ความคิดเห็นที่ 1 ทั้งสองอย่างนั่นแหล่ะครับ...แต่งงานก็เพื่อได้อยู่กับคนที่รักอย่างถูกต้องตามกฏหมาย จัดงานแต่งงานก็เพื่อแสดงให้สังคม ครอบครัวญาติมิตรได้รับรู้ เป็นการให้เกียรติผู้ให้กำเนิด ความรักเป็นเรื่องของคนสองคนก็จริง...แต่การแต่งงานเป็นเรื่องของสองครอบครัวนะครับ หน้าตา ชื่อเสียงทางสังคม เป็นส่วนที่คู่บ่าวสาวจะคิดเห็นแก่ตัวละเลยไม่สนใจ มันไม่ได้หรอก พ่อแม่ มีลูก งานแต่งไม่เคยจัด เห็นอีกทีอุ้มหลานซะแล้ว ...ชาวบ้านจะเอาพ่อแม่ไปนินทาได้ครับ คุณจะยอมเป็นลูกที่ทนได้ยินพ่อแม่โดนนินทาได้อย่างนั้นเหรอ? ลูกสาวส่วนใหญ่ทนไม่ได้หรอกครับ จากคุณ : Generals เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 53 21:23:22

ความคิดเห็นที่ 2 เราคิดเหมือนคุณผู้ชายแฮะ ไม่ต้องมีงาน ไม่ต้องอะไร จดทะเบียนก็พอ แต่ไม่มีใครมาขอแต่งเลย อิอิ ^ ^ จากคุณ : นกปิ๊ดตาลิวเบิร์ด เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 53 21:23:27

ความคิดเห็นที่ 3 ของเราเป็นแบบว่า ถ้ามีงานแต่งก็ดี แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไรค่ะ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเราน่ะ คิดว่าพ่อแม่เราก็คงไม่ว่าอะไรเหมือนกัน เพราะยังไงความสุขของเราคงไม่ขึ้นอยู่กับงานเลี้ยงแค่คืนเดียวหรอก ขอให้คนที่มาแต่งด้วยดีกะเราทั้งก่อนแต่งและหลังแต่งก็พอแล้วค่ะ จากคุณ : ชามะนาวเย็น ๆ เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 53 22:00:12

ความคิดเห็นที่ 4 การมีงานแต่ง  คือ พิธีกรรมที่บอกชาวโลกให้ทราบว่า  ฉันได้แต่งงาน   ฉันมีค่าคู่ควร  มีชายหมายปอง...และมอบหน้าที่แม่ของลูกให้ฉันปฏิบัติ งานแต่ง  บอกให้มนุษยชาติรู้ว่า  ลูกสาวคนนี้ของพ่อกับแม่  ไม่ได้หนีตามผู้ชายไปเฉย ๆ งานแต่งเป็นพิธีการ  ที่สื่อออกมาเฉย ๆ จะไปจดทะเบียนสมรสกันเฉย ๆ  หรือทำเล็ก ๆ ก็ได้  ตามความถนัดและเงินในกระเป๋า แต่พึงระลึกไว้ว่า...เราไม่ได้แต่งงานทุกวัน และในบางสังคม  การแต่งงาน  ยังสื่อถึงสถานภาพทางเศรษฐกิจและสังคมของครอบครัวทั้งสองฝ่าย ในอดีต  การแต่งงานอาจแฝงกุศโลบาย   แสดงให้เห็นว่า  ฝ่ายชายมีความสามารถจะเลี้ยงดูหญิงสาว  และบุตรที่กำเนิดมาได้ (ในสมัยนั้น  ผู้หญิงมีความจำกัดด้านการทำงาน) ไม่ผิดถ้าค่านิยมนี้ยังถูกฝังในหัวมาตลอด และหญิงสาวส่วนใหญ่  ก็ถือว่ามันคือตัวชี้วัดความสำเร็จในชีวิตประการหนึ่ง ------------------- แก้ไขเมื่อ 17 ธ.ค. 53 22:21:20 แก้ไขเมื่อ 17 ธ.ค. 53 22:20:48 จากคุณ : แฟนนายแบบ เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 53 22:19:27

