ความคิดเห็นที่ 1 แวะมาเยี่ยมครับ จากคุณ : nordcapp เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 53 21:15:42

ความคิดเห็นที่ 2 คุณพ่อเราเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะสุดท้ายค่ะ หมออัดมอร์ฟีนให้เพื่อไม่ให้แกปวดค่ะ แกก็จะเบลอๆ ซึมๆ นอนทั้งวัน พอชีพจรไม่ไหวแล้ว หมอก็ให้ยานอนหลับแวเลี่ยมหลับเสียชีวิตไปเลย แบบไม่ทรมาณหรือปวดเจ็บค่ะ คือคุณหมอบอกครอบครัวเราเลยว่า คุณพ่อระยะสุดท้ายแล้ว คงยื้อนานไม่ได้ หมอจะให้มอร์ฟีนเพื่อไม่ให้ปวดจนกว่าคุณพ่อจะไปเอง   ครอบครัวเราก็ยอมรับค่ะ ตอนนั้นคุณพ่อเข้ารพ.จุฬาฯ เราไม่รู้ว่าอาการคุณตาจขกท.มากน้อยขนาดไหน ลองปรึกษาหมอรพ.อื่นดูไหมคะ จากคุณ : Volksrecht เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 53 21:45:24

ความคิดเห็นที่ 3 น่าสงสารคุณตานะคะ ระยะสุดท้ายก็ไม่มีทางหาย ปวดมากก็ต้องฉีดมอร์ฟีนให้ค่ะ ...โรงพยาบาลอะไรคะทำไมทำงั้น เอางี้..คงต้องตามหมอมาฉีดมอร์ฟีนให้ที่บ้านนะคะ จากคุณ : usbankusa เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 53 22:12:39 A:183.89.250.9 X: TicketID:293046

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณ คุณ Volksrech และคุณ  usbankusa  มากคะ คุณตาก็ปวดมากคะ  ปวดจนแกเตรียมเชือกไว้จะผูกคอตายแล้วละคะ ญาติๆเห็นก็ทนกันไม่ได้ อยากจะให้แกบรรเทาอาการเจ็บปวดไปบ้าง ไม่มากก็น้อย ตะกี้แม่ไปตามหมอที่คลีนิกไกล้บ้านให้มาฉีดยาให้ที่บ้าน หมอไม่มาฉีดให้คะ แกบอกว่าให้ไปฉีดมอร์ฟีนที่โรงพยาบาล หมอที่คลีนิกไม่กล้าฉีดคะ   บอกว่าเป็นที่ตับ  อันตรายกว่าส่วนอื่น  เค้าคงกลัวคุณตาเราตายมั๊ง เดี๋ยวรอดูอาการสักพัก ถ้ายังปวดมาก ก็คงต้องหอบหิ้วคุณตาไปโรงพยาบาลกันอีกสักตั้ง จากคุณ : Oammy_G เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 53 22:37:08

ความคิดเห็นที่ 5 ยาแก้ปวดมีหลายระดับและหลายกลุ่มค่ะ คงต้องให้คุณหมอเฉพาะทางประเมินอาการปวดและแนะนำการให้ยาแก้ปวดที่เหมาะสมค่ะ เยอะไปก็ไม่ดี น้อยไปก็ไม่หาย แต่วัตถุประสงค์ก็เพื่อลดความทรมานของคุณตาค่ะ คุณพ่อดิฉันก็เป็นมะเร็งตับระยะสุดท้ายเหมือนกัน แต่โชคดีที่ท่านยังไม่มีอาการปวด เมื่อไหร่ที่ท่านปวดก็คงต้องปรึกษาคุณหมอเหมือนกันค่ะ หากจำเป็นต้องใช้ตาม คห. 2 ก็คงต้องใช้เพื่อไม่ให้ท่านทรมานค่ะ เพิ่งอ่าน คห.4 ลองถามคุณหมอดูว่าถ้าเป็น tramadol หรือ tramal คุณตาจะทานได้มั๊ย เป็นยาระงับปวดระดับปานกลางถึงมากค่ะ คุณหมอที่รามาฯ เคยแนะนำให้คุณพ่อทานตัวนี้ค่ะ แก้ไขเมื่อ 09 ธ.ค. 53 22:44:36 จากคุณ : นิจจังสังขารนั้นไม่เที่ยง เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 53 22:38:38

ความคิดเห็นที่ 6 พาไปโรงพยาบาลเถอะค่ะ เลือกโรงพยาบาลเล็กๆ ใกล้ๆ บ้านก็ได้ โรงพยาบาลใหญ่ๆ มักมีปัญหาเรื่องเตียงไม่พอ จากคุณ : พิณณ์อวี เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 53 22:39:24

ความคิดเห็นที่ 7 คุณ  usbankusa  โรงพยาบาลรัฐประจำจังหวัด ส.พ.  คะ จากคุณ : Oammy_G เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 53 22:39:35

ความคิดเห็นที่ 8 ตอนนี้คุณย่าเราเป็นมะเร็งลำไส้ลามไปตับ กำลังสนใจเรื่องนี้เหมือนกันค่ะ ตอนนี้อยู่รพ. บอกคุณตาสู้ๆนะคะ คิดว่าคงต้องหามอร์ฟีนช่วยค่ะ จากคุณ : Piccalo_koz เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 53 22:57:41

ความคิดเห็นที่ 9 อากงก็เป็นมะเร็งตับระยะสุดท้าย ช่วงก่อนเสีย รพ.อัดมอร์ฟีนตลอดเลยเหมือนกันค่ะ พอฤทธิ์ยาหมดปุ๊บจะปวดปั๊บ เลยให้ต่อเนื่องเพื่อไม่ให้คนไข้ทรมาน เค้าปวดแบบทรมานมาก ๆ ถึงขนาดบอกว่าฉีดยาให้เค้าตายไปเถอะ สงสารอากงมากเลยค่ะ จากคุณ : papa mama love u เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 53 23:02:52

