Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
แชร์ประสบการณ์การเอาชนะโรคซึมเศร้า ติดต่อทีมงาน

ผมเคยเป็นโรคซึมเศร้าหนักๆ เมื่อเจ็ดปีที่แล้ว หลักๆ ก็มาจากเรื่องปัญหาผู้ร่วมงานในที่ทำงาน พร้อมกับเรียนต่อปริญญาโท และปัญหาครอบครัว ปัญหาชีวิตรัก มันเข้ามาพร้อมกันเลย
ปัญหาที่ทำงาน ก็เป็นปัญหาคือ เพื่อนร่วมงานไม่ชอบหน้า เพราะเราทำงานเด่นกว่า  คือเด่นกว่าไม่ได้หมายความว่าเก่งกว่าแต่มันไปเข้าตาผู้บริหารมากกว่า ก็เลยโดนหมั่นไส้ ตอนแรกๆ เราก็ไม่แคร์นะ เพราะเราไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ได้เลียขานายด้วย เพียงแต่เจ้านายปราณี ตอนแรกก็มีปัญหากับขาใหญ่คนเดียวก็ไม่มีอะไร ตอนหลังก็มีปัญหากับเพื่อนร่วมงานฝ่ายอีกสี่คน ปัญหามาจากเราได้รับการส่งเสริมให้ไปทำงานต่างประเทศบ่อยๆ รวมถึงฝึกอบรมบ่อยๆ ซึ่งจริงๆ เราก็ไม่ได้เก่งอะไรเลย คือภาษาอังกฤษเราดีกว่า อาจจะเพราะพวกเพื่อนๆกลุ่มนั้น ภาษาไม่ค่อยดี เอาเป็นว่าพูดไม่ได้เวลาประชุม แต่เราแค่ทำงานกับฝรั่งได้ ซึ่งหน่วยงานเรามันเป็นหน่วยงานที่ต้องทำงานกับฝรั่งอย่างเยอะ เราก็เลยแค่ได้รับการสนับสนุนจากหัวหน้า ประจวบกับเราอายุน้อยกว่าเพื่อนร่วมงานกลุ่มนั้น แถมผู้อำนวยการยังสนับสนุนให้ออกไปเรียนปริญญาโทภาคค่ำด้วย คือ ออกไปทำงานได้ก่อนเวลาเลิกงาน แต่ต้องมาทำงานใช้ ในวันหยุด หรือ เพิ่มชั่วโมงทำงานมากขึ้นในวันที่ไม่มีเรียน  แล้วปัญหาในช่วงนั้นคือ แฟนเราอยากให้กลับไปทำงานกรุงเทพ เราทำไม่ได้ เพราะงานวิศวะสาขาของเราต้องทำงานต่างจังหวัดเป็นหลัก ซึ่งวัยเริ่มงานหางานตำแหน่งนี้ในกรุงเทพยากมาก ก็เลยมีปัญหาระหองระแหงกันตลอด แถมวิทยานิพนธ์ก็ไม่คืบหน้า ปัญหาการเงินทางบ้าน ปัญหาสุขภาพจิตของคุณแม่เป็นหนักมาก แม่ทะเลาะกับพ่อ แม่ทะเลาะกับพี่ชาย จนไม่มีใครอยู่กับแม่ได้ แล้วสภาพจิตของแม่ก็มีผลต่อกิจการบริษัทของแม่ด้วย คือสถานะทางการเงินไม่ค่อยดีมากๆ เราไม่รู้จะอธิบายยังไงรู้แต่ว่า ทุกอย่างมันอัดมารวมกัน ทำให้เราจิตตกบ่อยๆ ที่ทำงานก็โดดเจาะยาง ประเภทโดนกั๊กข้อมูลจากผู้ร่วมงาน โดนปล่อยข่าว โดนนินทาในเว็บบอร์ดของบริษัทเรื่องแอบไปเรียน (ซึ่งจริงๆ ผู้บริหารอนุญาต แต่คนทั่วไปไม่รู้แล้วก็ไม่มาถาม แถมปล่อยข่าวกันไปเรื่อยๆ) เรื่องนินทามันยังยอมรับได้ เพราะเราไม่ได้ทำอะไรผิด เจ้านายก็ไม่แคร์แถมสนับสนุนตลอด แต่โดนกลั่นแกล้ง เช่นเครื่องมือของเราโดนวางยา โปรแกรมโดนรีเซ็ต โดนเปลี่ยนค่า ซึ่งงานบางอย่างมันปัจจุบันทันด่วน โดนมาแก้ตอนไหนไม่สามารถรู้ได้ เราก็เลยเริ่มทำงานผิดบ่อย แถมความเครียดเรื่องครอบครัว การเงิน การเรียน ความรักก็กดดันเข้ามา บางครั้งความมั่นคงทางอารมณ์มันน้อยลง เลยมีการตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามบ้าง ทางนั้นก็ได้โอเค ได้ช่องทาง เล่นงานเราหนักไปอีก ยิ่งเราผิดพลาดข่าวยิ่งไปไกลเรื่อยๆ ช่วงนั้นเราซึมเศร้าหนักมาก เวลากลางคืนก็นอนไม่หลับ ฟุ้งซ่าน ทำอะไรไม่เป็นสมาธิเลย สติก็ไม่ค่อยมี กลายเป็นคนเงียบ แล้วยิ่งเงียบเหตุการณ์ก็ยิ่งร้ายแรงขึ้น  เราก็เป็นหนักขึ้นๆ จนตอนหลังไม่คุยกับใคร คนก็หาว่าหยิ่ง ทำตัวแปลกแยก ไม่ยอมคบด้วย  เราก็เป็นหนักไปเรื่อยๆ เคยจะฆ่าตัวตายด้วย เตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างครบแล้ว ก่อนลงมือพี่สาวกับพ่อโทรมาหา บอกว่าอยากให้เราเป็นคนดูแลแม่ ..ยังไงก็ต้องมีใครสักคนอยู่กับแม่  มันทำให้เราตั้งสติได้ เลิกคิดฆ่าตัวตาย แต่อาการของโรคซึมเศร้ามันจะหนักขึ้นเรื่อยๆ เราคิดวนเวียนอยู่ในสมองตลอดว่า ทำไมเราทำผิดตรงนั้นพลาดตรงนี้ ทำไมคนนั้นคนนี้ต้องไม่ชอบ ต้องเกลียดเราด้วย ทำไมต้องกลั่นแกล้งเราด้วย

