ความคิดเห็นที่ 1 เป็นโรคจิตตรงไหนเหรอคะ เราอ่านดูคุณก็ปกติดีทุกอย่างนี่นา คือถ้าคุณคิดว่าคุณไม่พอใจชีวิตคุณอยู่คนเดียว คุณคิดผิดแล้วค่ะ คุณลองมองไปรอบๆตัวสิ มีใครพอใจในชีวิตตัวเอง 100 เปอร์เซ็นต์บ้าง ไม่มีหรอกค่ะ ทุกคนต่างก็มีมุมที่ต้องอดทน ต้องฟันฝ่ากันมาทั้งนั้น คุณอาจจะมีนิสัยที่ชอบหรือไม่ชอบแตกต่างจากคนอื่น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นโรคจิต มันสำคัญตรงที่ว่าคุณจะทำชีวิตคุณที่มีอยู่ขณะนี้ใหดำเนินต่อไปอย่างราบรื่นอย่างไรดีต่างหาก พี่แนะนำนะ น้องเลิกคิดมาก  โดยเฉพาะคิดมากในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง เพราะสิ่งที่น้องคิดมันอาจจะไม่ถูกต้องเสมอไปก็ได้ค่ะ จากคุณ : BIOTOMNEG เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 54 00:23:39

ความคิดเห็นที่ 2 ผมอ่านแล้วตกใจ นึกว่า ผมมาเขียนเองนะเนี่ย (แค่เพศตรงข้าม คล้ายๆกับเรามากกตรงอารมณ์ และความคิด) คุณอาจจะเป็น Perfectionist แล ไม่ได้โรคจิตอะไรหรอก แล้วที่รู้สึกเหมือนไม่มีความสุขในชีวิต แค่อยากให้ลองมาถามใจตัวเองก่อนว่า ความสุขในชีวิตในความหมายของคุณคืออะไร.. เช่น การนั่งเงียบๆคนเดียว ปล่อยความคิด ปล่อยอารมณ์ จากความคิดชั่วคราว ก็เกิดความสุขได้ตามจริตแต่ละคน แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 54 00:44:03 จากคุณ : Mechan (Mewchan) เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 54 00:43:51

ความคิดเห็นที่ 3 เห้อ อ่านแล้วสงสารคุณจัง แต่เราคิดว่า ถ้ายังเครียดแบบนี้อยู่ โรคภัยจะถามหาค่ะ อาจจะเสียเงินค่าหมอบานเลยน่ะค่ะ จากคุณ : ลิเซิ่ล เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 54 01:19:51

ความคิดเห็นที่ 4 คุณเป็นพวก Perfectionist ครับ บอกเลยว่าถ้าคุณไม่เปลี่ยนทัศนคติ คุณไม่มีทางมีความสุขได้ เพื่อนผมคนนึงก็เป็นแนวๆนี้ มันก็ไม่มีความสุขมาหลายปีแล้ว แต่มันแย่กว่าคุณตรงที่มันไมรู้ตัว มันใฝ่หาความเพียบพร้อม มันคิดว่ามันอยากมีชีวิตในอุดมคติ ประเภทมีบ้านสวยๆ ถอดแบบมาจากนิตยสาร แฟนต้องนางแบบ รวย มีชาติตระกูล รถต้องขับเบนซ์ กินอาหารต้องหรูๆ ใส่เสื้อผ้าต้องดีๆ ฯลฯ ซึ่งชีวิตจริงมันไม่ใช่ ไอ้ชีวิตแบบนั้นน่ะมันมีแต่ในหนังสือ ในนิตยสาร ในนิยายทไวไลท์เท่านั้นครับ คุณไขว่คว้าหาอะไรแบบนี้คุณก็จะไม่มีวันเจอ หรือถ้าเจอ มันก็ไม่ใช่ของจริง ไม่ช้าไม่นานพอความเป็นจริงเผยให้คุณเห็น คุณก็จะช็อก ก็จะหมดหวัง ผิดหวัง อยากให้ไปหาดูเรื่องโคตรรักเอ็งเลย นั่นล่ะครับภาพเปรียบเทียบความสุขแบบอุดมคติกับความสุขแบบของจริง ความสุขของจริงมันคือการที่แฟนคุณตดใส่คุณได้โดยไม่เก๊ก นั่นล่ะคือสิ่งที่มันเป็นจริง และถ้าคุณมีความสุขกับมันได้ คุณก็จะมีความสุขไปตลอด ไม่ได้หมายถึงให้มีความสุขกับการตดนะครับ แต่หมายถึงว่า คุณต้องมองโลกในแง่จริง มองสิ่งที่มันเป็นจริงๆ แล้วยอมรับมัน ไม่ใช่มองแต่ด้านที่อยากเห็น อยากให้โลกหมุนในแบบที่คุณอยากให้มันหมุน มันไม่มีจริง มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ จากคุณ : CARAGIO เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 54 02:37:18

ความคิดเห็นที่ 5 แค่คนวิสัยทัศน์แคบเฉยๆค่ะ อยากได้โน่นนี่ แต่ไม่คิดจะหาลู่ทางทำให้ได้แล้วมาทำครำ่ครวญว่าไม่อยากเป็นแค่พนักงานบริษัท เหมือนพวกประท้วงบ่นว่าจนแต่ไม่คิดทำมาหากินไม่มีผิด จากคุณ : เขียนบน iPhone (เทพบุตรหมัดดาวหาง) เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 54 02:59:24