ความคิดเห็นที่ 10 ท่านทั้งหลาย มอร์ฟีนไม่ได้มีแต่แบบฉีด แล้วจะต้องตามมาฉีดให้ถึงบ้าน ตลก ถ้าท่านเป็นคนไข้ระยะสุดท้าย ท่านอยากตายที่บ้านที่ห้อมล้อมแต่คนที่ท่านรัก หรือตายที่ไหนก็ไม่รู้ รอบตัวมีแต่ใครก็ไม่รู้? เตียง 1 เตียง มีค่ามากนะครับ จากคุณ : Kawpod เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 53 23:05:37

ความคิดเห็นที่ 11 คุณ Kawpod มอร์ฟีนมีแบบเอามาทานได้ที่บ้านหรือคะ อธิบายหน่อยซิคะ งั้นไหนบอกหน่อยว่า ทำไมหมอไม่จ่ายมาให้ทานคะ ...ทำไมคะ จะพาหมอมาฉีดยาให้ที่บ้านนี่ ตลกมากเลยหรือคะ เข้าใจค่ะว่าโรงพยาบาลใหญ่ๆอาจเตียงไม่พอ และผู้ป่วยต้องตายอยู่แล้ว แต่ ลดความทรมานให้ผู้ป่วยหน่อยจะไม่ดีกว่าหรือคะ ชอบถ่ายรูปมากหรือคะ รูปอะไรที่ดูแล้วมีความสุขคะ คุณKawpod ...คุณเคยปวดท้องอย่างมาก แล้วถ่ายรูปหน้าตากริยาอาการของคุณเอาไว้ดูบ้างไหมคะ อย่าใจดำให้มันมากนัก (ถ้าเราไม่แน่จริง เราไม่โดนยึดอมยิ้มหรอกขอบอก.) ...เชิญ chat ห้องหนึ่งได้ถ้ามีปัญหากับเรา. จากคุณ : uswitch เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 53 23:37:59 A:183.89.250.9 X: TicketID:293046

ความคิดเห็นที่ 12 ใจเย็นๆ นะคะ คุณ Kawpod อาจต้องการบอกว่า Morphine มีหลายแบบลองคุยกับหมอเรื่องรูปแบบน้ำที่สามารถเอากลับมาทานที่บ้านได้ก็ได้น่ะค่ะ ยังไงก็แนะนำให้ไปรพ.ใกล้บ้านค่ะ จากคุณ : พิณณ์อวี เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 53 23:50:26

ความคิดเห็นที่ 13 คุณ Kawpod ถ้าคุณมีความรู้ทางการแพทย์ เชิญมาช่วยตอบปัญหาให้ผู้ป่วยที่ห้องนี้บ้างนะคะ ไม่ใช่มาเพื่อหาเรื่องอย่างเดียวนะคะ ทำประโยชน์ให้กับสังคมบ้าง อย่าเอาแต่หาความสำราญกับการถ่ายรูป..ซิคะ.. จากคุณ : uswitchดีเกิน 100% เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 53 23:50:56 A:183.89.250.9 X: TicketID:293046

ความคิดเห็นที่ 14 คนไข้ปวดขนาดนั้น ถ้าต้องการรักษาเตียงไว้ให้คนไข้รายอื่น ก็น่าจะมีการจ่ายยาเพื่อลดความทรมานของคนป่วยนะคะ ส่วนนอนรพ.ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีญาติห้อมล้อมนะคะ อากงเราก็เสียที่รพ. ญาติก็ล้อมกันตลอดจนเสียค่ะ ปล. ถ้าคุณเห็นสังขารของคนเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ถ้าคุณได้เห็นคนที่เจ็บชนิดที่คนเจ็บขอตายดีกว่าอยู่ คุณจะเห็นใจ เข้าใจ และสงสารคนเจ็บค่ะ จากคุณ : papa mama love u เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 53 23:52:46

ความคิดเห็นที่ 15 มันมีมอร์ฟีนแบบเม็ดครับ  การออกฤทธิ์ไม่เร็วเท่าฉีดแต่อยู่ได้นานกว่า แล้วมันมียาแก้ปวดแบบแปะ เหมือน กอเอี๊ยะอ่ะครับ  ชื่อ Fentanyl 1 แผ่น  ออกฤทธิ์ได้ 3 วัน แพงหน่อย เบิกไม่ได้  ด้วย จากคุณ : assassincross เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 00:10:50

ความคิดเห็นที่ 16 เราไม่แน่ใจนัก เพราะไม่ีมีความรู้เรื่องแพทย์ แต่เท่าที่จำได้ กรณีของคุณพ่อเรา มอร์ฟีนเป็นแบบฉีดเข้าเส้นเลือด แต่ไม่ได้ฉีดเป็นเข็มๆเหมือนฉีดยาัทั่วไป คือค่อยๆปล่อยยาเข้าเส้นเลือดไปเรื่อยๆ ตามเวลาที่หมอกำหนด แล้วก็ฉีดไปเรื่อยๆๆ แบบนี้ จากคุณ : Volksrecht เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 00:26:18

ความคิดเห็นที่ 17 พ่อเราเพิ่งเสียด้วยโรคมะเร็งตับเมื่อต้นปี ประมาณเดือนมีนาที่ผ่านมา พ่อเราโชคดีมากที่ไม่มีอาการปวดตับ ปวดท้องเลย แม้แต่น้อย จะมีแต่อาการท้องโต แน่นท้องเท่านั้น จากคุณ : kanban เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 04:00:48

