++ KAEW ไดอารี่ ++ เรื่องวุ่นๆ ของคนมี H
|
 |
สวัสดีค่ะ
มารายงายตัวจ้า หลังออกจากโรงพยาบาล (นอนโรงพยาบาล ครั้งแรก ในชีวิต) ก็พักที่บ้านอีก 2-3 วัน แล้วก็เริ่มเปิดโทรศัพท์ เริ่มทำงานใช้ชีวิตตามปกติ มีเพื่อนๆโทรมาต่อว่าหลายคนว่า ป่วย นอนโรงพยาบาลทำไมไม่ส่งข่าวบอก จะได้ไปเยี่ยม แล้วอยู่โรงพยาบาลคนเดียวได้อย่างไร ก็บอกเพื่อนไปว่า ที่ไม่บอกก็เพราะกลัวแกมาเยี่ยมนี่หล่ะ
คือ เกรงใจอ่ะ กลัวเพื่อนต้องลำบากมาเยี่ยม โรงพยาบาลเราก็อยู่ไกล แล้วช่วง 2-3 วันแรก ไข้มันขึ้นสูงมาก ไม่มีอารมณ์อยากโทรศัพท์หาใคร หรืออยากเจอใครเลย อีกเหตุผลคือ เรานอนโรงพยาบาลเพราะกรวยไตอักเสบ แล้วเราคิดเองว่า มันคงไม่ตายหรอก ก็เลยไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่ที่จะต้องรบกวนเพื่อน แล้วพอนอนโรงพยาบาลจริงๆแล้ว มันก็รู้สึกว่า อยู่คนเดียวได้นะ ไม่ต้องให้ใครเฝ้าอ่ะ
พอแข็งแรงดี เริ่มติดต่อโลกภายนอก ชีวิตเราก็วุ่นวายหัวฟูดังเดิม ทำให้รู้สึกว่า 5 วันในโรงพยาบาลนี่มันสบายมากเลยนะ ไม่ต้องรับรู้อะไร ไม่ต้องรับผิดชอบ ไม่ต้องคอยแก้ปัญหาให้ใคร ไม่ต้องทนฟังเรื่องราวของผู้ติดเชื้อ HIV ที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย
คือเรามีโทรศัพท์ 2 เครื่อง เครื่องหนึ่งเป็นเบอร์ส่วนตัว อีกเครื่องเป็นเบอร์โทรสำหรับให้คำปรึกษาเรื่อง HIV ของเว็บแก้วไดอารี่ เจ้าเครื่องนี้ก็จะมีคนโทรเข้ามาทุกวัน บางคนก็น่าสงสารจริงๆ แต่บางคนก็ฟังไปเราต้องนับ 1-1000 ไปด้วยเพราะใจร้ายมาก
ตอนหายป่วย แล้วเปิดโทรศัพทืวันแรก คนโทรเข้ามาเยอะมาก แถมบางคนต่อว่าอีกว่า พยายามโทรตั้งหลายวันแล้ว ทำไมติดต่อไม่ได้ เราก็แอบคิดในใจ ว่าตูผิดใช่มั้ยเนี่ยที่ป่วยจนนอนโรงพยาบาล บางสายแม้คุยด้วยแล้วเหนื่อย แต่ก็คุยด้วยความเต็มใจ เพราะรู้ว่าเขากำลังทุกข์แสนสาหัส เพราะเพิ่งรู้ว่าตัวเองมี HIV เราก็พยายามช่วยเขาเต็มที่ แล้วจะรู้สึกดีมาก ถ้าก่อนวางสาย เขามีกำลังใจที่ดีขึ้น
แต่บางสาย ฟังแล้วจิตตก หดหู่ เพราะเป็นประเภทผู้ติดเชื้อ HIV ที่รู้ตัวอยู่แล้วว่าตัวเองติดเชื้อ บางคนรู้มานานแล้ว กินยาต้านแล้ว แต่ประเด็นคือ ไม่เลิกในการหาคู่นอน แล้วก็ใจร้ายที่จะไม่บอกคู่นอนของตัวเองว่าตัวเองติดเชื้อ คำถามที่คนเหล่านี้โทรมาปรึกษาก็คือ จะทำอย่างไรไม่ให้แฟนสงสัยว่าต้องกินยาอะไรทุกวัน หรือ จะไม่ต้องกินยาได้มั้ย เดี๋ยวแฟนรู้ว่าเป็นเอดส์
หรือ แฟนจะสงสัยมั้ยเพราะเริ่มผอมลง เริ่มมีอาการของโรค พอถามว่าแล้วทำไมไม่บอกแฟนหล่ะคะว่าติดเชื้อ ก็มักได้คำตอบว่า ก็ "รัก" เขามาก เลยไม่กล้าบอก แต่เรามองว่า ไม่ใช่รักหรอกนะ เขาเรียก "เห็นแก่ตัว " อ่ะ
