ความคิดเห็นที่ 1 ย้อนกลับมาดูในห้องพันทิพ บางทีคำตอบของคำถามของผม อาจอยู่ใกล้ตัวกว่าที่คิด เมื่อคำถามยอดฮิตประจำห้องนี้ คือ “แบบนี้จะท้องไหมครับ”     หรือ “แฟนผมเมนส์ไม่มาสามเดือนแล้ว จะท้องไหมครับ”   หรือ “กินยาคุมแล้ว แฟนแตกในแต่ใส่ถุงตลอด อย่างนี้จะท้องไหมค่ะ” หรือ  คำถามที่สะท้อนความเชื่ออันน่าละเหี่ยใจ เช่น “มีอะไรกัน ถ้าผู้หญิงไม่ถึง ไม่ท้องใช่ไหม”    หรือ “ของผู้ชายไม่ใหญ่ โอกาสท้องก็ลดลงใช่ไหมครับ ” ถ้าพิเคราะห์จากคำถามเหล่านี้  ข้อเท็จจริงที่พบศพน้องถึงสองพันกว่าศพ ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก ยังดีนะ ที่เอดส์ในบ้านเรามันไม่เยอะเหมือนแถวแอฟริกา ไม่งั้นคงเป็นเอดส์กันทั่วบ้านทั่วเมืองเป็นแน่แท้ แต่สิ่งที่เราต้องถามตัวเอง หลังรู้ความจริงอันน่าตกใจว่า องค์ความรู้ของชาวไทย (ทั้งวัยรุ่นและวัยทำงาน) เกี่ยวกะเรื่องเพศสัมพันธ์ ทำไมมันน้อยขนาดนี้   ทำไมห้องสวนลุมฯ ถึงกลายเป็นสถานที่แก้ไขความเข้าใจผิดๆ แทนที่จะเป็นระบบการศึกษาหรือพ่อแม่ที่อยู่ใกล้ตัวมากกว่า สิ่งเหล่านี้สะท้อนอะไร และเรื่องนี้ จะแก้ปัญหาจากตรงไหนก่อนดี มาแชร์ความเห็นกันหน่อยครับ (ขอจบดื้อๆ เพราะหดหู่ใจกะศพน้องๆ – ทีผมล่ะอยากมีลูกจะแย่ แต่ยังไม่มีให้อุ้มเลยสักคน มันอะไรกันฟร่ะนี่) แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 53 10:27:08 จากคุณ : ลูกหมีเขี้ยวยาวเขาโง้ง เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 10:24:00

ความคิดเห็นที่ 2 เป็นเพราะเมรุเผาศพเสีย อีกเดี๋ยวเหตุการณ์ก็ซุกอยู่ใต้พรมตามปกติ จากคุณ : แสนสุขสมนั่งชมวิหค เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 11:05:54

ความคิดเห็นที่ 3 แก่ 55555555555555555 แว้บ จากคุณ : ยัย..ฉอเล๊าะ เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 11:22:45

ความคิดเห็นที่ 4 ^ ^ ^ หลังไมค์เฟ้ย หลังไมค์ เดี๋ยวเหอะ จากคุณ : ลูกหมีเขี้ยวยาวเขาโง้ง เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 11:27:47

ความคิดเห็นที่ 5 ผมว่าปกตินะ ที่คนตั้งท้องอายุประมาณ 15 - 20 ปี สมัยก่อน อายุ 15-16 เขาแต่งงานกันแล้ว มาช่วงหลังๆ ที่คนเริ่มแต่งงาน เมื่อ อายุ 20 ขึ้น แล้วทุกวันนี้ การแต่งงาน ต้องมีฐานะ มีทุกอย่างครบ อายุ ก็ หลัก20 ปลายๆ ขึ้นไป ถ้าเรามองพื้นฐานสังคม ย้อนกลับไป มันเป็นเรื่องธรรมดา แค่ว่าทุกวันนี้ เรามองประเทศ โดยไม่มองพื้นฐานของสังคมประเทศ นักวิชาการ ก็แก้ปัญหา ตามตำรา เขียนตำราแก้ ซึ่งทำจริงยากมาก แต่ในเรื่องนี้ ประเด็นคือ ทำไม คนทำแท้งกันเยอะขึ้นมากกว่านะผมว่า สาเหตุที่ผมมองคือ สังคม สังคมตัวเดียวเท่านั้น ถ้า มีสาวน้อย อายุ 15-16 เรียนอยู่เกิดป่องก่อนเรียน แน่ๆล่ะ พ่อแม่ ถ้าพ่อแม่ ไม่รับ ลูกก็ต้อง ออกมาพึ่งสังคม คุณคิดว่า เธอจะโดน อะไรบ้างกับสังคมที่ ดีแต่ปาก ดีแต่ในกระดาษ หรือหน้ากล้อง จากคุณ : คนจ๊นจน เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 11:32:06

ความคิดเห็นที่ 6 สถาบันครอบครัว จะด้องเป็นหลักในการให้ความรู้ความเข้าใจในผลกระทบของการชิงสุกก่อนห่าม และต้องคอยสอดส่องดูแลพฤติกรรมของลูกหลานในช่วงเข้าสู่วัยรุ่น การคบเพื่อน การมีคนรัก บอกตรงๆ เห็นข่าวแล้วอึ้ง..นี่เพียงแค่มุมนึงของกรุงเทพฯ.. ถ้ารวมทั้งประเทศ จะขนาดไหน.. ส่วนนึงคงเป็นเพราะสิ่งยั่วเย้าอารมณ์ ปัญหายาเสพติดที่ทำให้เมื่อได้เสพแล้ว ไม่ว่าอะไรก็กล้าทำได้หมด ความอยากรู้อยากเห็นก็มีส่วน สรุปแล้ว..ผู้หญิงเท่านั้น ที่เป็นเพศที่เสียเปรียบในกรณีนี้แบบเต็มๆ.. ถ้าเด็กและเยาวชนเห็นข่าวนี้แล้ว..ถ้าคิดเป็นและมองเป็นกรณีศึกษาก็จะดี.. จากคุณ : จ่าหมาน เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 11:42:23

ความคิดเห็นที่ 7 เป็นภาพสะท้อนว่า  คนรุ่นปัจจุบันนี้ละเลยการถือศีล ๕ ซึ่งเป็นเครื่องขัดเกลากิเลสอย่างหยาบ   ทำให้ชีวิตและสังคมเกิดความวุ่นวายและเต็มไปด้วยเรื่องเบียดเบียนกัน ศีล ๕ ๑. งดเว้นจากการทำให้ชีวิตผู้อื่นตกล่วงไป ๒. งดเว้นจากการลักทรัพย์ ๓. งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม ๔. งดเว้นจากการกล่าวเท็จ ๕. งดเว้นจากการดื่มสุราเมรัย แม้เพียงมีศีลข้อ ๑. และข้อ ๓. สองข้อนี้แล้ว  จะไม่ปรากฏข่าวเรื่องการทำแท้งให้น่าตกใจเลย ลองคิดดูว่าถ้าทุกคนในประเทศของเรา (และโลกของเรา) สามารถรักษาศีล ๕ ได้อย่างบริบูรณ์ ชีวิตและสังคมจะมีความสงบสุขร่มเย็นขนาดไหน  เมื่อไม่มีการเบียดเบียนกัน  ไม่มีความเศร้าหมองทั้งต่อตนเองและต่อกันและกัน เช่นนี้แล้ว  ก็ขอเชิญชวนทุกคนให้รักษาศีล ๕ เพื่อรักษาชีวิตของเราและสังคมของเราให้เป็นปกติกัน สามารถศึกษาเรื่องศีล ๕ เพิ่มเติมได้ที่ http://84000.org/tipitaka/book/bookpn02.html จากคุณ : paul_pipat เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 11:47:45

ความคิดเห็นที่ 8  บอกได้เเค่ว่า เศร้าใจ จริงๆที่เห็นข่าวแบบนี้ คนที่อยากมีก็ไม่ได้   ไอ้ที่ไม่อยากได้ ก็ดันมี  เฮ้อ.เหนื่อยใจกับสังคมสมัยนี้เนอะ จากคุณ : สาวถุงกาแฟ เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 11:52:07