ความคิดเห็นที่ 18 อ่านกระทู้นี้ปุ๊บ  เราน้ำตาซึมเลยค่ะ  พ่อเสียด้วยโรคมะเร็งเหมือนกัน   ช่วงระยะสุดท้าย มะเร็งลามไปทุกส่วน  หมอให้พ่อนอนโรงพยาบาลประจำอำเภอ  คือ จริงแล้วพ่อรักษาอยู่ที่อื่น  แต่พอสุดท้ายแล้ว  หมอบอกว่า ให้ย้ายไปใกล้บ้านดีกว่า  สะดวกกับญาติด้วย   หมอถามความเห็นญาติว่า จะให้เสียที่โรงพยาบาล หรือ ที่บ้าน  แต่ตอนนั้น เรายังอยู่ต่างประเทศ กำลังจะเดินทางกลับ  หมอเลยตัดสินใจให้รอเราอยู่ที่โรงพยาบาล  หมอใช้เครื่องช่วยหายใจ กับฉีดมอร์ฟีนระงับปวด ก่อนเราขึ้นเครื่องบิน เราโทรไปหาบอกว่า เรากำลังจะกลับน่ะ  พรุ่งนี้เราได้เจอกันแล้ว  รออีกนิดนะ   น้องบอกว่า พ่อฟังที่เราพูด แล้วน้ำตาไหล  พยักหน้า  แต่ตอนนั้นพ่อพูดไมได้แล้ว   พอเราลงเครื่องบินที่สุวรรณภูมิ  โทรกลับบ้าน น้องบอกว่า พ่อเสียก่อนนั้นสี่ชั่วโมง   หมอบอกว่า หมอฉีดยากระตุ้นไม่ทัน  เพราะ คนไข้คงหมดห่วงตั้งแต่รู้ว่าเราเดินทางแล้ว   พ่อไม่เจ็บค่ะ  ไม่ทรมาน เพราะ เราโทรบอกหมอตลอดว่า ให้ทำให้พ่อเจ็บน้อยที่สุด  ให้หลานสวดมนต์ให้พ่อฟังตลอด เราว่า ไปติดต่อหมอให้ฉีดมอร์ฟีนให้ที่บ้านก็ได้น่ะ  สงสารจัง  ก่อนที่พ่อไปอยู่โรงพยาบาล พ่อปวดกระดูก ปวดท้อง ปวดแบบทรมานมาก   เราบอกพ่อว่า ถ้าเจ็บแทนได้ขอเจ็บแทนพ่อนะ  สงสารมากๆ ยังไง  ติดต่อหมอค่ะ  ระยะสุดท้ายต้องพึ่งมอร์ฟีนค่ะ  คงไม่ใช่ตับอย่างเดียว  คงลามไปหมด  คนป่วยจะเจ็บกระดูกด้วย  ทรมานมากค่ะ จากคุณ : คุณนายก้อ เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 05:56:39

ความคิดเห็นที่ 19 ตอนท่านพ่อสามีเป็นมะเร็งตับระยะสุดท้ายก็ได้ tylenol with codeine มาทานค่ะ  ร่วมกับฉีดมอร์ฟีน ตอนนั้นโดนฤทธิ์ยาจนเบลอจำใครไม่ได้เลยค่ะ แต่ถ้าไม่สะดวกเพราะยาพวกนี้จ่ายยากมว้ากกก และบางโรงพยาบาลก็ไม่มี ก็ลองหาซื้อ tramol หรือ ultracet ดูนะคะ หาซื้อง่ายและช่วยบรรเทาปวดได้ในระดับนึง ราคาไม่แพงค่ะ แผงละร้อยกว่าบาท เป็นกำลังใจให้นะคะ แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 53 08:15:02 จากคุณ : ฉันไม่เคยได้อยู่ในชีวิตของเธอ เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 08:14:23

ความคิดเห็นที่ 20 คุณความเห็นที่ 10 ... ถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของคนใกล้ตัวคุณก็คงจะตลกไม่ออกหรอกนะคะ "เตียง 1 เตียง มีค่ามากนะครับ" ... อ่านแล้วรู้สึกไม่ดีค่ะ ก็เลยอยากจะสะกิด สะกิดในความหมายนี้ไม่ได้จะหาเรื่องนะคะ ทุกชีวิตมีคุณค่าค่ะ ... ทั้งชีวิตที่ใกล้จะลาลับโลกนี้ไปแล้ว หรือชีวิตที่ป่วยปานกลางและมีทางรักษาให้หาย และแม้ว่าคุณตาของ จขกท. ป่วยระยะสุดท้ายแล้ว...ก็ยังมีคุณค่าต่อลูกๆหลานๆ สามนาที ห้านาที สี่ชั่วโมง หนึ่งวัน หรือสามวันที่ได้อยู่ด้วยกัน มันก็มีคุณค่าทั้งนั้น อยากให้คิดถึง หัวอกคนอื่นบ้างก่อนที่จะโพสอะไรออกมาแบบนี้นะคะ ............... สำหรับ จขกท. เราก็ขขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ สู้ๆ จากคุณ : สายลมแห่งความทรงจำ เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 08:46:48

