ความคิดเห็นที่ 1 ขออนุญาตแนะนำนะฮะ      ( Updateครั้งก่อน  20 ต.ค. 2008, 15ต.ค. 2009 )  +  ( Update ล่าสุด 19 ต.ค. 2010 ) ###  สรุปลดน้ำหนักช่วงแรก ในเวลาประมาณ 2เดือนครึ่ง   ลดได้มากสุด 10 .5 กิโล ครับ ### 2 ปีผ่านไป  ณ บัด NOW .. น้ำหนักคุมได้เท่าเดิมคร้าบบบบบ  ลบ 10.5 กิโลจ้า   หล่อมั่กๆ ขอบอกกกก ผมนำมาจาก หนังสือ "ความเชื่อผิด ๆ ของคนอยากผอม " By พิชญาณีน  เป็นหลักนะฮะ ลองไปซื้ออ่านดู ผมสรุปนำมาใช้กับตัวเอง และ สอนคนอื่น (มั่วเป่าไม่รู้) ดังนี้    ( 555555 ล้อเล่นนนน ไม่มั่วหรอกน่า.. รับรอง ) ตัวสำคัญที่ทำให้อ้วนคือ คาร์โบไฮเดรตฮะ  พวก ข้าว แป้ง น้ำตาล นี่แหละ หลักๆคือ ///// เช้า   กินคาร์โบไฮเดรต ได้มากหน่อย  โดยให้กินกะ โปรตีน ( พวก เนื้อสัตว์ ,ไข่ ) เช่น หนมปัง + ไข่ดาว    แซนวิช+ปลาทูน่า    ข้าวกล้อง +  ไข่เจียว   โดยกินโปรตีนก่อนคำแรก ให้โปรตีน( เนื้อสัตว์ ,ไข่ )ไปคลุกเคล้ากับแป้ง ทำให้ย่อยช้าลง และ น้ำตาลที่ได้จากการย่อยเข้ากระแสเลือดช้าๆ และเราจะได้ใช้หมด ไม่เหลือไปเปงความอ้วน ///// กลางวัน   กินคาร์โบไฮเดรตให้ลดลง เน้น ผัก กะ โปรตีน เช่น   ก๋วยเตี๋ยว ก้อเส้นน้อยๆ       เกาเหลา ก้อข้าวน้อยๆ  เปงต้น   ( ผักที่ผมมั่นใจว่าผอมแน่ๆ ผอมชัวร์ๆ ทานได้ไม่อั้น คือ ผักใบเขียว , แตงกวา  ครับ ) ( ผักที่ควรเลี่ยง คือ แครอท หัวเผือก หัวมัน หัวไชเท้า วุ้นเส้น ฟักทอง ถั่วต่างๆ ) ////// มื้อเย็น (สำคัญ)   ไม่ควรกินคาร์โบไฮเดรตเลย หรือ งดไปเลยยิ่งดี   (ไม่กินข้าว,หนมปัง,ผลไม้หวานๆ ) ให้กินแต่ผัก กะ โปรตีน ( กินให้มากๆ ยัดเข้าไปให้อิ่มๆ เน้น ผัก กับ เนื้อสัตว์ , ไข่ นะคร้าบบบบ ) โดยผมจากิน “กับข้าว” ตามปกติ แต่ไม่กินข้าว  จากินผักสด แทนข้าวครับ ( แต่ห้ามหวาน ห้ามชุบแป้งทอด ห้ามซดน้ำแกงหวานๆ ห้ามกินน้ำผักหวานๆ นะจ๊ะ .. คือ กินเนื้อสัตว์ ไข่ และผัก  รสจืดๆน่ะ) กินจนพุงกางเลย ให้อิ่มสุดๆ  แล้วจาไม่มีหิวกลางคืนครับ ถ้าหิว(ช่วงระหว่างมื้อ)ผมจาหาโปรตีนมากิน เช่น ปลาทูน่ากระป๋อง(ในน้ำเกลือ)  กินรองท้องแก้หิวครับ (สำหรับคนที่ทำงานเป็นกะ อาจต้องปรับหลักการนี้ให้เข้ากับตัวเอง เช่น ช่วงขึ้นกะ กินแป้งได้มากหน่อย ช่วงจะลงกะไปนอน ไม่ควรกินแป้งแล้วครับ) จากคุณ : Richter007 เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 22:26:14

