ความคิดเห็นที่ 1 คำถามแรกนี้ หลายคนสงสัยกันมากมาย ซึ่งก็มีคำตอบประมาณนี้คะ ออกตัวก่อนว่า ส้มไม่ใช่หมอ หากมีอะไรที่คลาดเคลื่อนไป ก็ต้องขออภัยไว้ด้วยนะคะ ซึ่งก็ บอกเพิ่มเติมได้นะคะ จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 12:32:38

ความคิดเห็นที่ 2 ข้างบนในรูป พิมพ์ตกไปนะคะ แห่ๆๆๆ หรือ ใช้ผ้าขนหนูร่วมกับคนที่เป็น (ซึ่งโอกาสจะเป็นน้อยมาก) จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 12:35:42

ความคิดเห็นที่ 3 มาต่อที่ คำถามที่ 2 จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 12:36:11

ความคิดเห็นที่ 4 ... จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 12:36:35

ความคิดเห็นที่ 5 คำถามที่ 3 จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 12:37:02

ความคิดเห็นที่ 6 คำตอบจ้า จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 12:37:36

ความคิดเห็นที่ 7 คำถามที่ 4 จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 12:38:02

ความคิดเห็นที่ 8 ...แก้ไขข้อความในรูปภาพสักนิดนะคะ Gardasil ป้องกัน 4 สายพันธุ์ครับ 6,11,16,18 ครับ ส่วน cervarix ป้องกัน 2 สายพันธุ์ครับ 16,18 ครับผม ซึ่ง cervarix สามารถป้องกัน 31 กับ 45 เป็นการป้องกันได้บางส่วนนะครับ (เป็น cross-reactive protection) เครดิต คุณ prasit_tee คะ แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 54 23:36:02 แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 54 23:35:24 จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 12:38:53

ความคิดเห็นที่ 9 คำถามที่ 5 จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 12:39:28

ความคิดเห็นที่ 10 ... จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 12:39:47

ความคิดเห็นที่ 11 คำถามที่ 6 จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 12:40:09

ความคิดเห็นที่ 12 ... จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 12:40:38

ความคิดเห็นที่ 13 คำถาม 7 จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 12:41:04

ความคิดเห็นที่ 14 ... จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 12:41:17

ความคิดเห็นที่ 15 คำถามที่ 8 จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 12:41:42

ความคิดเห็นที่ 16 ... จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 12:41:56

ความคิดเห็นที่ 17 คำถามที่ 9 จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 12:42:13

ความคิดเห็นที่ 18 .... จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 12:42:28

ความคิดเห็นที่ 19 คำถามที่ 10 จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 12:42:48

ความคิดเห็นที่ 20 ... จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 12:43:02

ความคิดเห็นที่ 21 เหนื่อย... ใครอยากรู้อะไรนอกเหนือจากนี้ ลองถามได้นะคะ ถ้าเราไม่รู้ ก็จะลองๆหามาให้คะ แต่ถ้าไม่รู้จริงๆ ก็แนะนำให้ปรึกษาคุณหมอนะคะ ตั้งใจทำเพื่อคนอ่านจะได้ไม่เบื่อ กับตัวหนังสือ ตัวเองก็ไม่สันทัดพิมพ์อะไรเยอะๆเหมือนกันคะ (เพราะไม่ชอบอ่านตัวหนังสือพรีดๆ 5555) ไปแล้วก๊าบบบบ จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 12:45:40

ความคิดเห็นที่ 22 อยากทราบอาการเบื้องต้นอ่ะค่ะ จะได้เอาไว้สังเกตตัวเองค่ะ ขอบคุณมากๆค่ะ สำหรับความรู้ดีๆ จากคุณ : ภูเขา ทะเล ท้องฟ้า เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 14:53:01