ความคิดเห็นที่ 21 .. ญาติดิฉันก็จากไปด้วยมะเร็งตับ.. เค้ารู้ว่าเป็นมะเร็งได้ไม่ถึง 1 เดือนด้วยซ้ำ คุณหมอไม่ให้ยาแม้แต่เม็ดเดียวบอกให้กลับบ้านไปทำใจ.. ไม่น่าเกิน 3 เดือน.. พวกเราโกรธโรงพยาบาลมาก หลังจากนั้น 1 อาทิตย์ สามีดิฉันเป็นห่วงเค้ามากๆ.. เลยควานหายาจีนที่ดีที่สุดแพงที่สุด ไปต้มให้กิน.. กินได้แค่วันเดียว.. เค้าก็เสียชีวิต.. อาการคืออาเจียน และหมดสติไป.. พวกเราพาส่งโรงพยาบาลอยู่ได้ 2-3 ชม.ก็เสีย ทุกวันนี้ยังรู้สึกโทษตัวเองอยู่เลย.. ถ้าเค้าไม่กินยาของเราเค้าอาจอยู่ได้อีก 2-3 เดือน อย่างที่ความเห็น 2 บอกก็ดีเหมือนกัน.. ฉีดยาให้หลับจะได้ไม่รู้สึกเจ็บปวด.. ตื่นมาก็อยู่ในอีกภพหนึ่งแล้ว.. ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ.. .. จากคุณ : อาไน่ใจดี เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 08:47:10

ความคิดเห็นที่ 22 คุณอาไน่ใจดีคะ อย่าโทษตัวเองเลยค่ะ เราเจตนาดี ยังไงเขาก็ต้องเสีย เราไม่มีทางรู้หรอกค่ะ ว่าถ้าเราไม่ให้ยาเขาทานแล้วเขาจะเป็นอย่างไร ตอนนี้ก็ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เขา คงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในเวลานี้ เข้าเรื่องแระ พ่อเราป่วยด้วยมะเร็งตับเหมือนกัน หมอก็ให้กลับมาเสียที่บ้าน ตอนแรก หมอให้ทำคีโมเฉพาะที่ เหมือนการฉีดคีโมลงไปที่ตับโดยตรง โดยหวังว่า อาจโชคดี ก้อนมะเร็งเล็กลง (อยู่ทีขนาดของมะเร็ง และคำวินิจฉัยของหมอนะคะ อย่าเอาคำพูดของเราเป็นสรณะ หนา..) ตอนแรกทุกคนดีใจ นึกว่า จะได้เกิดเรื่องดีๆ แต่การณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น พ่อเกิดอาการน้ำท่วมปอด แล้วก็ทรมานมากกกๆๆๆ พ่อบอกแต่ว่า อยากกลับบ้าน น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว แล้วผลของการทำ ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ก้อนมะเร็งไม่ได้เล็กลง ผลที่ได้คือความเสื่อมโทรมทั้งร่างกายและจิตใจ กลับมาเยียวยากัน คุณพ่อน้ำหนักมากขึ้นไปเที่ยวได้บ้าง แต่ก็ไปพบคุณหมอตามระยะนะคะ คุณหมอพบทีไร ก็ยิ้มแล้วบอกว่า "หมอดีใจที่ได้เห็นคุณลุง" เราฟังแล้วน้ำตาซึม ในช่วงท้ายๆ คุณพ่อนอนไม่หลับ ได้มีการขอยานอนหลับจากคุณหมอมา แต่ก็ไม่ค่อยได้ทาน จนมีวันหนึ่ง เรากับพี่สาวคุยกันว่า พ่อเครียดมาก นอนก็ไม่ได้ (ให้อ๊อกซิเจนที่บ้าน) ให้กินยานอนหลับดีมั๊ย เรากับพี่ก็โอเค เอายาให้พ่อทาน พอทานยาในคืนนั้น แล้วก็ไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย.. ทุกครั้งที่นึก.. เราจะเสียใจทุกครั้ง ว่าเราทำให้พ่อจากไป แต่ยาตัวนี้ หมอเป็นคนจ่ายให้ เพื่อนเราที่เป็นหมอบอกว่า ตับทำงานไม่ค่อยไหว คงจะขับยาได้ช้าลง ทำให้ฤทธิ์ยาออกนานมาก คุณพ่อเราเสีย ในบ่ายวันถัดมา นอนหลับตา กระดิกเท้าไปมา กระดิกมือเล็กน้อย ลูกๆ ก็มานั่งเฝ้า จนท่านจากไป การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย เป็นเรื่องทรมานใจมาก .. บางครั้ง เราก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุด หลายเรื่องที่ทำไปแล้ว เราก็เสียใจ ว่าไม่น่าจะทำเลย.. บ่นมายืดยาว จะบอกว่า ให้พาคุณตาไปขอยาแก้ปวดจากคุณหมอนะคะ ถ้าคุณตาหายใจไม่สะดวก ดูอึดอัด ก็ลองซื้อถังอ๊อกฯ มาไว้ที่บ้าน หรือถ้าคิดว่า คุณตาต้องใช้เป็นหลักเดือนจะเช่าเครื่องอ๊อกฯ มาไว้ก็ดี สะดวกกว่ากันมาก.. เป็นกำลังใจให้นะคะ มีอะไร อยากขออโหสิกรรม ก็ทำให้เรียบร้อยนะคะ บางทีการจากไปด้วยโรคภัย ก็มีข้อดีที่ เรารู้ตัวล่วงหน้า และเตรียมการทุกอย่างได้พร้อม กว่าการจากไปปุบปับ... หรือลองให้ท่านฝึกหายใจนะคะ เอาจิตไปเพ่งที่ลมหายใจเข้าออก แทน ขอให้คุณตาของ จขกท. พ้นทุกข์ พ้นความเจ็บปวดต่างๆ ด้วยเทอญ.. แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 53 11:35:30 แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 53 11:33:32 จากคุณ : ส้มสีส้ม เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 11:27:46