ความคิดเห็นที่ 9 หลากหลายคำถาม "แบบนี้จะท้องหมั๊ย" ..... เราโทษระบบการศึกษาของชาติ เรื่องการทำ แท้ง..............ขอให้ย้อนกลับไปมองที่ครอบครัว   ....หากครอบครัว อบรม ดูแลบุตรหลานได้ดีแล้ว เรื่องการตั้งครรภ์ของเด็กวัยรุ่น ในวัยเรีบน หรือวัยก่อนแต่งงานก็จะน้อยลง ....หากครอบครัวยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับบุตรหลาน ยอมให้อภัย เรื่องการทำแท้งก็จะลดลงเช่นกัน ....หากครอบครัวยอมเปิดใจ ให้เด็กได้ปรึกษา และหาทางแก้ไขได้ ผมเชื่อว่าเด็กก็จะเลือกทางเลือกที่ดีกว่าการทำแท้ง จากคุณ : โทนี่ (ChadChad) เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 12:11:49

ความคิดเห็นที่ 10 ผมกลับมองว่า มันเป้นเรื่องปกติ ที่พอมันแดงขึ้นมากลับกลายเป็นไม่ปกติ คลีนิคทำแท้งมีที่ไหนบ้าง พวกที่ขึ้นป้ายรับปรึกษาปัญหาครอบครัวนี่ตัวดี ลองจิ้มไปหลายๆที่ตามแหล่งชุมชนใหญ่ๆ รับรองเจอแถบทุกหัวถนน ส่วนเรื่องการให้ความรู้ต่งๆ เมื่อถึงเวลาปฏิบัติจริง ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็ว อย่างที่ต่างประเทศเอง ยกตัวอย่างที่ญี่ปุ่นเอง ปัญหาท้องก่อนวัยอันควรมีสูงมาก แต่กฏหมายที่นั่นก็ศักดิ์สิทธิ์พอที่จะห้ามปรามการทำแท้งได้ เรื่องซิงเกิ้ลมัมกลายเป็นเรื่องปกติ และคามรับผิดชอบต่อครอบครัวก็มีมากกว่าบ้านเรา ผู้ใหญ่ที่โนน่ เขาแก้ปัญหาเรื่องแบบนี้ด้วยวิธีที่ง่ายจนนไม่น่าเชื่อ ด้วยการ ตั้งตู้ขายถุงยางอนามัย ไว้ตามข้างถนนต่างๆ ตามมุมที่ไม่ประเจิดประเจ้อ คนซื้อก็ไม่ต้องแบกหน้าบางๆเข้าร้านสะดวกซื้อ  ตามหน้าโรงเรียนก็มีขาย ไม่เห้นต้องมานั่งประชาพิจารณ์เรื่องความเหมาะสมเลย และยิ่ง เรื่องนักศึกษามีอะไรกัน  หลายคนทำเป็นปิดตาข้างนึง ตลกดี      แก้ปัญหาแบบไทยๆ เพิ่มเติมนิดนึง  ขออุทิศผลบุญที่ทำให้กับเด็กๆทั้งหมดที่เป็นข่าวและไม่เป็นข่าวด้วยครับ  รู้สึกมันทรมานจิตใจมาก  กับการทำร้ายชีวิตน้อยๆที่บริสุทธิ์มากๆ แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 53 12:27:14 จากคุณ : ฟุ้งซ่าน เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 12:15:19

ความคิดเห็นที่ 11 ตอนนี้พ่อแม่แม้กระทั่งโรงเรียนควรจะสอนว่าจะป้องกันยังไงมากกว่าบอกว่าห้ามอย่างโน้น ทำอย่างนี้ไม่ได้ และมานั่งสอนว่าหน้าเจ็ดหลังเจ็ดยังไง มีเยื่อพรมจรรย์เป็นยังไง สอนให้รู้ดีกว่าว่าต้องดูแลตัวเองยังไง น้อยเหลือเกินที่จะมาใส่ใจว่าเวอร์จิ้นไหม แตกในแตกนอก สนใจดีกว่าว่าถุงยางมันดียังไง ถ้าจะทานยาคุมทานยังไง ถ้ามัวแต่บอกว่าสังคมไทยเป็นสังคมที่ผู้หญิงรักนวลสงวนตัว...บอกได้คำเดียว....ถ้าผู้หญิงคนไหนยังเป็นแบบนั้น ขอบคุณที่คุณคือตำนานและเป็นที่น่าเคารพเป็นอย่างยิ่งค่ะ จากคุณ : จามะพี (จามะพี) เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 12:52:11

ความคิดเห็นที่ 12 ส่วนตัวคิดว่าโทษเด็กอย่างเดียวก็ไม่ถูกค่ะ  เพราะโลกการสื่อสารสมัยก่อนโน้น กับปัจจุบันนี้ เปรียบเทียบกันไม่ได้ อีกทั้งพ่อ แม่ ก็ต้องทำงาน เพื่อมาส่งเสียเลี้ยงดูลูก แล้วเรื่องการเข้าวัดฟังเทศน์ ฟังธรรม ยิ่งไม่ต้องพูดถึง   เราว่าสถานศึกษาน่าจะเป็นที่ที่ดีที่สุดในการแก้ปัญหาค่ะ   ถ้าเปลี่ยนตัวเลขของการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร เป็นตัวเลขของการใช้ถุงยางเมื่อมีเพศสัมพันธ์ของเด็ก เราว่าก็น่าจะดีกว่านะคะ ต้องเปิดใจกันค่ะ จากคุณ : มะหุ่ย เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 13:07:22

ความคิดเห็นที่ 13 จิ้มไปที่ 11 โอ้ รักนวลสงวนตัว เป็นตำนาน ตรงนี้ละกระมัง ที่ทัศนคติเปลี่ยนกันเห็นๆ เลย จากคุณ : ลูกหมีเขี้ยวยาวเขาโง้ง เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 13:25:55

ความคิดเห็นที่ 14 2002 ศพ หลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวของสังคมไทย ส่วนหนึ่ง คือ มันเป็นช่วงปรับเปลี่ยนเรื่องของทัศนคติ ระหว่าง การปกปิดกับเปิดเผยเรื่องเพศสัมพันธ์ ที่ถูกต้อง คนที่อยู่ในยุคเก่า(รุ่นพ่อแม่,รุ่นปู่ย่าตายาย) ยังมีทัศนคติเรื่องเพศ เป็นเรื่องของการปกปิด แต่คนที่อยู่ในรุ่นลูก รุ่นหลาน เป็นรุ่นเปิดเผย เลยทำให้เกิดความสับสน กับเนวทางการใช้ชีิวิต คงต้องมีหน่วยงาน องค์การ หรือสถาับันใดๆ หรือทั้งหมด ออกมารณรงค์แนวทางใด แนวทางหนึ่ง ว่าจะปกปิดหรือเปิดเผย เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน อาจจะช่วยแก้ปัญหาได้บ้างค่ะ จากคุณ : น้อง!!!...คนนี้พี่ขอ เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 13:53:08

ความคิดเห็นที่ 15 เรากลับมองว่าเรื่องทำแท้งผู้ปกครองก็มีส่วนนะคะ บางคน พอรู้ว่าลูกท้อง จะพาลูกไปทำแท้งเพราะ "อาย" ก็มี เด็กบางคน ท้อง แล้วกลัวพ่อแม่รู้ก็ไปทำแท้งเพราะความกลัว บางคนท้องแล้วผู้ชายไม่รับก็ต้องไปทำแท้ง จากคุณ : Sweetiez13 เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 13:57:38

ความคิดเห็นที่ 16 สมัยเรียนมหาวิทยาลัย เห็นถุงยางอนมัยในกระเป๋าสตางค์เพื่อนผู้ชาย ด้วยความสนิทสนม ถามมันว่า "พกทำไมวะ?" เพื่อนบอก "แม่กูให้พกไว้ป้องกันตัว" ด้วยความไม่รู้อะไร ยังเสื..ถามออกไป  "เก็บไว้งี๊ ไกลัวหมดอายุเหรอ?ไง"     เพื่อนไม่ตอบ จนเรา ผ่านมาหลายปี เราแต่งงาน มีลูก  มันโทรมาหา "เห็นว่าแต่งงานแล้ว มีประสบการณ์ เลยจะตอบคำถามว่า... ใครเขาจะเก็บถุงยางไว้ในกระเป๋าตังค์จนหมดอายุวะ...แกนี่ไร้เดียงสาจริงๆ" จากคุณ : แม่ต้นน้ำ (แม่ต้นหอม) เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 13:57:48