ความคิดเห็นที่ 2 คือไม่ต้องกลัวโปรตีน (เนื้อสัตว์, ไข่) มากเกินไป ไขมันกินได้บ้าง   ก้อกินกะผัก (ไฟเบอร์) ให้มันช่วยดูดไขมันออกไปกะอุจจาระบ้าง จำคู่นี้ไว้ คาร์โบไฮเดรต(ข้าว-แป้ง)  ให้กิน กะ โปรตีน(เนื้อสัตว์-ไข่)   .. กินโปรตีนก่อน ไขมัน  ให้กิน กะ ผัก น้ำผลไม้ น้ำหวาน น้ำอัดลม(ที่มีน้ำตาล) ผลไม้หวานๆ ชาหวานๆ กาแฟใส่น้ำตาล ใส่ครีม เหล้า เบียร์ ไวน์ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด ให้งดเลยยยยย  (ใครติดกาแฟ ก้อให้กินกาแฟ ไม่ใส่น้ำตาล ไม่ใส่ครีม ได้ครับ) ผลไม้ที่กินได้มากหน่อย  คือ ฝรั่ง แอปเปิ้ล  ชมพู่   (ผลไม้หวานๆ กินมากๆอ้วนนะ อาจกินได้นิดๆช่วงเช้าครับ) อาหารเสริมที่คนเขียนหนังสือ สรุปมาว่า มีผลช่วยลดน้ำหนักได้ และ ค่อนข้างปลอดภัย  คือ ชาเขียว   โดยผมซื้อแบบที่เปงซองๆ มาชงกับน้ำดื่ม วันละซอง ทุกวันเลยครับ เขาว่ามันช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงาน   ( ไม่ใช่แบบที่วางขายเปงขวดๆนะ พวกนั้นส่วนใหญ่จะมีน้ำตาล ไม่ควรกิน  อันนี้เปง green tea แท้ๆ ฮะ) โดยขนาดแนะนำคือวันละซองฮะ  ระวังเรื่อง คาเฟอีน ในชาเขียวด้วย  แต่ก้อไม่ควรดื่นชาเขียวในปริมาณมากๆ เป็นเวลานานเกินไปนะครับ ส่วนอีกตัวที่ช่วยให้น้ำหนักคงตัว คือ ไฟเบอร์ จากผัก ผลไม้ ธัญพืชต่างๆฮะ การออกกำลังกาย  ไม่ต้องออกมาก เด๋วหิว ยิ่งกินจายิ่งอ้วน เขาแนะนำออกเบาๆ ให้พอรักษากล้ามเนื้อในร่างกายให้มีอยู่บ้าง เช่น ยกดัมเบลเบาๆ เคลื่อนไหวร่างกายไปมาๆ บ้าง ในระหว่างวัน   เพราะกล้ามเนื้อช่วยในการเผาผลาญพลังงานครับ ออกกำลังกายมีประโยชน์แน่นอนครับ(หนับหนุนๆ)  แต่ ถ้าจะออกกำลังกายให้ลดไขมันได้จิงจิง ต้อง ออกต่อเนื่อง 30-40 นาทีขึ้นไปต่อครั้งครับ  ไม่งั้นได้แต่ความแข็งแรง แต่ ไม่ลดไขมัน  (ระวังเหนื่อย ยิ่งกินด้วยนา) เด๋วนี้เช้าๆ ผมจากิน อาหารพวก ซีเรียล ที่low fat- high fiber น่ะครับโดยกินกะนมพร่องมันเนยน่ะ หาซื้อได้แยะ ตามห้างชั้นนำ ฟู๊ดแลนด์ก้อมีแยะฮะ (ทั้งชาเขียว แบบชงด้วย) ( แต่ช่วงหลังๆ หลังจากลดได้ 10 โลแล้วน่ะ  ไม่ได้กินพวกซีเรียลแระ กินข้าวตามปกติน่านแหละ อร่อยดี  กินข้าวไข่เจียวบ้าง กะเพราหมูราดข้าวบ้าง ไก่กระเทียมราดข้าวบ้าง แซ่บก่ากันแยะ ) แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 53 22:49:01 จากคุณ : Richter007 เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 22:26:35

ความคิดเห็นที่ 3 ที่กล่าวมาเป็นมุมมอง เน้นที่การลดน้ำหนักนะครับ  แต่ถ้าไม่ต้องการให้รับไขมัน  cholesterol เข้าไปมากด้วย คงต้องจำกัดอาหารบางประเภท เช่น ไข่แดง  หมึก  กุ้ง  หอย  เครื่องในสัตว์  หนังหมู  หนังเป็ด  หนังไก่  น้ำมันหมู น้ำมันมะพร้าว ไขมันอิ่มตัวต่างๆ ฯลฯ ปล  เคี้ยวช้าๆ และ ดื่มน้ำมากๆด้วยนะคร้าบบบบบ มีอีกประเด็นที่ต้องระวัง โดยหนังสือ “ความเชื่อผิดๆของคนอยากผอม” by พิชญาณีน   และ หนังสือ “เมื่อหมอต้องลดความอ้วน”  by นพ.สมยศ  กิตติมั่นคง  บอกไว้ตรงกันคือ   การอดอาหารเป็นเวลานานๆ(พวกใช้วิธีอดอาหารลดน้ำหนัก) หรือ การทานอาหารที่น้อยจนร่างกายได้รับแคลอรี่ต่อวันน้อยเกินไป อาจทำให้ร่างกายเข้าสู่ ภาวะ ขาดแคลนอาหาร แล้วร่างกายก้อจะปรับตัวโดย  มีการเผาพลาญพลังงานน้อยลง   ที่นี้ล่ะงานเข้า ปัญหาจะเกิด เพราะ เมื่อร่างกายเผาผลาญพลังงานน้อยลง   น้ำหนักเราก้อจะไม่ลด หรือลดน้อยมาก แล้วพอเรากลับไปกินอาหารแบบเดิม(ไม่ต้องมากกว่าเดิมก้อได้) น้ำหนักเราก้ออาจขึ้นพรวดๆ จนหนักเท่าเดิม หรือมากกว่าเดิมได้   อันนี้น่ากลัว และต้องระวังนะฮะ และโดยฟามจิง ที่ผมทำอยู่ ผมก้อไม่รู้สึกว่าอดอาหารมากเท่าไรเลย ยังกินแหลกคล้ายๆเดิม แต่เปลี่ยนวิธีกิน เท่านั้นเองฮะ  คือ มื้อ 4-5 โมงเย็น ผมกินปลาทูน่าหนึ่งกระป๋องรองท้อง  กะ ชาเขียวชงหนึ่งซอง  แล้วกลับบ้านไปกินมื้อเย็น(ของจิง)  ตอนนี้กินแหลกฮะ กินกับข้าวเยอะมาก(แต่ห้ามหวานนะ ไม่ซดน้ำแกงหวานๆ  ไม่กินแป้งๆ ไม่กินน้ำผักหวานๆ ไม่ชุบแป้งทอด คือจากินเน้นเนื้อล้วนๆน่ะ) กินกับข้าวตามปกติ แต่ไม่กินข้าว  จากินผักสด (ผักใบเขียว-แตงกวา) แทนข้าวฮะ ก้อเห็นเช้าขึ้นมา น้ำหนักก้อลดได้นะ เฉลี่ยวันละ เกือบครึ่งโล  (แต่ที่ลดได้น้อยในสองเดือน เพราะเสาร์อาทิตย์ไปเที่ยว เลยทำตามหลักการนี้ไม่ค่อยได้น่ะฮะ)  แต่เด๋วนี้มั่นใจมาก  ขึ้นได้ลงได้ฮะ  ห้ามใจหน่อย ก้อลดได้แระ ถ้าบางคนลดน้ำหนัก แล้วเกิดเป็นตระคริวขึ้น ลองกินกล้วย หรือ ส้มดูนะฮะ(กินเช้าๆ จะได้ไม่ค่อยอ้วน) สำหรับผู้ที่เป็นเบาหวาน คงต้องเพิ่มความระมัดระวังในการลดน้ำหนักโดยวิธีที่กล่าวมานะฮะ เพราะอาจทำให้น้ำตาลในเลือดต่ำมากๆได้ โดยเฉพาะในคนที่กำลังทานยาลดน้ำตาลในเลือดอยู่  อาจต้องหมั่นตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด และ ปรึกษาแพทย์เพื่อปรับขนาดยาเบาหวานให้เหมาะสมเป็นระยะๆนะครับ และสำหรับคนที่มีปัญหาโรคไต  การทานอาหารประเภทโปรตีนมากเกินไป อาจมีผลเสียต่อสุขภาพได้นะครับ จุดสำคัญ ช่วงไม่สบาย หรือ กำลังเจ็บป่วย ไม่ควรลดน้ำหนักนะครับ ควรกินอาหารให้ครบห้าหมู่จ้า ขอให้ประสบความสำเร็จ  ผอมโดยเร็วนะฮะ (  แต่ ไม่รับผิดชอบใดใด ต่อผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการทำตามคำแนะนำนี้นะคร้าบบบบบ ) จากคุณ : Richter007 เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 22:26:55

