PANTIP.COM : L10051152 [เรทน๊อยนึง] เรื่องของน้องชายน่ะครับ [สุขภาพกาย]

ความคิดเห็นที่ 5

ช่วงนี้เห็นกระทู้เห็นหมีมาแรง
หลายคนก็ขำ หลายคนก็ตลกโปกฮา
หนุ่ม ๆ หลายคนก็ช่วยกันเล่าประสบการณ์สารพันที่เคยประสพ
ในฐานะที่เป็นหมอที่อยู่ใกล้ชิดกับสาขานี้
เลยอยากขอกระตุกอารมณ์กันหน่อยนะ
คือไม่อยากให้ผู้ชายมองเป็นเรื่องสนุกสนานหนะครับ
อาการกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นนี่ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากเป็นหรอกครับ
กลิ่นที่เกิดขึ้นในผู้หญิง ไปพูดไปแซวเข้าคนที่เป็น เค้าได้ยินก็รู้สึกนะ
โดยเฉพาะผู้ชายที่ชอบไปแซว ไปแสดงความเห็นเชิงตลกโปกฮานี่
เคยรู้ไหมครับ ว่ากลิ่นที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่นี่ มาจากผู้ชายนะครับ
สาเหตุก็คือเวลามีอะไรกันแล้ว ผู้ชายไม่ดูแลความสะอาดของตัวเองให้ดี
ทำให้มีสิ่งสกปรกตกค้างเข้าไปในบริเวณช่องคลอดของผู้หญิง
หลายคนก็เถียงบอกว่าถ้าอย่างนั้นจริง ผู้ชายก็น่าจะเน่ากว่า และก็ขำผู้หญิงกันต่อไป

แต่อย่าลืมนะ ว่าอวัยวะส่วนนั้นของผู้ชายมันอยู่ข้างนอก
ล้างดี ๆ เชื้อโรคแบคทีเรียก็หมดได้
แต่ของผู้หญิงนี่มันลึกไปเป็นซอกเข้าไปนะครับ
จะให้ควักให้ล้วงอย่างไรก็ไม่สามารถทำสะอาดได้เท่า
จะให้ผ่าออกมาไว้ข้างนอกเอาน้ำฉีดอัดก็ทำไม่ได้
ดังนั้นหากมีแบคทีเรียที่ผู้ชายเอาเข้าไปตกค้างนี่ มันก็ทำให้เกิดการหมักหมมและเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ขึ้นมา และสุดท้ายผู้ชายเองนีแหละมานั่งขำ นั่งล้อ นั่งแซว ทั้งที่ลืมไปว่าตัวเองเป็นต้นเหตุ

แมนมากครับ

นอกจากนั้น บางคนเอาเชื้อเอชพีวีไปหย่อนใส่ผู้หญิงเค้าอีก
ทำให้ผู้หญิงเกิดเป็นมะเร็งปากมดลูกอีก งานเข้าทั้งนั้นครับ
ซึ่งงานวิจัยมากมายพบว่าเชื้อเอชพีวีนี่มันอยู่ตรงบริเวณปลายของอวัยวะเพศชายนะครับ แต่ดีหน่อยที่ของผู้ชายดันอยู่ข้างนอก เลยทำให้ล้างออกง่าย ไม่ก่อปัญหามากนัก นอกจากซกมกจริง ๆ ถึงเกิดมะเร็งจู๋
แต่เมื่อไหร่ที่เอาไปไว้ข้างในตัวผู้หญิงที่มันทำความสะอาดลำบากเพราะเหตุผลทางกายภาพ พอเกิดระคายเคืองมาก ๆ ก็เลยเกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ จนทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกครับ

ดังนั้น หากไม่อยากให้แฟน หรือคนที่เรารัก มีความผิดปกติหรือโรคร้ายเกิดขึ้นนี่
ต้องดูแลสุขอนามัยของผู้ชายเราให้ดีก่อนครับ
ธรรมชาติผู้หญิงเค้าก็สร้างกลไกไม่ให้มีอะไรมันเข้าไปได้อยู่แล้วครับ
จะเกิดเรื่องก็เพราะผู้ชายอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ นี่แหละ เอาอะไรใส่เข้าไปในนั้น
และหากสิ่งที่ใส่เข้าไปไม่รักษาความสะอาด หรือดูแลสุขอนามัยให้ดีพอ
สุดท้ายก็จะเป็นปัญหาที่ผู้ชายมาทำงง แอ๊บแบ๊ว ว่าทำไมมีกลิ่นและก็มาแซว มาล้อสาวๆนั่นแหละ