ความคิดเห็นที่ 23 สวัสดีคะคุณภูเขา ทะเล ท้องฟ้า อาการเบื้องต้นของมะเร็งปากมดลูก อาการเริ่มต้นถ้าเป็นแล้ว มันก็คือ ...... "ไม่มีอาการ" เพราะว่าโรคนี้ใช้เวลาบ่มเพาะนาน เป็นสิบๆปี ดังนั้นคนที่เป็น และแสดงอาการส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นสาววัย 30 เป็นต้นไป และนั่นก็ไม่ได้หมายความนะว่า จะเพิ่งมาเป็น อยากให้เข้าใจว่า มันเพาะมานานนนนนนนนนนน มากกกกกกกก กว่าจะแสดงอาการ ซึ่งถ้าแสดงอาการ นั่นคือ เป็นระยะที่ 2 เป็นต้นไปแล้วคะ โดยอาการก็จะมีประมาณนี้คะ....อาจมีเลือดออกจากช่องคลอดเวลามีเพศสัมพันธ์ ประจำเดือนมาผิดปกติ ตกขาวมีกลิ่นและปริมาณมาก สีผิดปกติหรืออาจมีเลือดปน แต่ถ้าประจำเดือนมาผิดปกติเนี่ย ก็คือว่า เป็นระดับ 2 ขึ้นไปแล้วคะ จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 16:18:59

ความคิดเห็นที่ 24 ไม่เข้าใจค่ะว่าการมีเพศสัมพันธ์ จะทำให์ติดเชื้อ HPV ได้อย่างไร เกิดจากอสุจิของฝ่ายชายหรือเกิดจากการเสียดสี รบกวน จขกท อธิบายเพิ่มเติมตรงส่วนนี้ให้หน่อยได้มั้ยคะ ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : bridesmaid เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 17:12:52

ความคิดเห็นที่ 25 คุณ bridesmaid ที่ว่าติดจากผู้ชาย หมายถึง ผู้ชายเป็นพาหะคะ คือ หากคุณผู้ชายไปนอนกับผู้หญิงอื่น ที่เป็นโรคมะเร็งปากมดลูกอยู่แล้ว แล้วมามีเพศสัมพันธ์ุกับเราอีกที นั่นก็คือ เราก็จะติดเชื้อมาจากผู้ชาย อีกทีคะ เนื่องจากผู้ชายเป็นพาหะนำโรคนั่นเอง แต่ถ้าเรารักเดียวใจเดียวทั้งคู่ ก็ไม่มีสิทธิ์เกิดโรคนี้คะ ซึ่งโรคนี้มันไม่เหมือนเอดส์นะคะ เพราะว่าเอดส์จะติดกันทางสารคัดหลั่ง ไม่ว่าจะเลือด น้ำลาย หรืออสุจิ น้ำหล่อลื่น แต่มะเร็งปากมดลูกนี้ ติดได้ทันทีแม้แค่สัมผัส ถึงไม่สอดใส่ก็ตามคะ จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 17:24:14

ความคิดเห็นที่ 26 ขอสอบถามเพิ่มเติมได้มั้ยคะ ก่อนแต่งงาน หากทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย จูงมือกันไปตรวจ เพื่อวางแผนครอบครัว มีบุตร การตรวจดังกล่าว สามารถพบเชื้อ HPV ที่ฝ่ายชายได้หรือไม่คะ และอีกกรณี หากทุกครั้งที่ฝ่ายชายมีพสพ. กับหญิงอื่น แล้วเขาสวมถุงยางอนามัย ตลอด เช่นนี้ สามารถลดความเสี่ยงที่จะเป็นพาหะได้แน่นอน ใช่หรือไม่คะ ขอบคุณ คุณจำชื่อไม่ได้ มากมายค่ะ ที่นำความรู้เรื่องนี้มาบอกต่อ ^o^ จากคุณ : bridesmaid เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 18:07:33

