ความคิดเห็นที่ 1 ขอตอบข้อแรกนะคะ  เพราะรู้แค่ข้อแรกน่ะค่ะ คือ ระหว่างที่เรียน มีการผ่าอาจารย์ใหญ่ก็จะมีพวกเศษ fat แล้วก็ชิ้นเนื้อ ผิวหนังอะไรอย่างนี้น่ะค่ะ  ซึ่งก็ยากแก่การเก็บ เข้าที่เดิม  โดยเศษพวกนี้ของอาจารย์ใหญ่ทุกท่านเราจะเอามารวมกัน  แล้วก็ รอฌาปณกิจพร้อมกันค่ะ ส่วนร่างอาจารย์ใหญ่ คิดว่าน่าจะมีการเย็บตกแต่งก่อนนำไปฌาปณกิจนะคะ ที่เหลือ  ไว้รอผู้รู้ท่านอื่นมาตอบละกันค่ะ จากคุณ : FASTIGEAL เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 01:08:56

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่ได้เรียนหมอ แต่ฟังมาจากเพื่อนๆนะคะ หลังจากจบการเรียนผ่าอาจารย์ใหญ่แล้ว รู้สึกจะมีพิธีทำศพให้อย่างดี (ไม่แน่ใจรายละเอียดนะคะ) โดยจัดหลายๆอาจารย์ใหญ่ด้วยกันน่ะค่ะ แต่เหมือนจะเชิญญาติไปได้ไม่เยอะ รอท่านผู้รู้มาเพิ่มเติมอีกครั้งนะคะ ^^ จากคุณ : ขออนุญาตตอบเล็กน้อย เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 01:42:00 A:124.122.32.53 X: TicketID:266147

ความคิดเห็นที่ 3 ผมชื่นชมกับความคิด ของคุณพ่อคุณจริงๆครับ (ที่แม้แต่ร่างกายก็เสียสละให้ได้) จากเท่าที่เคยเรียนมาเมื่อห้าปีก่อน ท่านที่บริจาคร่างกาย เมื่อเสียชีวิตลง ร่างของท่านก็จะมีเจ้าหน้าที่ไปรับถึงที่เพื่อนำมาดอง(เพื่อให้ง่ายต่อการเรียนรู้เวลาชำแหละ)จากนั้นเมื่อดองได้ที่ จนท.ก็จะนำร่างของท่านขึ้นมาให้ นศพ.เรียนรู้โดยขั้นแรกเราจะเลาะเอาชั้นผิวหนังและไขมันใต้ผิวหนังออกทั้งร่าง จากนั้นชำแหละกล้ามเนื้อออกทีละมัด ซึ่งจากคำถามข้อแรกของคุณ ก็คงตอบว่า เค้าจะไม่เย็บให้อย่างเดิมนะครับ(เพราะนศพ.ปีสองยังเย็บไม่เป็น อิอิ)เท่าที่เคยเห็นของคณะผม เค้าจะเเยกเอากระดูก+กล้ามเนื้อที่ติดอยู่บ้าง ใส่ถุงเป็นคนๆไป ต่อมาเมื่อสิ้นปีการศึกษา ทางภาควิชาก็จะจัดงานทำบุญอาจารย์ใหญ่ขึ้นที่ภาค โดยจะเชิญญาติๆของอาจารย์ใหญ่แต่ละท่านมาร่วมสวดให้แก่อาจารย์ใหญ่หนึ่งคืน รุ่งขึ้นก็มีงานพระราชทานเพลิงศพ(รวมกัน)ที่สุสานครับ ปล.ถ้าผมเป็นคุณพ่อของคุณ ผมก็อาจจะเลือกบริจาคร่างกายแบบเก็บกระดูกไว้ คือทางภาควิชาเค้าก็จะเลาะกล้ามเนื้อออกแล้วเอาโครงกระดูกมาขึ้นรูป แล้วใช้ลวดยึดเอา (น่าจะเคยเห็นมาบ้างแล้วนะ)ผมว่าแบบนี้จะช่วยสอนนศพ.ได้นานดีครับ เผื่อลูกหลานมาเยี่ยมก็จะได้เห็นเป็นแบบเต็มตัว ปล.ผมขอชื่นชมคุณพ่อคุณอีกครั้งครับ ที่มีจิตใจสูงมาก เป็นคนเสียสละมากๆ เข้มแข็ง ขนาดผมเรียนมาด้านนี้ เจอคนตายใหม่เกือบทุกวัน ผมก็ยังไม่กล้าแม้แต่จะบริจาคเลือดสักครั้งเลยครับ(โรคกลัวเข็ม แต่ไปเจาะคนอื่นก็เฉยๆนะ) ขอให้ครอบครัวที่มีผู้นำเช่นนี้ มีแต่ความสุข ความรุ่งเรืองมากๆครับ จากคุณ : ว่าที่ นพ.อีก 5สัปดาห์ข้างหน้า (pneumothorax) เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 03:02:38