อย่างที่หลาย ๆ คนรู้กัน คือผู้ชายทุกคนจะมีหนังหุ้มบริเวณปลายของอวัยวะเพศ
ซึ่งบางคนที่โชคดีหน่อย หนังไม่ยาวมาก ดังนั้นเวลาโตขึ้นหนังก็จะร่นไปด้านล่างได้
แต่ก็มีผู้ชายอีกจำนวนมากเช่นกัน ที่หนังหุ้มปลายยังยาวอยู่ ทำให้มันคลุมบริเวณหัวของตัวอวัยวะ
ตรงนี้แหละครับที่ทำให้เกิดปัญหาได้
เพราะเวลาเราเข้าห้องน้ำแต่ละครั้ง หลังทำธุระเสร็จก็จะมีคราบหรือหยดของฉี่มาค้างไว้
และยิ่งประกอบกับเมืองไทยเป็นเมืองร้อน ทั้งเหงื่อ ทั้งขี้ไคลมาหมัก ๆ คลุกเคล้า ๆรวมกันจนเข้าที่
ตรงนี้แหละครับที่ทำให้เกิดคราบและกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ได้ครับ
ซึ่งคนที่ขลิบจะช่วยเรื่องนี้ได้เยอะครับ

เมืองไทยเมืองร้อน ใส่เสื้อแขนยาวทำอะไรก็ลำบาก จะล้างมือ จะหยิบของก็ไม่สะดวก จะถกแขนเสื้อไปข้อศอก ซักพักแขนเสื้อก็ตกลงมาอีก และพอแขนเสื้อเปียกน้ำ มันก็ชื้น เหนอะหนะครับ ดังนั้นหาเสื้อแขนสั้นมาใส่ดีกว่า จะทำอะไรก็ง่ายขึ้นครับ

ที่บางคนบอกว่าตอนหลับรูดขึ้นได้ลงได้ นั่นแหละแสดงว่ายังมีหนังมาคลุมอยู่ตลอด
ช่วงระหว่างวันเราไม่ได้คอยถกไว้ตลอด ดังนั้นต้องระวังเรื่องการหมักหมม
สังเกตุง่าย ๆ ว่าช่วงระหว่างวันตรงส่วนหัวนี่จะชื้น ๆ หน่อย เป็นทั้งเหงื่อและปัสสาวะที่ค้าง
ตรงนี้แหละเป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ของเชื้อโรคครับ

ดูแลให้ดีครับ เพื่อสุขอนามัยที่ดีของเราและคนที่เรารักครับ

จากคุณ : สาลิกาโบยบิน

เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 22:50:59

ความคิดเห็นที่ 8

ที่เจ้าของกระทู้พูดถึง ว่ามีคน ๆ หนึ่งมาตอบกระทู้ประมาณว่า ใช้วิธีถอก แต่ไม่ได้ขริบ ชัวร์ครับ ว่าผมนี่เอง........ไม่ผิดตัวครับ

ผมใช้วิธีถอกครับ เมื่อสักไม่เกิน 6 ปี ที่ผ่านมานี่เองน่าจะได้.....ก่อนหน้านี้ ผมเหมือนผู้ชายปกติ ที่มีหนังหุ้มปลาย หุ้มตลอด ตอนแข็งก็หุ้ม เมื่อย่างเข้าวัยรุ่น รุ้จักการช่วยตัวเอง ซึ่งผู้ชายทุกคน คงรู้ว่า ช่วยตัวเองกันยังไง ผมก็ช่วยตัวเองโดยที่ไม่ได้เปิดส่วนหัวเลยครับ

คือพูดง่าย ๆ ว่า ส่วนหัวไม่เคย ได้เผชิญออกมาสู่อากาศภายนอก เลย นอกจากที่เปิดมาล้าง ซึ่งไม่ชอบมาก ๆ ครับ เพราะเปิดมาล้างที่ไร มันใจหวิว ๆ เหมือนว่า ไม่อยากเปิดมาล้างเลย ไม่ใช่ขี้เกียจครับ แต่มัน จิ๊ด ๆ ยังไงไม่รู้

จนมาถึงวันนึง ก็ ใช้วิธีอย่างที่เจ้าของกระทู้บอก มีอาการเจ็บแปล่บ เหมือนกัน ก็มันไม่เคยเปิด นี่เล่นเปิดทั้งวัน มันก็เสียดสีกับ อันเดอร์แวร์ครับ แทบเดินไม่เป็นผู้เป็นคน แต่ก็ อดทน ๆๆๆๆ.........