ความคิดเห็นที่ 27 เพราะเชื้อหูดกับเชื้อมะเร็งปากมดลูก คือ HPV เหมือนกัน ต่างกันที่สายพันธ์ุนิดเดียว ไม่ได้กันได้หมด แต่ก็ลดได้บางส่วน เพืี่อความสบายใจครับ ต่อมาคือไล่ไปขริบซะ เพราะเรื่องอับชื้นกับพวกสารพัดคราบต่าง ๆ ที่อยู่ใต้หนังหุ้มปลาย เพิ่มโอกาสการติดเชื้อได้เป็นอย่างดี  แต่ก็เพราะเรื่องผู้ชายแมน ๆ กลัวเจ็บกันนี่แหละ เลยกลายเป็นไปพยายามคิดวัคซีนแล้วไล่ให้ผู้หญิงเป็นคนไปฉีด ทั้งที่ผู้หญิงเค้าอยู่ดี ๆ เค้าจะรับเชื้อนี้จากไหนครับ นอกจากนั้น บางคนไม่รักตัวเองไม่เป็นไร ดันเอาเชื้อเอชพีวีไปหย่อนใส่ผู้หญิงเค้าอีก ทำให้ผู้หญิงเกิดเป็นมะเร็งปากมดลูกอีก งานเข้าทั้งนั้นครับ ซึ่ง งานวิจัยมากมายพบว่าเชื้อเอชพีวีนี่มันอยู่ตรงบริเวณปลายของอวัยวะเพศชายนะ ครับ แต่ดีหน่อยที่ของผู้ชายดันอยู่ข้างนอก เลยทำให้ล้างออกง่าย ไม่ก่อปัญหามากนัก นอกจากซกมกจริง ๆ ถึงเกิดมะเร็งจู๋ แต่เมื่อไหร่ที่ เอาไปไว้ข้างในตัวผู้หญิงที่มันทำความสะอาดลำบากเพราะเหตุผลทางกายภาพ พอเกิดระคายเคืองมาก ๆ ก็เลยเกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ จนทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกครับ สถานเบาก็หูด ดังนั้น หากไม่อยากให้แฟน หรือคนที่เรารัก มีความผิดปกติหรือโรคร้ายเกิดขึ้นนี่ ต้องดูแลสุขอนามัยของผู้ชายเราให้ดีก่อนครับ ธรรมชาติผู้หญิงเค้าก็สร้างกลไกไม่ให้มีอะไรมันเข้าไปได้อยู่แล้วครับ จะเกิดเรื่องก็เพราะผู้ชายอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ นี่แหละ เอาอะไรใส่เข้าไปในนั้น และหากสิ่งที่ใส่เข้าไปไม่รักษาความสะอาด หรือดูแลสุขอนามัยให้ดีพอ สุดท้ายก็จะเป็นปัญหาที่ผู้ชายมาทำงง แอ๊บแบ๊ว ว่าทำไมมีกลิ่นและก็มาแซว มาล้อสาวๆนั่นแหละ อย่างที่หลาย ๆ คนรู้กัน คือผู้ชายทุกคนจะมีหนังหุ้มบริเวณปลายของอวัยวะเพศ ซึ่งบางคนที่โชคดีหน่อย หนังไม่ยาวมาก ดังนั้นเวลาโตขึ้นหนังก็จะร่นไปด้านล่างได้ แต่ก็มีผู้ชายอีกจำนวนมากเช่นกัน ที่หนังหุ้มปลายยังยาวอยู่ ทำให้มันคลุมบริเวณหัวของตัวอวัยวะ ตรงนี้แหละครับที่ทำให้เกิดปัญหาได้ เพราะเวลาเราเข้าห้องน้ำแต่ละครั้ง หลังทำธุระเสร็จก็จะมีคราบหรือหยดของฉี่มาค้างไว้ และยิ่งประกอบกับเมืองไทยเป็นเมืองร้อน ทั้งเหงื่อ ทั้งขี้ไคลมาหมัก ๆ คลุกเคล้า ๆรวมกันจนเข้าที่ ตรงนี้แหละครับที่ทำให้เกิดคราบและกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ได้ครับ ซึ่งคนที่ขลิบจะช่วยเรื่องนี้ได้เยอะครับ เมือง ไทยเมืองร้อน ใส่เสื้อแขนยาวทำอะไรก็ลำบาก จะล้างมือ จะหยิบของก็ไม่สะดวก จะถกแขนเสื้อไปข้อศอก ซักพักแขนเสื้อก็ตกลงมาอีก และพอแขนเสื้อเปียกน้ำ มันก็ชื้น เหนอะหนะครับ ดังนั้นหาเสื้อแขนสั้นมาใส่ดีกว่า จะทำอะไรก็ง่ายขึ้นครับ ที่บางคนบอกว่าตอนหลับรูดขึ้นได้ลงได้ นั่นแหละแสดงว่ายังมีหนังมาคลุมอยู่ตลอด ช่วงระหว่างวันเราไม่ได้คอยถกไว้ตลอด ดังนั้นต้องระวังเรื่องการหมักหมม สังเกตุง่าย ๆ ว่าช่วงระหว่างวันตรงส่วนหัวนี่จะชื้น ๆ หน่อย เป็นทั้งเหงื่อและปัสสาวะที่ค้าง ตรงนี้แหละเป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ของเชื้อโรคครับ ดูแลให้ดีครับ เพื่อสุขอนามัยที่ดีของเราและคนที่เรารักครับ หลายคนยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าขลิบแล้วเป็นยังไง ผมเลยรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ เอาไว้เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์ในการหาข้อมูลนะครับ คิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่บ้างแหละ ลองเข้าไปอ่านข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องขี้เปียกก่อนครับ http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=thaicirc20&date=01-05-2007&group=4&gblog=5 ส่วนใครมีข้อแนะนำไงก็ฝากไว้ได้นะครับ ปล.อาจ มีภาพไม่เหมาะสมกับเยาวชนบ้าง แต่เจตนาเพื่อการศึกษานะครับ เรื่องเพศศึกษาหรือสุขอนามัยของอวัยวะส่วนสำคัญเมืองไทยเราไม่ค่อยมีคนพูด หรือสอน ปล่อยให้ไปหาความรู้กันเองแบบผิด ๆ แอบถามกันแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ คนตอบก็ถูกบ้าง ผิดบ้าง ตอนสอนครูก็สอนไปอายไป พยายามข้าม ๆ ให้จบ ๆ ผมเลยอยากจะทำเวบเกี่ยวกับเรื่องการดูแลอวัยวะส่วนสำคัญของผู้ชายครับ ไปดูแล้วช่วยกันเผยแพร่หน่อยนะครับ เพราะทุกวันนี้ผมอยู่รพ. มีคนไข้มากมายที่มาปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในพันทิพเองก็มีคำถามแบบนี้มาทุกวัน ทั้งที่จริง ๆ เป็นเรื่องที่ควรจะมีการสอนและปลูกฝังให้กับเยาวชนของพวกเราครับ จากคุณ : สาลิกาโบยบิน เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 21:01:54

