Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
...ฝากไว้เป็นอุทธาหรณ์สำหรับคนที่คิดจะกินยาฆ่าตัวตาย... ติดต่อทีมงาน

...ก่อนถึงคืนวันลอยกระทงหนึ่งคืน...ในคืนวันเสาร์ที่ 20 พ.ย. 53...
มันเป็นคืนที่ยาวนานที่สุดในชีวิต...และก็เกือบจะเป็นคืนที่สั้นที่สุดในชีวิตเราเหมือนกัน...

ไม่ขอเล่ายืดเยื้อนะคะ...เพราะเรายังมีอาการค้างอยู่...ขอเล่าแบบรวบรัดก็แล้วกันค่ะ...
เรามีแฟนเป็นผู้หญิงค่ะ...คบกันมาสองปีกว่าแล้ว...
เมื่อสองปีที่แล้ว...เราเพิ่งกลับจากอเมริกาหลังจากไปเรียนต่อ(เฉพาะทาง)มาเป็นเวลา 3 ปีเต็ม...
เป็น 3 ปีที่เราไม่ได้กลับมาเมืองไทยเลย...อยู่ที่อเมริกาตลอด...
จนแม่เราทนไม่ไหว...ด้วยความคิดถึงปนอยากเที่ยว...
แม่เราเลยบินไปหาเราอยู่ครั้งนึงในปีสุดท้ายของการเรียน...
แม่มาหาในช่วงที่เราไม่สบายเพราะเป็นภูมิแพ้อย่างหนัก...
มาอยู่ด้วยเกือบ 2 อาทิตย์แล้วก็กลับ...
ในขณะที่เรายังต้องอยู่ต่อด้วยภาระทางการศึกษา ซึ่งอีกไม่กี่เดือนก็จะกลับเมืองไทยได้แล้ว...

ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายก่อนกลับ...
เรามีเพื่อนผู้หญิงคนนึงบินมาหา...เป็นเพื่อนที่เคยไปเป็นอาสาสมัครสึนามิด้วยกัน...
เพื่อนมาเพื่อเรียนภาษาคอร์สสั้นๆ...โดยมาอยู่กับเราที่อพาร์ทเมนต์ที่เราเช่าเอาไว้...

ความที่รู้จักกันมานานและเราก็เป็นคนที่เชื่อว่า...ความรักไม่เลือกเพศ...ไม่เลือกเชื้อชาติและศาสนา...

จากที่เป็นเพื่อนกันก็พัฒนามาเป็นแฟนในเดือนที่สองที่มาอยู่ด้วยกัน...
จนครบกำหนดเวลา...เราสองคนก็กลับมาเมืองไทยด้วยกัน...

ตอนที่กลับมาใหม่ๆ...เราพูดกับแม่ตรงๆว่า...เรามีแฟนแล้ว...และแฟนเป็นผู้หญิง...
เราอายุขึ้นเลข 3 แล้วค่ะ...ไม่ใช่เด็กๆที่ไม่คิดก่อนพูดอะไร...

แต่เราไม่รู้เลยว่า...แม่จะมีปฏิกริยาต่อต้านที่รุนแรงมาก...
แม่เราแทบรับไม่ได้เลย...พอเห็นหน้าเราในบ้าน ก็ด่า ก็พูดทุกครั้ง...
แม่เราก็เหมือนแม่คนอื่นๆ...ที่อยากให้เราแต่งงาน มีลูก มีครอบครัวที่ปกติเหมือนคนอื่น...
เพียงแต่เราที่คิดต่างออกไปก็เท่านั้น...
ของแบบนี้ มันบังคับกันไม่ได้เลยจริงๆ...และแม่ก็ไม่เคยจะเข้าใจเราเลย...

เรารู้ว่าแม่รักและเป็นห่วงเรา...เราเพียงหวังให้แม่เข้าใจเราบ้าง...
แต่ตอนนั้น...เราเองก็อาจจะคิดแค่ว่า...แม่ไม่เข้าใจ...แม่รังเกียจสิ่งที่เราเป็น...

หลังจากทะเลาะกันนานหลายเดือน...เราทนไม่ไหว...เราเลยย้ายออกไปอยู่บ้านแฟน...
และจากที่เคยทำงานช่วยที่บ้าน...เราก็ออกมาทำธุรกิจกับแฟนแทน...
บ้านแฟนกับบ้านแม่เรานี่ไกลกันมาก...
เราเลยกลับไปเยี่ยมบ้านตัวเองนานๆที...

เราทิ้งครอบครัวตัวเองไปเป็นปี...ตั้งแต่กลับมาจากอเมริกา...
เวลากลับมาเยี่ยมบ้านตัวเอง...แม่เราเห็นหน้าเราทีไร ก็จะด่าทุกที...
แม่เราเป็นคนพูดแรงมากค่ะ...เหมือนจะปากร้าย แต่ลึกๆแล้วแม่ใจดีมาก...