.ยังจำได้ว่า เก็บอาการสุดขีด ใส่กางเกงสเล็คมาทำงาน วิ่งข้ามถนนไฟแดง มันจิ๊ดไปหมด เก็บอาการสุดชีวิต แทบจะหยุดแล้ว จะดึงมันกลับมาที่เดิมแล้ว เดินปกติ ก็จิ๊ด แต่แล้วมันก็ผ่านไปสักร่วมเดือน มันเริ่มชิน ชิน และชิน .

และมารู้ตัวอีกที มันไม่ยอมกลับไปที่เดิมอีกเลยครับ อ่อนก็เปิด แข็งก็เปิด ประมาณว่า เหมือนคนที่ขริบทุกประการ เหมือนอิสลาม อะไรประมาณนั่น.....

แต่ว่า ตามความคิดผมแล้ว ผมคิดว่า คนที่จะทำวิธีนี่ได้ ต้องเป็นคนที่หนังหุ้มปลายไม่ยาวครับ สำหรับผมแล้ว แม้แต่เส้นสองสลึง ก็บอกตามตรงว่า ไม่เคยเห็นมาตั้งแต่เกิดแล้ว มันไม่มีตั้งแต่ผม.....ซิง...ซิง แล้วครับ

เข้าใจว่า คงเป็นเพราะกรรมพันธุ์ เพราะเคยเห็นของพ่อก็ประมาณนี้

ส่วนปัญหา มังกรกินหมี่ ไม่เคยมีครับ ไม่ว่าจะตอน หัวไม่เปิด หรือเปิดแล้วเช่นปัจจุบัน ขนอย่างว่า ก็มีเหมือนผู้ชายปกติ(เข้าใจว่า ผู้ชายกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ที่มีขนอย่างว่า เยอะ และยาว เหมือนเป็นธรรมชาติของผู้ชายมั้งครับ)

ที่รู้ ๆ ปัจจุบัน อยากให้มันกลับมาคลุมบ้าง อะไรบ้าง ตอนที่มันอ่อน ๆ ครับ อยากให้เปิดเฉพาะ ตอนที่แข็งเท่านั่น.........แต่ว่า ไม่มีอีกแล้ว ไม่มีวันนั่นอีกแล้ว เศร้าเล็ก ๆ

แต่ความสะอาด คอมเฟริม.................ไม่มีกลิ่นเหม็น ครับ มีเฉพาะกลิ่นประจำตัว ที่เข้าใจเองว่า เกิดจากฮอร์โมนเพศชายโดยปกติ ซึ่งเข้าใจว่าทุกคนมี.......

ยาวไปนิดส์ ขอโทดนะคร้าบบบบบบบ

อีกนิดครับ เข้ามาแก้ไขครับ การเสียดสี ติดเชื้อ จากการถอกเปิดไม่มีนะครับ เพราะเสียดสียังไงก็ไม่เกิดเเผลครับ โอกาสรับเชื้อเช่น อาจรับจากโถฉี่ ก็ไม่น่านะครับ เพราะว่า อย่าลืมว่า ส่วนนั่น ทุกคนต้องรักษาความสะอาด เป็นพิเศษ พูดง่าย ๆ ก็คือ ส่วนนั่นเหมือนคนที่ขริบทุกประการ

เพิ่มความรู้ให้อีกนิดครับ ความรู้ทั่วไป เผื่อว่าใครจะยังไม่รู้ เคยมีนักศึกษาแพทย์ ถามผมว่า รู้ว่าส่วนไหน ในร่างกายของผู้ชายที่เย็นที่สุด รู้ไหม???????

คำตอบคือ ไข่........ครับ.....เพราะว่า ต้องรักษาอุณหภูมิ เพื่อรักษาสเปอร์ม ครับ เค้าต้องอยุ่ที่เย็นครับ ไม่งั้น ตายหมดครับ ไม่เชื่อก็ลองล้วงไปจับซิครับ ไม่ว่า ตัวเราจะร้อนแค่ไหน ไข่จะเย็นครับ....555

แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 53 08:21:58

จากคุณ : น่ารักม่ะเหมียวผม

เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 53 08:02:12