ความคิดเห็นที่ 6 เป็นกันเยอะครับ อารมณ์แบบนี้ ความคิดประมาณนี้ ผมเองก็เป็ฯหนึ่งในนั้น ............. แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปเยอะแล้ว คิดไว้ว่ามันต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ แล้วไปๆมาๆมันไม่ได้เป็นอย่างที่หวังไว้ ผ่านความผิดหวัง ผิดพลาด ล้มๆลุกๆหลายๆรอบ ระดับความเฟอร์เฟคจะลดลง เข้าใกล้ความเป็นจริงรอบๆตัวมากขึ้น ซึ่งต้องเจ็บต้องช้ำมาหลายทีเหมือนกัน น้องรีบพิจารณาและยอมรับความจริง จะได้ไม่ต้องเจ็บเหมือนพี่ แล้วหันมามีความสุขกับชีวิตให้ได้เร็วๆนะครับ ตามที่เขียนในกระทู้ น้องมองโลกในแบบที่มันดีเลิศจนเกินไป ทำให้ตัวเองรู้สึกว่ารอบตัวมีแต่สิ่งไม่ดีไม่ได้เรื่อง เค้าว่ากันว่า เรามองโลกยังไง โลกก็จะเป้นแบบนั้น เรารู้สึกอย่างไร คนรอบๆตัวเราก็จะมีความรู้สึกทำนองเดียวกันนั้นกับเรา เอ่อ เริ่มมึน ไปดีกว่า จากคุณ : sproutshift เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 54 03:27:07

ความคิดเห็นที่ 7 สอบชิงทุน  เรียนต่อ โท-เอก ไปหาประสบการณ์เมืองนอก ถ้าเก่งจริง  ภาษาก็ต้องได้ด้วย  อย่าปลวก ที่เมืองนอก  คุณจะได้เรียนรู้ว่าสุดท้ายคุณก็แค่เด็กกะโหลกกะลาจากเมืองไทย มีคนที่เป็นตัวพ่อ ตัวแม่ของจริงอยู่ที่นั่นเยอะแยะ และบางทีคุณอาจจะสำนึกรักแผ่นดินเกิด  และอยากกลับมาโหนรถไฟฟ้าทำงานออฟฟิศ  ตกเย็นได้กินข้าวพร้อมครอบครัวก็ได้ค่ะ ส่วนเรื่องรังเกียจผู้ชาย  เมื่อคุณอายุใกล้เลขสาม  อาการที่คุณกล่าวมา  คุณจะหลงลืมไปชั่วขณะค่ะ    อาจได้แย่กว่าที่คุณตั้งป้อมตอนนี้เสียอีก ----------------------- แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 54 03:54:00 แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 54 03:40:23 จากคุณ : แฟนนายแบบ เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 54 03:39:44

ความคิดเห็นที่ 8 อ่านดูแล้วคุณสับสนและขัดแย้งกันเองในตัวนะคะ เดี๊ยนยังไม่ขอเรียกคุณเป็น perfectionist  คุณยังเป็นเหมือนคนธรรมดาคนหนึ่งในปัจจุบัน คนที่เป็นชอบความสมบูรณ์แบบที่เดี๊ยนเจอมาหลายคนเค้ากระตือรือร้นกับสิ่งที่เค้าต้องการมากๆ คุณเอาแต่คิดมากเกินไปจนลืมว่าก่อนจะได้อะไรมาคุณก็ต้องขวนขวายเริ่มปฏิบัติเป็นก้าวแรกก่อน คุณอาจแค่ฝันหวานอยากเป็นนั่น อยากครองนี่ อยากมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบในมุมของคุณซึ่งมันเป็นเรื่องปกติของคนส่วนใหญ่ คุณมีหลายเรื่องที่คิดว่าหมดหวังคุณก็เลยหยุด จับเจ่า บ่นเพ้อ โทษสิ่งรอบตัวไปวันๆ คุณคิดรวมกันไปหมด ทั้งเรื่องคู่ครอง อาชีพ ความเป็นอยู่ที่คุณยังไม่ได้ดั่งใจ พาลไปคิดเอาล่วงหน้า ว่ามันจะโหลยโท่ย มันก็แค่นั้นแหละ มันจบแค่นั้น และคุณไม่ชอบเลย มันเลยจับเจ่าเฝ้าครุ่นคิดวนเวียนว่ายจนไม่รู้จะหาทางออกได้ยังไง หากคุณแยกแยะออกมาได้และคิดว่าคุณจะก้าวกับจุดไหนก่อน และทำให้มันสำเร็จ อาจใช้เวลาหน่อย แต่ก้าวแรกที่สำเร็จคงเป็นแรงบันดาลใจให้เริ่มก้าวที่สองและก้าวต่อไปได้เรื่อยๆค่ะ เพราะคุณอายุ ๒๑ เอง มีเวลาอีกเหลือเฟือพิสูจน์ตัวเองนะคะ สู้ๆๆๆ แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 54 05:01:11 จากคุณ : แดงเร็กเก้บาร์ เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 54 04:59:20