ความคิดเห็นที่ 4 เข้ามาอ่านค่ะ กำลังพยายามใหม่อีกรอบจ้า จากคุณ : มาสายค่ะ เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 22:44:11

ความคิดเห็นที่ 5 พยายามอ่าน ยังไม่ค่อยเข้าใจ จะให้ทานเนื้อสัตว์แทนข้าวหรือ ข้างล่างนี้ผมเห็นกระทู้หนึ่งบอกจะทานเนื้อสัตว์เป็นกิโล ผมว่าจะมากเกินไปไหมครับ จากคุณ : คนใหม่ตัวอ้วน เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 22:52:57

ความคิดเห็นที่ 6 กระทู้นี้จะทานเนื้อสัตว์แทนข้าว http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L9824352/L9824352.html จากคุณ : คนใหม่ตัวอ้วน เขียนเมื่อ : 19 ต.ค. 53 22:53:57

ความคิดเห็นที่ 7 ทู้ดีแบบนี้ ต้อง โหวตตตตตตตตตตตตตตตตต 5 กระโหลกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ปล. เพราะเรา อยากให้ตุณดูดี จากคุณ : HyohaZ เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 00:28:31

ความคิดเห็นที่ 8 Make it simple..... Breakfast >>> Oatmeal ( small bowl) ... Lunch >>> Sandwich salad with a slice piece of chicken breast... cut half...eat one portion of the sandwich at lunch & another half at 3 pm. Dinner >>> a small bowl of cereal with low fat milk. at 7 pm. Try this for three weeks with 20 mins exercises each day, you'll see the result. There is no need to go to a fitness center. You also can low your blood pressure & good for your heart. จากคุณ : บัตรผ่าน เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 02:14:27 A:208.54.4.78 X: TicketID:281066

ความคิดเห็นที่ 9 ข้อมูลมีประโยชน์มากมาย แต่ ภาษาต้องปรับปรุง จา   = จะ ก้อ  = ก็ กะ  = กับ เปง = เป็น เด๋ว  =เดี๋ยว จิง   = จริง ฟาม  = ความ จากคุณ : พรุ่งนี้สวย เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 09:14:04

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณคะ จะพยายามทำดูอีกครั้ง ที่บอกว่าหล่อมากนะ ไม่เชื่อ เอาหน้ามาดูเลย จากคุณ : ลูกเป็ดไม่ขี้เหร่ (ลูกเป็ดไม่ขี้เหร่) เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 13:46:54

ความคิดเห็นที่ 11 เคยสังเกตุเหมือนกันว่า กินเนื้อสัตว์กับผักแล้วไม่อ้วน รู้สึกอิ่ม ไม่เหมือนกินแป้ง จากคุณ : *~ atlot ~* เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 14:19:33

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณข้อมูลอันเป็นประโยชน์ค่ะ แต่ภาษา อ่านแล้วมัน ยืดๆ ยานๆ ตามไปด้วยเลย = =" จากคุณ : KINO เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 17:13:08

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณมากจริงๆนะคะ แต่วิบัติไปหน่อยไหม?แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรคะ  หลุดๆกันบ้าง 55+ จากคุณ : rakwahnron เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 20:22:16

ความคิดเห็นที่ 14 ช่วยแนะนำิีอีกวิธีนะคะ คือให้งดอาหารเค็มๆด้วย เพราะโซเดียมทำให้ตัวบวมน้ำ พอบวมน้ำแล้วเนื้อมันจะเผละๆอ่ะ ยกตัวอย่างอาหารโซเดียมสูงเช่น ขนมซองๆ อย่างปลาเส้นที่โฆษณาว่าไร้ไขมันนี่แหละตัวแสบเลย เกลือทั้งนั้น อาหารฟาสต์ฟู้ด เช่น ไก่ทอด เบอร์เกอร์ พิซซ่า ลองกินแบบไม่จิ้มซอสดูจะรู้ว่าเค็มสุดๆเลย วิธีดูว่าอาหารชนิดไหนโซเดียมสูงให้ดูที่ข้อมูลโภชนาการบนแพกเกจ ถ้ามีนะคะ เพราะบางยี่ห้อก็ไม่มี (ลองหยิบซองมาม่าในครัวมาอ่านดูตอนนี้เลยก็ได้นะ ;]]) เพราะอาหารบางอย่างที่รสจืดๆก็มีเกลือแฝงอยู่ค่ะ ตัวอย่างอาหารที่จืดๆแต่จริงๆแล้วมีเกลือ เช่น ขนมปังแผ่นๆที่กินกับแยม แค่2-3แผ่นก็ได้เกลือเกือบครึ่งที่ร่างกายต้องการต่อวันแล้ว และวิธีที่ง่ายที่สุดที่จะเลี่ยงเกลือได้คือ "งดเครื่องปรุง" ไม่ว่าจะเป็น น้ำปลา ซีอิ้ว ซอสทุกชนิด(ซอสพริก/มะเขือ ที่รสหวานๆจริงๆแล้วมีเกลือผสมอยู่เยอะเลย) อีกอย่างถ้าหัดกินจืดๆตั้งแต่ตอนนี้ ตอนแก่จะได้ไม่เป็นโรคความดันด้วยน้าาาา แก้ไขเมื่อ 20 ต.ค. 53 20:48:01 แก้ไขเมื่อ 20 ต.ค. 53 20:45:44 จากคุณ : สวยจนพ่อเป็นกังวล เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 20:40:46