ความคิดเห็นที่ 17 มันไม่เกี่ยวกับการที่คนไปมีอะไรกันหรอกครับ ชายหญิงคบกันจะไปทำอะไรกันมันเรื่องของธรรมชาติ จะให้มาหักห้ามใจน่ะยาก ใครที่รักนวลสงวนไว้จนวันแต่งทั้งชายหญิงน่ะหายาก เพราะมันฝืนธรรมชาติ ที่ผิดคือการสั่งสอน เราต้องสอนให้มันเห็นเป็นเรื่องปกติ เช่นถ้าคุณจะมี sex คุณก็ต้องป้องกันถ้าไม่พร้อม ทั้งถุงยาง ยาฉีด ยาคุม มีให้เลือกเต็มไปหมด แต่คนไม่กล้าไปซื้อใช้เพราะยังเห็นว่าการไปซื้อมันผิด กลัวคนมอง อาย ฯลฯ แล้วจะสอนให้คิดว่า sex มันไม่ดี ถามว่าใครจะฟัง คนไหนเคยมี sex แล้วมาบอกสิว่าไม่ดี ไม่ชอบ น้อยคนครับ อย่ามาพูดเลยไอ้เรื่องหักห้ามใจน่ะ พอถึงเวลานั้นเอาช้างมาฉุดก็ไม่ไหวกันทั้งนั้น แต่คิดดู ถ้าตอนนั้นมีเครื่องป้องกันเช่นถุงยางไว้ในกระเป๋าสักอันก็ลดปัญหาไปได้ไม่รู้เท่าไหร่แล้ว สรุปคือต้องสอนให้รู้ว่าจะทำอะไรต้องเห็นผลดีและไม่ดี แล้วหาวิธีป้องกันไม่ให้มันเกิดโทษ จากคุณ : scozember เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 13:58:01

ความคิดเห็นที่ 18 ... จากคุณ : พสิษฐ์ตา (แม่ปุ๊กปิก) เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 14:11:09

ความคิดเห็นที่ 19 เมื่อวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีดีขึ้น ทุกอย่างมันง่ายขึ้น สะดวกขึ้น แต่ทำไม จิตคนถึงกลับถอยหลังลงคลอง สมัยเด็กๆ เราก็เรียนพระพุทธศาสนา กันทุกเทอม ศีล 5 ก็ท่องได้ตั้งแต่ประถม บทสวดมนต์ และหลายสิ่งหลายอย่างที่มีแง่คิด ผลกระทบถ้าเกิดเราเรียนไม่สูง เราต้องลำบาก เพราะสมัยนี้การศึกษาสูงๆ จะทำให้เรามีรายได้เพิ่มขึ้น นี้คือสิ่งที่เราได้ปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กๆ พ่อแม่เราบอกเราเสมอว่า แฟนน่ะอย่างเพิ่งคิด คิดเรียนอย่างเดียวก็พอ เพราะพ่อกับแม่ไม่ได้รวยเหมือนคนอื่นเค้า ให้ได้คือการศึกษา เพื่อที่ลูกจะได้นำไปหาเลี้ยงตนเมื่อยามโตขึ้น จะได้เลี้ยงตัวเองได้ ไม่ต้องพึงพาใคร ทำไมเราถึงเทคโนโลยี โทษสื่อ ตัวอย่าง สื่อ อย่างละครตอนหลังข่าวภาคค่ำ เดี๋ยวนี้จะมีแบบ จูบจริง เล่นจริง ไม่ใช้มุมกล้อง ซึ่งเมื่อเด็กได้ดู แล้วเกิดอาการอยากรู้อยากเห็น อยากลอง เป็นต้น แต่ถ้าเด็กคนไหนได้ดู แล้วมีผู้ใหญ่ช่วยแนะนำชี้แจง เราว่าความคิดของเด็กความอยากลองก็ลดน้อยลงแล้ว เพราะได้รู้ได้เห็นจากผู้ใหญ่แนะนำ แต่ถ้าไม่มีผู้ใหญ่แนะนำ เด็กก็อยากลองกับเพื่อน กับแฟน เพราะอยากรู้ว่าเป็นอย่างไร จะรู้สึกเหมือนในละครหรือป่าว ตัวอย่าง เทคโนโลยี เมื่อก่อนเวลาเรียน เราต้องเขียนต้องจด ต้องจำ ทุกอย่าง สมัยนี้เด็กที่เรียนหนังสือ ไม่ต้องเขียนเป็นเล่มๆเหมือนเรา ไม่ต้องจดเป็นหน้าๆ แค่เปิด Note book มาอ่านได้แล้ว หรือ เดี๋ยวนี้มี Ipad ที่เข้ามาเสริมในการเรียน ไม่ต้องพกหนังสือ อ่านจาก Ipad ได้แล้ว การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารก็รวดเร็ว อยากรู้เรื่อง sex พิมพ์ที่อากู๋ ก็ออกมาเพียบ เมื่อเด็กได้ดู ก็เกิดอยากลอง เมื่อลองแล้วก็เกิดความผิดพลาด จนต้องหาทางออกแบบในข่าว เพื่อไม่อยากให้พ่อแม่เสียใจ ฯลฯ จากคุณ : แตงโม แตงไทย เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 14:20:05

ความคิดเห็นที่ 20 สอนให้ป้องกันอย่างถูกวิธียังจะง่ายกว่าสอนให้รักนวลสงวนตัว จากคุณ : JinHanNa (JinHanNa) เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 14:31:32

ความคิดเห็นที่ 21 เหตุเกิดจากความอยากรู้อยากลอง และความรักสนุก พอตั้งครรภ์ขึ้นมาแล้วก็ไม่สามารถรับผิดชอบชีวิตน้อยๆนั้นได้ มันเหมือนขัดแย้งยังไงไม่รู้นะ..โลกมีการพัฒนาไปทุกๆวัน แต่สังคมกลับเสื่อมทราม ทั้งๆที่การสื่อสารในเรื่องความรู้และการป้องกันการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร สาธารณสุขก็รณรงค์เรื่องนี้เยอะแยะ (แต่อาจไม่ตรงจุด) แต่กลับมีปัญหานี้แทบทุกวัน..เศร้านะ เราเองในสมัยเรียน ก็มีเพื่อนไปทำแท้งหลายคนอยู่เหมือนกัน เพราะอยากลองใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับคนรัก..แอบซ่อนพ่อแม่ "ภูมิต้านทานทางความรักของครอบครัวไม่แข็งแรง".. เราก็เคยมีแฟนสมัยเรียนมัธยม ก็เลิกรากันไป เพราะเราให้เรื่องนี้ไม่ได้ ฝ่ายชายก็หาคนใหม่ที่ให้เรื่องนี้ได้อย่างเร็ววัน และก็เกิดปัญหานี้เหมือนกัน ไปทำแท้ง!!!!!...ตอนได้ข่าว คิดว่า โชคดีจังที่ไม่ใช่เรา... โชคดีที่แม่เรา เน้นเรื่อง รักนวลสงวนตัวให้เราฟังตั้งแต่เริ่มโตเป็นสาว เเละภูมิใจถึงทุกวันนี้ ที่เก็บเอาความสาวให้สามีเพียงคนเดียว ถ้าถามเราว่าตอนนั้นอยากรู้ไหมเรื่องเซ็กส์..ก็อยากนะ แต่เรากลัวแม่เสียใจมากกว่า เราสนิทกับแม่มาก ไปไหนไปกันตลอด แม่ไม่เคยอ้างงานยุ่ง งานเยอะ..และความโชคดีอีกเรื่องคือ กลุ่มเพื่อนที่เราคบและสนิทด้วย ทุกคนก็รักนวลสงวนตัวกันทั้งนั้น ไม่มีใครชี้แนะ ชี้ชวนให้อยากลอง เมื่ออยู่นอกบ้าน นอกสายตาพ่อแม่ เลยสักคนเดียว... เรื่องมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรนี่มันมีตั้งแต่สมัยไหนเราไม่รู้ แต่สมัยเราก็มีแล้ว เยอะแยะ ปัญหาก็ตามมาอีกเยอะแยะเหมือนกัน เพื่อนบางคนพ่อแม่รู้เรื่องแล้วแทบช็อค..เพราะอยู่บ้านแล้วเรีบร้อยมาก บางคนทำแท้งเองในห้องน้ำของ รร. ตกเลือดแทบตาย เป็นภาระทางโรงเรียนต้องพาไปส่ง รพ. เป็นเรื่องทอล์คออฟเดอะทาว์นประจำปีนั้นไป บางคนก็ยังไม่ทันได้ใช้ นางสาวเลย พ่อแม่จับได้..แต่งงานซะแล้ว เดี๋ยวนี้เจอกันทำงานตัวเป็นเกลียว เลี้ยงลูกคนเดียว..ไม่รู้คนทำลายอนาคตดีๆร่วมกันหายไปไหน เราไม่กล้าถามถึง คนใกล้ตัว น้องชาย ทำผู้หญิงท้อง ต้องมีลูกตั้งแต่อายุยังไม่ยี่สิบ ตอนนี้ลูกโตเข้าโรงเรียนค่าใช้จ่ายเป็นเงาตามตัว ชีวิตอิสระ+ช่วงชีวิตวัยรุ่นหายไป ตอนนี้ทำงานได้เท่าไรแทบไม่พอ เพราะมีลูกในวัยที่ไม่พร้อม ได้แต่ให้กำลังใจและดูแลกันให้ดีที่สุด เพราะอย่างน้อยก็ภูมิใจที่เค้ายังมีความเป็นลูกผู้ชาย!!!!!..ไม่คิดทำลายชีวิตน้อยๆเหมือนในข่าว ปัญหาเหล่านี้ เรื่องนี้อยู่รอบตัวค่ะ...ใกล้มาก ทั้งหนังสือ อินเตอร์เนต โทรศัพท์มือถือ หากคุณเป็นพ่อแม่ คุณอาจไม่คิดว่า เสียงที่ลูกคุณหัวเราะกับเพื่อนๆนั้น อาจเป็นเรื่องเซ็กส์ที่เค้าอยากจะเรียนรู้แต่ไม่รู้ถึงอันตรายของมัน แล้วเราจะแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างไร..มันแก้ไขได้ไม่ยาก "ถ้าเด็กมีภูมิคุ้มกันทางครอบครัวดีพอ+ความรู้เรื่องเซ็กส์ที่พ่อแม่เปิดกว้างที่จะสอนถึงวิธีป้องกัน" เมื่อถึงวัยที่อยากรู้อยากลอง..ก็ควรรับรู้ถึงวีธีการป้องกันอย่างถูกต้อง คนที่จะสอนเด็กได้ง่ายที่สุด คือพ่อแม่ ไม่ใช่เพื่อนในวัยเดียวกัน.. แต่พ่อแม่ในปัจจุบันนี้ รักลูกในแบบที่ชีวิตครอบครัวแทบจะไม่เจอหน้ากันเลย..หาเงินตัวเป็นเกลีบว แล้วบอกว่า ก็เพื่อลูกไง!!!! เห้อ...เราก็มีลูกสาวนะ กลัวจังเลย แต่ยังไงก็จะสร้างภูมิคุ้มกันสำหรับออกไปเจอโลกกว้างและสังคมเสื่อมทรามนี้ให้ดีที่สุด สุดความสามารถ+ความรักของแม่คนนึงล่ะ.. จบเอาดื้อๆเหมือน จขกท.ค่ะ ...เศร้าจริงๆ   จากคุณ : กลับบ้านเถอะที่รัก เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 15:00:38