สุดท้าย  สิ่งที่เราตอบตัวเองได้ก็คือ....  เราจะสนใจทำไม ถ้าเราไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดร้ายแรง เราไม่จำเป็นต้องแคร์  ถึงมีผิดพลาดบ้างก็ธรรมดาปุถุชน เราต้องรู้จักให้อภัยตัวเอง แล้วแก้ไขสิ่งผิดพลาด ..ส่วนคนเกลียดก็ช่างเขา คนรักเท่าผืนหนัง แต่คนชังเท่าผืนเสื่อ เราก็คนธรรมดาไม่มีใครมารักเราได้เท่าพ่อแม่พี่น้องเรา   พอเราคิดได้ อาการซึมเศร้าก็ดีขึ้นๆ เรื่อยๆ ตอนนั้นเราแก้ปัญหาของชีวิตด้วยการ คุยกับแฟนดีๆ ว่าปัญหาของเราคืออะไร ข้อจำกัดเราคืออะไร ถ้ายอมรับไม่ได้ก็เลิกกัน ก็สรุปว่าเลิกกันด้วยดี  ส่วนเรื่องการเรียนพอสติกลับมาวิทยานิพนธ์ก็คืบหน้า จบตามเวลาเราก็ได้งานใหม่กับบริษัทที่เจ้านายเก่าแนะนำให้เงินเดือนดีกว่าเก่าพ่วงตำแหน่งผู้จัดการที่อายุน้อยที่สุดในบริษัทใหม่ เรื่องปัญหาของแม่เรารับปัญหาได้เพราะเราจัดการตัวเองเรียบร้อย   ก็ค่อยๆแก้ปัญหาไป ....อาการซึมเศร้าไม่ได้หายทันทีนะครับ มันขึ้นๆลงๆ เพียงแต่เราทำใจให้สงบได้เร็วขึ้นเรื่อยๆ  มันก็ดีขึ้นๆ จนตอนนี้ผ่านมาหลายปีชีวิตเราก็จัดว่าไปได้เรื่อยๆ นานมากๆๆ ถึงจะมีอาการกลับไปคิดแบบตอนซึมเศร้า แล้วก็จะสามารถดึงความคิดเราให้อยู่กับปัจจุบันได้เร็วขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็แปลกนะ  ถ้าเรามีสติ มีอารมณ์ขันไม่ต้องกลัวว่าไม่มีคนคบ เพราะคนทุกคนไม่ชอบคบกับคนเครียดๆหรอกครับ ใครอารมณ์ดีๆ คนก็ชอบอยู่ใกล้ๆทั้งนั้น   ปัญหาซึมเศร้าแก้ไขได้ด้วยการปรับวิธีคิดครับ  ...ถึงมีคนบอกว่า “มันอยู่ที่ใจ”

จากคุณ : Fred_Flintstone
เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 53 23:44:35




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com