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณเจ้าของกระทู้มากๆคะ จากคุณ : ลมโชยเย็นใจ เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 22:43:34

ความคิดเห็นที่ 16 ไม่ทราบว่า จขกท.อายุเท่าไหร่คะ   ถ้ายังวัยรุ่นหรือวัยหนุ่มสาวไม่เกิน 25 จะลดวิธีนี้  น่าจะใช้ได้ เพราะเป้นวัยที่ร่างกายยังใช้พลังงานเพื่อการเติบโตและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอการกิจกรรมในวัยนี้ คำแนะนำที่บอกว่า ก็ถูกกว่า 70-80% แต่  เราว่ามันมีส่วนที่ขาดๆอยู่  คือปริมาณโปรตีนที่กินต่อวัน ร่างกายแต่ละวัยแตกต่างกัน  การแนะนำอย่างนี้ ถ้าอายุเยอะๆกินผิด  จะมีปัญหาด้านกรดยูริคหรือผลตรวจเลือดหรือเปล่า อีกอย่าง  การแนะนำว่าการออกกำลังกายไม่ใช่สิ่งจำเป็น  เราว่าเป้นความคิดที่ไม่ค่อยถูกค่ะ จากคุณ : หวานตาลเฉาะ เขียนเมื่อ : 20 ต.ค. 53 23:30:19

ความคิดเห็นที่ 17 ไปลงผิดกระทู้ ก๊อปมาใส่นี่ด้วยค่ะ :P ไม่ว่าจะสูตรไหนเราทำมาหมดแล้วทั้งนั้นค่ะ ...กินน้อย ลดแป้ง งดแป้ง ..แล้วได้ผลดีด้วย ลดฮวบๆ ...แต่ทำไปซักระยะมันก็จะเกิดอาหารเอียน เบื่อ เครียดกับการกินแบบอยู่ในกรอบนั้นๆ .....สุดท้ายก็เกิดอาการโยโย่ทุกสูตร...แถมยังอ้วนกว่าเดิมก่อนลดด้วยซ้ำ...เป็นเพราะว่าชีวิตเรายังต้องกินอาหารต่อไปเรื่อยๆ จนถึงวันตายจากโลกนี้ไปจริงมั๊ยคะ.... แล้วใครล่ะจะกินอาหารแบบจำกัดอยู่ในกรอบใดกรอบนึงได้ไปจนวันตาย มันก็ไม่มีใครทำได้หรอกค่ะ...สัจธรรมมากมาย เราเห็นแจ้งเหมือนบรรลุการลดอ้วนมาได้เรยนะเนี่ยะ 555 :P ร่างกายคนเราหากโดนงดอาหารใดอาหารหนึ่งนานๆ  (แป้ง ไขมัน หรือแคลลอรี่โดยรวมต่อวัน) ก็จะมีผลต่อระบบเผาผลาญในร่างกายของเรา (โดยเฉพาะที่จำกัดอาหารอย่างเดียว ไม่ออกกำลังกาย) ทำให้ระบบเผาผลาญต่ำลงเรื่อยๆ จนแย่และรวนไปหมด ทีนี้พอเรากลับไปกินอาหารอื่นๆ มันก็จะเกิดอาการโยโย่เป็นวงจรอย่างนี้สืบไปไม่มีจบสิ้น ลดได้แล้วก็หยุดเข้าสูตร อ้วนกลับมาก็เข้าสูตรใหม่ลดลงไปอีกแล้วก็อ้วน ...เราเจอมาตลอดชีวิตเลยก็ว่าได้ค่ะ แล้วทำยังไงถึงจะลดอ้วนแบบถาวรได้....ก็ง่ายๆ เลย ปรับปรุงพฤติกรรมการกิน และการออกกำลังให้ดีขึ้นเท่านั้นแหละค่ะ เลือกกินอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ...อาหารอะไรก็อย่างในตำราเค้าสอนๆ กันมา พวกอาหารโฮลเกรน ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท ผัก ผลไม้ปลอดสารพิษ เนื้อสัตว์ไร้มัน..etc. พยายามปรุงอาหารเองเพื่อจะได้รู้เครื่องปรุงว่าใส่อะไรลงไปบ้าง มากน้อยเท่าไหร่ เลือกอาหารที่ใกล้เคียงธรรมชาติ ไม่ผ่านการปรุงแต่งดีที่สุดค่ะ รู้ว่าควรกินอะไรบ้างแล้ว ก็ต้องมาคำนวณแคลลอรี่ต่อวันต่อคนว่าเราจะต้องกินแคลลอรี่เท่าไหร่ ถึงจะเหมาะสมกับร่างกาย กิจวัตรประจำวันที่เราทำ...อันนี้ก็ต้องหาความรู้กันหน่อยเรื่องการคำนวณค่า BMR เสิรชกูเกิ้ลโลด แล้วก็ค้นคว้าหาความรู้ตรงนี้กันต่อไป แต่ละคนกินไม่เท่ากันค่ะ ร่างกายและกิจกรรมต่างกันไป... เรื่องกินผ่านไปแล้วก็มาเรื่องการออกกำลังกายบ้าง...ออกกำลังวันละอย่างน้อย 30 นาทีขึ้นไป (คาร์ดิโอ้ ออกแรงทั้งตัว เดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน) ช่วยเบิร์นไขมันส่วนเกินออก...ควรออกกำลังสร้ามแบบกล้ามเนื้อมาแทนที่ไขมันที่หายไปด้วย...(ยกเวท) เพื่อช่วยเสิรมสร้างระบบเผาผลาญของร่างกายให้ดีขึ้น การออกกำลังกายมีให้เลือกเยอะแยะมากมาย หากใครที่คิดว่าไม่มีเวลาออกกำลังกายเลย การเดิน การขึ้นตึกแทนการใช้ลิฟท์ การทำงานบ้าน(อย่างตั้งใจ ออกแรงเยอะๆ หน่อย) แค่นี้ก็เป็นการออกกำลังกายได้แล้วค่ะ ;) ขยับตัวต่อวันให้มากขึ้นก็ช่วยให้กระฉับกระเฉงมากขึ้นได้แล้วนะคะ สุดท้ายไม่มีอะไรที่จะยั่งยืนจริงๆ นั่นแหละ.... หากเราไม่ยึดถือปฏิบัติ ปรับปรุงตัวเองทั้งการกินและการออกกำลังกายไปพร้อมๆ กัน....หากแค่ทำๆ ไปจนน้ำหนักลดสมใจแล้วก็หยุดคุมอาหารหยุดออกกำลังกาย มันก็จะกลับไปอ้วนเหมือนเดิมนั่นแหละค่ะ ....ต้องยอมรับการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของตัวเราให้ได้...ทำให้เป็นกิจวัตรเหมือนต้องไปทำงาน... เพราะถ้าไม่ยอมรับ...ยังไงก็กลับไปทำพฤติกรรมเดิมๆ ตอนอ้วนๆ อีกแน่นอน.. ตัวเราเองก็เดินทางผิดๆ มาหลายครั้งหลายครา จนครั้งนี้ยอมรับการดูแลอาหารและการออกกำลังเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันได้เกือบๆ ปี แล้ว...หวังว่าจะทำได้อย่างนี้ตลอดไป ไม่มีอุปสรรรคเหมือนที่ผ่านมาอ่ะนะ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่ต้องการลดอ้วนเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นของตัวเองด้วยนะคะ ;) แก้ไขเมื่อ 21 ต.ค. 53 01:23:05 จากคุณ : ToY (tiny) เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 00:46:56