ผู้ติดเชื้อจำนวนมากที่เป็นอย่างนี้ เป็นกันทุกเพศ ทุกวัย เลยด้วยหล่ะ ฟังแล้วมันหดหู่อย่างไรก็ไม่รู้ อีกประเภทที่หนักกว่านั้นอีกคือ ตัวเองติดเชื้ออยู่แล้ว ไม่บอกแฟน แล้วไม่พอ ดันมีชู้ มีกิ๊กอีก แล้วก็ไม่ได้บอกชู้ด้วย ยุ่งเหยิงชุลมุลวุ่นวายไปหมด
เราก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับปัญหาพวกนี้ เข้าไปยุ่งกับชีวิตเขามากก็ไม่ได้ ทำได้แค่ ปลง คิดซะว่า "สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม" ชาตินี้เป็นเอดส์ โรคร้ายแรง ไม่มีทางรักษาแถมผู้คนรังเกียจ ก็แปลว่าเคยทำกรรมมาหนักหนาสาหัส แล้วยังไม่หยุดสร้างกรรมเลวๆอีก ก็ต้องปล่อยเขาไป
นี่เป็นเรื่องของผู้ติดเชื้อผู้ใหญ่ ส่วนผู้ติดเชื้อที่เป็นเด็กๆ ที่เราดูแลอยู่ ก็ยุ่งเหยิงไม่แพ้กัน เพราะเด็กๆโตขึ้นทุกวัน แล้วพอยิ่งโตเขาก็ยิ่งดื้อ ยิ่งไขว่คว้าอะไรมากขึ้น แล้วยิ่งพอเข้าสู่วัยรุ่นปัญหาที่ตามมาก็ยิ่งรุนแรงมากๆ เพราะวัยรุ่นเป็นวัยที่ไม่ค่อยยอมฟังใครอยู่แล้ว ยิ่งวัยรุ่นติดเชื้อเอดส์ ที่ขาดความอบอุ่น ปัญหามันทวีคูณนะ
เวลาเด็กๆมีปัญหา เราไม่โทษเด็กทั้งหมด เราโทษพ่อแม่เด็กมากกว่า ตัวเองติดเชื้อแล้วยังไม่พอ ดันมีลูกอีก พอลูกออกมาติดเชื้อ ชีวิตก็มีปัญหาตั้งแต่ลืมตาดูโลกเลย อยู่มาไม่นาน พ่อแม่ก็ตายหมด ญาติก็เอามาส่งบ้านเด็กกำพร้าโดยทันทีอีก จิตใจเด็กเขาก็บอบช้ำมาก มีแผลในใจเยอะมาก พอโตขึ้น ปมในใจมันก็ชัดขึ้น ปัญหาก็ตามมาเยอะขึ้น
ตอนนี้ที่บ้านแกร์ด้าก็ได้รับเด็กติดเชื้อ ที่ติดมาจากการถูกทำร้ายทางเพศ หลายคนขึ้น ที่น่าสลดก็คือ คนที่ทำก็คือ พ่อของเด็กเอง เด็กคนล่าสุดที่ได้รับมา เป็นเด็กผู้ชายที่ถูกพ่อแท้ๆ ทำร้ายทางเพศ จนติดเชื้อ ที่น่าเศร้าคือ เด็กไม่คิดว่านั่นคือการทำร้าย รู้สึกว่าเด็กจะชอบ เพราะทุกวันก็ถามหาพ่อ คิดถึงพ่อ และมีพฤติกรรมค่อนข้างเบี่ยงเบน ก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไร
นี่เราก็เพิ่งกลับจากบ้านแกร์ด้าที่ลพบุรี มาเมื่อวานค่ะ ไปอยู่กับเด็กๆ แล้วก็ไปสอนภาษาอังกฤษ การเป็นครู นี่เหนื่อยมากๆๆๆเลย ยิ่งเด็กๆไม่รู้อะไรเลย และมีอุปสรรคทางสมองเยอะ ยิ่งเหนื่อยที่จะสอนอย่างไร ให้เขาเข้าใจ แต่เราชอบที่จะเป็นครูนะ อยากช่วยเขา อยากเตรียมความพร้อมให้เขาให้มากที่สุด ก่อนที่เด็กๆจะออกมาสู่สังคมข้างนอก
วิชาของเรานอกจากสอนภาษาอังกฤษแล้ว ก็ยังเป็น ครูภาษาไทย ครูแนะแนว ครูวิชามารยาทและการเข้าสังคม ครูวิชาหน้าที่พลเมืองที่ดี และครูสอนพุทธศาสนาด้วย เรียกว่าสอนแบบองค์รวม อ่ะ คือ เราอยากให้เด็กๆเป็นคนดี มีความรับผิดชอบต่อสังคม ไม่อยากให้เขาโตมาเป็นผู้ติดเชื้อที่ใจร้าย และ เห็นแก่ตัว