ความคิดเห็นที่ 9 จะบอกยังไงดี คุณเไม่พอใจไม่อยากทำงานออฟฟิศและคิดว่าทำไมไม่เกิดมาดีกว่านี้ คุณคะทุกอย่างที่ดี ๆ มันไม่ได้งอกออกมาเองแล้วให้เราเดินไปเก็บได้ - ทุกอย่างต้องมีจุดเริ้มต้นสิ คุณไม่อยากทำงานออฟฟิศ แต่คุณก็ต้องทำเพราะมันเป็น การเริ่มต้นเข้าสู่สังคมการทำงาน มันจะช่วยพัฒนาความคิดและทัศนคติจากการเจอคน หลากหลาย แล้วถ้าไม่อยากเป็นมนุษย์เงินเดือนไปจนตายเมื่อถึงจุด ๆ หนึ่งที่คุณโตกว่านี้มีความคิดกว่านี้คุณสามารถมองหาลู่ทางอื่นออกมาจากงานประจำได้ แต่นี่ยังไม่ทำก็คิด ไปก่อนซะไกลโข - อยากเกิดมาดีกว่านี้แล้วที่เป็นอยู่ไม่ดีตรงไหน หรือเพราะไม่รวย ไม่มีต้นทุน ไม่มีเงินพอที่ จะเปิดกิจการของตัวเองเพราะไม่อยากทำงานบริษัท ก็อย่างที่เราเคยได้ยิน "เราเลือกเกิดไม่ได้" ได้แค่นี้เราว่าคุณดีกว่าหลายคนที่เขาไม่มีมาก ๆ  แล้วนะคะ - อยากหาเงินให้แม่เยอะ ๆ ใช่ว่าจบปุ๊บจะมีครอบครัวเลยเสียเมื่อไหร่ก็ใช้เวลาก่อนแต่งนี่สิ หาเงินให้แม่ ไม่มีใครมาแย่งกินแย่งใช้ เชื่อได้ว่าแม่เองก็คงเก็บสะสมไว้ให้คุณนั่นเอง แค่คุณเป็นลูกที่ดี และชีวิตมีความสุขท่านก็ดีใจแล้วเงินแทบไม่มีความสำคัญ และการที่ มีครอบครัวมันทำให้คุณมองว่าไม่ได้ดูแลแม่เต็มที่ ถึงเวลาที่คุณรักใครพอที่จะสามารถ ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ไปกับเขาคนนั้นแล้วค่อยคิด เพราะบางทีการที่คุณเจอคนที่ใช่สำหรับ คุณ แม่คุณอาจจะยินดีก็ได้ พ่อแม่ไม่ดีใจอะไรเท่าเห็นลูกมีความสุขและประสบความ สำเร็จในทุก ๆ ด้านหรอกนะคะ -สรุปเราคิดว่าตอนนี้คุณควรมองปัจจุบันมากกว่า สิ่งที่ต้องทำในระยะเวลาอันใกล้ อะไร ที่ยังมาไม่ถึงไม่ควรกลัว และคิดถึงผลลัพธ์ ล่วงหน้าเพราะมันอาจไม่เป็นอย่างที่เราคิด ก็ได้   ท จากคุณ : The Lover After Me เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 54 09:14:37

ความคิดเห็นที่ 10 มันเป็นช่วงเวลาที่ฟุ้งซ่าน เพราะไม่มีอะไรที่ท้าทาย ณ ขณะนี้น่ะ ดูแล้วคุณเป็นคนมีสติปัญญาดีมาก ลองใช้ Creativity ของตัวเองให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมดิ ลองไปเข้ากลุ่มช่วยเหลือสังคม ไปสมาคมคนตาบอด ไปดูว่าเค้าอยู่ยังไง ดูแลคนยังไง บ้านเด็กพิการซ้ำซ้อน ไรงี้....ไปสอนหนังสือ ตามชุมชนไรงี้ ไปเรียนรู้ชีวิตคน ไปดูว่า ที่คนอื่นเค้ามีความสุขใจได้ กับเงินเดือน ไม่เกินหมื่น เค้าทำกันยังไง ตอนเรารู้สึกแบบนี้ เราเคยไปเดินเล่นแถวสนามหลวง ไปคุยกับคนขายล็อตเตอรี่ที่อารมณ์ดีๆ....เราสัมผัสได้เลย ว่า ความสุข มันอยู่ที่ใจ และความ "พอ" ของคนเราเองน่ะ จากคุณ : Mrs.Reda เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 54 10:15:53

ความคิดเห็นที่ 11 สรุปสั้น ๆ คุณแค่...ยังไม่โตครับ จากคุณ : บ้าเกม เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 54 10:46:02