ความคิดเห็นที่ 5 ส่วนใหญ่ ก็อยากแต่งงาน มีงานแต่งเชิญคนรู้จักมาร่วมรับรู้เป็นสักขีพยานกันทั้งนั้นนะ แล้วแต่ความพอใจของแต่ละคู่ แต่คู่ที่ยังตกลงกันไม่ได้ก็เป็นแบบที่จขกท.ยกตัวอย่างมา ............................................................................... -ถ้าต้นทุนชีวิตสูง มีหน้ามีตา ก็แต่งใหญ่โต หรูหรา เชิญแขกเหรื่อมาร่วมเป็นสักขีพยานได้ตามฐานะ ก็ว่ากันไป... -แต่ ถ้าเงินทองไม่มี ต้องกู้หนี้ยืมสินมาจัดงานแต่ง แล้วก็มานั่งหาเงินใช้หนี้กันหัวโต จนหน้ามืดก็ไม่ไหว -ถ้าไม่มีเงินเก็บ ก็แต่งกันให้ผู้ใหญ่รับรู้เฉพาะในวงศ์ญาติ ก็พอ ตามหัวข้อที่ จขกท.เอ่ยมาน่ะแหละ ปล.บางคู่จัดงานซะใหญ่โต อยู่กันก้นหม้อข้าวไม่ทันดำ ต้องเลิกร้างกันก็มี     แต่บางคู่จัดงานเล็กๆ  เอาแค่รับรู้เป็นการส่วนตัวอยู่กันยืนยาวก็มีเยอะไป จากคุณ : iamnid เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 53 22:47:26

ความคิดเห็นที่ 6 อยากมีงานแต่ง จากคุณ : uxbridge เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 53 23:49:07

ความคิดเห็นที่ 7 สำหรับเราถ้าได้แต่งงานนะ(ชาตินี้จะมีโอกาสไหมว้า)  จดทะเบียนแล้วเลี้ยงอาหารเย็นกลุ่มญาติพี่น้องสัก20คนก็พอ สมัยก่อนที่จัดงานให้รู้ว่าชาย-หญิงคู่นี้มีคู่ครองแล้วคนอื่นจะได้ไม่มายุ่งวุ่นวาย สมัยนี้มีทะเบียนสมรสยืนยันแล้วไงคะ ^ ^ จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 53 23:52:02

ความคิดเห็นที่ 8 อยากมีงานแต่ง  จะจัดให้เป็นแฟนซีปาร์ตี้เลย  ฮ่าฮ่าฮ่า จากคุณ : KHIMM เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 53 00:08:01

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้ารักเธอ อยากร่วมชีวิตกับเธอจนแก่เฒ่า ก็เก็บเงินนะจ๊ะ พร้อมอธิบายให้เธอเข้าใจจริงๆด้วย จากคุณ : แดงเร็กเก้บาร์ เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 53 02:25:40