ต่อไปเราก็คงเข้าไปสอนเด็กๆทุกอาทิตย์ เพราะแข็งแรงดีแล้ว เหนื่อยมาก แต่มีความสุข และ ภูมิใจค่ะ ขอขอบคุณ เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ที่ช่วยสนับสนุนเรื่องการเรียนการสอน โดยช่วยส่งหนังสือ และ อุปกรณ์การเรียนมาให้นะคะ ขอขอบคุณแทนเด็กๆด้วยค่ะ และ ยังต้องการอยู่เรื่อยๆนะคะ
ขอประกาศบอกบุญสักนิด สิ่งของที่ยังต้องการอยู่ (ไม่ต้องซื้อใหม่ก็ได้ค่ะ เอาแบบมีอยู่แล้วแล้วอยากบริจาคอ่ะ) 1. หนังสือสำหรับการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ 2.หนังสือภาษาอังกฤษแบบเด็กน้อย คือพวกนิทาน การ์ตูน ภาษาอังกฤษ หรือ ไทย-อังกฤษ ที่มีรูปประกอบด้วยก็ดีค่ะ 3.CD/VCD สอนภาษาอังกฤษแบบของเด็กๆอ่ะคะ 4.นิทานภาษาไทย หรือ หนังสืออ่านเล่นที่เหมาะกับเด็กวัยประถมอ่ะคะ (คือเราสอนภาษาอังกฤษ เด็กมัธยม แล้วสอนภาษาไทย เด็กประถมอ่ะคะ)
นอกจากนี้ พวกหนังสือทั่วไปก็รับนะคะ เพราะเราทำห้องสมุดให้เด็กๆ หลอกล่อจนกลุ่มเด็กผู้หญิงรักการอ่านไปได้หลายคนแล้ว เด็กผู้หญิงนิยมหนังสือแนวแฟนตาซี หรือ เรื่องสั้นวัยรุ่นที่หน้าปกมันเป็นการ์ตูนแนวเกาหลีค่ะ
แล้วมีข่าวดีมาบอก ตอนนี้เริ่มล่อลวงเด็กผู้ชายให้สนใจหนังสือได้บ้างแล้ว(เริ่มสนใจช้ากว่าเด็กผู้หญิงประมาณ 2 ปี) เด็กผู้ชายจะอ่านแนว นักสืบ สืบสวนสอบสวนค่ะ ล่าสุดเด็กๆบอกว่า อยากได้หนังสือ เชอร์ล๊อค โฮมส์ เพราะมีหลงเอาไปให้ 1 เล่ม แล้วเด็กผู้ชายติดใจ
ก็ขอประกาศบอกบุญนะคะ ใครมีหนังสือ เชอร์ล๊อค โฮมส์ หรือ อกาธา คริสตี้ อยากบริจาคก็ส่งมาได้เลย หรือหนังสือแนวๆนี้ ที่ไม่โหดจนเกินไปก็ได้ค่ะ
เราอยากให้เด็กๆรักการอ่าน เพราะเด็กที่รักการอ่านจะมีสมาธิดีขึ้น แล้วเรียนหนังสือได้ดีขึ้น และที่สำคัญหนังสือจะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเขาได้ เพราะน้องๆพวกนี้ชีวิตเขาเหงาและโดดเดี่ยวมากนะคะ นอกจากนี้หนังสือจะช่วยดึงไม่ให้เขาหลงผิดไปกับอย่างอื่นได้ ก็เลยพยายามหาหนังสือที่เด็กๆชอบไปให้เขาอ่าน
ท่านใดมีหนังสือ อยากแบ่งปันให้น้องๆเด็กกำพร้าที่ติดเชื้อ HIV ส่งมาได้ที่
เว็บแก้วไดอารี่ ตู้ ปณ. 147 ปณจ.หลักสี่ กรุงเทพ 10210
ขอขอบคุณแทนเด็กๆด้วยนะคะ หลังจากได้รับพัสดุ เราจะมีไปรษณีย์บัตรตอบขอบคุณ แต่อาจจะช้า(มาก)สักหน่อย เพราะเราทำทุกอย่างคนเดียวค่ะ แต่ของส่งมาได้รับหมดค่ะ ไปรษณีย์หลักสี่เขาใจดีมาก ช่วยเราแบกลังไปขึ้นรถด้วยหล่ะ
ขอตัวไปนอนก่อนนะคะ
จากคุณ |
:
++MooKaew++
|
เขียนเมื่อ |
:
15 พ.ย. 53 23:28:33
|
|
|
|