ความคิดเห็นที่ 12 ใครหลายๆคน ก็มีความคิดแบบนี้นะ  ใครๆก็อยากมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี มีพร้อมทุกด้าน ใครๆก็อยากได้แฟนรวยๆ นิสัยดี เพรียบพร้อมทุกอย่าง เอาใจเราสารพัด แต่มันต่างกันตรงที่ คนหนึ่งฝันไว้ในใจเฉยๆ คิดเฉยๆ แต่ไม่ได้ทำอะไรกับมัน ให้เป็นความสุขในใจก็พอ กับอีกคนพยายามไขว่คว้ามาให้ได้ ต้องได้ตามที่ตนเองคิดทุกอย่าง ไม่ว่าด้วยวิธีการใดก็ตาม คุณเพ้อเจ้อ เพ้อฝัน แล้วก็จำกัดมันแค่ในฝัน แล้วก็บอกว่าตนเองทำไม่ได้หรอก มันไม่มีหนทางดีกว่านี้หรอก แค่คิดว่าชีวิตนี้จะไม่ได้ดังฝันแล้ว ก็เศร้า หมดอาลัยตายอยากซะแล้ว โดยลืมเบ่งตา ออกไปมองโลกให้กว้าง ไม่ได้ค้นหาวิธีใดเลย ที่จะทำให้ตนเองได้มาซึ่งสิ่งที่หวัง ก็ได้แค่ลมๆแล้งๆในใจ คิดว่าโลกนี้ มีแค่โรงเรียน มหาวิทยาลัย บ้าน คนที่รู้จักมีแค่เพื่อน คนที่ทำงานแหง่ๆ ไม่ได้คิดพาตนเอง ออกไปสู่โลกที่กว้างกว่านี้ หนทางที่จะทำให้ตนเองได้เป็นมากกว่านี้เลย คุณเป็นคนเก่งนะ โอกาสในชีวิตน่าจะมากกว่าคนอื่น มีพยายามคิดถึงอนาคต แต่ดันคิดลบและแคบไปหน่อย คนเรียนเก่ง เรียนจบตรีแล้ว ก็ไปต่อโทเมืองนอกได้ สอบชิงทุนไปซิ ต่อถึงระดับ ดร.เลยก็ได้ สังคมที่คุณจะไปเจอ ระดับปริญญาโท หรือ ดร. อนาคตผู้ชายเหล่านั้น คงไม่ได้เป็นแค่ระดับพนักงานหรอกนะ คุณจะได้เจอผู้ชายระดับผู้บริหาร เจ้าของกิจการ ผู้ชายที่อนาคตไกลอีกหลายคน ที่ไม่ใช่อนาคตเป็นแค่พนักงานบริษัท แต่ยิ่งคุณมองผู้ชายสูงเท่าไหร่ ตัวคุณเองก็ต้องยกระดับตนเองให้สูงขึ้นไปด้วย คนอื่นติ คุณไม่ชอบ มันเป็นทั้งข้อดีและเสีย เขาติมา ถ้าคุณรีบแก้ มันจะช่วยเสริมให้คุณดียิ่งขึ้น ไม่ใช่ทนฟังไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้แก้ไขอะไร ปล่อยทิ้งไว้ มันจะยิ่งแย่ นิสัยของคนรวยอย่างหนึ่ง คือ เขาจะมีความหิวตลอดเวลา ไม่เคยรู้สึกพอใจในสิ่งที่ตนเองมีเลย ไม่ใช่หิวอาหารนะ แต่ว่าหิวความอยากมี อยากได้ อยากรวย ได้แค่นี้ก็ไม่เคยรู้จักพอ อยากได้มากกว่านี้ มีเงินล้าน เคยคิดว่ารวยแล้ว ก็รู้สึกว่ายังรวยไม่พอ อยากได้สิบล้าน มีสิบล้านก็ยังรวยไม่พอ อยากมีร้อยล้าน มีรถคันเดียวก็ไม่พอ อยากมีสิบคัน มีบ้านหลังเดียวไม่พอ อยากมีอีกหลายๆหลัง ไปปลูกที่โน้นที่นี้ ซื้อที่ดินไว้มาก แต่สิ่งหนึ่งที่คนรวย จำเป็นต้องมี คือ ความอิ่มใจ  การมีครอบครัวและพื้นฐานที่ดี มีสามีหรือภรรยา เป็นขุ่มพลังทางใจ ให้มีแรงออกไปหากิน  มีความคิดที่กว้างไกล มีทันศคติในด้านบวก และมองโลกในแง่ดี ถ้าเขาคิดว่า เดี๋ยวทำอะไรก็เจ๊ง เขาคงไม่อยากทำ แต่ถ้าเขามีความคิดด้านบวก ต้องทำได้แน่ๆ ต้องสำเร็จแน่ๆ คิดดีเข้าไว้ อะไรก็สำเร็จ ไม่ได้หมายความว่าเขาโกหกตนเองนะ  แต่เขารู้ข้อเสีย รู้ปัญหาอุปสรรค แต่เขาพยายามหาวิธีแก้ โดยไม่ท้อแท้ต่างหาก และไม่คิดว่า มันจะอบจนหนทางแก้ คุณมีแต่ความอยากได้ แต่ยังขาดแรงในการผลักดันตนเองนะ มีแต่ความกลัวที่รายล้อมตนเองเต็มไปหมด เพราะคุณยังขาดความกล้าที่จะออกไปเผชิญโลกจริงๆ  การเรียน ในโรงเรียนในมหาลัยไม่ได้ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโลกให้คุณเลย คุณเรียนเก่งแค่ในตำรา แต่ว่า อ่อนแอในสังคมอย่างมาก  ไอ้โน้นไม่ชอบ ไอ้นี่ไม่เอา ตัดโอกาสเรียนรู้ของตนเองไปหมด ด้วยการปฎิเสธที่ลองอะไร ที่ไม่ถนัดหรือคุ้นเคย ความสนุกในชีวิต จึงมีแต่เรื่องเดิมๆที่รู้แล้ว และเป็นเรื่องน่าเบื่อ ลองทำอะไรที่ตนเองไม่คุ้นเคยดูบ้างนะคะ เพื่อความสนุกตื่นเต้นในชีวิตดูบ้าง แล้วก็อย่าคิดมากอยู่แค่ในสมองอย่างเดียว โดยที่ยังไม่ได้ลองออกไปเจอของจริงเลย ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ ความกังวลบางอย่างเป็นแค่เราวิตกจริตไปเอง มันไม่แย่ขนาดนั้นหรอก เพียงแต่ถ้าเราคิดหาทางแก้คนเดียวไม่ออก ควรจะปรึกษาผู้ใหญ่ ให้ท่านช่วยเราคิดบ้าง และความคิดของเรา ก็ไม่จำเป็นว่าต้องถูกเสมอ คนที่เรียนเก่งน้อยกว่าเรา เขาอาจจะแก้ปัญหาชีวิตได้ดีกว่าเรา คนที่เราคิดว่าเขาแย่ๆ บางทีมุมมองชีวิต โลกทัศนของเขา อาจจะกว้างกว่าเราก็ได้ คนที่เราฝัน เขาก็อาจจะอยู่แค่ในความฝัน คนที่เจอตัวจริง อาจจะไม่ได้ดังฝัน ที่เราอยากได้ แต่ถ้าเขาคือตัวจริง คนที่ใช่ในชีวิตเรา ก็อย่ามองข้ามเขาไป เราอาจจะเสียใจในวันข้างหน้าก็ได้ อนาคตมันไม่แน่ไม่นอน เปลี่ยนแปลงได้เสมอ ถ้าเราเปิดใจให้กว้างนะ จากคุณ : ..ฟ้าใส.. เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 54 11:49:40