ความคิดเห็นที่ 10 จะจัดไม่จัดลองถาม ผู้ใหญ่ ด้วยดีไหมค่ะ ถือเป็นการให้เกียรติผู้ใหญ่เขาด้วย และถ้ามีไม่มีเงินก็บอกเขาไปตรงๆ ค่ะ เราว่างานแต่งงานไม่ควรตัดสินใจกันเองสองคนนะ การตัดสินใจกันเองบางครั้งอาจจะเป็นการข้ามหน้าข้ามตา หรือไม่เห็นหัวค่ะ จริงอยู่ว่ามันเป็นเรื่องของคนสองคน แต่คนสองคนนี้ไม่ได้เกิดมาจากกระบอกไม้ไผ่นะคะ... งานแต่งงาน... ถือเป็นการเกียรติผู้ใหญ่นะคะ ไม่ใช่แค่งานแต่งงาน... (พ่อคุณสามีเราบอกว่าอย่างนี้ค่ะ) ส่วนตัวเรา... อยากแค่เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมาย ตอนนั้นคิดตื้นๆ ไม่ได้คิดถึงเกียรติ และหน้าพ่อแม่เท่าไหร่ แต่ก็ได้แค่คิดนะ ทำจริงๆ ก็คือจัดงานแต่งงานนี่หล่ะ... เหตุผลที่มีงานแต่งสำหรับเราคือ พ่อแม่ค่ะ... พ่อแม่ว่ายังไง เราสองคนก็ตามท่าน ท่านเป็นเหตุผลเดียวจริงๆ ที่มี ณ ตอนนั้น ลำพังตัวเรากะคุณสามีเองจะยังไงก็ได้อยุ่แล้ว ที่ไทยก็เลยต้องจัดเพราะเราต้องมาอยู่กะคุณสามี กลัวคนอื่นนินทาพ่อแม่ ลำพังไม่ได้อยู่ดูแลท่าน เราก็อกตัญญูมากพอแล้ว ก็เลยไม่อยากให้ท่านเสื่อมเสียมากไปกว่านี้ ที่ลูกหายไปอยุ่กะ ผช เฉยๆ (ถ้าเป็นงั้นคงไม่ต่างจากหอบผ้าหนีตามกัน) ยิ่งคุณสามีเป็นคนต่างชาติด้วย ส่วนตอนจะจัดงานที่ ญป เราสองคนกะจะไม่จัดเพราะค่าใช้จ่าสูงโคตรๆ แม้ครอบครัวคุณสามีจะออกเงินให้ แต่ก็เสียดายเงิน ไม่อยากจัดอ่ะ แต่่พ่อแม่คุณสามีไม่ยอม... พ่อคุณสามีบอกว่า การจัดงานแต่งงาน ไม่ใช่แค่เพื่อตัวบ่าวสาว แต่เป็นการให้เกียรติตัวครอบครัวทั้งสองฝ่าย ทั้งครอบครัวเจ้าบ่าวที่ลูกชายไม่ได้ ไปเอาลูกสาวใครเขามาแบบหลบๆ ซ่อนๆ ให้เสียเกียรติ ให้คนว่าพ่อแม่ (ถือตัวเขาได้) และเป็นการให้เกียรติครอบครัวเจ้าสาว เป็นการให้เกียรติพ่อแม่เรา ประมาณนั้น สุดท้ายเลยจัดทั้งสองที่ แม้ตอนแรกจะไม่เห็นด้วยเพราะมันฟุ่มเฟือย แต่ถึงตอนนี้เราดีใจมากมายเลยที่ได้มีงานแต่งงาน ดีใจที่เชื่อพ่อแม่ ดีใจที่เชื่อพ่อคุณสามี ดีใจที่ครอบครัวคุณสามีให้เกียรติและรักเราค่ะ ปล. แม้จัดงานจะยังโดนนินทาว่า จัดงานแต่งไปเดี๋ยวก็ได้เลิกกัน แต่มันก็ยังดีกว่าไปอยู่กันเฉยๆ หรือหนีตามไปแล้วเลิกกันเยอะเลย จากคุณ : thangthai_ladypink เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 53 07:21:34