ความคิดเห็นที่ 23 มอร์ฟีน ต้องให้คุณหมอเป็นผู้สั่งจ่ายค่ะ(ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจคุณหมอด้วย) หลังจากที่หมอบอกว่าคุณพ่อเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย เริ่มเข้าเดือนที่ื 5 คุณหมอก็ไม่จ่ายยาให้แล้ว มอร์ฟีน มีทั้งเม็ดและฉีดค่ะ ขอแบบเม็ดมาทานที่บ้านก็ได้ เวลาปวดจะทรมานมาก ผุ้ป่วยจะหายใจเหนื่อยขึ้นเหมือนคนตกน้ำแล้วใกล้ขาดอากาศ หงุดหงิด แล้วมะเร็งตับระยะสุดท้ายจะรวดเร็วมากท้องจะแข็งและเป็นก้อนโต เดือนที่5 พาคุณพ่อส่งโรงพยาบาล คุณหมอบอกว่า คุณพ่อเราทรมานมามากแล้ว แต่สุดท้ายแล้วคุณพ่อก็จากไปแบบสบาย ๆ ที่โรงพยาบาล คุณพ่อของเราเพิ่งจากไป ครบ 1 เดือนกับ 1 วันแล้วค่ะ ทางที่ดี อยู่ใกล้ชิดท่านให้มาก ๆ จากคุณ : ตอนนี้คิดถึงพ่อมาก ๆ เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 12:21:43 A:58.9.224.51 X: TicketID:154839

ความคิดเห็นที่ 24 ลองเปลี่ยนโรงพยาบาลดู ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องทุนทรัพย์ลองไปโรงพยาบาลเอกชน ยอมจ่ายแพงขึ้นแต่บริการดีกว่ากันมากๆ จากคุณ : Dequardo เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 14:09:43

ความคิดเห็นที่ 25 การที่เราต้องเห็นคนที่เรารักต้องทนทุกข์ทรมาน ดิ้นทุรนทุราย กับร่างกาย มันปวดใจมากค่ะ เราเองพ่อก็พึ่งเสียชีวิติไปด้วยโรคมะเร็งเหมือนกันค่ะ ที่คุณเล่ามา ก็นึกภาพตามได้ค่ะ สงสารเห็นใจมากค่ะ มอร์ฟีนสามารถแจ้งแพทย์ได้ค่ะ ตอนพ่อเราได้ทั้งแบบน้ำ และแบบเม็ดค่ะ ทานจนพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง สติ ล่องลอย  แต่มันก็ยังดีกว่าให้ท่านตื่นมารับรู้ความเจ็บปวดนะค่ะ ทำไมคุณหมอไม่จัดยาให้นะค่ะ เพราะว่าของพ่อเราทางแพทย์วิสัญญีจะเป็นคนจัดให้ตามลำดับความเจ็บปวดนะค่ะ  ขอย้ำนะค่ะว่า******** บางเรื่องที่เราไม่รู้มันไม่ใช่เรื่องตลก หรอกค่ะ มันใกล้ตัวทุกคนแหละค่ะ ระวังนะค่ะ**** ซักวันจะตลกไม่ออก **** จากคุณ : วันพ่อที่ไม่มีพ่อครั้งแรก (BEE1991) เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 15:29:01

ความคิดเห็นที่ 26 เรื่องมะเร็ง อย่าเพิ่งโทษหมอครับ แต่อ่านจากที่คุณเล่ามา ถ้าหมอให้มอร์ฟีน จะพยุงอาการปวดได้เพียง 3 ชั่วโมง พอหมดฤทธิ์ ก็จะเจ็บปวดทุรนทุรายมาก... ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องเงิน ลองย้ายไป รพ.เอกชนครับ จากคุณ : โคนันคุง เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 17:45:13 A:222.123.130.59 X: TicketID:295619