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณจขกท.นะค่ะ สำหรับเคล็ด(ไม่)ลับ ^_^ แต่! บอกตรงเลยนะค่ะว่าติดใจอยู่เรื่องเดียว อย่าพิมพ์ภาษาไทยแบบนี้อีกนะค่ะ - -" จากคุณ : poope12 เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 09:13:40

ความคิดเห็นที่ 19 มันคือคล้ายๆของ Atkins หรือพวก South Beach Diet สินะคะ ^^ เรากับญาติเราเคยพยายามทำ ตอนทำไปช่วงแรกๆ ก็รู้สึกแฮปปี้อิ่มอร่อยมากกกก แต่ที่แน่ๆ เสียงจากคุณภรรยาของญาติบอกว่า "เปลืองงงงงงงงง กินแต่เนื้อ" จากคุณ : Wish&Chips เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 13:11:14

ความคิดเห็นที่ 20 ของกินส่วนมากบนโลกนี้ ที่อร่อยส่วนมากมีแต่แป้งกับน้ำตาล จากคุณ : red-racket เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 15:14:29

ความคิดเห็นที่ 21 ความคิดเห็นที่ 18 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน ขอบคุณจขกท.นะค่ะ สำหรับเคล็ด(ไม่)ลับ ^_^ แต่! บอกตรงเลยนะค่ะว่าติดใจอยู่เรื่องเดียว อย่าพิมพ์ภาษาไทยแบบนี้อีกนะค่ะ - -" จากคุณ : poope12 [FriendFlock] [Bloggang] เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 09:13:40 [แก้ไข] คุณก็พิมพ์ผิดค่ะ ต้องใช้คำว่านะคะ  ไม่ใช่นะค่ะ ก่อนจะสอนคนอื่น ดูตัวเองให้เรียบร้อยก่อน ก็จะดีค่ะ จากคุณ : สึนามิจัง เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 17:27:58

ความคิดเห็นที่ 22 เรานะคะ 160 หนัก 49 ค่ะ อยากลดให้ได้ 45 ค่ะ เคยจะลองแบบไม่กินแป้งเลยเหมือนกัน แต่เอาไม่ดีกว่า เพราะเราชอบกินแป้งมากกกก ชอบข้าวมากที่สุด ทุกวันนี้ น้ำหนักก็เลยเท่าเดิม 555555 แต่ชอบว่ายน้ำมากค่ะ โดยเฉพาะว่ายตอนเช้า สบายสุดๆ หวังว่าจะรักษาน้ำหนักคงที่ไปดีกว่าค่ะ จากคุณ : ม่านปักตระกูลแบล็ก เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 20:43:23

ความคิดเห็นที่ 23 ผมกินปกติครับ เพียงแต่ เล่นเวท และวิ่ง น้ำหนักลดเหมือนกันครับ จากคุณ : Janglai Man เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 21:07:36

ความคิดเห็นที่ 24 ขออภัยสำหรับภาษาวิบัตินะครับ คห 16 - จขกท อายุไม่เกิน 25 ......   ถูกต้องนะคร้าบบบบบ แต่หมายถึงอายุสมองนะครับ ( เพราะ จขกท ยังชอบอ่านการ์ตูน อยู่เลย) ถ้าอายุจริง จขกท อายุมากกว่า25 ไปอีกแยะครับ ( ขออนุญาตไม่บอกนะครับ...  อายภาษาครับ) คห 10 - ...... เพื่อยืนยันว่า จขกท หล่อจริง นี่ครับ  จขกท ประมาณเนี๊ยะ จากคุณ : Richter007 เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 22:06:25

ความคิดเห็นที่ 25 ผอมคือความฝันอันสูงสุดของฉัน จากคุณ : mai_z2 เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 23:11:49

ความคิดเห็นที่ 26 ทำบุญแล้วผอมแน่นอน ทำบุญด้วยการถือศีล 8 วันนึงกินข้าวแค่มื้อเช้า และก่อนเที่ยง หลังเที่ยงก็กินได้แค่น้ำปานะ ถ้าเดินจงกรมไปด้วยยิ่งดี เพราะเป็นการออกกำลังกาย สุขภาพดีทั้งกายและจิตใจค่ะ จากคุณ : ประดับดาว เขียนเมื่อ : 21 ต.ค. 53 23:48:46

