กรดไหลย้อนภัยเงียบจริงหรือ?
|
|
มีโอกาสได้อ่านบทความเรื่อง กรดไหลย้อนภัยเงียบจริงหรือ? จากบลอคมา แล้วก็มาฉุกคิด เลยลองเอามาฝากให้เพื่อนๆ ได้ทบทวนดูค่ะ เพราะบางทีเดี๋ยวนี้บางโรคเราก็ดูจะตื่นตัวกันเกินไปรึเปล่า อันนี้เราเอามาจากความคิดส่วนตัวนะคะ พอโรคไหนคนฮิตพูดถึงกันมาก ตัวจขกทเองก็จะเอามากังวล (ซึ่งบางทีก็เกินกว่าเหตุ -_-") หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆนะคะ
ได้อ่านบทความ.....เกี่ยวกับกรดไหลย้อน ทำให้รู้สึกว่า ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้เกิดจาการทำประชาสัมพันธ์ ที่มากเกินไปหรือไม่ เพราะเดี๋ยวนี้กลับเป็นว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการปวดท้อง แน่นท้อง จะถูกวินิจฉัยเป็นกรดไหลย้อนมากเหลือเกิน
คำถามคือ กรดไหลย้อน คือ อะไร? คนทั่วไปเกิดกรดไหลย้อนได้อย่างไร? กรดไหลย้อนเป็นโรคจริงหรือ?
กรดไหลย้อย คือ การที่มีการผิดปกติของกรด จากกระเพาะอาหารไหลย้อนมาบริเวณหลอดอาหาร ทำให้เกิดการระคายเคือง หรือเกิดการอักเสบของหลอดอาหาร รวมถึงอาจสูงจนระคายเคืองบริเวณคอ หรือกล่องเสียงได้
โดยทั่วไปคนปกติการไหลย้อนของกรดในกระเพาะขึ้นมาได้บ้าง เป็นธรรมดาอยู่แล้ว เพราะหูรูดของกระเพาะอาหารไม่ได้ปิดตลอดเวลา มีการปิด-เปิด เวลากลืนอาหาร หรือเวลาเกิดการบีบตัวของกระเพาะอาหารเวลาย่อยอาหาร ถ้าหูรูดหลอดอาหาร หรือกล้ามเนื้อกระบังลมทำงานไม่ปกติ หรือไม่แข็งแรง ก็อาจเกิดโรคกรดไหลย้อนได้
อาการ - อาจไม่มีอาการเลยก็ได้ - เจ็บบริเวณกลางอก - เจ็บคอเรื้อรัง ไอเรื้อรัง - ถ้าเป็นมากอาจมีอาการกลืนลำบาก
แต่ขอเน้นย้ำว่าถ้ามีอาการข้างต้นอาจไม่ใช่โรคกรดไหลย้อนก็ได้ ดังนั้นอย่ากังวลหรือวินิจฉัยโรคเองถ้ายังไม่แน่ใจ แนะนำปรึกษาแพทย์ เฉพาะโรคนี้จะดีที่สุด
คนทั่วไปเวลาเครียด หรือรีบก็อาจมีการทำงานหูรูดหลอดอาหารที่ไม่ปกติได้บ้าง แต่ถ้าอาการดังข้างต้นเป็นนาน รบรวนชีวิตประจำวัน แนะนำพบแพทย์จะดีที่สุด ความรุนแรงของโรคกรดไหลย้อนในคนไทยไม่มาก หรือรุนแรงเท่าชาวตะวันตก
การรักษา - ถ้าเป็นไม่รุนแรง แพทย์อาจให้ทานยา และสังเกตการตอบสนองของการรักษาระยะแรก - ถ้าอาการยังคงอยู่หรือสงสัยโรคอื่นที่อาการคล้ายหรือเหมือนกัน อาจทำการตรวจพิเศษด้วยวิธีการต่างๆ ต่อไป
ถ้าตอบสนองก็อาจให้ทานยาจนคุมอาการได้และค่อยๆ ลดยา และปรับยาตามอาการ มีส่วนน้อยมากๆ ที่ผู้ป่วยเป็นรุนแรงถึงต้องการการรักษาด้วยการผ่าตัด
การปฏิบัติตัวถ้าเป็นโรคนี้ 1. หาวิธีคลายเครียดต่างๆ 2. นอนหัวสูง 3. ไม่ทานอาหารจนอิ่มเกินไป 4. ไม่ทานอาหารก่อนนอน (ประมาณ 2-3 ชั่วโมง ก่อนนอนไม่ควรทานอาหาร) 5. เลี่ยง อาหารมัน หรืออาหารที่ทำให้หูรูดของหลอดอาหารหลวม เช่น ช๊อคโกเลต น้ำมะเขือเทศ กาแฟ น้ำอัดลม อาหารรดจัดเกินไป แอลกอฮอล์ เป็นต้น 6. ไม่สูบบุหรี่ 7. ลดน้ำหนัก ถ้าน้ำหนักมากเกิน 8. เลี่ยงการสวมเสื้อผ้าคับเกินไป
ที่มา http://www.samitivejhospitals.com/healthblog/Sukhumvit/blogdetail.php?id=40
จากคุณ |
:
HobaZaki
|
เขียนเมื่อ |
:
7 ม.ค. 54 14:30:34
|
|
|
|