ความคิดเห็นที่ 27 ถึงท่าน จขกท. อาม่าเราก็เป็นมะเร็งตับระยะสุดท้ายเหมือนกัน เกิดจากตอนแรกอาม่าล้มในห้องน้ำ หลังจากนั้นก็มีอาการปวดท้องมาก ไปหาหมอตอนแรก หมอคาดว่าน่าจะเป็นก้อนนิ่ว จึงนัดอีกครั้งเพื่อทราบวันผ่าตัด แต่วันที่ไปตามนัดหมอกลับบอกว่า พบก้อนเนื้อคาดว่า น่าจะเป็นมะเร็ง ในเอกสารที่หมอให้มามีตัอย่อว่า CCL (พอเห็นก็กลัวว่าจะเป็นมะเร็ง) แล้วนัดให้มาตรวจอย่างละเอียดในวันรุ่งขึ้น แล้วนัดให้ไปฟังผลอีกสามวันให้หลัง จำได้ ว่าเป็นวันที่เพิ่งมารู้ตอนวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมาตอนที่รู้ครั้งแรกที่บ้านไม่มีใครรับได้ แล้วก็ไม่มีใครบอกอาม่าว่าเป็นมะเร็ง บอกแค่ว่าอาม่าเป็นนิ่ว แต่อาม่าแก่แล้ว เลยผ่าตัด ไม่ได้ อาม่าก็ร้องไห้ บอกว่าทำไมถึงผ่าตัดไม่ได้ ที่ข้างบ้านเค้าไม่สบายแก่กว่าอาม่ายัง ผ่าตัดได้เลย อาป๊า (พ่อ) เลยบอกให้เราออกจากงานมาดูแลอาม่า (เราเพิ่งเรียนจบ) ตอนกลับมาอยู่บ้าน พออาม่าเห็นเรากลับมาก็ดีใจบอกว่าลื้อจะกลับมาอยู่เป็นเพื่อนอั้วใช่ มั๊ย (อาม่าพูดภาษาไทยและฟังภาษาไทยไม่ค่อยรู้เรื่อง) อาม่าเป็นคนไม่ค่อยพูด จะพูดก็ ต่อเมื่อไม่มีคนอยู่ในห้อง (มีความรู้สึกเหมือนว่าอาม่าเค้าจะพอรู้ว่าตัวเองเป็นอะไรรักษา ไม่ได้) ช่วงที่ยังพอจำได้อาม่าก็จะสั่งเสียหลายๆอย่าง ส่วนอาการของอาม่า ช่วงแรกๆ จะยังไม่ค่อยปวดท้อง ผ่านมาครึ่งเดือนหลังจากนั้นจะมีปวดบ้าง เวลาปวดหนักๆก็ถึงขั้น เพ้อไม่รู้เรื่อง มีอยู่ครั้งนึงที่เป็นหนักมากๆ(หลังจากอาม่าไม่สบายก็เช็ดตัวทุกวันแต่ไม่ได้ สระผม เพราะจะทำให้เหนื่อยและหายใจไม่ทัน) คืนก่อนหน้านั้นอาม่านอนไม่หลับทั้งคืน บอกว่าคันหัวอยากสระผม เราเลยจะเอาผ้าชุบน้ำเช็ดผมให้ (ไม่กล้าสระผมให้ เดี๋ยว เหนื่อยเกิน)แต่อาม่าไม่ยอม บอกว่าจะสระผม เรากับอาก็เลยให้อาม่านั่งรถเข็น แล้วพาไปอาบน้ำสระผมที่ห้องน้ำ สระผมเสร็จอาม่าเหนื่อย เลยนอนให้ออกซิเจน อาม่า ก็เริ่มเพ้อ แต่เป็นไม่หนักมาก ผ่านไปอีกสองชั่วโมง อาม่าเริ่มเพ้ออีกแต่คราวนี้เป็นหนัก ถึงขั้นจะใส่ชุดขาว (อาม่าเตรียมชุดขาวเอาไว้ เวลาจากไปจะได้ไปอย่างสะอาดบริสุทธิ์) เราเลยโทรตามญาติๆทุกคน เพราะคิดว่าอาม่าไม่ไหวแล้ว วันนั้นอาม่าเพ้อ ๕ ครั้ง จนลูกๆทนไม่ไหว โทรไปบอกพี่สาวที่เป็นเภสัชกร ให้ไปเดินเรื่องขอให้อาจารย์หมอที่ อาม่ารักษาอยู่ให้ออกยามอร์ฟีนให้ ก็ได้มาทั้งแบบยาและน้ำ เราให้อาม่าทานแบบน้ำ ๒ มิลลิกรัม แต่ยาจะหมดฤทธิ์ทุกๆ ๔ ชั่วโมง วันรุ่งขึ้นอาม่าไม่ยอมลืมตา ไม่ยอมพูด (อาการมากจากฤทธิ์มอร์ฟีน) ผ่านไปครึ่งวันอาม่าถึงจะรู้สึกตัวเต็มที่ อาม่าโกรธว่าเอา ยาอะไรให้อาม่ากิน อาม่ากลัวว่าจะเสียชีวิตไปโดยไม่รู้สึกตัว หลังจากนั้นก็ไม่ยอมกิน อะไรที่เป็นน้ำอีกเลย ถ้าจะกินต้องให้คนป้อนกินให้ดูก่อน ช่วงก่อนกินเจ อาม่าเริ่มเป็น หนักอีกครั้ง ลูกๆทุกคนก็บอกอาม่าว่าอย่าเพิ่ง คือไปฮุก (ไปไหว้เทพเจ้า) ให้อยู่กินเจก่อน จะได้เอาบุญไปเยอะๆ อาม่าก็พยายามอดทนจนถึง กินเจวันสุดท้าย วันที่ออกเจ วันที่ 17 ตุลาคม วันนั้นอาม่าเริ่มคุยไม่รู้เรื่อง ตาเหลือง ตัวเหลืองจำใครไม่ได้แล้ว วันนั้นเราไปเอาชุดครุยมา แล้วใส่ให้อาม่าดู บอกว่า "อาม่าอิมเอาชุดมาให้อาม่าถ่ายรูป" อาม่าก็ลืมตาขึ้นมาแล้วยิ้มจะลุกมาถ่ายรูป ถ่ายรูปเสร็จวันนั้น อาม่าถามว่า "พอแล้วยัง" เราคิดว่าอาม่าถามว่าถ่ายพอแล้วยัง เลยบอกว่าพอแล้ว (แม่เพื่อนบอกว่าจริงๆแล้วเค้าคงถามว่าให้เค้าทำอะไรพอแล้วยัง เพราะจริงๆแล้วอาม่าไม่ไหวตั้งแต่เริ่มกินเจแล้ว) ตั้งแต่วันนั้น(อาทิตย์ ที่17 ตุลาคม ) อาม่าก็นอนหลับตาหายใจไม่ยอมลืมตา วันที่ 18-22 อาม่ายังยอมอ้าบอกกลืนโจ๊กลงไปบ้างกินน้ำบ้าง แต่หลังจากวันนั้น อาม่า ก็ไข้ขึ้นสูง เกือบ สี่สิบองศา เช็ดอย่างไรก็ไม่ลด เลยโทรตามหมอให้มาดูหมอฉีดยาให้ วันละ หนึ่งเข็ม(หมอบอกว่าอาจจะติดเชื้อในกระแสเลือด) หมอมาฉีดให้สามวัน แล้วบอกว่าวันนี้เข็มสุดท้ายแล้วนะ อาม่าอาจจะอยู่ได้อย่างมากอีก หนึ่งถึงสองวัน ให้ทำใจไว้(ช่วงนั้นลูกๆหลานๆทิ้งงานมาอยู่กับอาม่าเป็นอาทิตย์ กลัวมาดูใจไม่ทัน) วันอาทิตย์ที่ 24 ความดันอาม่าเริ่มลดลง มือและเท้าเริ่มเย็น ลมหายใจอาม่าเริ่มแผ่วลง ตั้งแต่ หกโมงเย็น แต่อาม่ายังสู้ เพราะกลัวไปก่อนห้าทุ่มครึ่ง (คนจีนถือว่าหลังห้าทุ่ม ครึ่งถึงเช้ายังไม่ได้กินอะไรคนตายจะไม่เอาสมบัติ และบุญกุศลที่ทำในชาตินี้ไป จะทิ้ง ไว้ให้ลูกหลานทั้งหมด) ลูกๆหลานๆทุกๆคนกว่าสามสิบชีวิตช่วยกันท่องพุธโธ เพื่อเป็น จังหวะให้อาม่าหายใจ แล้วคืนนั้นเช้าวันที่ 25 ตุลาคม 2553 อาม่าก็จากไปอย่างสงบ (สภาพเหมือนคนหลับ) วันพรุ่งนี้อาม่าเสียครบ 49 วันแล้ว (มีพิธีออกจากทุกข์ของจีน) เหมือนเมื่อวานอาม่ายังอยู่กับพวกเราอยู่เลย (@T^T@) ปล. ช่วงแรกกินหญ้าปักกิ่ง แล้วก็ยาของโรงพญาบาลอีกเยอะมาก ช่วงหลังๆอาม่าเรากินยา สมุนไพร เพียงเกี่ยงอึ๊ง หรือ"เพี่ยนจื่อหวัง" มันช่วยเรื่อง ตับโดยเฉพาะ กินแล้วทำให้ไม่อักเสบมาก หลังๆอาม่าไม่ปวดท้องเลย แต่น่าเสียดายที่มารู้จักยาตัวนี้ช้าเกินไปถ้ารู้เร็วกว่านี้อาม่าอาจจะอยู่กะเรานานกว่านี้ก็ได้ ยังไงเราก็ขอเป็นกำลังใจให้ จขกท เข็มแข็งนะคะ ปล.2 ยืมล็อคอินพี่สาวมาใช้นะคะ ปล.3 อาม่าไม่ยอมนอนที่โรงพยาบาล แต่มีหมอมาตรวจให้ที่บ้านตลอดค่ะ แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 53 18:25:34 แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 53 18:23:17 จากคุณ : SALIM IMMY (narusaru) เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 18:21:44