ความคิดเห็นที่ 28 คุณ bridesmaid ถ้าพากันไปตรวจสำหรับฝ่ายชาย ยังไม่เคยเจอข้อมูลที่แน่ชัดนะคะว่า มีการตรวจอย่างไร สำหรับคุณผู้ชาย อาจลองไปอ่านข้อมูลเพิ่มเติมที่เว็บนี้ได้นะคะ http://www.siamhealth.net/public_html/Disease/infectious/hpv-male.html ส่วนในเรื่องที่ว่าถ้าคุณผู้ชาย เคยมีเพศสัมพันธ์กับ ญ อื่นมาก่อนแต่สวมถุงยางตลอด อย่างที่บอกอ่าคะ ถุงยางก็ช่วยไม่ได้จริงๆ เพราะเพียงแค่สัมผัส ส่วนนั้นโดนกัน ก็สามารถติดมาได้แล้วจ้ะ เรื่องการป้องกัน ก่อนหน้าที่ส้มเคยหามา เห็นว่าวัคซีนป้องกันมะเร็งปาดมดลูกนี้ สามารถฉีดกับผู้ชายได้ด้วย แต่อีกกระแสที่เคยอ่านมา ในเรื่องนี้ยังไม่เคยมีคำแนะนำอ่านะคะ ยังไงลองปรึกษาคุณหมอก่อนได้นะคะ ถ้าจะฉีดวัคซีน(สำหรับผู้ชาย) แต่ผู้หญิงฉีดไว้ก่อนเลยยิ่งดีคะ เพราะว่าป้องกันได้นานถึง 7-10 ปี ซึ่งกันไว้ดีกว่าแก้อ่าคะ จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 54 23:21:07

ความคิดเห็นที่ 29 อ่านเพลิน เลยคะ กาตูน น่ารักดี แถมมีประโยชน์ด้วยคะชอบๆ จากคุณ : สวยหมาหอน เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 54 17:56:46

