สิ่งที่ จขกท ควรจะรู้คือ
1) Cholesterol ไม่ใช่มาจากการกินอาหารเพียงอย่างเดียว
2) ร่างกายได้รับ Cholesterol จากอาหารจำพวก "เนื้อ นม ไข่" ส่วนอาหารพวกพื่ชผักหญ้าไม่มี Cholesterol
3) เนื่องจาก Cholesterol มีความจำเป็นต่อร่างกาย ร่างกายจึงมีระบบควบคุมความสมดุลให้มี Cholesterol คงที่เสมอ โดย "ตับ" มีหน้าที่ผลิต Cholesterol "รักษาสภาพสมดุล"
4) ถ้าคนทะลึ่งกินพืชผักเพียงอย่างเดียว ไม่กิน "เนื้อ นม ไข่" เลย ร่างกายจะ "เร่งผลิต Cholesterol ออกมามาก" เพื่อพยายามชดเชย ปรับความสมดุลย์ของ Cholesterol ไว้ให้คงที่เสมอ
ที่เป็นอย่างนี้
เพราะ
ร่างกายมีกลไกรักษาสภาพสมดุลของ cholesterol ให้คงที่อยู่เสมอ
ถ้าเรากินอาหารพวกเนื้อสัตว์มาก "ตับก็จะลดการผลิต cholesterol ลง"
ในทางตรงข้ามถ้าเรากินอาหารพวกพืชผักมาก ตับก็จะเร่งผลิต cholesterol เพิ่มขึ้น เพื่อชดเชยให้สมดุล และ cholesterol ส่วนเกิน จะส่งไปที่ตับ แล้วถูกกำจัดออกทางอุจจาระ
--Cholesterol ที่หมุนเวียนในกระแสเลือด ถูกจับด้วย LipoProteins 2 ตัว ทำหน้าที่ transporter ดังนี้
1) LDL: Low density Lipoprotein ทำหน้าที่เป็น Transporter นำ Cholesterol ไปให้เซลต่างๆ และ Cholesterol ส่วนเกินจะถูกนำไปฝาก "เกาะไว้ตามผนังเส้นเลือด" เมื่อเกาะสะสมมากขึ้น หลอดเลือดจะตีบตัน LDL จึงเป็น "ผู้ร้าย" สำคัญ
2) HDL: High density Lipoprotein ทำหน้าที่เป็น Transporter ที่คอยดักจับ Cholesterol ที่ลอยเพ่นพ่านในกระแสเลือด ส่งไปให้ตับกำจัดออก
HDL จึงเป็น "Cholesterol พระเอก" ยิ่งมีมาก ยิ่งดีต่อร่างกาย
การตรวจค่า Total Cholesterol เพียงตัวเดียว แล้วพยายามแก้ไข ด้วยการลดอาหารไขมันเยอะๆ ดังที่เจ้าของกระทู้กำลังจะทำ จึงไม่ใช่วิธีแก้ไขที่ดี
คงจำได้ สมาชิกที่นี่คนหนึ่งเคยบ่นว่า พยายามออกกำลังกาย หรือ ลดหรืองดอาหารมันๆ แต่ไขมันในเลือดยังไม่ยอมลด
บางที การงดอาหารมันๆ หรือ งดอาหารพวก "เนื้อ นม ไข่" กลับทำให้ตับเร่งผลิต Cholesterol ออกมาชดเชยมากขึ้น ครับ
ดังนั้น
การตรวจค่าไขมันควรจะตรวจให้ครบ 3 ตัว
Total Cholesterol, HDL, และ LDL .... เพื่อจะได้พิจารณาได้ชัดเจน เช่น หาค่า
Cardio Risk Ratio จาก T-Cholesterol / HDL ว่ามีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจหรือไม่
และหาแนวทางแก้ไขให้มีประสิทธิภาพ
หมายเหตุ ยาลดไขมันกลุ่ม Statin มีกลไกเป็น inhibitor ไปยับยั้งตับไม่ให้ผลิตไขมัน ในขณะเดียวกันมันก็ยับยั้งตับไม่ให้ผลิต Coenzyme Q10 ซึ่งเป็นสารที่มีประโยชน์ไปด้วย ทำให้คนไข้ขาด CoQ10 โดยไม่รู้ตัว ครับ