ความคิดเห็นที่ 27 ขออนุญาตบ่นนิดหน่อย ใช้ภาษาแชตน้อยๆหน่อยก็ได้ครับ อ่านแล้วมันรู้สึกพิลึกๆ จากคุณ : HWalker เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 53 00:23:50

ความคิดเห็นที่ 28 กำลังหาวิธีลดน้ำหนักอยู่ จริงน้ำหนักเป็นที่น่าพอใจในระดับหนึ่งแต่ว่ามันมีพุงเนี่ยสิ มีสูตรสำหรับลดพุงไหมง่ะ แต่ก็ขอบคุณข้อมูลดีๆนะคะ ให้กิฟละกัน จากคุณ : ชาดำเย็น30 (ชาดำเย็น30) เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 53 09:22:54

ความคิดเห็นที่ 29 ใจสุดท้ายขอมอบให้ค่ะ กำลังลดน้ำหนักอยู่พอดี สงสัยต้องปรับปรุงเรื่องการทานดูบ้าง ส่วนใหญ่เราจะทานแต่มื้อเช้า มื้อกลางวันนิดหน่อย มื้อเย็นเลือกไม่ทานเลย อ่อแล้วเรา อยากจะถามอะค่ะ ว่ามื้อเย็นเนี้ยะ เราทานน้ำเต้าหู้ไม่ใส่น้ำตาลได้ไม๊คะ เนื่องจากว่า เราขี้เกียจทำกับข้าวอะค่ะ 5555 แล้วก็ขี้เกียจจะเคี้ยว -*- ขี้เกียจไปหมดเลย เหมือนกับ ว่า ถ้าทานแล้วมันจะอยากโน่น อยากนี่ เลือกไม่ทานเลยดีกว่า ตัดใจทานน้ำเต้าหู้ไม่ใส่ น้ำตาลได้ไม๊คะ ถ้าไม่ดียังไงช่วยบอกกล่าวหน่อยค่ะ ขอบคุณมาก ๆ จ้า จากคุณ : ต้องการผอมอย่างมากในชาตินี้ เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 53 13:24:53

ความคิดเห็นที่ 30 อ่านไปก็ไม่เข้าใจหรอก ไม่ลองก็น่าจะไม่ลด เพราะไม่เข้าใจ หลักการที่เขียนมาถูกต้องทุกอย่างไม่เถียง ดิฉันก็ลด 10 กิโล 6 เดือน และคุมน้ำหนักได้ แต่ที่ว่ามาทั้งหมด คนอ่านจะไม่เข้าใจไอ้ตรงปริมาณและความเหมาะสมของอาหารการกินแต่ละชนิด สำหรับ จขกท หรือ ตัวข้าพเจ้า เข้าใจแน่นอนเพราะผ่านประสบการณ์มาแล้ว แต่คนที่ยังค้นหาไม่เจอ มีงงแน่เหมือนตัวข้าพเจ้า ข้าพเจ้าค้นหาตัวเองพบเมื่อไปหาหมอที่โรงพยาบาทรามา และคุณหมอให้คุยกับนักโภชนาการ เค้าจะอธิบายให้เราฟังอย่างละเอียด พร้อมมีอาหารประเภทนั้นเป้นตัวอย่างประกอบ (ของปลอม) ทำให้เราเข้าใจถึง ชนิด ประเภท และปริมาณที่ควรกินในแต่ละมื้อ นั่นแหละค่ะ เข้าใจเลย เวลาปฏิบัติก็เคร่งครัดต่อกฏเหล่านี้ พร้อมทั้งศึกษาเรื่องแคลลอรีของอาหาร ผัก ผลไม้ต่าง ๆ คร่าวๆ จะ internet เวลากินเราจะทราบได้คร่าวๆ เลยว่าเรากิน อยู่ประมาณเท่าไหร่ ในแต่ละมื้อ และแต่ละวัน ข้าพเจ้าเป็นคนที่พยายามลดน้ำหนักมา 10 ปี ด้วยสารพัดวิธี ไม่เคยได้ผลเลยค่ะ ออกกำลังวันละ 2 ชั่วโมงยังไม่ลดเลย เพราะกินไม่เป็น โดยเฉพาะที่บอกว่า ควบคุมอาหารและออกกำลังกาย นั้นเถียงตายเลย แทบอยากจะด่าคนบอกเลย ตอนนี้เชื่อสุดๆ เลยค่ะ เดี๋ยวไปเที่ยวกลับมางวดนี้ จะมาลดต่ออีก 10 กิโล แผนระยะสั้น 5  ระยะยาว 10 เป็นอันพอใจเละ ที่สำคัญอย่าขยันชั่งกิโลนัก เดือนละครั้งก็พอ เริ่มแรก 2-3 เดือน ถึงชั่งครั้งแรก กลัวไม่ลดแล้วท้อค่ะ มีเพื่อนๆ ที่ทำงานมาถามกันมากมาย พอบอกไปก็บอกว่าทำไม่ได้หรอก เหมือนเราเป็นมนุษย์พิเศษเลย จริงๆ แล้วยังไม่ได้ลงมือทำเลย บอกว่าทำไม่ได้แล้ว มันต้องค่อยๆ ปรับตัวไปเรื่อยๆ นะคะ  ขอให้โชคดีทุกๆ คนค่ะ จากคุณ : SPIDER DEVIL (nud jour) เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 53 14:24:58

ความคิดเห็นที่ 31 น่าจะใช้ภาษาไทยให้ถูกต้องเสียก่อน   แต่ก็ขอบคุณในคำแนะนำค่ะ จากคุณ : โมจิไส้หนำเลี๊ยบ เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 53 19:19:04

