Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ผมเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบเฉียบพลัน ติดต่อทีมงาน

เมื่อวันที่ 27 กพ.2552 ได้มีอาการเจ็บบริเวณลิ้นปี่ ตอนแรกผมเข้าใจว่าเป็นตับอักเสบ เพราะปวดมากจึงได้เข้ารับการรักษาที่ รพ.ที่ใช้ประกันสังคม อยู่รพ.จนถึงว้นที่ 4มีค.2552 ตอนเช้า วันที่ 5 มีค 2552 ภรรยาเห็นอาการไม่ค่อยดี ตัวเริ่มเขียวและตัวบวมอืดขึ้นมาก จึงเรียกรถพยาบาลมารับไปที่รพ.ที่ใช้ประกันสังคมอีก เมื่อไปถึงหมอทางรพ.บอกเป็นอาการทางหัวใจ และบอกที่รพ.ไม่มีศูนย์หัวใจ แต่จะติดต่อนำส่งตัวให้กับ รพ.ในกลุ่มเดียวกันที่มีศูนย์หัวใจ แต่ต้องรอการตอบรับก่อนและอาการโคม่าขอให้ภรรยาผมทำใจ ภรรยากังวลใจมากจึงตัดสินใจนำตัวส่ง รพ.ที่อยู่ใกล้กันและมีศูนย์หัวใจแต่ รพ.นี้ไม่รับประกันสังคม เมื่อมาถึงรพ.ที่มีศูนย์หัวใจ หมอก็รีบนำตัวเข้าห้องรักษา โดยทำบอลลูนหลอดเลือด 1เส้น และตรวจพบว่าน้ำท่วมปอดด้วย ได้นำตัวเข้ารักษาที่ห้อง CCU พอตอนเย็นผมเกิดหัวใจวาย และได้รับการช๊อตหัวใจ จนหัวใจกลับมาเต้นใหม่ ต่อมาก็มีอาการหัวใจวายเป็นระยะหลายครั้ง ในที่สุดหมอจึงต้องใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจ และต่อมาผมได้รับการใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจแบบ 3สาย( CRT-D) เหตุที่หมอให้ใส่เครื่องรุ่นนี้เพราะ กล้ามเนื้อหัวใจตายเป็นบริเวณกว้าง และหัวใจสองห้องล่างเต้นไม่สัมพันธ์กัน ตอนนี้เลยตัดสินใจเปลี่ยน รพ.ประกันสังคมใหม่ เป็น รพ.วชิระฯ และได้รับการตรวจรักษาจากทางรพ.วชิระฯ แต่สิ่งที่ผมกังวลใจมากคือ เมื่อถึงเวลาเปลี่ยนเครื่องคาดว่าเครื่องใช้ได้ประมาณ 4ปี ผมจะได้รับการเปลี่ยนเครื่องในแบบเดียวกันโดยไม่ต้องเสียเงินเองหรือไม่ เพราะต้องใช้เงินในการรักษาตัวไม่ว่าการขยายหลอดเลือด รวมทั้งการใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจราคาแพงมากต้องกู้เงินมารักษาตัว และพอเครื่องแบตเตอรี่หมดก็ต้องเปลี่ยนใหม่เลย ไม่สามารถชาร์ทไฟได้ไม่ว่าวิธีใด  โทรคุยกัยเจ้าหน้าที่ประกันสังคมเขาก็ไม่สามารถให้รายละเอียดได้เพราะไม่มีอยู่ในหลักเกณฑ์ของการเบิกของประกันสังคม ปัจจุบันที่ผมยังมีชีวิตอยู่ได้ก็จากการทำงานของเครื่อง เพราะผมมีภาวะหัวใจล้มเหลว หากแบตหมดไม่ได้รับการเปลี่ยนหัวใจก็จะวายและเสียชีวิต ผมไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรครับและไม่รู้จะขอความช่วยเหลือจากที่ใดได้
ที่เป็นโรคนี้ก็เนื่องมาจาก หลอดเลือดมีการตีบตันเนื่องจากไขมันในหลอดเลือด และเกิดการปริแตกของ ไขมัน พอไขมันปริแตก ลิ่มเลือดก็จะเกิดการหุ้มไขมันที่ปริแตกจนหลอดเลือดเกิดการอุดตัน หากเกิดหลายเส้นพร้อมกัน(หลอดเลือดเลี้ยงหัวใจมี3เส้น)ก็เกิดอาการหัวใจวาย แต่ของผมตัน 100% 1เส้น และตัน70% 1เส้น อีกเส้นปกติไม่มีไขมันอุดตัน จึงไม่ตายทันที่ แต่เลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่สะดวกทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตายเป็นบริเวณกว้าง หัวใจบีบตัวน้อย และหัวใจห้องล่างซ้ายขวาการบีบตัวไม่ประสานกัน ทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวรุนแรง ขอให้ท่านที่ยังมีสุขภาพแข็งแรงดูแลสุขภาพให้ดีครับ เพราะเราไม่มีโอกาสรู้เลยว่าหลอดเลือดเราตีบตันหรือไม่ นอกจากต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยที่ถูกต้องจากแพทย์เท่านั้น
ใครเป็นโรคเดียวกับผมช่วยแชร์ประสบการณ์ด้วยครับ เพราะประสบการณ์นี้คนจำนวนมากไม่มีโอกาสมาบอกคุณได้ สำหรับคนที่มาบอกคุณได้ก็จะอยู่ในสภาพเช่นเดียวกับผมหรือคล้ายกับผม