ความคิดเห็นที่ 30 1. มะเร็งปากมดลูก "ส่วนใหญ่" ประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์เกิดจากการติดเชื้อเอชพีวี (HPV) แต่ยังมีอีก 10 เปอร์เซ็นต์ที่เกิดจากสาเหตุอื่น การป้องกันการติดเชื้อเอชพีวีจึงป้องกันมะเร็งปากมดลูกไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ครับ 2. เชื้อเอชพีวีมีสายพันธ์ต่างๆ มากกว่า 100 สายพันธ์ แต่มีสายพันธ์ที่เป็นสาเหตุมะเร็งปากมดลูกประมาณ 32 สายพันธ์ (ข้อมูลประมาณ 5 ปีมาแล้วอาจมีการเปลี่ยนแปลง) สายพันธ์หลักๆที่ทำให้เกิดมะเร็งคือ 16 และ 18 จะเป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกในกลุ่มที่เกิดจากเอชพีวีประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือ 30 เปอร์เซ็นต์ เกิดจากสายพันธ์อื่นๆ การฉีดวัคซีนป้องกัน 16 และ 18 จึงป้องกันมะเร็งไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ครับ 3. วัคซีนที่มีในปัจจุบันยังป้องกันข้ามสายพันธ์ไม่ได้ครับ 4. การใช้ถุงยางอนามัยป้องกันเอชพีวีไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์เพราะเชื้อมีขนาดเล็กแทรกทะลุได้ครับ 5. ฝ่ายชายเป็นพาหะเอชพีวีถูกต้องครับ การขลิบหนังหุ้มปลายองคชาติช่วยลดการติดเชื้อได้เพราะเซลล์บริเวณนั้นติดเชื้อง่ายกว่าส่วนอื่นครับ 6. การตรวจเอชพีวีในผู้ชาย เท่าที่ทราบยังตรวจไม่ได้ครับ ปัจจุบันจะตรวจฝ่ายหญิงโดยการตรวจภายในแล้วนำเซลล์ปากมดลูกไปตรวจครับ 7. การฉีดวัคซีนเอชพีวี ไม่ได้หมายความว่าชีวิตนี้จะปลอดมะเร็งปากมดลูก เพราะป้องกันไม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นจึงต้องตรวจกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นระยะนะครับ จะละทิ้งไปเลยไม่ได้เด็ดขาด 8. ผมไม่ใช่หมอครับ แค่พอรู้มาบ้างจากการอ่านงานวิจัยทางการแพทย์หลายๆฉบับ เมื่อประมาณ 5 ปีก่อน ถ้าข้อมูลคลาดเคลื่อนไปบ้างก็ขออภัย แต่เชื่อว่าคงผิดไปไม่มาก เพราะในระยะที่ผ่านมาไม่มีงานวิจัยใหม่ๆ ที่สะเทือนวงการสักเท่าไรครับ จากคุณ : AJ_da_NR เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 54 23:39:48

ความคิดเห็นที่ 31 ฉีดวัคซีนได้ที่ไหนคะ และราคาประมาณเท่าไหร่ ต้องตรวจภายในก่อนหรือไม่คะ จากคุณ : แม่ค้าหน้าแป้น เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 54 00:48:36

ความคิดเห็นที่ 32 ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : สิ่งหนึ่ง เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 54 14:24:36

ความคิดเห็นที่ 33 คุณแม่ค้าหน้าแป้น ฉีดวัคซีนได้ทุกโรงพยาบาลเลยค่า แต่ถ้าที่รู้ โรงพยาบาลจุฬาฯ มีชัวร์ค่า จริงๆถ้าไป คุณหมอก็จะแนะนำให้ตรวจก่อนนะคะ เพราะว่าเพื่อถ้าเกิดเป็นหรือไม่อย่างไร จะได้รักษากันก่อนคะ คุณสิ่งหนึ่ง ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่า จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 54 16:02:04

ความคิดเห็นที่ 34 น่ากลัวจังค่ะ จากคุณ : หมูหวานน้ำกะทิ เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 54 18:55:51