ความคิดเห็นที่ 32 มาแบ่งประสบการณ์ด้วยครับ ตอนเมษา53 ผมหนักประมาณ91 ปัจจุบัน ตอนนี้ผมลดได้เหลือ 73 ครับ  ว่าจะเอาให้เหลือซัก 68-70 ผมจะเน้นไปที่ออกกำลังกาย ซื้อดัมเบลมายก ซิดอัพ ว่ายน้ำ(อาทิตย์ล่ะครั้ง) อาหารผมกินครบ3มื้อนะแต่ ว่าเลี่ยงพวกแป้ง ข้าวก็ช้อนเดียวเน้นกินผัก กินเสร็จก็ ควรจะหากิจกรรมทำด้วยนะจะได้เผาผลาญพลังงานที่กินไป พวกน้ำอัดลม น้ำหวาน ของหวานนี้ ห้ามเด็ดขาด มื้อดึกหลัง 1ทุ่ม ก็ไม่ควรกินจุกจิก การอดอาหารผมไม่ค่อยแนะนำนะครับ เพราะว่าจะมีปัญหาเรื่องหน้ามืดตามมา ส่วนลดแต่ละส่วน ลองsearch ในgoogle ล่ะกันครับมีบอกอยู่ว่าลดส่วนไหน ควรออกกำลังท่าไหน (ไม่กล้าแปะ link เดี๋ยวเป็นการโฆษนาทางอ้อม) สิ่งสำคัญที่สุดในการลดน้ำหนัก พยายามอย่าตามใจปากเกินไปนะครับ เป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่ จะหันมาลดน้ำหนักนะครับเพื่อสุขภาพครับ จากคุณ : karnkung เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 53 21:36:34

ความคิดเห็นที่ 33 ร่างกายคนเราช่างน่าอัศจรรย์  เปรียบดังเครื่องจักรที่มีชีวิต อันได้รับการออกแบบมาอย่างดี ทำไมบางคนทานเท่าไร ก็ไม่อ้วน ( ร่างกายเขาเผาผลาญพลังงานสูง ใช่ไหม) ทำไมช่วงที่เราเป็นเด็กในวัยที่กำลังเจริญเติบโต หลายคนทานเท่าไร ก็ไม่อ้วน (เผาผลาญพลังงานสูง) แต่พอเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ เผลอทานข้าวตอนเย็นเพียงไม่กี่วัน ก็ทำให้น้ำหนักตัวขึ้นได้ (ร่างกายเผาผลาญพลังงานต่ำลง เทียบกับตอนเด็ก) ผู้ป่วยที่เป็นโรคไทรอยด์เป็นพิษ มักจะผอม น้ำหนักตัวลง ( การเผาผลาญพลังงานสูง) ผู้ที่ใช้วิธีลดน้ำหนักโดยการกินฮอร์โมนไทรอยด์ จะผอม ( การเผาผลาญพลังงานสูง) แต่วิธีนี้เสี่ยงอันตรายมาก ท่านอาจเสียชีวิตได้ ควรหลีกเลี่ยงครับ ผู้ป่วยเป็นโรคไทรอยด์ฮอร์โมนต่ำ น้ำหนักตัวมักจะมาก (ร่างกายเผาผลาญพลังงานต่ำ) ผู้ที่เลือกใช้วิธีอดอาหาร จะผอม แต่ควรระวัง หากร่างกายปรับตัวโดย เผาผลาญพลังงานต่ำลง (เพราะคิดว่าเราอยู่ในภาวะขาดแคลนอาหาร) ต่อๆไปหากอดอาหารไม่ไหวแล้ว และกลับไปทานอาหารตามเดิม น้ำหนักอาจเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ผู้ป่วยเบาหวานชนิดพึ่งอินซูลิน น้ำตาลในเลือดสูงปรี๊ด แต่เนื่องจากไม่มีอินซูลิน ร่างกายจึงไม่สามารถดึงน้ำตาลในเลือดที่สูงนั้นไปใช้ได้ ร่างกายจึงจำเป็นต้องสลายกล้ามเนื้อและไขมัน เพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงาน  ผลสุดท้าย ผู้ป่วยเบาหวานชนิดพึ่งอินซูลิน มีน้ำตาลในเลือดสูง แต่ ผอม และจะมีภาวะกรดเกินในเลือด(จากการสลายกล้ามเนื้อและไขมัน) ส่งผลให้หอบหายใจเร็วฯลฯ ... ต้องระวัง โปรตีนให้พลังงานเท่ากับ คาร์โบไฮเดรต  แต่การกินแต่โปรตีน(โดยไม่กินคาร์โบไฮเดรตเลย)จะทำให้ผอมลงได้ ผู้ที่เลือกใช้วิธีลดน้ำหนักโดยวิธี กินแต่โปรตีนทั้งวัน ไม่กินคาร์โบไฮเดรตเลย สามารถผอมลงได้เนื่องจาก โปรตีน ย่อยยาก เปลี่ยนเป็นพลังงานให้ร่างกายใช้ได้ช้า ร่างกายจึงจำเป็นต้องสลายกล้ามเนื้อและไขมัน เพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงาน  ผลสุดท้าย ผู้ที่กินแต่โปรตีน ผอม และจะมีภาวะเลือดเป็นกรด ส่งผลให้หอบหายใจเร็วฯลฯ ... ต้องระวัง วิธีที่ผมนำมาใช้ และ น้ำหนักตัวลดลงเป็นผลสำเร็จนี้ น่าจะค่อนข้างสายกลาง คือ ช่วงเช้ายังทานข้าวได้ตามปกติ  กลางวันเริ่มลดข้าวลง  มื้อเย็นเป็นต้นไปเท่านั้นที่ทานแต่โปรตีน  และ กินแต่น้ำเปล่าทั้งวัน บางท่านที่มีปัญหาโรคเกาท์ ควรกังวลเรื่องกรดยูริค ( uric acid)  ควรจำกัดอาหาร ประเภท เนื้อสัตว์ปีกทุกชนิด เครื่องในสัตว์ทุกชนิด ยอดผักต่างๆเช่น ชะอม และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอร์ ความเร็วในการย่อย ความเร็วในการถูกเปลี่ยนเป็นกลูโคส ความเร็วในการถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ของอาหารชนิดต่างๆมีความสำคัญ น้ำตาล                   ย่อย เข้าสู่ร่างกายเร็วกว่า  ขนมปัง,ข้าวขาว ขนมปัง,ข้าวขาว        ย่อย เข้าสู่ร่างกายเร็วกว่า   ข้าวกล้อง ดังนั้น น้ำตาล(ของหวานๆ)  อ้วนง่ายกว่า   ขนมปัง, ข้าวขาว ข้าวขาว                 อ้วนง่ายกว่า   ข้าวกล้อง พึงระลึกไว้เสมอว่า ลางเนื้อ ชอบ ลางยา ร่างกายแต่ละคน อาจไม่เหมือนกัน เนื่องจากปัจจัยทางพันธุกรรม และ การกระทำที่ผ่านๆมา (เคยกินยาลดหนัก เคยอดอาหาร การออกกำลังกายมากน้อย ฯลฯ ) สิ่งที่ใช้ได้กับคนหนึ่ง อาจ ไม่สามารถใช้ได้กับอีกคนหนึ่ง แต่ หากมีความหวัง ความตั้งใจจะลดน้ำหนัก การทดลองปฎิบัติ(ด้วยปัญญาที่ไตร่ตรองอย่างดีแล้ว) ก่อนจะสรุปว่า วิธีนี้ได้ผลหรือไม่ได้ผล เป็นสิ่งที่ควรกระทำ . แก้ไขเมื่อ 24 ต.ค. 53 22:21:33 แก้ไขเมื่อ 23 ต.ค. 53 16:10:19 แก้ไขเมื่อ 23 ต.ค. 53 13:05:00 แก้ไขเมื่อ 23 ต.ค. 53 10:47:30 แก้ไขเมื่อ 23 ต.ค. 53 10:45:13 แก้ไขเมื่อ 23 ต.ค. 53 07:18:30 จากคุณ : Richter007 เขียนเมื่อ : วันปิยมหาราช 53 07:15:16