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้าคุณสวยจริง เก่งจริง นืสัยดี ทำตัวดี ตั้งใจเรียนไปเถอะ เดี๋ยวก็มีลูกคนรวย เรียนเก่ง นิสัยดี มาชอบ จนรัก และแต่งงานกันเอง เชื่อผม ลูกคนรวย(หลักร้อยล้านถึงพันล้าน) เก่ง หน้าตาดี นิสัยดี ในกรุงเทพหาไม่ยากครับ มีหลายหมื่นคนครับ ผู้ชายดีๆเองก็คอยมองหาผู้หญิงดีๆอยู่ตลอดเวลาแหละ ประสบการณ์จริง จากคุณ : 1 (huthut) เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 54 11:53:26

ความคิดเห็นที่ 14 บอกตรงๆคุณน่าสงสารว่ะ พวกที่คาดหวังสูงมักจะเหนื่อยและเครียดมากกว่าคนปกติ ส่งผลให้มีความสุขได้ยาก ยิ่งเอานิสัยแบบนี้มาจับกับเรื่องความรัก ยิ่งจะทำให้ผิดหวังได้ง่าย ที่บอกว่าบางทีอิจฉาคนอื่น ความอิจฉา=เรายังไม่พอใจในตัวเอง ปกติถ้าเห็นคนอื่นดีกว่ามักจะมีความคิด3 ประเภท 1.ดึงมันลงมา >>ด้วยการนินทา ว่าร้ายต่างๆ 2.ผลักเราขึ้นไป >> เอามาเป็นตัวอย่างว่าเค๊าทำยังไงถึงประสบความสำเร็จ 3.มันเป็นเช่นนั้นเอง >>> อ่อเพราะบ้านมันรวย  อ่อเพราะมันขยัน  อ่อ เพราะมันโชคดี ก็แล้วแต่ความจริง การเป็นคนมีข้อจำกัดในชีวิตมาก ยิ่งทำให้มีความสุขยาก นั่นก็ไม่ได้  นี่ก็ไม่เอา นึกถึงฝรั่งหรือญี่ปุ่นที่มาแบ๊คแพ็คบ้านเรา ทำไมเค๊าถึงสามารเปิดโลกทัศน์ได้ ก็เพราะเค๊ามีข้อจำกัดน้อย บางคนนั่งรถไฟชั้น3 ด้วยซ้ำ เมื่อฝึกให้ใช้ชีวิตง่าย จะได้ตั้งรับกับโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนได้ไงล่ะครับ สิ่งที่ควรปรับอย่างแรงคือทัศนคติครับ  ถ้าเอาอย่างเป็นรูปธรรมอยากให้ลองไปทำบุญกับเด็กพิการดู จะเห็นว่าแม้ร่างกายเค๊าไม่ครบ32 คุณจะสามารถเห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเค๊าได้ คุณโชคดีกว่าเค๊าเท่าไหร่แล้ว แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 54 12:58:34 จากคุณ : -zzz- เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 54 12:56:16

ความคิดเห็นที่ 15 หลายคน เข้าใจผิดกับคำว่า perfectionist  ^^" แบบที่คุณเจ้าของกระทู้เป็นอยู่ ไม่ใช่ perfectionist  ค่ะ ลองไปคุยกับจิตแพทย์ดูก็ได้ค่ะ หรือหาหนังสือธรรมะมาอ่านนะคะ  เอาใจช่วยค่ะ ^_^ แก้ไขเมื่อ 09 ม.ค. 54 17:28:25 จากคุณ : ~ROME LUCERNE~ เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 54 13:30:52

ความคิดเห็นที่ 16 อย่างน้อยน้องก็รู้ความคิด รู้จักตัวเองดีพอ ถ้าน้องรู้ปัญหาของตัวเองแล้วยิ่งง่ายในการจัดการเลยค่ะ พี่ว่าเริ่มจัดการกับความคิดตัวเองซะใหม่ตั้งแต่วันนี้เลยดีกว่ามั้ย ไม่ต้องรอหาจิตแพทย์หรอก แปลกใจที่บอกประวัติ การศึกษา ว่าเรียนดี แต่ทำไมคิดได้แค่ว่า "ทำงานบริษัทชีวิตคงน่าเบื่อ  หาสามีก็คงได้เเค่คนในบริษัทเเผนกเดียวกัน เป็นผู้ชายธรรมดาๆ เเล้วไง บลาๆๆ...."   เราว่าน้องมองโลกแคบไปมากผกผันกับเกรดการเรียนที่ได้มามากเลย ถ้าเป็นเด็ก ม.6 พูดจะไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่นี่จะจบปริญญาอยู่แล้ว พี่ว่ามันแปลกๆอยู่นะ อ่านแบคกราวนด์ ต้นทุนทางสังคมก็ไม่ใช่จะย่ำแย่ เรียนเก่งสมองดีมีเป็นทุน ชีวิตมีโอกาสตั้งเยอะแยะค่ะ ถ้ารู้จักใช้ชีวิต และมองออกมานอกตำรา นอกกรอบบ้าง  ข้อจำกัดบางทีก็เป็นสิ่งที่เราสร้างมาเองซะเยอะ หนักไปก็วางๆไปบ้างเถอะ หากสมองดีอย่างนี้ ต้องการความเจริญในชีวิต แนะนำอ่านหนังสือปรับทัศนคติเชิงบวกให้มากๆ หนังสือ how to พวกเรื่องธุรกิจก็ได้เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ ส่วนเรื่องแฟนอย่าคิดมากเอามาปวดหัวเปลืองสมองนะ คิดแค่ว่าสองมือเราจะทำอะไรให้แม่สบายก็หนักพอแล้วนะพี่ว่า เอาใจช่วยนะคะ จากคุณ : GniN เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 54 14:08:47