ความคิดเห็นที่ 11 มันเป็นธรรมเนียม และค่านิยมของคนไทยกันมาตั้งนานแล้วละครับ (ส่วนใหญ่) ไม่จะ - สินสอด - จัดงานเลี้ยง - แจกการ์ด (อันนี้พื้นๆ) - รูป Pre Wedding (บางคู่) เรื่องแบบนี้ มันขึ้นอยู่กับทางฝ่ายชายเช่นกัน ถ้าฝ่ายชายไม่ค่อยมีเงินมาก สิ่งต่างๆ เค้าก็อาจจะมองข้ามมันไป หาว่ามันไม่จำเป็น แต่ถ้าฝ่ายชายมีกำลัง หรือมีเงินมาก เรื่องแบบนี้บางคนก็คิดว่า ไม่มีปัญหา ฝ่ายหญิง มันก็ครั้งหนึ่งในชีวิต ใครๆ ก็อยากมีพิธีการต่างๆ จัดงานเลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นงานลักษณะค๊อกเทล-โต๊ะจีน ยังไงๆ ก็ขอให้มันมีงานให้ได้..ไว้ก่อนเถอะ แต่ถ้าผู้หญิงที่เคยผ่านชีวิตมาแล้ว ถ้าชีวิตเธอเคยล้มเหลวมาก่อน ก็จะต้องบอกว่า "จัดไปทำไม ไม่มีประโยชน์" แต่ถ้าเป็นคนที่ประสพคาวมสำเร็จ ก็อาจจะแนะนำ ส่งเสริม จัดงาน หรือไม่จัดงานนั้น มันต้องขึ้นอยู่กับทางผู้ใหญ่ด้วย ซึ่งแน่ๆ ละ ผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงจะต้องเป็นคนออกโรงก่อน เพราะส่วนใหญ่ผู้ใหญ่ฝ่ายชาย ก็จะต้องจำยอมให้กับฝ่ายหญิง  ตรงนี้มันก็คงขึ้นอยู่กับหน้าหนา หน้าบาง ของผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงอันดับแรก และในสังคมของไทยเรา มันก็เป็นกันจริงๆ กับความน้อยหน้า กับความเสียฟอร์ม หากไม่ได้จัดอะไรเลย จากคุณ : Greenapple1 เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 53 09:05:41

ความคิดเห็นที่ 12 ไม่อยากมีหรอกคะ ขอแค่คนที่จริงใจก็พอ (แวะมาบอกเฉยๆ อิๆๆ) จากคุณ : amykittenish เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 53 09:12:17

ความคิดเห็นที่ 13 ยอมรับตรงๆ ว่าอยากมีงานแต่ง... >< อยากใส่ชุดเจ้าสาว ยืนข้างผช.ที่เรารัก ยืนกล่าวขอบคุณแขกเหรื่อ เพื่อนสนิทมิตรสหายฝูงโตของเราด้วยกัน ในความรู้สึก มันเหมือนกับว่า ฉันเป็นผู้หญิงที่มีค่า ในสายตาผช.คนนี้ (แน่สิ ไม่งั้นจะเสียเงินตั้งหลายแสนจัดงานแต่งให้เรอะ) -*- และการจัดงานแต่งงาน เรียกสินสอดฯ ก็เป็นเหมือนพิธีการที่ให้ผช.ได้พิสูจน์ตัวเอง ว่าเค้าน่ะ มีศักยภาพมากพอที่จะดูแลเราได้.. ไม่รู้สินะ บางคนอาจจะิคิดว่าไม่สำคัญ แต่เราชอบ และเราคิดว่ามันเป็นวิธีการสกรีนคนที่จะมาใช้ชีวิตร่วมกันได้ในระดับนึง . . ในความเป็นจริงแล้ว ถ้ามันคบกันอยู่ในจุดที่เรียกว่ารัก และเรามั่นใจในตัวผช.คนนั้นมาก หรือเค้าคงพิสูจน์อะไรต่างๆ นาๆ ให้เราเห็นว่าเค้าดีจริง ดูแลเราได้แน่ๆ (ไม่เฉพาะในเรื่องเงิน) งานแต่งหรือความฝันจะไ้ด้แต่งงานของเรา ก็ไม่สำคัญไปกว่า ผช.คนนั้นหรอกค่ะ จากคุณ : dolphin_moo เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 53 09:30:56

ความคิดเห็นที่ 14 ไม่ชอบงานแต่งงานเลย แพทเทิร์นมาก ๆ แค่ให้ผู้ใหญ่คุยกัน ตกลงกันให้ถูกต้องตามศีลธรรม ก็เพียงพอแล้วล่ะ จากคุณ : N'Wan เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 53 09:54:50