แต่เราเป็นลูกคนกลางที่ฝรั่งเรียกว่า...Wednesday Child...แอบมีปมด้อย...ขี้ใจน้อย...
คิดว่าพ่อแม่ไม่รักอะไรแบบนั้น...เวลาแม่ด่าที...ก็จะเก็บมาคิดมาก...
ไปเจอแม่ที...โดนด่าทีไร...ก็กลับไปร้องไห้ให้แฟนเห็นทุกครั้ง...

ระยะหลัง...แม่ก็โทรมาด่าแทน...แต่เราไม่ได้เล่าให้แฟนฟัง
เพราะกลัวเค้าไม่สบายใจ...เราเลือกที่จะเก็บคำพูดของแม่เราไว้ในใจแทน...

จนเมื่อคืนก่อนวันลอยกระทงที่ผ่านมา...
เรากลับมาหาแม่เรา...ตั้งใจว่าจะอยู่ค้างคืนที่บ้าน...
แต่พอมาถึง...แม่เราก็ต่อว่าแบบเดิมๆ...เพียงแต่ครั้งนี้...มันรุนแรงมากกว่าแต่ก่อน...
แม่ระเบิดคำพูดใส่เราว่า...ถ้ายังคบกันแบบนี้ต่อไป...ก็กลับไปอเมริกาเลยเถอะ...
ไม่น่ากลับมาเมืองไทยเลย...

ตอนนั้น...เราเสียใจกับคำพูดของแม่มาก...
จากที่ว่าจะอยู่ค้างคืนด้วย...เราขับรถออกมาทันที...
ออกมาในสภาพที่ร้องไห้หนักไม่น้อยกว่าครั้งก่อนๆ...
เราขับรถกลับไปบ้านที่อยู่กับแฟน...แฟนเราไม่อยู่บ้านหลังนั้น...
เพราะเค้าไปอยู่บ้านแม่เค้าอีกที่นึง...

ตั้งแต่ตอนขับรถจนเราเดินเข้าไปในบ้าน...
ในหัวเรามีแต่คำถามว่า...เราทำอะไรผิด...

เวลาเรากลับไปหาแม่...แฟนเราก็งอน...
เวลาเราอยู่กับแฟน...แม่เราก็ไม่พอใจ....มีปากมีเสียงกับเราทุกครั้ง...
เรารู้ว่าเราไม่ใช่ลูกที่ดีสักเท่าไหร่...ที่เลือกจะไปอยู่กับแฟนมากกว่าแม่ของตัวเอง...

แต่พอเราเลือกที่จะมาอยู่กับแม่เรา...เราก็ทุกข์ที่ต้องฟังเสียงแม่บ่น แม่ว่าตลอดเวลา...

จนมันถึงจุดระเบิดในที่สุด...

เราเดินผ่านชั้นวางไวน์ในบ้าน ผ่านหัวเตียงที่มียาพาราฯวางอยู่...
เราหยิบไวน์กับยาพาราฯขวดใหม่ที่มียาบรรจุอยู่เต็ม 100 เม็ด...
ขับรถออกไปจอดหน้าหมู่บ้าน...ดับเครื่องเอาไว้...
เรานั่งตรงที่นั่งคนขับแล้วปรับเบาะเอนลง...

แล้วนั่งกินยากับไวน์ไปเรื่อยๆ...กินยาเป็นกำ...เราไม่ได้นับว่ากินยาไปเท่าไหร่...
แต่เรากินจนเริ่มรู้สึกว่าตัวเราหนักขึ้นเรื่อยๆ...เราก็หยุดเพราะยกขวดไวน์ไม่ไหว...
เราจำเวลาที่เราเริ่มกินยาเพื่อฆ่าตัวตายไม่ได้...
ไม่มีคนที่คิดฆ่าตัวตายคนไหน...อยากจะจำช่วงเวลาที่ตัวเองกระทำอัตนิวิบากกรรมหรอกค่ะ...

จากนั้น..น่าจะผ่านไปได้ 2-3 ชั่วโมง แม่กับพ่อเลี้ยงก็มาพบเรา...มาเคาะประตูรถเรียกเรา...
ตอนนั้นเรารู้สึกตัวบ้าง...ได้ยินเสียงตะโกนเรียกสลับกับเสียงเคาะกระจกอย่างบ้าคลั่ง...
เรารู้สึกเวียนหัวมาก...รู้สึกว่าตัวหนัก เรี่ยวแรงหายหมด...

เราพยายามดึงตัวขึ้นไปปลดล็อคประตู...
พยายามอยู่หลายที...แล้วก็ปลดล็อคได้...

พ่อเลี้ยงอุ้มเราขึ้นรถแม่เรา แล้วขับพาเราไปรพ.
แม่เราและครอบครัวเราตามมาทีหลัง...

หมอทำการล้างท้องเราเพื่อช่วยชีวิตเราเอาไว้...

เวลาล้างท้อง...เค้าจะต้องสอดท่อผ่านรูจมูกไปยังกระเพาะอาหารเพื่อทำการดูดยาที่เรากินเข้าไปออกมา...

เราไม่เคยรู้สึกทรมานแบบนี้มาก่อนเลย...
...เรามีสติอยู่ตลอดเวลา...แต่เราเคลื่อนไหวร่างกายไม่ได้เท่านั้น...