ความคิดเห็นที่ 22 ส่วนนึงผมว่าเพราะ 1. ความรู้เรื่องการคุมกำเนิดที่ผิด เช่น การนับหน้า 7 หลัง 7 บางคนยังนับหลัง 7 จากวันที่ประจำเดือนหมดอยู่เลย (จริงๆแค่คนที่รอบเดือนไม่สม่ำเสมอก็เสี่ยงที่จะท้องแล้ว) หรือการหลั่งนอกไม่ทำให้ท้อง เป็นต้น 2. ความมักง่ายและไม่มีสำนึกรับผิดชอบของฝ่ายชาย เพียงเพราะการไม่ใส่ถุงรู้สึกดีกว่า บางคนก็ไม่อยากใส่แล้ว (เรื่องจริงจากวงสนทนา) นี่ยังไม่รวมความเสี่ยงที่จะไปติดโรคมาจากคนอื่นอีก 3. คุมกำเนิดแล้ว แต่ดันเป็น 1% ที่มีโอกาสพลาด อันนี้ควรเห็นใจครับ แต่คนที่อยู่ในกรณีนี้คงมีน้อยที่จะมาตั้งกระทู้ว่า "แบบนี้จะท้องไหมครับ" จากคุณ : Laevateinn เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 15:05:53

ความคิดเห็นที่ 23 ตอนเห็นข่าวนี้ครั้งแรกเชื่อมั้ยว่าไม่แปลกใจ... เพราะเรารู้สึกได้ว่า โลกมันก็เป็นแบบนี้ สังคมมันก็เป็นแบบนี้แหละนะ ในเมื่อพวกคุณผู้ใหญ่ทั้งหลายยังทำเป็นมองไม่เห็นและยังคง ยืนยันนั่งยันนอนยันอยู่ว่า เรื่อง sex เป็นเรื่องทราม ไม่สมควรจะเอามาพูด ทั้งๆที่พวกคุณเองก็เคยผ่านการมีเซ็กส์มาแล้วทั้งนั้น สมัยนี้มันต้องตามให้ทันค่ะ ไม่ใช่ว่ามานั่งเปิดหนังสือสอนเป็นเต่าล้านปี เด็กม.ต้นสมัยนี้ก้าวข้ามอายุ13ไปแล้วค่ะ  หยุดเปิดตำราเก่าๆเอามาสอนเด็กสมัยนี้ได้แล้ว สมัยนี้เราต้องมองปัญหาที่เป็นอยู่ ที่เกิดขึ้น แล้วปรับเอาสิ่งที่พวกคุณเรียนกันมายันจบปริญญาเอกนั่นน่ะ เอามาใช้ให้เข้ากับยุคปัจจุบัน สงสารเด็กๆที่กำลังจะเกิดมา แต่เราก็เข้าใจ... ว่าเขาทำเพราะอะไร จากคุณ : know[yamAzaki] เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 17:19:06

ความคิดเห็นที่ 24 สะเทือนใจกับข่าวนี้มากมากค่ะ T^T จากคุณ : BlueDemonZ เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 19:01:19

ความคิดเห็นที่ 25 ใครทราบช่วยบอกที อยากได้เบอร์โทรศัพท์และสถานที่รับปรึกษาและรักษาอากาศเสื่อมสรรถภาพทางเพศครับ ใครทราบช่วยบอกผมทีนะครับ... จากคุณ : NNN (KingCerb) เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 19:03:19

ความคิดเห็นที่ 26 เรา "อ่อนแอ" ในแง่ของการให้ความรู้เด็ก เกี่ยวกับการ "คุมกำเนิด" กันหรือเปล่าครับ หากผู้ใหญ่ยังมีความคิดว่าเซ็กส์เป็นเรื่องปิดกั้น และไม่คิดที่จะให้ความรู้กัน "อย่างจริงจัง" ตั้งแต่ประถม ก็คงจะไม่แปลกเลย ที่จะมีกรณี ตร.ไปจับพวกรับทำแท้งกันให้ได้เห็นบ่อยๆ แล้วเราก็จะมาเถียงกันว่า ควรเปิดให้มีการทำแท้งเสรีกันดีหรือไม่ ??? เรื่องทำแท้งเสรีมันอยู่ที่ว่า.... จริงๆคุณอยู่ตรงจุดไหนของเรื่องนี้ครับ หากเป็นในเชิงของ "สังคม" หากคุณแม่คนหนึ่งโดนข่มขืนและตั้งท้อง หากคุณแม่คนหนึ่งท้องโดยที่ลุกในท้องมีความเสี่ยงที่จะพิการ หากคุณแม่คนหนึ่งท้องและดันป่วยด้วยโรคที่อาจต้องเสียชีวิตในการคลอด คำแนะนำของคุณหมอในการทำแท้ง อาจเป็นคำแนะนำที่ดีที่สุดในสถานการณ์แบบนั้น แต่...... หากเป็นในเชิงของ "ศีลธรรม" มันไม่มีใครที่มีสิทธิ์ไปตัดสิน ว่าชีวิตไหนสมควรจะอยู่ หรือสมควรโดนกำจัด เพราะคนเราต่างมี "กรรม" ที่ติดตัวมาจากชาติปางก่อนกันทุกคน จึงได้มีการปฏิสนธิในครรภ์ของมารดา เพื่อที่จะได้ลืมตามาดูโลกและชดใช้กรรมกันไป มิพักต้องพูดถึงในเชิงของ "กายภาพ" ที่การทำแท้งนั้นมีความเสี่ยงต่อรางกายของมารดาสูงขนาดไหน ไม่ว่าจะเป็นการทำแท้งกับหมอเถื่อน หรือหมอไม่เถื่อนก็ตามเถอะ.. และยังไม่นับ "มิติ" ของความเป็นเมืองพุทธของเรา ที่ "การฆ่า" เป็นหนึ่งในข้อห้ามของศีลห้า อันเป็นศีลพื้นฐานของเรา มันอยู่ที่ว่า คุณอยู่ตรงจุดไหนของเรื่องนี้จริงๆครับ แต่หากมองไปที่ "เหตุ" ของปัญหา แค่เฉพาะในเรื่องของการท้องของวัยรุ่นแล้วมาทำแท้ง การเปิดใจให้กว้าง และให้ความรู้กันแบบจริงจัง น่าจะเป็นการแก้กันที่ "ต้นเหตุ" มากกว่าการไล่ตามจับลงหน้า 1 ครับ จากคุณ : ตุ้ม แม็คคาร์ทนี่ย์ (Toom McCartney) เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 19:31:00