ความคิดเห็นที่ 15 ปี 2010 แล้ว ช ญ สิทธิ เท่าเทียมกัน  ทำไมต้องไปขอฝ่าย ญ ด้วย เฮ้ออออ ตามฐานะ ตามธรรมเนียม ก็พอครับ มากไปก็ฟุ้มเฟ้อ  เอาตังไป ฮันนีมูลดีกว่าไม่ต้องมานั่งลุ้น ซองด้วย จากคุณ : แก้วคุง เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 53 09:55:51

ความคิดเห็นที่ 16 บางทีก็งงๆ ว่าทำไมผู้ชายไม่อยากแต่งงาน? แสดงว่าการป้อนข้อมูลที่ฝังหัวของสองเพศนี้ คงจะแตกต่างกันเนาะ - -" ... จากคุณ : Spirited A's way เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 53 10:04:55

ความคิดเห็นที่ 17 แล้วแต่มุมมองของผู้หญิงแต่ละคนอ่ะค่ะ เราเฉยๆกับการแต่งงาน  จะว่าไปถ้าเจอคนที่ไปด้วยกันได้  แค่นั้นก็สุขที่สุดละ ไม่ได้ยึดติดกับอะไรพวกนั้น จัดงานใหญ่โตโอ่อ่า คนรู้กันทั่วไปหมด พอมีปัญหาเลิกลากันที ก็อายเค้า นู่นนี่นั่น  มากเรื่องมากความ (เวลามีปัญหาไม่มีใครเค้ากล้ามายุ่งหรอก เดี๋ยวซวย) คนรักกัน อยากผูกสัมพันกัน จัดงานใหว้ผู้ใหญ่ให้พอเป็นพิธีก็พอ มาไหว้ผู้ให้กำเนิดเรา มาเคารพท่านก็ดีมากแล้ว เพราะเรื่องเลี้ยงดูปูเสื่อ คนเป็นลูกก็ต้องจัดสรรเป็นหน้าที่อยู่แล้ว บางทีคนเราก็ยึดติดกับอะไรที่เป็นภาพสวยหรู  (ก็คงไม่แปลกมั้ง) แต่ อย่างว่า แล้วแต่จะคิด จากคุณ : My love and Me myself เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 53 15:44:10

ความคิดเห็นที่ 18 สำหรับเรา จดทะเบียนก็พอ ญาติครอบครัว 2ฝ่ายมากินอาหารด้วยกัน เล็กน้อยก็พอแล้วหล่ะ จากคุณ : ปูน้อยขาโก่ง~* เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 53 18:26:39

ความคิดเห็นที่ 19 เพิ่งถูกทิ้งมา ความหวังเรื่องแต่งงานพังทะลายหมดแล้ว ----------------------------- เมื่อก่อนแค่คิดว่ารักกันคงจะพอ ไม่ต้องมีงานแต่งใหญ่โต แค่คนใกล้ชิดรับรู้ พอเป็นผู้ใหญ่มีเหตุผล เงื่อนไขมากมาย จากคุณ : เส้นเล็กน้ำใส เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 53 18:35:33

ความคิดเห็นที่ 20 เราไม่อยากมีงานแต่งค่ะ เรามองว่าสิ้นเปลือง เหนื่อย และเสียเวลา  = = ความคิดอาจสวนทางกับชาวบ้าน เพราะเราไม่มีญาติอะไรที่ไหน มีแค่พี่ชายคนเดียว ซึ่งพี่ก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้เท่าไร ขอแค่เรามีความสุขพอ ติดอยู่แต่ทางบ้านแฟน  ท่าทางคงอยากให้จัดงาน ถามเรื่อยๆว่าจะแต่งเมื่อไร  เราก็ได้แค่ตอบว่ารอพี่ชายเราหรือพี่สาวแฟนแต่งก่อน จากคุณ : เทมปุระ เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 53 01:11:19

ความคิดเห็นที่ 21 ผู้หญิงอยากแต่งงาน ผู้ใหญ่อยากได้งานแต่ง จากคุณ : เขียนบน iPhone (เทพบุตรหมัดดาวหาง) เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 53 05:53:11