ความคิดเห็นที่ 4 เย็บคงไม่ได้แน่ เพราะจะเหลือแต่ชิ้นส่วน อย่างบางคณะใช้อาจารย์ใหญ่เรียน ทุกส่วนหลุดออกจากกันแทบทั้งร่าง เพราะต้องจับบิด แงะเพื่อดู origin และ insert เวลาสอบแล็ปกริ๊งก็ตัดมาเป็นท่อนๆวางบนโต๊ะสอบ ...ไม่ได้พูดให้เห็นภาพแล้วไม่กล้าบริจาคร่างนะครับ คนตายไม่รู้สึกแต่ถ้าเป็นลูกหลานมาเห็นอาจมีความรู้สึกบ้าง จากคุณ : ย้ง เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 09:23:14 A:61.90.35.241 X: TicketID:236524

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นนะคะ ความเห็นของคุณ pneumothorax เรื่องการบริจาคโดยเก็บโครงกระดูกไว้นับว่าน่าสนใจมากค่ะ เนื่องจากคุณพ่อเป็นนักกีฬามาก่อน ตามความเห็นส่วนตัวคิดว่าท่านมีโครงสร้างที่สวยและค่อนข้างสมบูรณ์ คิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับนักศึกษาค่ะ จากคุณ : นิจจังสังขารนั้นไม่เที่ยง เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 11:31:48

ความคิดเห็นที่ 6 คุณย่าเคยบริจาคให้กับ รพ. ศิริราชค่ะ วันพระราชทานเพลิงศพนักศึกษาแพทย์เตรียมพวงมาลัยไว้ให้ญาติๆสำหรับไหว้คุณย่า เราเข้าไปเห็นมีผ้าสีขาวคลุมไว้ ไม่ทราบว่าข้างในเป็นแบบไหน เพราะไม่กล้าเปิดดู เราบริจาคไปหมดแล้วค่ะ ทั้งร่างกายและอวัยวะ สำหรับข้อ 2 คุณจขกท.ลองถามหน่วยที่จะบริจาคดีมั้ยค่ะ จากคุณ : Think of me เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 12:20:25

ความคิดเห็นที่ 7 นับว่าเป็นกุศลอย่างแรงค่ะ ตายไปแล้วยังไม่ยึดติดกับสังขาร ขอชื่นชมอาจารย์ใหญ่ทุกท่าน จากคุณ : น้องจุ่น เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 16:59:40

ความคิดเห็นที่ 8 ทางมหาลัยจะจัดการโดยขอพระราชทานเพลิงฯให้อย่างสมเกียรติค่ะ จะมีแค่ญาติสนิทเท่านั้นที่ไปร่วมงาน.. จากคุณ : เจ้า หญิง ชิน จัง เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 20:26:46

ความคิดเห็นที่ 9 ขอแสดงความชื่นชม คุณพ่อ จขกท.ด้วยครับ ... 1. เมื่อนักศึกษาแพทย์เรียนจบแล้ว ร่างกายของคุณพ่อจะถูกประกอบกลับมาอย่างเดิมหรือไม่คะ หรือว่ารวบรวมเป็นชิ้นส่วนกลับมา ??? ................ รวบรวมเป็นชิ้นส่วนครับ .. 2. กรณีการรับพระราชทานเพลิงฯ หากว่าเรารับกลับมาทำพิธีเอง จะยังได้รับอยู่รึเปล่าคะ (เดิมท่านจะได้รับพระราชทานฯ จากการเป็นนักกีฬาทีมชาติค่ะ) ไม่แน่ใจว่าเราต้องปฏิบัติตามกรณีไหนค่ะ ??? .................ได้ทั้งสองกรณีครับ ... แต่ถ้าจะให้สะดวก ก็ใช้วิธี เผาหลอก ครับ .. ร่างจริงบริจาคไป กว่าจะได้กลับมา ก็อาจเป็นปี ครับ ..   ( แต่ผมไม่แน่ใจว่า จะเหมาะสมหรือเปล่า ถ้าจะเผาหลอกและขอพระราชทานเพลิง ด้วย ??? ) ปล. ผมบริจาคทั้งร่างกายและอวัยวะ ถึงเวลานั้นส่วนไหนมีประโยชน์กับคนที่อยู่ ก็นำไปใช้ได้เลย คนอยู่ข้างหลังก็พิจารณาจัดการกันตามสะดวก.. (เก็บมาฝาก) สำหรับผู้ที่ต้องการบริจาค ร่างกาย อวัยวะ ดวงตา และ โลหิต http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=23-01-2009&group=7&gblog=10 จากคุณ : หมอหมู เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 00:20:34