ตอนที่เข้ารักษาตัวที่ รพ.ตอนที่เกิดอาการเส้นเลือดหัวใจตีบ ไม่ได้ตรวจเกี่ยวกับหัวใจเลย 5 วัน( นับแต่มีอาการคือ27 กพ 2552)พอรู้ว่าหลอดเลือดตีบก็เข้าไปวันที่หก โดยหมอที่ทำการสวนหัวใจบอกตอนหลังว่า หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจมีสามเส้น ผมตัน100% 1เส้น อีกเส้นตันไป 70%(ตอนหลังการตันลดลงเหลือ 50% จึงยังไม่ทำอะไร) อีกเส้นปกติ หลังจากสวนหัวใจใส่ขดลวดแล้ว เกิดอาการหัวใจวายประมาณ 5 ครั้ง หมอใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจชั่วคราวให้ และต้องการให้ดูอาการก่อน 4-6 อาทิตย์ แต่ผมกลัวเสียเงินมาก เลยขอให้หมอตัดสินใจว่าต้องทำอย่าง หมอเลยตัดสินใจให้ใส่เครื่อง กระตุ้นหัวใจแบบ CRT-D ต้องกู้เงินมารักษาตัวไม่นึกเลยว่าค่ารักษาแพงมหาศาล หลังใส่เครื่องหมอตรวจเอ็คโค่ ได้ค่า LVEF 28% (ตรวจประมาณปลายเดือนมีนาคม 2552) และตรวจอีกครั้งประมาณ 17 พค 2552 ได้ค่า LVEF 47% หมอบอกว่าการบีบตัวของหัวใจดีขึ้น (อาจใส่เครื่องเร็วไปหน่อย )ผมตรวจเอ็คโค่ครั้งล่าสุดประมาณ เดือน พค 2553 ที่ผ่านมาได้ค่า LVEF 49% ตั้งแต่ใส่เครื่องมาหัวใจยังไม่เคยหยุดเต้น เครื่องก็ยังไม่เคยช๊อคหัวใจ หมอบอกเครื่องไม่ช๊อคถือว่าดีมากเลย และเมื่อเดือน มิย 2553 มีอาการแน่นลิ้นปี่ ปวดร้าวแขนด้านซ้าย ไปรักษาตัวโดยใช้ประกันสังคมที่ รพ.รัฐบาล สวนหัวใจปรากฏว่าหลอดเลือดเส้นเดิมตีบซ้ำและลามมากขึ้น ต้องใส่ขดลวดซ้ำขดลวดเดิม และใส่เพิ่มในพื้นที่ที่ตีบเพิ่ม แต่ก็ไม่ได้ใช้ขดลวดแบบเคลือบน้ำยา เพราะราคาแพงมากและผมไม่มีเงิน สำหรับเส้นที่เคยตีบ 50%ก็ยังเท่าเดิม อีกเส้นไม่มีปัญหา แต่หลังจากสวนหัวใจและใส่ขดลวดแล้ว ช่วงเดือนกว่ามานี้มีอาการปวดต้นคอ และร้าวที่แขนซ้ายไปถึงปลายนิ้ก้อย เป็นๆหายๆ ยังไม่ได้ไปพบหมอเพราะหมอนัดและให้ยามาทาน 3 เดือน นับจากการตรวจเครื่องครั้งก่อน จะตรวจเครื่องอีกครั้งก็วันที่ 20 ธค 2553 นี้ครับ เรื่องการผ่าตัดยังไม่เคยมีการคุยกับหมอเลยครับ เรื่องการปรับยาผมไม่ทราบครับว่าหมอปรับยาอย่างไร ตอนนี้ก็คือทานยาดังนี้ครบ