ความคิดเห็นที่ 34 หนังสือที่ทุกคนควรอ่าน พระพุทธเจ้าสอนอะไร & What the Buddha Taught http://www.4shared.com/file/230770786/ff4c5a65/what_the_buddha_taught_thai_.html  <---- pdf ภาษาไทย http://www.mediafire.com/?d5mz5dztnm4  <---- pdf ภาษาอังกฤษ http://www.quangduc.com/English/basic/68whatbuddhataught.html  <----ภาษาอังกฤษ อ่านจากเวป   . จากคุณ : Richter007 เขียนเมื่อ : วันปิยมหาราช 53 07:42:37

ความคิดเห็นที่ 35 ^^........, ก็อย่างว่าออกกำลัง + คุมอาหารเป็นดีที่สุด.... จากคุณ : rakwahnron เขียนเมื่อ : วันปิยมหาราช 53 12:16:47

ความคิดเห็นที่ 36 เราก็ลดน้ำหนักมาได้ 18 กิโล  ลดลงมาแล้วมีความสุขมาก ตอนที่อ้วนไม่รู้ตัวเลยว่าอ้วน เพราะไม่ชอบถ่ายรูป ก็รู้แหละว่าอ้วน แต่มันไม่ได้รู้สึกว่ามากมายอะไร จนพอลดน้ำหนักมาได้ (สำเร็จครั้งแรกในชีวิต ที่ลดได้เองไม่ต้องพึ่งยาอะไรทั้งนั้น) มันภูมิใจในตัวเองมากๆค่ะ  วิธีการของเราคือ  งดน้ำหวาน น้ำอัดลม ขนมระหว่างวัน เด็ดขาด อาหารเช้าทานเต็มที่ เหมือนเดิม อาหารกลางวันทานเต็มที่ เหมือนเดิม อาหารเย็น กลายเป็นกล้วยหอม ทานไปจนกว่าจะอิ่ม ออกกำลังกายคือ ซิทอัพวันละ 50 ที แรกๆ ทำไม่ได้หรอกค่ะ ทำได้แค่ 3 ทีเองมั้ง แล้วค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ให้ร่างกายรับไหว นอนปั่นจักรยานอากาศ  และท่าออกกำลังกายเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาแล้วแต่เราจะนึกออก พอลดมาได้ 18 โล ตอนนี้น้ำหนักคงที่อยู่ค่ะ ผ่านมาครึ่งปีแล้ว อยากลดต่อแต่ใช้วิธีเดิมมันเริ่มไม่ลงแล้วค่ะ กำลังพยายามต่อไปค่ะ ^^ จากคุณ : MinnieMoChi เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 53 18:00:45

ความคิดเห็นที่ 37 #33 โปรตีนให้พลังานสูงกว่าคาร์บ? จากคุณ : bankpakim เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 53 18:21:09

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบคุณ จขกท.ที่มอบเคล็ดลับดี ๆ ให้ จะนำไปลองทำดู สรุป มื้อเช้าและเที่ยง ทานข้าวเหมือนเดิมแต่ลดปริมาณลง ส่วนมื้อเย็นเน้นผักเยอะ  ๆกับเนื้อสัตว์ เอาให้เต็มอิ่มและพุงกางไปเลย แล้วขนมจุกจิก น้ำอัดลม ของหวาน งดโดยสิ้นเชิง รวมทั้งออกกำลังกายเพิ่มเข้าไปด้วย ลดได้แน่นอน สองอาทิตย์ ตอนนี้ก็ลด  ๆ อยู่ด้วยนะครับ ก็จะน้ำเคล็ดลับจากเวปพันทิปนี่แหล่ะ ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน จากคุณ : ทวงสัญญา เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 53 20:51:38

ความคิดเห็นที่ 39 ขอขอบคุณ คุณbankpakim เป็นอย่างสูงครับ ที่ช่วยแจ้งข้อผิดพลาด ผมจำมาผิดจริงจริงครับ ได้ทำการแก้ไขเรียบร้อยแล้วครับ ที่จริงคือ โปรตีนและคาร์โบไฮเดรต 1 กรัม ให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี ไขมันหรือน้ำมัน 1 กรัม ให้พลังงาน 9 กิโลแคลอรี จากคุณ : Richter007 เขียนเมื่อ : 24 ต.ค. 53 22:17:48