ความคิดเห็นที่ 17 จขกท.เวิ่นเว้อมากมายครับ อยู่แบบไม่มีสติสุดๆ คิดเรื่องในอนาคตมากเกินไป คือมองอนาคตโดยใช้ความคิด+ประสบการณ์ของตัวเองแบบ Virtual reality แล้วเอาตัวเองเข้าไปจำลองสถาณการณ์ในนั้น พอได้ผลลัพธ์ออกมาก็คิดว่ามันจะออกมาเป็นอย่างนั้นเป๊ะๆ ปัจจุบันเลยหมดอาลัยตายอยาก เพราะคิดว่าอนาคตมันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้เสียแล้ว อนาคตไม่เคยที่จะเป็นไปตามที่เราคิดเป๊ะหรอกครับ มันมีอะไรให้เราประหลาดใจได้เสมอ เพราะงั้นการที่เชื่อว่าอะไรๆจะออกมาอย่างที่เราคิด จะยิ่งทุกข์หนักครับ เราหวังเราคิดไว้ว่าอนาคตเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ได้ แล้วทำปัจจุบันให้ให้เข้าใกล้จุดหมายไปเรื่อยๆ  แต่ต้องเผื่อใจไว้ว่ามันอาจจะไม่เป็นอย่างที่เราหวัง ซึ่งจริงๆมีทั้งดีกว่าทั้งแย่กว่าที่หวังไว้ ถ้าเราหมดอาลัยในปัจจุบัน โดยคิดเอาว่าอนาคตมันไม่มีดีหรอก อย่างนั้นปิดประตู 100% ครับ เกิดว่าจริงๆจขกท.อาจไปได้สวยในงานที่ทำก็จะเป็นหมันไปเลย ถ้าอยากลองแก้ก็ลองศึกษาธรรมะดู แนะของหลวงพ่อปราโมทย์ ปราโมชโช น่าจะตรงกับจขกท. ที่สำคัญใช้แต่ความมานะ แต่ไม่เสียตัง ซึ่งเชื่อเหอะยากกว่าเสียตังอีก ฝากอีกนิดว่าความเพียบพร้อมที่เป็นของนอกกาย เป็นสิ่งหลอกลวงทั้งนั้น มีแล้วใช่ว่าจะรับประกันว่าจะมีความสุข   มีแต่เปลือกหลอกว่าข้าคือตัวความสุข  แต่คนที่มีของเหล่านี้ก็ยังเห็นทุกข์กันอยู่ทั้งนั้น จากคุณ : omeg เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 54 14:29:26

ความคิดเห็นที่ 18 สมบูรณ์ก็สมบูรณ์ไปครับ แต่คนสมบูรณ์แล้วก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องมานั่งบ่นให้คนอื่นฟังเนอะ จากคุณ : อย่ารู้เลยว่าฉันเป็นใคร เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 54 15:13:27

ความคิดเห็นที่ 19 อดีต ผ่านไปแล้ว อนาคต ยังมาไม่ถึง อยู่กับปัจจุบัน แล้วมีความสุข ในแบบที่มันเป็น ชีวิตจะไม่ทุกข์มากครับ ^^ จากคุณ : lolo (solo 356) เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 54 19:56:02

ความคิดเห็นที่ 20 เห้ออออออออออออออออออออออ เเข้าประเด็นละกันอาการเเบบนี้ไม่ต้องไปหาหมอที่ไหนหรอกนะ แก้ไขที่ตัวเราเอง ว่างๆ นั่งสมาธิ ทำบุญ หาหนังสือธรรมะอ่านบ้าง เเละที่สำคัญ คือ รุ้จักปลงบ้าง ไม่คิดเข้าข้างตัวเอ ง เพราะบางครั้งสิ่งที่คิดว่าเพอร์เฟค เเท้จริงแล้ว กลับไม่ได้ทำให้เรามีความสุขนะ จากคุณ : VIPUSER เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 54 20:30:29

ความคิดเห็นที่ 21 คนเรามักหมกมุ่นกับตัวเอง อาการแบบนี้ แต่ก่อนเราก็เคยเป้น พอลืมหูลืมตาขึ้นมาได้ เหมือนตื่นมาเจอความจริง เหนือฟ้ายังมีฟ้ากระนั้นเลย ลองมองกว้างๆ ดุแลคนอื่นจากหัวใจ ไม่ใช่นึกถึงแต่ตัวเอง คุณจะเจอโลกอีกด้านเองค่ะ *-* จากคุณ : พี่เลี้ยงจำเป็น เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 54 20:54:29