แอสไพริน 300 มก เช้า 1 เม็ด(เช้า)
Plavix75 มก เช้า 1 เม็ด(เช้า)
Ennaril 12.5 มก(เอาขนาด 25มก.หักครึ่ง) วันละ 1 ครั้ง(เช้า)
Cavidiral 25 มก เช้า 1เม็ด เย็น 1 เม็ด
Simvastatin 40 มก.  1 เม็ด(เย็น)
ช่วงหลังมานี้ผมมีอาการท้องบวม และหน้าแข้งกดบุ๋ม ตอนรักษาตัวตอนอยู่โรงพยาบาลตอนหลอดเลือดหัวใจตีบครั้งแรกนั้น หมอเขาให้ Lasix 40 มก. ตอนนี้เลยซื้อจากร้านยามากินเองก่อน วันละ 1 เม็ดเพราะน้ำหนักตัวเปลี่ยนแปลงไวมาก ขึ้น-ลงวันละกิโลหรือกว่า(ผมคิดว่าบวมน้ำ)ศีกษาจากในเน็ตครับ อยากทราบว่าหากเมื่อแบตเตอรี่เครื่องกระตุ้นหัวใจหมดแล้ว ไม่มีเงินเปลี่ยนเครื่อง มีการรักษาโดยวิธีอื่นใดอีกหรือไม่ครับ หรือเรารอความตายอย่างเดียวครับ ทุกวันนี้แม้มีเครื่องกระตุ้นหัวใจช่วย แต่สายเส้นหนึ่งที่สอดอ้อมมาที่หัวใจห้องล่างซ้ายด้านนอก สอดสายเข้าไปได้ตื้นนิดเดียว ทำให้ต้องตั้งกระแสไฟสูงมาก คือตั้งไว้สูงสุดของเครื่อง ทำให้เครื่องใช้แบตเตอรี่มาก ซึ่งเห็นช่างเครื่องบอกว่าปกติใช้ได้ประมาณ 7 ปี ของผมคงใช้ได้ไม่กี่ปี ต้องเปลี่ยน และทุกวันนี้ทรมานมากเพราะเครื่องให้กระแสไฟแรงมากเวลากระตุ้นแถวหน้าท้องก็ถูกกระแสไฟกระตุ้นจนกล้ามเนื้อแถวหน้าท้องกระตุกตลอด ทรมานนอนก็ลำบากต้องรอจนง่วงมากๆและหลับไปเอง พอตื่นมาตอนกลางคืนก็จะนอนไม่หลับเพราะกล้ามเนื้อกระตุกตลอด ถามบริษัทเครื่องเขาก็ว่าต้องตั้งกระแสสูงไม่งั้นกระตุ้นไม่ถึงหัวใจ ทุกวันนี้เครียดมากเลยทุกเรื่อง จนสภาพร่างกายและจิตใจแย่มาก

แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 53 10:14:55

แก้ไขเมื่อ 10 ธ.ค. 53 09:20:00

จากคุณ : kaittiphun571
เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 53 12:35:14




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com