ความคิดเห็นที่ 27 ผมเข้าใจ คนเรามีเหตุผลร้อยแปดในการที่จะทำอะไรซักอย่าง สำหรับผมมันก็คือความผิดอยู่ดี คนเราก็แค่พยายามที่จะหาข้ออ้างที่สวยหรู เพื่อมาลบความผิดที่ได้กระทำลงไป แต่สุดท้ายมันก็เป็นเรื่องของแต่ละบุคคลที่จะกระทำ จากคุณ : โดน-บัง-จิง-ดิ เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 19:41:35

ความคิดเห็นที่ 28 แค่มีความรับผิดชอบก็พอแล้ว จากคุณ : ชมชูภูละ เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 20:41:10

ความคิดเห็นที่ 29 ๑. นโยบายที่ว่าจะลดการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร มันก็ดีอยู่ แต่ถ้ามันต้านไม่ไหวจริงๆก็ยอมรับเถอะ แล้วสนับสนุนการใช้ถุงยางแทนดีกว่า เพราะสื่อทั้งไทยและต่างชาติมันเข้าถึงได้ง่ายมาก ถึงเราจะควบคุมสื่อเรา แต่ควบคุมของต่างชาติไม่ได้ ยิ่งปิด เด็กก็ยิ่งอย่างรู้อยากลอง ๒.พอเด็กท้อง ก็โดนไล่ออก ถามตรงๆ มีใครอยากท้องในวัยเรียนมั้ย แล้วพอโดนไล่ออกก็จะไม่มีการศึกษา ทำมาหาเพียงตัวเองและลูกไม่ได้อีก  โรงเรียนโยนภาระให้พ้นตัว แต่สร้างปัญหาให้สังคมแทน   ๓.ระบบรับอุปการะเด็กน่าจะเอามาใช้ได้แล้ว เด็กที่เกิดออกจะได้มีคนดูแล ไม่โดนทิ้งขว้างไม่โดนทำแท้ง แม่เด็กที่ยังไม่พร้อมจะได้ไม่ลำบากด้วย จากคุณ : fm@co เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 01:06:42

ความคิดเห็นที่ 30 คนอยากมีอย่างเรา พยายามไปก็เหมือนจะไม่เห็นผล คิดแล้วก็เสียดายว่าทำไมเด็กๆ เหล่านั้นไ่ม่มาเกิดในท้องคนที่อยากจะมี จากคุณ : Living Extreme เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 01:17:26

ความคิดเห็นที่ 31 วันใดที่คนไทยส่วนใหญ่เลิก ดัดจริต มองว่าการมี sex ของคนหนุ่มสาวเป็นเรื่องปกติ แล้วมาเน้นที่การคุมกำเนิดแทน อัตราการทำแท้งคงลดลง ทุกวันนี้เด็กไทยบางคน ความรู้เรื่อง sex เท่ากับ 0 คุยแล้วปิดหน้า อาย เขิน หน้าแดง แต่พอต้านฮอร์โมนไม่ได้ ก็มาตั้งกระทู้ถาม " แบบนี้จะท้องมั้ยคะ ? " ( คนเราฝืนกิเลสไม่ได้ทุกคนนะ ? ใครทำได้ก็ดีไป แล้วคนไม่ได้ละ รับกรรมไปงั้นหรอ ? ) ส่วนตัวคิดว่าอีก 20 ปีก็แก้ปัญหานี้ไม่ได้อ่ะ จากคุณ : :: VamleS :: เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 03:11:32

ความคิดเห็นที่ 32 พ่อเคยเล่าให้ฟังว่า เพราะไอ้หน้า 7 หลัง 7 นี่แหละที่บันดาลให้มีมารหัวขนตัวนี้เกิดขึ้นมา ตอนนั้นพ่ออายุแค่ 19 ปี เรียนอยู่และมีภรรยา(แม่เรา)ส่งเสียให้เรียน ในเมื่อเกิดมาแล้วก็ต้องรับผิดชอบ แต่สปิริตแม่แรงกว่าที่ไม่ยอมให้ทำแท้ง ตอนนั้นก็พ่อก็มีใจกล้าๆกลัวๆที่จะให้ทำ  สุดท้ายก็เลยปล่อยให้เกิดมาอย่างนี้ จากคุณ : เด็กหน้า 7 หลัง 7 (ซาตาน&มารน้อย) เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 07:17:53

ความคิดเห็นที่ 33 สะท้อนปัญหา สังคมอย่างแรงเลยนะ  "ครอบครัว"  คือคำตอบแรกเลย V V ล้อมรั้ว  ด้วยไอรัก   อภัย  และเปิดใจ  กับวัยของลูก อย่า  อย่า  อย่า   อย่าพูดกับเค้าว่า  "อย่า" ซะเลย ลองนิ่งเงียบ  ค่อยๆ ถาม  และเป็นผู้ฟังที่ดี  จะได้เห็นความคิดของ "ลูก" ซึ่งกำลังเปลี่ยนวัย  จากวันหนึ่ง   น่ารัก  ช่างเจรจา  กอดพ่อ กอดแม่ วันนี้ เค้าเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง  เราในฐานะพ่อแม่ อย่าตกใจ ต้องรับมือให้มากกว่าที่ ลูกน้อย ของเราต้องเผชิญ แนะนำเค้าได้ก็นิดๆ หน่อยๆ เท่านั้นละ  ค่อยๆ ประคองกันไป    เหนื่อยเชียวละ..  แต่สำคัญมาก จากคุณ : ผ่านวันวาน..ทั้งสองหน้าที่ (พี่ฟ้าค่ะ) เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 08:51:33

ความคิดเห็นที่ 34 ทำไมจำนวนตัวเลขมันเยอะจัง เค้าเก็บรวบรวมไว้เป็นเวลานานเท่าไหร่หนอ? - -" หลายคนอาจจะคิดว่า คนที่ทำแท้งเป็นเด็กสาวเสียส่วนมาก แต่ข้าพเจ้ามองว่า บางทีอาจจะไม่ใช่เด็กสาว วัยรุ่นก็ได้นะคะ ผู้ใหญ่/ผู้หญิงหลายคนแม้แต่อายุ30up ก็ไม่พร้อมที่จะมีลูกเช่นกัน และเด็ก/วัยรุ่นหลายคน ก็อาจจะมีความรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำมากกว่าด้วยซ้ำ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือจิตสำนึก ความรับผิดชอบต่อตัวเองและสังคม ... จากคุณ : Spirited A's way เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 08:56:04

ความคิดเห็นที่ 35 เมรุพังไป แค่ เดือนกว่าๆ ยังมีศพทารกมากมายกว่า 2002 ศพ แล้วก่อนหน้านี่ล่ะ ปัญหานี้สะท้อนอะไร ยกตัวอย่าง 1. สังคมไทยจริยธรรมตกต่ำ 2.สถาบันครอบครัวอ่อนแอ 3.ค่านิยมของวัยรุ่นไทย เกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ 4.ส่วนใหญ่สอบตกวิชาเพศศึกษา ไม่รู้จักการป้องกัน 5.กฏหมายชราภาพ มีสถานที่รับทำแท้งเถื่อนมากมาย การแก้ไข... ทุกๆฝ่ายควรร่วมมือแก้ไขอย่างเป็นระบบ จริงจังในการแก้ปัญหา อย่าปล่อยเป็นไฟไหม้ฟาง หรือ เป็นแค่ ขยะซุกใต้พรม เช่น 1.สอนเพศศึกษาในโรงเรียนแบบจริงจัง 2.เพิ่มวิชาศีลธรรมและหน้าที่พลเมือง เพื่อปลูกฝังแนวทางในการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง 3.ส่งเสริมสถาบันครอบครัว คอยดูแลใส่ใจลูกหลานให้มากยิ่งขึ้น 4.นำกฎหมายมาใช้ เพื่อป้องปราม และปราบปราบ รวมทั้งเพิ่มโทษให้มากขึ้น 5.รัฐบาลควรนำปัญหานี้ไปแก้ไขจริงจัง ซักที อย่าปากว่าตาขยิบ จากคุณ : Ascobic acid เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 09:18:57