ความคิดเห็นที่ 22 จนตอนนี้เบื่อชีวิต ไม่อยากเรียนหนังสือ เป็นตั้งเเต่ปี 1เเล้ว อาจารย์สอนไม่เคยฟัง นั่งเหม่อบางทีเรามาอ่านตอนสอบเท่านั้น เพราะเบื่อ คิดว่าเรียนไปเเล้วไง สุดท้ายก็เป็นได้เเค่พนง.บริษัท เงินเดือนก็พอๆกันหมด ^ ^ ^ ก็เลยคิดว่า ไม่ทำ ไม่สนใจอะไรมันเลยดีกว่าเหรอ!??? เยี่ยมครับ สุดยอดจริงๆ แบบนี้มันคือperfectแล้วเหรอครับ คุณฟุ้งซ่านไปเองรึเปล่า โลกนี้มันมีด้วยเหรอPERFECTน่ะ!!!?? ทำชีวิตตอนนี้ให้ดีเสียก่อน แล้วค่อยหวังจะได้อะไรที่มันมาตราฐานสูงๆในอนาคตนะครับ ไม่งั้นก็ทำให้ตัวเองทุกข์ต่อไป!!(ทุกข์ทั้งๆที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ทุกข์เพราะตัวเองล้วนๆ) จากคุณ : -ATICUS_T- เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 54 00:54:19

ความคิดเห็นที่ 23 คนอื่นแนะนำดีแล้วครับ ผมเสริมสั้นๆ ก็พอ ลองทำอะไรๆ ที่ลำบากดูครับ จากคุณ : bacus เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 54 02:13:48

ความคิดเห็นที่ 24 น่าจะเพราะเวลาว่างเยอะ วงจรชีวิตซ้ำซาก เลยเบื่อไปหมด ลองหากิจกรรมอะไรทำแบบที่ไม่เคยทำดู อาจลองไปวิปัสนา หลวงพ่อจรัล อาจได้อะไรดีๆกลับมาไม่มากก็น้อย จากคุณ : joopkajoop เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 54 12:46:58

ความคิดเห็นที่ 25 คุณเป็นลูกคนโตหรือลูกคนเดียวใช่มั้ยคะ คุณมีบุคลิกภาพแบบ Perfectionist ค่ะ หรือให้เรียกอีกแบบก็คือพวกนิยมความสมบูรณ์แบบแบบท้อแท้ บุคลิกภาพแบบนี้มักจะต้องการให้ชีวิตของตัวเองสมบูรณ์แบบตลอดเวลา งานการใด ๆ ที่ำทำสำเร็จแล้ว ถึงแม้คนอื่นจะชมว่าดี แต่ตัวเองก็จะคิดว่า "ชั้นน่าจะทำได้ดีกว่านี้" บุคลิกภาพแบบนี้จะไม่ค่อยกล้าเริ่มทำอะไร เพราะ "กลัว" ว่าตนเองจะทำพลาด ดังนั้นจึงไม่เริ่มทำอะไรเลยจะดีกว่า ดังนั้นแล้ว ทางออกของคุณคือ 1. บอกตัวเองให้ยืดหยุ่นให้ได้ 2. เรียนรู้ว่าไม่มีอะไรบนโลกใบนี้ที่สมบูรณ์แบบ และยินยอมให้ตัวเองสามารถทำผิดได้ 3. เรียนรู้คำว่า "ขอโทษ" ให้กล้าขอโืทษทั้งตัวเอง และ คนอื่น ๆ ค่ะ คุณไม่ได้ผิดปกติทางจิตอะไรหรอกค่ะ มันเป็นเพียงแค่บุคลิกภาพแบบหนึ่งเท่านั้น จากคุณ : dear143 เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 54 15:29:54

ความคิดเห็นที่ 26 เหมือนคนหลักลอยมากกว่าอ่ะ จากคุณ : Superstarie เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 54 17:23:52

ความคิดเห็นที่ 27 ไม่ได้เป็นพวกเฟอร์เฟ็กท์อะไรหรอก  แต่เป็นพวกเพ้อฝันน่ะ  ฝันจนเหนื่อย ลืมตาขึ้นมาก็เห็นตัวเองซ่อมซ่ออยู่ในคราบเดิมๆ  ก็รับไม่ได้และขี้เกียจจะขยับตัว ก็เลยหลับตาฝันต่อ  มันง่ายดีใช่มั๊ยล่ะ จากคุณ : KHIMM เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 54 22:10:19

ความคิดเห็นที่ 28 ตอนอายุเท่าคุณผมก็เป็นครับ แต่หนักกว่าหน่อยตรงที่เป็นพวกดิ้นรนด้วย ผมอายุ 22-23 ซื้อรถคันเป็นล้านขี่เองแล้วครับ หลังจากนั้นตั้งใจซัก 4-5 ปี อยากมีเฟอร์ขี่ แต่สุดท้ายชีวิตฝืนมากไปมันเหนือ่ยเอง ไอ้โน้นไม่ได้ ไอ้นี่ไม่ดี เราดิ้นรนไปมากกว่าพื้นซานความเป็นจริง ใครจะมีปัญหานอกจากตัวเราเอง ปลงตกแแล้วก็จะค่อยลดความต้องการทุกอย่างลงมาตามความเหมาะสมของชีวิต กรณีน้องรู้จักปล่อยวางนะครับ เรื่ืองแฟนพี่โสดนะฮะ จากคุณ : นายแมมมอส เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 54 14:28:46