ความคิดเห็นที่ 35 เพิ่งไปตรวจเปปสเมียร์มาค่ะ แล้วผลการตรวจคือไม่เจอเชื้อไวรัส HPV ถ้าแบบนี้ ก็ควรไปฉีดวัคซีนป้องกันด้วยใช่รึเปล่าคะ จากคุณ : =U_U= PoRpLe เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 54 19:27:16

ความคิดเห็นที่ 36 ถ้าเคยเป็นหูดหงอนไก่ จะสามารถฉีดวัคซีน hpv ได้ไหม๊คะ จากคุณ : เครียดเลย เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 54 00:26:00 A:223.207.141.98 X: TicketID:237054

ความคิดเห็นที่ 37 สาระดี มีประโยชน์มากๆ ขอบคุณ จขกท และ คนที่เข้ามาแชร์ความรู้ด้วยนะคะ จากคุณ : น้อง!!!...คนนี้พี่ขอ เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 54 08:49:38

ความคิดเห็นที่ 38 ใช้เน็ตมือถือ ช้ามากอดดูรูปเลยคะ จากคุณ : ซอโซ่...ล่ามรัก เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 54 16:36:05

ความคิดเห็นที่ 39 การตรวจคัดกรองโรค ควรตรวจบ่อยแค่ไหนครับ จากคุณ : Michka เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 54 16:52:26

ความคิดเห็นที่ 40 ฉีดกันไว้แล้ว  ราคาวัคซีนแพงน่าดูคะ จากคุณ : แม่น้องอินดี้ (mother-platinum) เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 54 17:22:53

ความคิดเห็นที่ 41 =U_U= PoRpLe : จริงๆที่เค้าแนะนำกัน ก็ควรฉีดร่วมด้วยหนะคะ เป็นการป้องกัน เห็นหมอว่างี้จ้า เครียดเลย : ฉีดได้จ้า แต่ไม่แน่ใจยังไงก่อนฉีดปรึกษาคุณหมอก่อนก็ดีนะคะ น้อง!!!...คนนี้พี่ขอ  : ขอบคุณมากค่า ซอโซ่...ล่ามรัก : ง่า แย่จัง แค่ขอบคุณที่แวะมาจ้า Michka : ควรตรวจทุกปีคะ สำหรับสาวๆ ที่อายุเกิน 25 ปี แต่ยังไม่ถึง 40 ปี แต่ถ้าอายุเลยไปกว่านั้นแนะนำว่าควรตรวจทุกๆ 6 เดือนจ้า แม่น้องอินดี้ (mother-platinum) : นั่นนะสิคะ ส้มก็ว่าแพงอยู่นะ 555 เขาน่าจะมีโปร ฉีดพร้อมกันคุณแม่ และลูกสาว ลดราคาเหลือคนละครึ่งไรงี้ กร๊ากกก จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 54 21:52:52

ความคิดเห็นที่ 42 ขอแก้ข้อผิดหน่อยนะครับ ข้อ 4 ครับ Gardasil ป้องกัน 4 สายพันธุ์ครับ 6,11,16,18 ครับ ส่วน cervarix ป้องกัน 2 สายพันธุ์ครับ 16, 18 ครับผม สายพันธุ์ 16.18 เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกประมาณ 70% เมื่อรวมๆสายพันธุือื่นๆเข้าไปด้วย ก็อาจกันเพิ่มขึ้นได้บ้าง แต่ก็ไม่ถึง 100% ดังนั้นจึงควรตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกครับ (pap smear) ส่วนเรื่อง cervarix สามารถป้องกัน 31 กับ 45 เป็นการป้องกันได้บางส่วนนะครับ (เป็น cross-reactive protection) และก็ แต่อย่างไรก็ดี ต้องขอขอบคุณที่ให้ความรู้กับผู้อื่นนะครับ จากคุณ : dr.prasit (prasit_tee) เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 54 22:47:05

ความคิดเห็นที่ 43 2 บริษัทนี้เขาแข่งกันมากน่ะครับ ยังไงก็ปรึกษาแพทย์ก่อนฉีดก็แล้วกันครับ แต่ละตัวมีข้อดี - ข้อด้อยต่างกันครับ จากคุณ : dr.prasit (prasit_tee) เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 54 22:49:04

