ความคิดเห็นที่ 1  ผมคิดว่าน่าจะเรียก ประกันชีวิตแบบออมทรัพย์ + ประกันสุขภาพ ตามปกติ ความคุ้มครองเรื่องน้องชายทำร้าย  มีกฎหมายคุ้มครองอยู่แล้ว ซึ่งมีผลมากกว่า บริษัทเอกชนคุ้มครอง อิอิ ถ้าคุณรักน้องชาย จริง คิดดีกับเขา จริง ก็ควรจะเอาความสงสัย+ระแวง เก็บไว้ก่อน ไว้ให้คุณแน่ใจ ค่อยเอาประกันให้น้องชายได้ประโยชน์ครับ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : วันสาธารณสุขแห่งชาติ 53 15:52:41

ความคิดเห็นที่ 2 ผู้รับผลประโยชน์ ทำร้ายผู้ถือกรมธรรม์เพื่อหวังเงินประกัน บริษัทประกันไม่จ่ายยยยยย ครับ จากคุณ : สามทับหนึ่ง เขียนเมื่อ : วันสาธารณสุขแห่งชาติ 53 16:18:34

ความคิดเห็นที่ 3 แอบทำซิครับ.....อย่าให้น้องชายรู้...... จากคุณ : ชักธง1 เขียนเมื่อ : วันสาธารณสุขแห่งชาติ 53 16:33:04

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้าสามารถพิสูจน์ไดว่าน้องชายทำร้ายคุณ บริษัทจะไม่จ่ายผลประโยชน์ให้น้องชายคุณค่ะ แต่จะจ่ายให้กับกองมรดกของคุณ ซึ่งก็จะตกแก่ทายาทของคุณค่ะ แต่ไหนๆ คุณก็ตั้งใจยกเงินส่วนนี้ให้เค้าเพราะเป็นห่วงเค้าอยู่แล้ว ก็อย่าคิดมากเลยค่ะ บางทีอะไรๆ ก็อาจจะไม่แย่อย่างที่คิดก็ได้ค่ะ จากคุณ : นิจจังสังขารนั้นไม่เที่ยง เขียนเมื่อ : วันสาธารณสุขแห่งชาติ 53 16:55:41

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้าคิดว่าน้องชายจะทำร้ายก็อย่าทำดีกว่าครับ ในเมื่อในใจมีอคติไปแล้ว มันจะมีแตความกังวลใจครับ จากคุณ : จ่าหมาน เขียนเมื่อ : วันสาธารณสุขแห่งชาติ 53 17:09:57

ความคิดเห็นที่ 6 ไม่คิดถึงประกันของ คนไทย บ้างเหรอครับ ค่าเบี้ย  เงื่อนไขก็ไม่ได้ต่างกัน ไทยไม่ช่วยไทย  แล้วใครจะช่วยไทย . แก้ไขเมื่อ 27 พ.ย. 53 21:43:42 จากคุณ : samr เขียนเมื่อ : วันสาธารณสุขแห่งชาติ 53 21:43:13

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้าเน้นเพื่อสุขภาพควรทำแบบยาวๆเบี้ยถูกๆ แล้วไปเพิ่มอนุสัญญาในส่วนอื่นๆแทน เพื่อเพิ่มสวัสดิการให้ตัวเอง เมื่อครบกำหนดคุณก็จะได้รับงินคืนทบต้นทบดอกหลายสิบเท่าทีเดียว ไม่ต้องแอบทำหรอกค่ะ เพราะสุดท้ายผู้รับผลประโยชน์จะไม่ทราบและไม่ได้แจ้งเคลม และในกรณีที่คุณถูกผู้รับผลประโยชน์ประทุษนร้าย เพื่อหวังเงินนั้น เค้าจะไม่มีสิทธิ์ในผลประโยชน์นั้นค่ะ จากคุณ : Atlantic Star เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 53 19:32:11

ความคิดเห็นที่ 8 ดูสัญญาดี ๆ ขอบอก ผมเคยทำแบบสะสมนี่แหละ ทำตั้งแต่ 23 ส่งไปทุกปีไม่เคยสนใจ จนกระทั่งส่งไปเหลือ 8 ปีจะครบสัญญา (ส่งไปแล้ว 12 ปี) เอากรมธรรม์มาดู ปรากฎว่า จะคืนเงินบางส่วนเท่านั้น อีกส่วนที่เหลือจะต้องรอจนครบ 60 ปี ถ้าส่งครบกำหนด ก็ไม่คุ้มครอง (คุ้มครองบางส่วน) ก็เข้าใจได้ ไม่ส่งเงิน แล้วจะคุ้มครองอะไร....ก็เลยยกเลิกไป มีแต่คนบอกว่าส่งไปเถอะอีก 8 ปีเอง.. แต่ผมไม่สนหรอก ก็เลยยกเลิกและไม่คิดจะทำอีกเลย .. บริษัทเคยส่งไปอบรม การเงินเบื้องต้น ก็มีเรื่องการคิด mrr, npv เค้าลองคำนวณให้ดู ผลที่ออกมาคือ ถ้าจะลงทุนเกี่ยวกับ การประกันชีวิต สรุปคือ น้อยมาก แต่ถ้าต้องการประกันความเสี่ยง ก็โอเค ทำเลย แต่ถ้าคิดจะทำเผื่อคนอื่นอันี้ไม่รู้ เก็บเงินไว้รักษาตัวเองดีกว่า จากคุณ : เอามั่งดิ เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 53 20:32:36