ความคิดเห็นที่ 22 อยาก แต่งงาน เลยต้องมี งานแต่ง ไงคะ...พิธีการเล็ก ใหญ่ ก็แล้วแต่ความเหมาะสม ไม่งั้นมันก็แค่ อยากอยู่ด้วยกันเฉยๆ ไม่ได้เรียกว่า อยากแต่งงาน รึป่าว? ^^ จากคุณ : Anece' เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 53 18:51:49

ความคิดเห็นที่ 23 ผู้หญิงอยากมีงานแต่ง อยากเป็นเจ้าสาวแสนสวย อยากมีงานแต่งงานสวยๆ อยากได้แหวนแต่งงานสวยๆ อยากให้งานแต่งงานเป็นที่จดจำ บลาๆๆๆๆ ถ้าไม่งั้น ก็อยู่กันเฉยๆ หรือ จดทะเบียนก็พอแล้วซิ แบบนี้ก็รักกันได้ แต่ ไม่ ผู้หญิงเป็นเพศทื่มีความต้องการสูง เช่น อยากสวย อยากรวย อยากเด่น บลาๆๆๆๆ เราไม่ได้บอกว่าผุ้หญิงทุกคนนะ แต่ส่วนใหญ่เลยแหละ จากคุณ : ไม่ขอองุ่นเปรี้ยว เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 53 22:48:26 A:58.8.196.31 X: TicketID:297050

ความคิดเห็นที่ 24 ผ่านชีวิตมาก็นาน เห็นแต่ความไม่แน่นอนของชีวิต สำหรับเราแต่งก็ได้ ไม่แต่งก็ได้ แต่คงต้องแต่ง เพราะฝ่ายชายเองก็อยากให้ครอบครัวผ่ายหญิงเชื่อมั่น แต่เราอยากเอาเงินไปลงทุนมากกว่า 5555 เวลาไม่มีกิน ไม่เห็นมีใครเสนอหน้ามาช่วย แต่พอเราไม่แต่งงาน จัดงานแต่งงานดี ๆ ก็เอาไปนินทาว่าร้าย บอกว่าผู้หญิงไม่มีค่า ซะงั้น สำหรับเราแล้ว ไม่ค่อยอยากตามขี้ปากชาวบ้านค่ะ เงินกินเงินใช้เงินแต่ง เงินช้านนนทั้งนั้นเลย เก็บไว้กินดีกว่า ขอแค่คนในครอบครัวเข้าใจก็พอแล้ว จากคุณ : boonrodjang เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 18:24:51

ความคิดเห็นที่ 25 จริงอยู่ที่เราอยากจะมีงานแต่ง  แต่ถ้าไม่มีก็ทำใจได้  แต่อย่าลืมว่า   พ่อแม่ของเราที่เป็นฝ่ายหญิงนั้นมีหน้ามีตา  ลูกของเพื่อนร่วมงานทุกคนแต่งงานใหญ่โต สวยหรู  แต่ลูกตัวเองไม่ยอมจัดงานแต่งทั้งที่ฐานะก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไรมากมาย  มันจะเป็นการทำร้ายจิตใจพ่อแม่มากเกินไป  ที่พูดนี่เป็นประสบการณ์จริง   ตอนนี้ก็ยังไม่แต่ง  เรื่องก็เป็นอย่างที่ จขกท เขียนไว้เด๊ะๆ  เราก็เหห็นใจแฟนเรา เพราะฐานะเขาก็ปานกลาง  ถ้ามาจัดงานแต่งก็ค่อนข้างลำบากเรื่องค่าใช้จ่าย แต่เราก็รักพ่อแม่เรา  อยากให้ท่านมีความสุข  ไม่อยากให้ท่านน้อยเนื้อต่ำใจ จากคุณ : ผู้หญิงคนหนึ่ง (กินหนังสือเป็นอาหาร) เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 53 11:28:29