ความคิดเห็นที่ 28 ไม่น่าเข้ามาอ่านเลย คิดถึงยายมากมายเลย วันที่ 15 นี้ก็จะครบ 6 เดือนที่เสียไปเพราะมะเร็งตับ ของยายเรารู้ว่าเป็นก็ตอนระยะสุดท้าย ทำอะไรไม่ได้เเล้ว หลังจากนั้น 1 เดือน ยายก็จากไปอย่างสงบ เราเป็นคนดูแลยายก่ะแม่ มันเป็นช่วงเวลาที่เจ็บปวด หดหู่มาก แต่ของเราโชคดีที่หมอจ่าย tramadol หรือ tramal มาให้กินแก้ปวด ยายเลยหลับสบาย รวมทั้งให้ยานอนหลับด้วย แต่ยายเราเป็นคนอดทน ปวดแค่ไหนก็ไม่ร้อง ต้องถาม แต่ก็จะบอกว่าอย่าถามหามันมาก นั้นคือคำตอบว่าปวด ตอนหลังอาการแย่ลงหมอจ่ายมอร์ฟีนแบบเม็ดให้กลับมากินที่บ้าน หลังจากนั้นก็ซึมไม่รู้สึกตัว จนวาระสุดท้าย เป็นกำลังใจให้จขกทค่ะ สู้ๆๆค่ะ ไปคุยก่ะหมอขอมอร์ฟีน หรือยานอนหลับมาเลย คุณตาจะได้ไม่ทรมาน แล้วอยากให้ไปตรวจไวรัสตับบีด้วยค่ะ เพราะยายเราเป็นถึงทำให้เป็นมะเร็งตับ จากคุณ : AgRo20 เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 53 03:23:31

ความคิดเห็นที่ 29 คิดถึงอาก๋งเลย เป็นมะเร็งตับเหมือนกัน ตอนนั้นเด็กก็ไม่ได้ดูแลใส่ใจมากกว่าที่ควรจะเป็น อาก๋งทำให้เรารู้สึกถึงคำว่าสูญเสียมันเป็นยังไง คิดถึงอาก๋งมากนะคะ หนูขอโทษ จากคุณ : เค้าเรียกฉันว่านางร้าย เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 53 09:45:21