ความคิดเห็นที่ 44 รบกวนสอบถามค่ะ ว่าวัคซีนเข็มนึง จะราคาประมาณเท่าไหร่หรือคะ จากคุณ : Ms.Kyo เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 11:50:56

ความคิดเห็นที่ 45 dr.prasit (prasit_tee) : ขอบคุณมากคะ แก้ไขข้อผิดพร้อมให้ เครดิตแล้วนะคะ ก็น่าจะแข่งขันมากอยู่อ่าคะ ซึ่งเห็นด้วยที่ว่าควรปรึกษาแพทย์ก่อนฉีดจริงๆ เพราะแต่ละคนไม่เหมือนกัน ขอถาม คุณ dr.prasit (prasit_tee) หน่อยได้ไหมคะ (เพื่อผ่านมาอีก) อยากรู้ตรงนี้มากคะ คือ เคยอ่านมาหลายกระแสอยู่ว่า เกิน 30 ฉีดไปไม่มีประโยชน์ (ฟังแล้วดูหดหู่) กันอีกกระแสก็ว่า ยังฉีดได้เรื่อยๆเพียงแค่ประสิทธิภาพอาจไม่เต็มที่มากนัก เท่ากันฉีดตอนยังเยาว์ อันนี้อยากทราบความคิดเห็นคุณ dr.prasit (prasit_tee) อ่าคะว่า มีความคิดเห็นอย่างไงบ้างอ่าคะ (อยากรู้จริงจัง) ขอบคุณมากค่ะ Ma.Kyo ราคาจะอยู่ที่ 7000 - 8000 บาทอ่าคะ ฉีดทั้งหมด 3 เข็ม ระยะการฉีด ฉีดเข็มแรกแล้วจึงฉีดเข็มถัดมาในเดือนที่ 2 จากนั้น จึงฉีดเข็มสุดท้ายในเดือนที่ 6 เข็มสุดท้ายนี้ถ้าลืม ก็ไม่เป็นไรนะคะ แต่อย่าให้เกิน 1 ปีคะ ภูมิคุ้มกันจะอยู่ได้ประมาณ 5 ปีโดยประมาณคะ นานๆสุดคือ 10 ปี แต่ในกรณี 10 ปีแบบนี้ ส่วนใหญ่มักจะเป็นวัยรุ่นคะ 13 - 25 ปีคะ จากคุณ : จำชื่อไม่ได้ เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 54 23:59:31

ความคิดเห็นที่ 46 วัคซีนพวกนี้ จะสามารถป้องกันได้เฉพาะผู้ที่ยังไม่เคยติดเชื้อ HPV เท่านั้น ถ้าเคยติดเชื้อมาแล้ว (เคยมีเพศสัมพันธ์) ตัววัคซีนจะไม่ได้ทำให้หายจากการติดเชื้อ แต่จะทำให้ไม่ติดเชื้อสายพันธุ์อื่น ดังนั้น ที่เขาบอกว่าประสิทธิภาพจะไม่เต็มที่ก็เนื่องจากสาเหตุนี้แหละครับ คนที่อายุเกิน 26 ปี มักจะเคยมีเพศสัมพันธ์มาแล้ว และก็อาจเคยติดเชื้อมาแล้ว ผลการป้องกันก็อาจจะไม่ดีเท่ากับคนที่ฉีดตั้งแต่ยังไม่เคยได้รับเชื้อ ถ้าต้องการฉีด ก็ฉีดได้ครับ ไม่มีปัญหา แต่ควรตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกควบคู่กันไปด้วยครับ จากคุณ : dr.prasit (prasit_tee) เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 54 08:40:45

ความคิดเห็นที่ 47 ขอบคุณค่ะว่ากำลังจะไปฉีด > < จากคุณ : MeeMuay เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 54 21:03:44

ความคิดเห็นที่ 48 ขอบคุ๊ค๊าบบบ จากคุณ : กริชครับผม เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 54 21:25:18

ความคิดเห็นที่ 49 เราฉีดครบแล้วสบายมากๆ จากคุณ : สลัดผักรวม เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 54 23:23:06