๆ อยู่สั้นหน่อยไม่เป็นไร  บางคนทนเจ็บได้เพราะอยากอยู่นาน  บางคนรับไม่ได้ถ้าต้องมีถุง  เจ้าตัวจะเป็นคนบอกได้ดีที่สดครับ  หมอมีหน้าที่อธิบายข้อดีและข้อเสียแต่ละวิธี และให้คนไข้ไปตัดสินใจครับ  อ้อที่สำคัญอีกอันนึงก็คือคนดูแลนะครับ ต้องคุยกันด้วย การจะสู้กับมะเร็งต้องใช้พลังกายและพลังใจสูงมากของผู้ป่วย และคนรอบข้าง  ฉะนั้นการตัดสินใจต้องคุยกันถึงขั้นว่าใครจะดูแล ใครจะพามารพ.บ่อย ๆ เพราะบางทีบอกเป็นลูกแต่เจอพ่อเดือนละครั้ง แต่ญาติอีกคนต้องคอยดูทุกวัน อันนี้ก็ต้องคุยกันครับ เจอปัญหาบ่อยทีเดียว เช่นลูกตัดสินใจแต่ไม่ได้อยู่ดู  เป็นโรคเรื้อรังต้องคุยกันเยอะ ๆ ครับ เป็นกำลังใจให้นะครับสำหรับ จขกท สำหรับเพื่อน ๆ พี่ ๆ คนอื่นก็เรื่องบุหรี่ เลิกได้ก็เลิกนะครับ เพราะแค่คุณสูบ คนรอบข้างก็ป่วยด้วย  ไม่เท่ห์ แถมทำคนอื่นเดือดร้อนอีก จากคุณ : สาลิกาโบยบิน เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 53 16:31:33

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณ คุณสาลิกาโบยบิน มากครับ .... จากคุณ : BigMooHuHu เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 53 16:56:09

ความคิดเห็นที่ 5  ได้ความรู้จากคุณสาลิกาโบยบินมากเชียวค่ะ    เป็นกำลังใจให้คุณพ่อและ เจ้าของกระทู้ด้วยนะคะ จากคุณ : Cyber@Sunday เขียนเมื่อ : 17 ต.ค. 53 19:47:12