ความคิดเห็นที่ 9 เข้ามาแปลกใจว่าทำไมแบบออมทรัพย์ถึงนานจัง  ต้องรอจนอายุ 80ปีแน่ะ อืม  จริงๆแล้วมันเป็นแบบบำนาญหรือเปล่าครับ ส่วนเรื่องที่กังวลก็อย่างที่คห.ก่อนๆบอกไว้ครับ  ว่ากฎหมายเค้าคุ้มครองไว้อยู่แล้วว่า ถ้าผู้รับผลประโยชน์ทำการฆาตกรรมผู้เอาประกัน  บริษัทประกันไม่จ่ายเงินให้ผู้รับผลประโยชน์แน่นอนครับ จากคุณ : Kojorn เขียนเมื่อ : 28 พ.ย. 53 22:25:58

ความคิดเห็นที่ 10 เราทำ แบบ จ่าย 20 ปี เงินปันผลคืน ปีที่ 25 เราก็ยังไม่แก่เลย แล้วทำอีกตัวที่ ครอบคลุม มะเร็ง โรคร้ายแรง อุบัติเหตุ ค่าห้อง ค่าชดเชยรายได้ สรุป เสียเดือนละ พันนิดๆ ทำไมต้องรอถึง 80 ด้วยอ่ะ ถึงตอนนั้นได้ เงินคืน จะเอาแรงที่ไหนไปเที่ยว ดูโลกกว้าง จากคุณ : Antbadtz เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 53 03:05:01

ความคิดเห็นที่ 11 ผมเป็นคนนึงที่ไม่ได้ทำประกันไว้เลย โดยเฉพาะประกันแบบออมทรัพย์ เพราะเคยเห็นพ่อของเพื่อนที่ทำงานทำแล้ว พอครบกำหนดจะได้รับเบี้ยคืน ปรากฏว่ามีปัญหา มีเงื่อนไขมากมาย เลยไม่คิดทำเลย เพราะเราคิดว่าเรา สามารถบริหารจัดการการเงินด้วยตัวเองได้ ตอนนี้ถ้าคิดจะทำ ก็ทำแบบ เพื่อสุขภาพ รักษาพยาบาล หรืออุบัติเหตุเท่านั้น   ไม่รู้คิดถูกหรือเปล่านะ แต่ยังไงก็จะไม่ทำประกับแบบออมทรัพย์ครับ จากคุณ : ได้ดิบได้ดี เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 53 12:03:10

ความคิดเห็นที่ 12 เห็นหลายๆท่านที่ตอบบอกว่าทำไมนานจัง แบบออมทรัพย์ที่คุณจขกท.ทำนั้นเป็นแบบออมทรัพย์เงินบำนาญหรือบำเหน็จนะคะ ขออธิบายนิดนึงนะคะ โดยปกติ การทำงานกับทางภาครัฐหรือเอกชน จะมีกองทุนเงินบำนาญบางส่วนที่ทางที่ทำงานจัดเก็บไว้ให้ แล้วจ่ายให้พนักงานเมื่อเกษียณ แต่ก็จะมีข้อกำหนดเหมือนกันค่ะ เช่น ระยะเวลาการทำงานในบริษัทหรือภาครัฐนั้นๆ และนโยบายค่ะ เนื่องจากจำนวนเงินที่ได้เมื่อยามเกษียณ อาจจะไม่มากพอกับความต้องการเมื่อยามเกษียณ ทำให้มีการออมทรัพย์ในรูปแบบบำนาญเกิดขึ้นนะคะ แบบออมทรัพย์แบบนี้เหมาะสำหรับเจ้าของกิจการ นักธุรกิจด้วยค่ะ เพราะเจ้าของกิจการมักไม่มีผลประโยชน์ในเรื่องของเงินบำเหน็จบำนาญเนื่องจากไม่ได้ทำงานขึ้นอยู่กับบริษัทหรือองค์กรณ์ใดๆค่ะ คำแนะนำของจขกท.นะคะ เรื่องการฆาตกรรมจากผู้รับผลประโยชน์(น้องชาย)หากเกิดขึ้นจริง น้องชายคุณจขกท.จะไม่ได้รับเงินใดๆเลยค่ะ แต่หากคุณจขกท.กลัวก็ไม่ต้องบอกน้องชายก็ได้ค่ะ ไม่มีใครรู้ ต่อให้รู้ แล้วเกิดกลัวขึ้นมา สามารถเปลี่ยนชื่อผู้รับผลประโยชน์ได้ตลอดเวลาค่ะ อาจให้กับมูลนิธิก็ได้นะคะ (เก็บไว้ขู่น้องชายได้เลยค่ะ ว่าดูแลฉันให้ดีๆนะ ไม่ดีจะยกให้คนอื่น ฮาๆ) แล้วก็แบบที่คุณจขกท.ทำ น่าจะเป็นแบบ 60/80 ที่เพิ่งออกมาใหม่ของAIA แบบประกันนี้สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 300,000นะคะ (ตามฐานภาษีของแต่ละคนค่ะ ไม่เท่ากัน) ปล.ขอแนะนำว่า การทำประกันชีวิต เพื่อเงินเก็บ หรือเพื่อสุขภาพ ควรแยกเล่มทำค่ะ เพื่อกันความสับสนของลูกค้าเอง ^^ จากคุณ : baby bookworm เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 53 00:05:54

ความคิดเห็นที่ 13 ลืมบอกว่า แบบ 60/80 ของจขกท.เป็นแบบเดียวค่ะที่ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้สูงสุดรวมถึง 300,000 แบบอื่นๆที่คนอื่นทำนั้น นำไปลดหย่อนภาษีได้มากสุดคือ 100,000บ.ค่ะ ประกันรายละเอียดปลีกย่อยมันเยอะค่ะ ปรึกษากับตัวแทนที่ไว้ใจได้ แล้วคุยกันรู้เรื่องดีกว่าค่ะ จากคุณ : baby bookworm เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 53 00:08:17