ความคิดเห็นที่ 29 คน profile แบบคุณ มีเยอะนะ ที่่เค้ามีความสุขอ่ะค่ะ ลองทำเพื่อคนอื่นบ้าง อย่ามัวแต่คิด ลงมือทำซะนะ จากคุณ : Blosm เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 54 20:36:03

ความคิดเห็นที่ 30 ชีวิตมันก็มีทั้งศาสตร์และศิลป์ เราก็เป็นคนนึงที่เรียนได้ที่1ได้ 4.00 บ้าง ตั้งแต่อ.1-ทุกวันนี้ค่ะ แต่เรารู้มาตลอดว่าเรื่องการเรียนและการทำงาน มันไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต เราถูกสนับสนุนให้กล้าแสดงออกตั้งแต่เด็กๆ แข่งนั่นนี่กับโรงเรียนอื่น แต่เราก็เป็นเด็กคนนึงที่ไม่ได้นั่งอยู่ในห้องเรียนตลอดเวลา หายไปซ้อมเต้นบ้าง หายไปเล่นดนตรี เล่นกีฬาบ้าง แล้วก็ประสบความสำเร็จในทุกๆอย่าง เรามองว่าความสำเร็จนั้นไม่ได้เกิดจากการซ้อมของเราอย่างเดียว เกิดจากอาจารย์ เกิดจากที่บ้าน เกิดจากเพื่อนๆ ทุกอย่างเป็นองค์ประกอบให้เราประสบความสำเร็จ และการที่เราจะเหนือกว่าใครในวันนี้ ไม่ได้หมายถึงพรุ่งนี้เราจะได้อยู่จุดนั้นไปตลอด ถึงแพ้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่เท่าการเรียนรู้ที่เราได้มา สิ่งที่มองเห็นได้ในชีวิตไม่ได้มีแค่ตัวเลขของเงินเดือนที่ได้จากการทำงาน ได้เรียนที่สถาบันดังๆ เกรดดีดีที่เราได้มันเป็นแค่ส่วนนึงค่ะ เป็นส่วนที่สังคมใช้วัดคนให้ดูแตกต่างกัน ยิ่งได้ทำกิจกรรมเราจะรู้ว่า คนเก่งจริง และเก่งกว่าเรามีเยอะแยะค่ะ แล้วเค้าจะไม่คิดว่าตัวเองเก่ง... มีอะไรที่อยากรู้ไหมคะ ก็ลองทำดู ...ทำเลย.. ลองคิดดูว่าตัวเองต้องการอะไรค่ะ ตัวเองนะคะ ไม่ใช่สิ่งที่สังคมน่าจะต้องการคนยังไงตัวเราเองก็ต้องการจะเป็นแบบนั้นไปด้วย ทุกอย่างไม่มีอะไรจีรังค่ะ ส่วนเรื่องมุมมองผู้ชายเราก็มองเหมือนคุณค่ะ ไม่ชอบผู้ชายลักษณะแบบนั้น(ในแบบแฟน) ก็ยังดีที่โลกนี้มีคนหลายแบบ -- แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 54 21:55:58 แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 54 21:54:00 จากคุณ : snpr (snpr) เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 54 21:50:11

ความคิดเห็นที่ 31 อ่านแล้วก็รู้สึกว่า คนที่ค่อนข้างสมบูรณ์พร้อมแบบนี้ ก็ทุกข์มากมายได้ด้วยนะ คนเรามีการทดสอบไม่เหมือนกันจริงๆ แต่อยากจะบอกว่า ถ้ากลัวจะเป็นพนักงานบริษัท แล้วยังนึกไม่ออกว่าจะทำอะไรจนเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายท้อแท้แล้วล่ะก็ แสดงว่า ยังมีประสบการณ์ต่อโลกนี้น้อยอยู่นะ ผมคิดว่าสุดท้ายคุณก็อาจจะได้ทำงานบริษัทนั่นแหละ หรืออาจจะได้ทำอะไรสักอย่างหนึ่ง แล้วคุณจะได้เปิดโลกทัศน์เอง ได้รู้ว่า มีอะไรมากกว่า ชีวิตที่คุณคิดว่าสมบูรณ์แบบอยู่เยอะ เมื่อนั้น คุณก็จะรู้สึกสนุกเองแหละ เอาเถอะพูดไปก็เท่านั้น ต้องเจอเอง คุณยังมีโอกาสมากกว่าคนอื่นนะเท่าที่อ่านคุณอาจจะได้เจอชีวิตที่ เพอเฟค ดังหวังจริงๆ ก็ได้ ใครจะไปรู้ ยังไงก็อย่าคิดมาก เบื่อมากจนลืมหน้าที่ก็แล้วกัน เพราะไม่ว่าชีวิตจะสมดังหวังหรือไม่ คุณก็ต้องดูแลเลี้ยงตัวเอง ต่อไปจนกว่าจะตาย ใช่ไหม ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปนะ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 54 10:06:33

ความคิดเห็นที่ 32 ไปหาจิตแพทย์ค่ะ เราว่าคุณฟุ้งซ่านและเพ้อเจ้อทีเดียวนะ เห็นตั้งกระทู้ทำนองนี้หลายทู้แล้วอ่ะ เด๋วก็บอกเป็น ญ เป็น ช จากคุณ : เฮ้อออออ เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 54 01:03:42 A:58.8.239.174 X: TicketID:297050

ความคิดเห็นที่ 33 http://www.pantip.com/cafe/ratchada/topic/V10142567/V10142567.html เวิ่นเว้อ เพ้อเจ้อ จากคุณ : กำจัดปลวก (nanokacha) เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 09:48:43