ความคิดเห็นที่ 30 เรื่องเตียง มีค่ามากมายนี่เราเคยโดนหมอรพ.รามาไล่ พร้อมๆ กับคนไข้หลายราย วันไหนที่หมอประจำบ้านจะต้องยึดเตียงคืนจากคนไข้ วันก่อนหน้าคนไข้ขอกลับบ้านคิดว่าไปตายบ้านดีกว่า มะเร็งขั้นสุดท้าย กลับนครสวรรค์ หมออนุญาต ลูกชายทำงานอยู่พิษณุโลกต้องลางานขับรถมาจากพิษณุโลกเพื่อรับพ่อกลับไปนครสวรรค์ แต่พอหมอเช็คตับแล้วค่าตับต่ำไม่ยอมให้กลับ ลูกชายก็เลยขับรถกลับพิษณุโลกเนื่องจากงานที่ทำยุ่งมาก กลับไปทำงานต่อ พอวันรุ่งขึ้นหมอประจำบ้าน (เห็นพวกพยาบาลเรียก) ขึ้นไปดูคนป่วยแล้วไล่ให้กลับบ้าน บอกว่าเตียงต้องสำรองไว้ให้พวกคนป่วยใหม่ ทีนี้จะทำยังไงลูกชายก็ขับรถกลับไปทำงานที่พิษณุโลกแล้วจะเรียกกลับมาก็ไม่ไหวแน่ๆ เงินก็ไม่มี เลยขอร้องคุณหมอผู้หญิงที่แสนสวยคนนั้นว่าขออยู่อีกซักวันสองวันได้หรือไม่ และอีกอย่างหมอเจ้าของไข้ที่ดูแลก็บอกไม่ให้กลับเพราะค่าของตับไม่ดีเลย แต่หมอคนสวยใจดำคนนั้นกลับโวยวาย พูดแบบอยู่ไม่ได้เด็ดขาดไม่ว่ากรณีใด ๆ ก็ตาม เราเห็นภรรยาคนไข้โกธรมากจนร้องไห้ หมอคนสวยเป็นเพียงเด็กผู้หญิงแค่ลูกหลานในสายตาเรา แต่ทำไมเธอจึงไม่มีคุณธรรมเลย เราก็เป็นคนไข้ที่ผ่าตัดที่หน้าอกเพิ่งผ่าได้ 2 วัน เรายังเจ็บแผลมากมายก็ยังถูกไล่ให้คืนเตียง อ้อ เราอยู่เตียงข้างๆ กันกับคนไข้ที่เล่าไปแล้วข้างต้น ตกลงวันนั้นเราตัดสินใจบอกญาติให้มารับกลับ เนื่องจากหมอต้องการเตียงคืน เรานั่งรถTAXI กลับไปบ้านร้องไห้ตลอดทางด้วยความเจ็บปวดแผลที่ผ่าตัดเวลารถสะเทือน ทำไม เราที่ถูกไล่ก็เป็นคนเหมือนกัน ไม่มีค่า ไม่มีชีวิตเหมือนกับที่หมอนั้นอ้างว่าเพื่อเอาเตียงให้ เราอยากจะบอกว่า การที่หมอมายืนท้าวสะเอวโวยวายไล่คนไข้เพื่อเอาเตียงนั้น มันทุเรศมากๆ ถ้าซักวันหนึ่งญาติผู้ใหญ่ของคุณหมอแสนสวยคนนั้นโดนทำแบบนั้นบ้าง คิดว่าคุณหมอคงไม่ยอมเหมือนกัน เราอัดอั้นใจในเรื่องนี้เลยอยากเล่าให้ฟัง แต่เรายังสำนึกในบุญคุณของคุณหมอที่รักษาเราที่รพ.รามา นะว่าอาจารย์หมอท่านดีมากทุกๆ คน เพียงแต่หมอที่ดูแลเรื่องเตียง ที่ต้องสวมบทโหดนี่แหละที่ทำให้เกิดความรู้สึกที่แย่มาก ๆ พวกที่โดนหมอไล่กลับไม่ใช่คนหรอกเหรอ แม้กระทั่งคนที่ใกล้ตายที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ฐานะก็ไม่พร้อมต้องอาศัยคนอื่น อธิบายอย่างไรก็ไม่ฟัง เราสะบายใจขึ้นเยอะที่ได้มาบอกสิ่งที่เราได้เจอมากับตัวเรา ไม่อยากจะให้ร้ายใคร แต่มันเป็นความจริงที่ไม่คิดว่าจะได้เจอ มันโหดร้ายมาก จากคุณ : นรกมีจริงที่ 9SE เขียนเมื่อ : 11 ธ.ค. 53 20:21:21 A:183.89.173.62 X: TicketID:286693

ความคิดเห็นที่ 31 .. เพิ่งขายที่ดินได้มา กำลังจะเอาเงินไปบริจาคที่รพ. รามา.. อ่าน คห. ที่ 30 แล้ว..??? .. รู้สึกยังไงดีหละ..?? เฮ้อ.. เห็นใจทุกท่านนะคะ.. .. จากคุณ : อาไน่ใจดี เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 53 10:43:20

ความคิดเห็นที่ 32 คุณอาไน่ใจดี บริจาคเลยค่ะเพื่อพ่อหลวงของเรา สมเด็จพระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเทพรัตน์ฯ เราเองก็บริจาคสมทบตึกพระเทพรัตน์ฯ แม้จะเป็นเพียงจำนวนเงินน้อยนิด แต่เราก็ภูมิใจ เราไม่ได้คิดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เราพบประสบมา เราคิดว่ามันเป็นการใช้กรรมของเราเอง ทีทำให้ได้พบกับเหตุการณ์เลวร้ายแบบนั้นค่ะ ปล. ของให้คุณอาไน่ใจดี จงใจดีสมชื่อนะคะ ทำบุญบริจาคกับรพ.รามาฯ เป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วค่ะ ขอให้กุศลผลบุญที่คุณทำ ส่งให้คุณและคนในครอบครัวมีแต่ความสุข ความเจริญรุ่งเรือง ร่ำรวยยิ่งๆ ขึ้นไป มีสุขภาพที่ดีแข็งแรง และคิดสิ่งใดสมปรารถนาทุกประการนะคะ จากคุณ : นรกมีจริงที่ 9SE เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 53 11:11:17 A:183.89.169.219 X: TicketID:286693

ความคิดเห็นที่ 33 .. ขอบคุณค่ะคห. 32.. คุณพ่อเสียชีวิตไปเมื่อ 2 ปีก่อนด้วยอาการหัวใจวาย.. ทิ้งที่ดินไว้ให้พวกเราพอสมควร ขายที่ได้ก็อยากทำบุญให้คุณพ่อค่ะ.. เคยไปรพ. รามาธิบดีแล้ว.. เห็นใจจริงๆ.. คนไม่สบายนอนอยู่หน้าลิฟต์.. ญาติผู้ป่วยหน้าตาเศร้าหมอง ดิฉันและพี่น้องไม่มีโอกาสส่งคุณพ่อไปหาหมอด้วยซ้ำ อีกไม่นาน.. จะโอนที่ดินกันค่ะ จะนำไปบริจาคแน่นอนค่ะ.. .. จากคุณ : อาไน่ใจดี เขียนเมื่อ : 12 ธ.ค. 53 15:35:29