ที่ใช้ 2 ตัวพร้อมกัน เพราะงานวิจัยบอกว่า คาเฟอีน ทำหน้าที่สลายไขมันที่เราสะสมในร่างกาย ให้เป็นเซลล์ไขมันในกระแสเลือด พร้อมที่จะเอาไปใช้งาน (ถ้า weight training และ/หรือ cardio ถึงระดับที่ร่างกายต้องการพลังงานจาก fat)
ส่วน L-carnitine ถูก claim ว่า (ซึ่งไม่ได้ยืนยัน 100% นะครับ มันแค่ possibility) ทำหน้าที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการนำพาเซลล์ไขมัน ไปเผาผลาญในไมโตครอนเดีย เพื่อเป็นพลังงานให้ร่างกาย ถ้าถามผม ก็เห็นว่าผลมันน่าพอใจมาก แต่ข้อเสียของคาเฟอีนก็มากอยู่ครับ ไม่แน่ใจว่า L อย่างเดียวจะให้ผลแค่ไหน แต่ถ้าไม่เปลืองเงินในกระเป๋า จะใช้ไปด้วยก็ได้ครับ ปกติ L ไม่มีผลเสีย ยกเว้นกินมากๆๆๆ จริงๆ ซึ่งคนทั่วไปไม่น่ากินได้มากระดับนั้นครับ
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
1) กาแฟ มันมี Coffeic Acid และ Chloroic Acid เจ้าตัวนี้จะได้จากกาแฟสดๆ ที่ไม่คั่ว ที่เนสกาแฟเคยทำกาแฟสดไม่คั่วผสมนั่นแหละ กรดตัวนี้ทำหน้าที่ Slowdown glucose in bloodstream โดยไปลดกระบวนการ hepatic glucogenolysis ทำให้ลดการเปลี่ยน glucogen ไปเป็น glucose ..... ผมเข้าใจว่าไม่ได้ลดไขมันโดยตรง
2) L-carnetine เจ้านี่เป็นพระเอกที่มันจะดึงไขมันมาโดยตรง นำมาใช้เผาเป็นพลังงานได้ในขณะที่ ระดับ glucose ในกระแสเลือดยังมีสำรอง ผลที่ได้คือ นักกีฬาจะมีพลังเพิ่มขึ้น นักวิ่งมาราธอนก็อึดขึ้น ผมเล่นเวทยกได้มากเซตหรือยกน้ำหนักได้เพิ่ม (เพิ่มจนแขนเคล็ดอยู่นี่ ) แต่เจ้า L-Carnitine จะต้องกินร่วมกับ Vit B6 จึงจะได้ผลดูดซึมดี และต้องกินตอนท้องว่าง ห้ามกินร่วมกับนม ครับ
3) นอกจากนี้ยังมี Epigallocatechin ที่สะกัดจากชาเขียว เจ้านี่จะไปเร่งกระบวนการ Thermogenesis ทำให้อุ่ณหภูมิสูงขึ้น (ร่างกาย) เร่งการ Burn ไขมันดีขึ้น ผมอ่านเรื่องนี้แล้วนึกถึงภูมิปัญญาชาวจีน ที่กินอาหารมันๆ จะกินกับน้ำชาไงครับ
ผมไม่แนะนำให้ซื้อแยกตัวกินเอง เพราะมันจะแพงกว่า ซื้อ FAT Burn สูตรสำเร็จที่เขาทำขายดีกว่าถูกกว่า
ร้าน Boots มีหลายยี่ห้อ ผมผ่านตาราคาระดับ 800 บาท ครับ