ความคิดเห็นที่ 36 เรื่องนี้ มันไม่ง่าย แล้วก็ไม่มีใครที่ต้องรับผิดชอบเพียงฝ่ายเดียว .. ทุกคนในสังคมต้องร่วมกันรับผิดชอบ .. เริ่มตั้งแต่ ผู้บริหารประเทศ เช่น รัฐบาล ทุกสมัยที่ผ่านมา ... การศึกษา เช่น กระทรวงศึกษาธิการ โรงเรียน ครู ... การปกครอง เช่น ตำรวจ อัยการ ศาล ... ระบบบริการสาธารณสุข ... สื่อมวลชน ครอบครัว ผู้หญิง ผู้ชาย ฯลฯ การก่นด่า ผู้หญิง ที่มาทำแท้ง โดยเหมารวมทั้งหมด ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น ... เพราะ การทำแท้ง ต้องมีทั้ง ผู้ที่ลงมือทำ ผู้ชาย และ ผู้หญิง ประกอบกัน     ผู้หญิง ที่ต้องทำเพราะความจำเป็น ทั้ง ๆ ที่ใจไม่อยาก ทำไปด้วยความรู้สึกผิด ก็มี     ผู้หญิง ที่ ทำไป ด้วยความตั้งใจ ความสะเพร่า ของตนเอง ก็มี  ( ซึ่งแบบนี สมควรประณาม ) ถ้าจะประณาม ก็อย่าลืม ประณาม " ไอ้ผู้ชาย ที่ร่วมกระทำ และ ผู้ที่ลงมือทำ "  ด้วยนะครับ ... แถม .. ทำแท้ง ..... ปัญหาที่ยังไร้ทางออก .... http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=18-01-2009&group=4&gblog=67 อันตรายจากการทำแท้งไม่ปลอดภัย .. โดย ประธานราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=24-02-2009&group=4&gblog=73 ข้อเท็จจริงเรื่องการทำแท้งในประเทศไทย ..... ... โดย นพ. สุกิจ ทัศนสุนทรวงศ์ http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=cmu2807&month=11-01-2010&group=4&gblog=80 จากคุณ : หมอหมู เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 09:57:55

ความคิดเห็นที่ 37 แบบว่า ผิดไม๊ไม่รู้เเต่เราเฉยๆ  กลับมองมุมใกล้ๆตัวที่เดินข้างๆถนนก็จะเห็น   มีเเต่เด็กนรก  วัยรุ่นนรก ขาดคนมีวุฒิภาวะอบรมสั่งสอน  ถ้าให้ลูกมาก็ไม่เเคล้ว ตกอับทางปัญญาเหมือนตัวเอง  ...โตมาได้เเค่เพราะมีอาหารกินไปวันๆ คุณภาพชีวิตตัวเองเเย่ ภาพรวมประเทศชาติก็เเย่ไปด้วย ...  ตราบเท่าที่คนกลุ่มนี้ยังเกลื่อนบ้านเมือง มันอาจเหมือนปัญหาหมาจรจัด ฆ่าทิ้งซะก็ผิดศีลธรรม ... ไม่รู้ดิ กลายเป็นปัญหาโลกเเตกน๊อ บางทีก็อยากให้เหมือนจีน  ท้องจำกัดจำนวน  (หมายถึงทำแท้งถูกกฏหมายรึเปล่า??) ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของผู้ผลิต ฐานะ ชนชั้นทางสังคมมามีส่วน  ..คิดง่ายไปรึเป่าหนอ ????ก็ไม่รู้อีกเช่นกัน  ปัญหาโลกระเบิด แก้ไม่ได้  อย่างนั้นหรือ??? ส่วนตัว คิดว่ายังเป็นชนชั้นที่ไม่พร้อมอุปการระ ชีวิตน้อยๆ ภาระเยอะมากๆต่อการมีสัก 1 หน่วย รัฐเองก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกว่า มาช่วยเหลืออะไรชนชั้นเราได้เลย +55 มาตรฐานของรัฐมันไม่พอหรับเรา  รัฐให้ได้ขั้นต่ำมากๆๆๆๆๆ..เห้อ ! ลำเค็ญ จากคุณ : เจ๊ใหญ่ลานนา เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 11:20:19

ความคิดเห็นที่ 38 วัยรุ่นที่มีเพศสัมพันธ์กัน พวกนี้รู้แต่วิธีทำลูก แต่ไม่รู้วิธีป้องกันไม่ให้ท้องน่ะ บางคนก็ยังไม่มีเงินไปซื้อถุงยางด้วยซ้ำ ถึงต้องมาคอยถามในพันทิปไง ความรู้ด้านเพศศึกษาน้อยมาก รู้ไม่แจ่มแจ้ง รู้แบบผิดๆ คิดถึงแต่ความสนุกในเวลานี้ เรื่องที่ยังมาไม่ถึง(ท้อง)ก็ยังไม่นึกถึง พอท้องก็ค่อยมาแก้ปัญหา ซึ่งก็คือการทำแท้ง ถ้าจะมี กม.ทำแท้งเป็นเรื่องถูก กม.ไปเลย ต้องทำอย่างนี้ ถ้าอายุยังไม่ถึง 25 ต้องมีหนังสือลายเซ็นของผู้ปกครองให้ยินยอมเห็นชอบให้ลูกตัวเองทำแท้ง ไม่งั้นห้ามทำ จากคุณ : tormay เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 12:57:36

ความคิดเห็นที่ 39 คงต้องเข้าใจว่าสังคมมันเปลี่ยนไป ไม่เหมือนสมัยก่อนแล้ว ยาก! ที่จะมานั่งสั่งสอนให้รักนวลสงวนตัว แต่ก็ไม่ได้ว่าการบอกให้รักนวลสงวนตัวเป็นสิ่งไม่จำเป็นสำหรับวัยรุน่สมัยนี้ ในเมื่อมีทางป้องกันมากมายเราก็ต้องให้ความรู้ในทุกๆด้าน การป้องกัน การวางตัวต่อเพื่อนชาย ที่สำคัญการทำแท้งมันเป็นสิ่งที่บาป เชื่อว่าผู้ ญ ทุกคนหาทำแท้งไปต้องรู้สึกผิดในใจตลอดเวลา ถ้าระบบการให้ความรู้เรื่องเพศศึกษาในชั้นเรียน ก็คงต้องสอนกันในครอบครัวแล้ว จากคุณ : KK (Kinny_jung) เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 15:53:00

ความคิดเห็นที่ 40 เราว่าความรู้เรื่องเพศสัมพันธ์ไม่น้อยหรอกค่ะ เค้าไม่สนใจกันเอง ทั้งหนังสือ ทั้งเนต ในโรงเรียนสอน รายการโทรทัศน์บางรายการก็มี แต่ส่วนใหญ่พวกนี้ เชื่อคำบอกเล่า แบบปากต่อปาก ความเชื่อผิดๆที่เล่าๆกัน ในกลุ่มเพื่อน แล้วมักจะเลือกเสพในสิ่งที่พวกเค้าอยากรู้เท่านั้น พอพลาดมาก็โทษนั่นโทษนี่ เคยดูรายการเมื่อหลายปีมาแล้วทาง Itv มั้งเรื่องทำแท้งนี่แหละ นักศึกษาคู่นึง ทำแท้งมา 3 ครั้ง แล้วเอาลูกทั้ง3ไปฝังไว้ในวัด เข้าไปนั่งไหว้กันขอโทษลูกกัน สัมภาษณ์ฝ่ายหญิง ได้ความว่า หลังจากทำแท้งครั้งที่ 2 ยังไม่ทันเดือนก็ท้อง คนที่สามแล้ว ก็ไปทำแท้งอีก อย่างนี้เรียกว่าอะไรคะ ประสบการณ์มีแล้วก็ยังทำอีก อย่างแรกเลย ปลูกฝังค่านิยม ไม่กลัวท้อง ก็กลัวเอดส์เถอะ โฆษณาให้แรงๆหน่อย เราคงคุมเรื่องsex เสรีของเด็กสมัยนี้ไม่ไหวแน่ อยากให้มีโฆษณาแรงๆ เอาแบบดูแล้วอึ้ง ขนลุกกันไป จะได้กลัว จากคุณ : ข้าวยำหมูตุ๋น เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 16:01:08

ความคิดเห็นที่ 41 เสนอร่าง พรบ.กองทุนชดเชยผู้เสียหายจากการท้อง ดีไหมครับ ใครท้องแล้ว ไม่มีเงินเลี้ยง สามารถเรียกร้องจากกองทุนได้จนเด็กอายุ 18 ปี จากคุณ : กินลม ชมทะเล เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 53 20:22:23