ยาพาราฯที่เรากินเข้าไปน่าจะอยู่ที่ประมาณ 60-70 เม็ด...
ร่วมกับไวน์แดงอีกค่อนขวด...
โดยเมื่อเวลาผ่านไป 2-3 ชั่วโมง...
หากแม่ไม่เอะใจ...ไม่ตามมาหาเราถึงที่บ้านแฟนแล้วล่ะก้อ...

ป่านนี้...เราคงนอนอยู่ที่วัดใด วัดหนึ่ง...ในร่างที่ปราศจากวิญญาณไปแล้ว...

เวลาคนเราคิดสั้น...มันสั้นจริงๆนะ...

เราบอกว่าเราเป็นผู้ใหญ่แล้ว...
แต่การกระทำของเราช่างเหมือนเด็ก เหมือนคนโง่...ซะเหลือเกิน...

หลังจากนั้น...แฟนของเราตามมาเจอเราที่รพ. แล้วก็ปะทะกับแม่เราต่อ...

แต่หลังจากที่หมอล้างท้องให้เราและเราพ้นขีดอันตรายแล้ว...
ในวันถัดมา...เราก็อาการดีขึ้น...เพียงแต่ว่า...เราต้องรอตรวจตับในอาทิตย์หน้า...
เพราะยาพาราฯเมื่อกินเป็นเวลานานติดต่อกันหรือกินในปริมาณที่เกินกำหนด...
จะเป็นพิษต่อตับ...
ในกรณีของเรา...หมอบอกว่า...ดีนะที่มาส่งที่รพ.ทัน...
หากช้าไปอีกนิดเดียว...หากร่างกายดูดซึมมากกว่านี้...เราคงจะตายไปแล้ว...

มา ณ วันนี้...เราอาการดีขึ้นแล้ว...
และเราก็คุยกับแม่เราดีขึ้น...และพยายามปรับความรู้สึกของแม่ที่มีต่อแฟน...และแม่ก็รับฟังเรามากขึ้น...
เราอาจจะต้องใช้เวลาหลังจากนี้เพื่อทำความรู้จักกับแม่ของเราเสียใหม่...
และแม่เราเองก็คงต้องพยายามยอมรับสิ่งที่เราเป็น...เข้าใจสิ่งที่เราเป็นจริงๆ...

ที่ผ่านมาเราเองก็มองข้ามความรู้สึกของแม่เราไป...
แม่เราน้อยใจมาโดยตลอดว่าเราไม่เคยคิดจะกลับไปอยู่กับเค้าเลย...
ตอนนี้...เราเลือกที่จะอยู่กับแม่ให้มากขึ้น...
และพยายามให้แฟนเข้ามาทำความรู้จักกับครอบครัวเราให้มากกว่านี้...

ใครก็ตามที่เคยคิดฆ่าตัวตาย...
เราขอบอกเลยนะว่า...คุณกำลังคิดผิด...
ความตายไม่ใช่ทางออกสุดท้าย...
มันเป็นการเริ่มต้นของความโศกเศร้าไม่สิ้นสุดของคนที่อยู่ข้างหลัง...

เราเชื่อว่า...บางครั้งคนเราอาจพบว่า...ตัวเองไม่มีที่ยืนอยู่บนโลกใบนี้แล้ว...
คิดว่า...โลกไม่ต้องการตัวเอง...ไม่มีใครช่วยได้...ไม่มีใครสนใจ...

ความจริงแล้ว...ถ้าคนเราเข้มแข็งได้ด้วยตัวเองและเสริมสร้างความรู้สึกแบบเชิงบวก...มองโลกในแง่ดีแล้วล่ะก้อ...
ปัญหาเรื่องการฆ่าตัวตายก็จะหมดไป...

เราเอง...หลังเรื่องที่เราเคยมองว่า...เป็นเรื่องที่โง่สิ้นดีที่คิดฆ่าตัวตาย...ได้จบลง...
เราถึงเชื่อว่า...บางครั้งคนเราก็มีสิทธิ์ที่จะอ่อนแอได้...ท้อถอยได้....เหนื่อยได้...
เพราะเราเองผ่านจุดนั้นมาแล้ว...แต่ถ้าเราเลือกที่จะสู้ต่อไป...เลือกที่จะไม่ยอมแพ้แก่สิ่งเหล่านั้น...
แล้วทุกอย่าง...มันจะผ่านพ้นไปเอง...
และทุกปัญหามีทางออกเสมอ...

ขอบคุณนะคะที่แวะมาอ่าน...จนถึงบรรทัดนี้...
ขอเป็นกำลังใจให้กับคนที่คิดว่า...ตัวเองหมดค่าไร้ความหมาย...
เพราะจริงๆแล้ว...ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น...
คนในครอบครัวของคุณ...เค้าก็จะรักและเป็นห่วงคุณเสมอ...
เพียงแต่ว่า...คุณจะหันหลังกลับไปมองพวกเค้าเหล่านั้นบ้างรึเปล่า...เท่านั้น...
^_^

จากคุณ : ลูแปงค์
เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 53 19:43:23




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com