ความคิดเห็นที่ 26 ส่วนตัวอยากมีงานแต่งค่ะ อยากมีสินสอด อยากทำให้ถูกต้อง เพราะเกิดมาจนอายุสามสิบ สู้อุตส่าห์รักนวลสงวนตัวมาตลอด หากจะแต่งงาน อย่างน้อยควรมี สิน(เพื่อ)สอด ตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ที่อบรมเลี้ยงดูเรามาอย่างดีบ้าง จะให้เท่าไหร่ก็ว่ามา แต่อย่าประเมินให้มันต่ำนัก เพราะสำหรับเรา การให้สินสอดก็เหมือนการให้เงินแก่พ่อแม่ฝ่ายหญิง เพื่อขออนุญาตสู่ขอลูกสาวไปใช้ชีวิตอยู่ด้วย ขอบคุณมากที่เลี้ยงดูฟูมฟักฝ่ายหญิงมาจนทำให้ฝ่ายชายมาพบและรัก จนอยากจะรับไปเป็นคู่ชีวิต อะไรทำนองนั้น ส่วนเรื่องงานแต่ง อย่างที่บอกคือ อยากทำให้ถูกต้อง พ่อแม่เป็นคนที่หลายคนรู้จัก จะมีผัวซักคนก็อยากบอกให้ชาวบ้านรับรู้นะว่า เออ ชั้นแต่งงานทำตามประเพณีอย่างถูกต้องนะ ไม่ใช่อยู่ดีๆ พาผู้ชายเข้านอกออกในบ้าน มาค้างคืนบ้างอะไรบ้าง จะได้เคลียร์ๆ ไปเลยว่า คนนี้ ผัวหนูนะ อย่ามามองแบบเดาๆ ว่าผู้ชายคนนี้มันเป็นใคร อีกอย่างเหมือนเป็นการให้เกียรติสามีด้วย เพราะว่าการประกาศตนเองว่าแต่งงานมีสามีแล้วนั้น การจะทำการสิ่งใดก็ต้องคิดไตร่ตรองมากขึ้น ว่าการกระทำนั้นๆ เหมาะสมหรือไม่ ตอนโสดยังทำได้ เอ๊ะ มีผัวแล้วควรทำมั้ย เพราะชาวบ้านเค้าก็รู้กันทั่วว่ายัยคนนี้แต่งงานแล้ว เดี๋ยวจะเสียหายไปถึงสามี มันเป็นการให้เกียรติอย่างหนึ่งนะ เราเองตอนนี้ยังไม่แต่ง แต่คุณแฟนก็มีพูดบ้าง ส่วนแม่สอนมาตลอดว่าทำอะไรคิดถึงพ่อแม่ให้มากๆ ถ้าแต่งงาน จะทำอะไรต้องคิดถึงสามีให้มากๆ เพราะเค้าถือเป็นคู่ชีวิตเราแล้ว เราก็เลยยังไม่แต่งตอนนี้ดีกว่าค่ะ อิอิอิ อืมมม ความเห็นต่อไปว่าไงคะ ?? แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 53 02:33:19 จากคุณ : กุ๊กซ่า เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 53 02:25:22