ความคิดเห็นที่ 42 เอาประสบการณ์มาเล่าให้ฟังนะครับ จากที่ผมไปทำค่ายที่ดอยที่ภาคเหนือมา ไม่ขอระบุกันที่ไหน ก็นอนกางเต้นค้างที่ รร หนึ่งมา ก็ได้ไปคลุกคลีกับเด็กๆบนนั้น มีวันหนึ่งผมก็ไปนั่งแบบข้างๆกองไฟ กับเด็กๆตัวเล็กๆประมานป4-5 เป็นเด็กผู้ญหมดตอนที่นั่งด้วยประมาน3คน ซึ่งเด็กๆ บนนั้นก็จะเรียกผมว่าพ่อไรประมานนั้น ก็คุยๆเล่น จนเข้าประเด็นนึง เด็กๆมันก็ถามผมมีแฟนยัง ผมก้บอกไปเนี่ยมีแล้ว ซึ่งแฟนผมก็ไปค่ายด้วยกัน จากนั้นผมก็ถามกลับไปอ่าวแล้วน้องๆ มีแฟนกันมั่งยัง เด็กมันก็ตอบมามีแล้วแล้วมีกันทุกคน  ผมก็คิดในใจเฮ่ยตัวแค่นี้เนี่ยนะ แล้วผมก็ต้องสะดุงอีกที กับคำถามนึง แล้วพ่อเอา....กับ..ยัง ผมก็นึกในใจเฮ่ยยยยย แบบอึ้งไปซักพัก ดีนะแฟนไม่ได้มานั่งด้วย แล้วผมก็ถามกลับไปนี่รู้มาจากไหน เด็กมานก็เงียบไม่ตอบ ผมก็กลับมานั่งคิด มันเกิดจากอะไร ผมก็มารู้ทีหลังว่าสังคมเค้าเป็นแบบนั้น เกิดจากสังคมที่ผู้ชายกดขี่ผู้หญิง ผู้ชายที่นั้นก็กินแต่เหล้าผู้ญทำงาน ชอบตีลูก เด็กๆก็ต้องไปอยู่กับยายบ้าง และยังไม่ได้รับการศึกษาที่ดี แต่สื่อที่นั้นถึงแล้วมีทีวีใช้ ใช้เครื่องปั่นไฟกับแผงโซล่าเซลล์ มาเห็นข่าวทำแท้งก็สลดใจหนัก เฮ้อ ประเทศไทยอยากจะเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ลืมบอกค่ายที่ไปสร้างเป็นศูนย์สถานีอนามัยของชุมชน แก้ไขเมื่อ 24 พ.ย. 53 02:57:25 แก้ไขเมื่อ 24 พ.ย. 53 02:56:37 จากคุณ : lycanthope เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 02:52:45

ความคิดเห็นที่ 43 ในมุมมองเด็กสังคมวิทยาอย่างเรานะคะ  เรามองว่าสถาบันทางสังคมหลายสถาบันเป็นตัวบีบบังคับให้เด็กต้องทำแท้งมากขึ้น  ถ้าท้องในวัยเรียน  แน่นอน ว่าโรงเรียนไม่เอาไว้ให้เสียชื่อเสียงสถาบันหรอกค่ะ  ออกเท่านั้น  พ่อแม่ส่วนใหญ่ ไหนเลยจะรับได้ที่ลูกสาวไปทำงามหน้าป่องกลางคัน  น้อยนะคะที่พ่อแม่จะ ยอมรับได้ด้วยความเต็มใจ  ที่เห็น ๆ ก็จำใจกันทั้งนั้น  บางครอบครัวก็สนับสนุน ให้ลูกไปทำแท้ง  รอวันจับลูกสาวใส่ตะกร้าล้างน้ำด้วยซ้ำไปค่ะ อีกประเด็นนึงคือ  ปัจจุบันนี้พ่อแม่ห่างไกลลูกกว่าสมัยก่อนเยอะ  คนที่ให้ คำปรึกษาที่ดีที่สุดเวลาลูกมีปัญหาคือเพื่อน  แล้วก็อินเตอร์เน็ต  มีปัญหาอะไร น้อยรายที่ลูกจะกล้าเปิดใจเปิดปากปรึกษาพ่อแม่  ประกอบกับความหน้าบาง แคร์สังคม  ลูกจะต้องแบกหน้าพ่อหน้าแม่ไว้ด้วย  เวลาพลาดอะไรขึ้นมาลูกก็ เลือกที่จะแก้ปัญหาเองดีกว่าให้พ่อแม่รู้ สำหรับในเรื่องเพศเอง  สังคมไทยเป็นเหมือนสังคมมือถือสากปากถือศีล ทำเหมือนขยะแขยง  พูดไม่ได้กระดากปาก  แต่จริง ๆ แล้วชอบเสพเรื่องเซ็กส์ กันเป็นชีวิตจิตใจ  กรรมก็ตกมาที่ลูกหลาน  จะปรึกษาเรื่องเพศกับผู้ใหญ่ก็ไม่ได้ จะทำอะไรก็ต้องหลบต้องซ่อน  ผู้ใหญ่ก็กระดากปากสอนไม่ถูก  เลยใช้วิธีด่า วิธีห้าม  ทำให้มันเป็นเรื่องบาปหยาบช้าไปซะ  ถ้าสอนให้มันป้องกันเป็นซะตั้ง แต่เนิ่น ๆ ไอ้คำถามที่ว่า  "หนูจะท้องมั้ยคะ"  "แฟนผมจะท้องมั้ยครับ"  คงเกิด ได้น้อยมาก  ถ้าไม่กลัวโรค  ถุงไม่อยากใส่  ไม่อยากกินยาคุมแบบเม็ด ๆ ให้มัน ปวดหัว  ก็ฝังยาคุมมันซะเลยก็ได้  วิธีคุมกำเนิดมีตั้งหลายวิธี  ถ้าไม่มัวกระมิด กระเมี้ยน  สอนแบบเสียไม่ได้กันแบบทุกวันนี้  ปัญหาสังคมก็คงลดไปได้อีก หลายประเด็นเลยค่ะ จากคุณ : ดิจิคาเมะเกิร์ล เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 10:16:56

ความคิดเห็นที่ 44 จิ้มไปที่คุณกินลม ดีครับคุณหมอครับ นี่สิครับ ถึงจะเป็นวิสัยทัศน์ทีผ่านการคิดวิเคราะห์มาอย่างดีแล้ว แสดงออกถึงวุฒิภาวะอย่างผู้มีการศึกษา มีความรับผิดชอบต่อสังคมเยี่ยงผู้มีวิชาชีพ ปลื้มจริงๆ ครับคุณหมอ ผมจะพยายามไม่ป่วยนะครับ ขอสัญญาเลยล่ะครับ จากคุณ : ลูกหมีเขี้ยวยาวเขาโง้ง เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 16:16:03

ความคิดเห็นที่ 45 สังคมมันแย่ ส่วนหนึ่งเกิดจากสื่อ ลามกด้วยค่ะ มองไปทางไหนก็เห็น เห็นแล้วก็อยากลอง อยากรู้ว่าจริงมั้ย ถามว่าแต่ก่อนเคยมีมั้ย  ที่จะมีทู้  หรือคุยกันแบบ ชอบท่าไหนค๊ะ ใหญ่ค่ะ เล็กค่ะ แข็งครับ ไม่แข็งครับ แตก ไม่แตก อึด ทน ฯลฯ สมัยก่อน แค่ซื้อผ้าอนามัย แค่เนี๊ย ห่อกระดาษแล้ว ห่ออีก ไม่รู้กี่ชั้นกว่าจะถึงบ้านได้ รีบเดินอ้าวๆๆ  กลัวคนรุ้ว่าเป็นรอบเดือน  เด่วนี้ อะไรก็ไม่รู้ เฮ้อ!! จากคุณ : สาวน้อยเหล็กดัดฟัน เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 53 20:11:37

ความคิดเห็นที่ 46 หึหึ คห. 1 คะ คำถามพวกนี้ ใน เว็ปบอร์ดพันทิป ยังธรรมดาไปค่ะ เพราะคนเล่นส่วนใหญ่ บรรลุนิติภาวะแล้ว อลงเข้า www.dek-d.com ยังคะ คำถามพวกนี้ ถามพอๆ กันเลยค่ะ จากคุณ : Margaret เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 53 18:45:51

ความคิดเห็นที่ 47 วิชาเพศศึกษาไม่ได้ช่วยอะไรเลย ในเมื่อเด็กเริ่มเรียนหนังสือกันน้อยลง ในขณะที่เริ่มท้องตั้งแต่เด็กกันมากขึ้น จากคุณ : นางมารหน้าหยก เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 53 19:29:37