ความคิดเห็นที่ 10 แต่ผมจำได้ว่า เค้ามีกำหนดอายุนะว่าอายุเท่าไร ถึงเท่าไร อยู่เขตพื้นที่ไหนถึงไหน เป็นอะไรตาย หลายข้อเหมือนกัน ลองดูข้อมูลก่อน แต่บริจาคไปก่อนเลยเหมือนการเจริญมรณานุสติ ผมก็บริจาค จะได้ไม่ยึดติดมันมาก พ่อคุณ สุดยอดเลยครับ ท่านเสียไปแล้วรู้ได้อย่างไรว่าท่านจะภูมิใจ(เอาอะไรวัด) แต่ตอนนี้เวลานี้ซิ ท่านจะภูมิใจจริงๆ เห็นกันชัดๆ ปล โพสห้องศาสนาซิครับ  อนุโมทนาบุญ จากคุณ : แม่กลอง อัมพวา เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 15:55:56

ความคิดเห็นที่ 11 ณ วันนี้ ท่านยังเข้าหลักเกณฑ์ที่จะบริจาคได้อยู่ค่ะ แต่เมื่อถึงวันนั้น เจ้าหน้าที่ก็จะตรวจสอบคุณสมบัติอีกทีค่ะ ถ้าใช้ไม่ได้ เค้าก็จะส่งร่างของคุณพ่อคืนมาให้ประกอบพิธีค่ะ คุณพ่อท่านไม่เคยพูดถึงเรื่องบุญกุศลที่จะได้รับเลยค่ะ ท่านเพียงแต่อยากทำประโยชน์ให้กับนักศึกษาแพทย์เท่านั้นค่ะ ท่านพูดสั้นๆ แค่เพียงว่า "เค้าจะได้เอาไว้เรียนกัน" คุณพ่อท่านมีสถานที่อยู่ในใจแล้วว่าท่านจะไปที่ไหน ตามความเข้าใจของดิฉันคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องของความผูกพัน คือ 1. ใกล้บ้านที่ท่านเกิด 2. ท่านเคยเป็นโค้ชกีฬาให้มหาวิทยาลัยแห่งนี้ ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของท่านค่ะ 3. นักกีฬาที่ท่านเคยฝึกสอนบางคนก็เป็นนักศึกษาแพทย์ที่นี่ด้วยค่ะ ดิฉันเองก็บริจาคอวัยวะไปแล้วเหมือนกัน คิดว่าอะไรที่ยังใช้ได้ก็ให้เขาเอาไปใช้กัน เพาะเมื่อเราตายไปของพวกนี้ก็เอาไปไม่ได้ อยู่กับเราก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรอีก ส่วนร่างกายก็เหมือนกันค่ะ เมื่อไม่ได้ใช้แล้วก็เอาไปให้คนที่ใช้ประโยชน์ได้ใช้ต่อค่ะ แก้ไขเมื่อ 17 ม.ค. 54 17:13:34 จากคุณ : นิจจังสังขารนั้นไม่เที่ยง เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 17:08:42

ความคิดเห็นที่ 12 ในเคสของคุณย่า คุณย่าไม่ได้แสดงความจำนงค์จะบริจาคค่ะ   แต่คุณย่าได้บริจาคเพราะตอนที่คุณย่าป่วย  คุณพ่อพาไปรักษาที่ รพ. ศิริราชและเสียที่นั่น ตอนคุณย่าเสียอายุ 82 ปี เสียเพราะเป็นเส้นเลือดอุดตันในสมอง หลังจากคุณย่าเสียคุณพ่อจึงบริจาคศพคุณย่าให้กับทาง รพ. ศิริราชไว้เป็นอาจารย์ใหญ่ คุณพ่อเอาแต่เส้นผมคุณย่ากลับมาทำพิธีที่บ้านนะค่ะ จากคุณ : Think of me เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 16:51:37