ความคิดเห็นที่ 27 เราเพิ่งแต่งไปค่ะ ใหญ่โต และเสียดายตังมาก แต่ไม่ได้ตังเรา เป็นตังพ่อแม่สามี ซึ่งในที่สุดแล้วก็เอาเงินซองไปคืนท่าน เหลือนิดๆหน่อยๆขวัญถุงของเรากะแฟน ท่านยังแถมเงินให้อีกต่างหาก ตอนเริ่มจัดงานรู้จำนวนเงินที่ต้องจ่าย เสียดายตังมาก คิดว่าเอาไปใช้ทำอะไรได้มากมาย แต่พอถึงงานเห็นพ่อแม่เรา หน้าบานเป็นจานเชิง เราก็ถือว่าคุ้มแล้ว ชีวิตนี้ มีงานรับปริญญาให้พ่อแม่ มีงานแต่งงานให้พ่อแม่ ถือเป็นโอกาสในการสร้างความสุขใหญ่ๆให้พ่อแม่ ทั้งๆที่พ่อแม่เค้าก็ดีใจที่ตัวเราได้ดีมีสุข (หมดห่วง ตามความเห็นและทัศนคติของเค้า) เรื่องเงินก็ไม่ต้องคิดมาก คิดซะว่าแขกเค้ามางาน เอาซองมาให้เป็นค่ากินเลี้ยงของเค้าเอง แม้จะไม่เหลือกำไรอะไรมาก ก็ไม่เป็นไร ไม่ได้อยากจะหากำไรจากงานแต่งอยู่แล้ว เงินที่จ่ายไป(เงินซอง) ถือซะว่าซื้อความสุขอันมหาศาลให้พ่อแม่ ซึ่งความสุขระดับนี้หาได้ยากนะจ้ะ ผ่านงานไปสองสามเดือนแล้ว พ่อแม่เรายังเห่อไม่เลิกเลย อนึ่ง เราคิดว่าถ้าพ่อแม่ฝ่ายชาย ฝ่ายหญิง ไม่สนใจเรื่องนี้ เจ้าบ่าว เจ้าสาวไม่แคร์เรื่่องนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องมี สิ้นเปลืองมาก เหนื่อยมากด้วย แบบนั้นไม่ต้องจัดไปเลยดีกว่า เพราะแขกเหรื่อเม้าท์วันสองวันก็ลืม แต่ถ้าพ่อแม่ของคุณคิดเรื่องนี้ ควรจะทำให้เค้านะ ถ้าทำได้ เพราะถ้าพ่อแม่ทุกข์หรือสุขเรื่องลูกนี่ นานนะ ทุกข์นาน สุขนาน วนเวียนคิดแต่เรื่องนี้ตลอด สำหรับจขกท. เป็นที่ตัวเจ้าสาว เค้าอยากมีงาน คุณก็ถือว่าซื้อของขวัญให้แฟน เป็นการซื้อความสุขอันยิ่งใหญ่ให้ว่าที่ภรรยาละักัน ถ้าของขวัญชิ้นนี้มันแพงไป เปลืองไปไม่สมฐานะ ก็คุยกัน ปรับกัน จนได้จุดสมดุล แต่ถ้าจุดสมดุลฝ่ายหญิงมันสูงนัก ก็คุยกันว่า รอไปก่อน รอจนกว่าว่าที่สามีจะมีตังมาจ่ายค่า่ของขวัญราคาขนาดนั้นๆ ให้ภรรยาได้ค่อยแต่ง(โดยไม่เบียดเบียนฐานะจนถึงเป็นหนี้สิน) ... ถ้าคุณเธอรอไม่ไหว ก็จะลดระดับมาจนสมดุลเองแหล่ะค่ะ จากคุณ : เด็กหญิงกล้วยบด เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 53 16:08:42

ความคิดเห็นที่ 28 เคยได้ยินเรื่องเพื่อนผู้ชายคนนึง วางแผนจะแต่งงานกับแฟน ตกลงกันเรียบร้อย จะจัดงานแต่งงานกัน ฝ่ายชายออกตัง ฝ่ายหญิงจัดงาน ... ฝ่ายหญิงอยากได้นู่นได้นี่ งบประมาณดูท่าจะบานปลาย ฝ่ายชายเลยบอกฝ่ายหญิงว่า มีตังเท่านี้บาทที่เป็นงบแต่งงาน จะใช้จ่ายเท่าไหร่ก็จัดไป เหลือแล้วจะเอาไปซื้อแหวน ใช้จ่ายมาก แหวนวงเล็ก ใช้จ่ายน้อย แหวนวงใหญ่ ให้ฝ่ายหญิงเลือกเอา ... สุดท้าย งานเล็กลง แหวนเม็ดเป้ง จขกท.ลองคุยกะว่าที่เจ้าสาวดูละกันค่ะ จากคุณ : เด็กหญิงกล้วยบด เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 53 18:07:46