ความคิดเห็นที่ 48 เห็นข่าวนี้แล้วเศร้าและก็กลัวสังคมไทย ห่วงลูกสาวตัวน้อยว่าจะต้องสั่งสอนเค้ายังไงต่อไปในสังคมปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงเร็ว ทีครอบครัวเราอยากมีลูกแทบเป็นแทบตาย ทำสารพัดวิธี เสียเงินเสียทองมากมายก่ายกอง ได้มาแค่คนเดียว แถมยังไม่รู้จะมีอีกคนเมื่อไหร่หรือจะต้องเสียเงินอีกรอบ ฮือๆ ทำไมนะ ทำไม ไม่ยุติธรรมเลย คนอยากมีไม่มี คนไม่อยากมีมีได้มีเอา เรามีลูกสาวดังนั้นเราจะสอนและดูแลเค้าอย่างดีที่สุด และหากเกิดพลาดพลั้งจริงๆ เราก็จะยอมรับว่าเราอบรมเค้าไม่เพียงพอ จากคุณ : หมูคิม เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 53 10:14:53

ความคิดเห็นที่ 49 สะท้อนให้เห็น 1.ความอ่อนแอของระบบการศึกษา สอนเด็กในตำราแต่ว่า นำมาใช้ไม่เป็น 2.ความเจริญของวัตถุ สื่อ เทคโนโลยี่เติบโตรวดเร็ว สวนทางกับจริยธรรมที่ต่ำลง 3.ความย่อหย่อนของการควบคุมการใช้การใช้กฏหมายและการคอรัปชั่น ซึ่งทำให้มีสถานบริการแอบแฝงพวกนี้อยู่เกลื่อนเมือง (ใช่ว่าผู้รักษากฎหมายจะไม่รู้ไม่เห็น) สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ สะท้อนให้เห็นว่า สังคมไม่ตระหนักถึงปัญหาทั้ง 3ข้อข้างบนอย่างจริงจัง ที่เลวร้ายที่สุด คือการที่คนตั้งครรภ์มีทัศนคติที่ว่า การทำแท้ง เป็นเรื่องปกติ คนอื่นๆเขาก็ทำกัน....ที่ทำก็มีเยอะเยอะ ไม่มีเงินยังผ่อนเป็นงวดได้ การที่ทุกอย่างมันง่าย มันยิ่งส่งเสริมให้ผู้หญิงไม่ระวังในการมีเพศสัมพันธ์ มีจำนวนมากที่ทำแท้งซ้ำเป็นครั้งที่สอง ที่สาม เพราะ เห็นว่า มันง่าย และมีความเชี่ยวชาญแล้ว ดิฉันเคยทำงานร้านขายยา ขายแผ่นทดสอบทุกวัน ไม่ถึง 5%ที่ตรวจว่าท้องแล้ว จะบอกว่า พร้อมมีลูก แทบทุกรายจะบอกว่า "ไม่พร้อม" และ ถามหายากินเพื่อขับ และไม่ใช่เฉพาะกลุ่มวัยรุ่นนะคะ ทั้งกลุ่มสาวโรงงาน กลุ่มแรงงาน หรือบางคนก็มีลูกอยู่แล้ว ไม่พร้อมจะมีอีก ที่แปลกคือ ทำไมไม่ป้องกัน หรือ ไม่หาวิธีป้องกันเสียก่อนทั้งๆที่เป็นวิธีง่ายกว่า และคนที่เจตนาจะทำแท้ง ก็คือคนที่ตั้งครรภ์เอง ไม่มีใครมาปรึษาว่า ตัวเองไม่ทำแต่ถูกแฟน หรือพ่อแม่ บังคับให้ทำ นั่นก็แสดงให้เห็นว่า ตัวผู้หญิงเองรู้ตัวอยู่แล้วว่าไม่พร้อมแต่ต้น แต่ไม่ได้ตระหนักที่จะป้องกันตัวเองเมื่ออยู่กับแฟน   บางทีถามว่า   ทำไมไม่ป้องกัน เขาก็ตอบหน้าตาเฉยว่า ไม่ได้กินยาคุม ไม่มีเหตุผล อ้าวแล้วอย่างงี้ แสดงว่าไม่กลัวท้องละสิ ยาคุมชนิดฉุกเฉินก็มี แต่ไม่ซื้อหากิน รอให้เมนส์ขาดค่อยมาทำหน้าเครียด โอดครวญ ร้อยพันเหตุผล บางรายที่กลัวท้องจริงๆ เป็นคนต่างด้าว ไม่มีความรู้ สื่อสารลำบาก ยังพยายามที่จะศึกษาวิธีป้องกัน มากกว่า พวกที่มีการศึกษาอีก อย่างนี้ ต้องเริ่มแก้ที่ทัศนคติ แก้ที่สำนึกของคน เป็นอันดับหนึ่ง จากคุณ : เอื้องราตรี เขียนเมื่อ : วันสาธารณสุขแห่งชาติ 53 20:26:04

ความคิดเห็นที่ 50 ทำไม ผู้ชาย ไม่ชอบใส่ถุง.. ทำไม เด็กสมัยนี้แบบว่า กว่าเราจะมีแฟน ก็ 25 แล้ว.. ทำไม เด็กผู้ชาย ไม่รู้จักวิธีป้องกัน ไม่รู้จักยาคุมฉุกเฉิน ไม่รู้ผลกระทบของมัน ทำไม เด็กผู้หญิง ยอมมี sex ตั้งแต่ ม.ต้น ตามไม่ทัน เพราะตอนเรียน เรียน ญ ล้วน จนจบ ม.6 จะมีก็แต่ ทอม ดี้ ในโรงเรียน พอมามีเพื่อนใหม่ ย้ายมาจาก สห ก็เจอเลย ทำแท้งตั้งแต่ ม.5 ก็เลยกลัวไม่คบผู้ชาย จน 25 ตอนนี้อยากมีลูกมั้ง.. เฮ้อ.. เด็กๆ เค้าติดลูกง่ายกันจัง จากคุณ : Antbadtz เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 53 00:20:14

ความคิดเห็นที่ 51 ตอนนี้เรา 24 สมัยเรา 15-17 ก็ไม่เคยมีข่าวทำแท้งมากมายเหมือนสมัยนี้นะ หรือเขาเลี้ยงกันหมด ไม่มีใครทำแท้ง จากคุณ : nong_ao เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 53 17:35:07

ความคิดเห็นที่ 52 ให้สังคมไทยเลิก ปากว่าตาขยิบ ซักที ทำเหมือนเด็กไม่รู้ว่าเพศสัมพันธ์เป็นอย่างไร โถ่ เด็กมันอยากรู้มันก็หาวิธีจนรู้ได้แหละ สื่อแรงจะตาย ทีนี้ก็เลิกทำเป็นว่าเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องน่ารังเกียจ แต่ก็อย่าให้มันประเจิดประเจ้อเกินไปนัก แค่นั้นเอง ผู้ใหญ่นี่นะ บอกเด็กไม่ให้ทำอย่างนู้นอย่างนี้ บอกเด็กว่าอย่าทะเลาะกัน รักกันๆไว้ แหม~~~~~~~~~~ ตัวเองนี่แทบจะเอารองเท้าเขวี้ยงใส่กันออกสื่อ ตลก! เลิกเถอะ... แล้ว"แก้"ที่ผู้ใหญ่ก่อนดีมั๊ย? ให้เลิกซึนเดเระซักที จากคุณ : Sweet Georgia Brown เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 53 00:21:21

ความคิดเห็นที่ 53 เรามีความเห็นว่าเรื่องการมีเพศสัมพันธุ์ในเด็กมันห้ามกันไม่ได้ค่ะ ประเทศไทยน่าจะเปิดใจยอมรับกับการไปซื้อถุงยางอนามัยหรือซื้อยาคุม ให้เป็นเรื่องปกติมากกว่าจะมานั่งถกกันเรื่องการทำแท้ง อย่งกรณี 2002 ศพนี้ เราว่าจริงๆประเทศไทยมีการทำแท้งเถื่อนแบบนี้อยู่เยอะแล้ว และก็มีมานานแล้วด้วย แต่ที่มานั่งถกกันตอนนี้เพราะ มันเป็นข่าวขึ้นมาและเป็นข่าวใหญ่ ก็เลยต้องมีหน่วยงานโน้นหน่วยงานนี้ประชุมถกเถียงกันว่าจะแก้ปัญหาอย่างไรดี ... แล้วข่าวก็จะเงียบไปเหมือนเดิมค่ะ จากคุณ : pangkapong เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 53 15:23:40