คุณพ่อเราก็เป็นค่ะ ไม่รู้ว่าเป็นระยะไหนเหมือนกันค่ะ แต่คุณหมอบอกว่าท่านเป็นค่อนข้างมากและอาการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเร็ว ช่วงแรกๆ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลยค่ะ กิจวัตรประจำวันที่เคยทำได้ลืมเกือบหมดทุกอย่างค่ะ เหมือนกลับไปเป็นเด็กเล็กๆ อีกครั้ง เปิดปิดทีวีไม่เป็นทั้งที่ก็เป็นคนเปิดปิดทีวีเองทุกวัน ใช้รีโมทไม่เป็น ทานข้าวเองไม่ได้ (ไม่รู้ว่าข้าวต้องทานกับกับข้าวถ้าตั้งไว้คู่กันท่านจะตักอย่างใดอย่างหนึ่งทานข้าวเพียงอย่างเดียว) อาบน้ำไม่ได้ ใส่เสื้อผ้าไม่เป็น ไม่รู้วัน เวลา สถานที่ เห็นภาพหลอน
สุดท้ายท่านก็ไม่เดิน เพราะเดินไม่เป็น ลืมวิธีก้าวขา จะเริ่มจากเดินเตาะแตะเหมือนเด็กก่อน แล้วก็ค่อยๆ ก้าวขาไม่ออก ต้องช่วยพยุง และกระตุ้นด้วยคำพูดว่า "เดินค่ะพ่อ เดิน ก้าวขาจ้ะ ก้าวต่ออีกจ้ะ" ไปเรื่อยๆ ท่านก็ทำได้ทีละ 3-4 ก้าวก็ไม่เดินต่อ พอท่านจะนั่งก็ทรุดตัวลงกับพื้นเลย พูดจาสื่อสารไม่ได้ นึกคำพูดไม่ออก การพูดการออกเสียงทำได้ลำบาก บางทีก็ได้เป็นคำๆ แต่บอกความต้องการไม่ได้ ต้องใช้วิธีสังเกตอาการทุกอย่างเอาเองค่ะ
คำแนะนำคือ 1. ขอให้เพื่อน จขกท อดทน เรียนรู้ และปรับตัวที่จะอยู่ร่วมกับผู้ป่วยอัลไซเมอร์ ขอให้เข้าใจว่าผู้ป่วยอัลไซเมอร์เป็นความเจ็บป่วยไม่สบาย ท่านไม่ได้แกล้งค่ะ แต่เป็นเพราะการทำงานของสมองมันเสื่อมถอยลงไป
2. ต้องให้การดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดเลยค่ะ - ช่วงที่คุณพ่อยังเดินได้ ที่บ้านต้องจัดเวรอยู่เป็นเพื่อนท่าน 24 ชั่วโมง เพราะท่านไม่รู้เวลา กลางคืนไม่นอน ตอนที่ยังเดินได้ก็เดินไปเดินมาทั้งคืน เปิดไฟ ปิดไฟ เปิดพัดลม ปิดพัดลม (ตอนหลังๆ ทำไม่ได้ เพราะลืม)
- บางทีก็ไม่ยอมทานอาหาร ไม่ทานเลย แต่ยอมทานขนม ก็จะเลือกขนมที่มีประโยชน์ที่สามารถทานเป็นอาหารได้ เผื่อวันไหนท่านไม่ยอมทานข้าว
3. เนื่องจากท่านไม่รู้เวลา ดังนั้นช่วงหัวค่ำในห้องนอนท่านจะเปิดไฟแสงสีขาว เมื่อถึงเวลาที่ท่านต้องเข้านอนก็จะเปิดไฟแสงสีส้ม เพื่อให้ท่านรู้สึกว่าเป็นเวลากลางคืน
- เมื่อท่านไม่รู้เวลา การกินอยู่ก็จะไม่เป็นเวลาด้วย ดังนั้นอาหารมื้อเช้าคือมื้อแรกหลังตื่นนอน ไม่ว่าจะเป็นเวลาอะไรก็ตามค่ะ มื้อต่อไปก็จับเวลาแบ่งมื้อให้เหมาะสม การขับถ่ายก็ดูเวลา แล้วก็พาเข้าห้องน้ำค่ะ ที่บ้านจะมีปฏิทิน 1 อันเพื่อจดว่าท่านขับถ่ายวันไหน เพื่อไม่ให้ท่านท้องผูกค่ะ หลังมื้ออาหารก็พาท่านไปปัสสาวะ บางครั้งท่านก็บอกว่าจะขับถ่ายบางครั้งก็ไม่บอกค่ะ
4. การจัดบ้าน ข้าวของเครื่องใช้ จะวางไว้ที่เดิมๆ เพื่อให้ท่านจำได้ แต่หลังๆ ท่านไม่หยิบจับอะไรแล้ว เพราะว่าทำไม่เป็นค่ะ คนที่จะอยู่เป็นเพื่อนท่านก็จะเป็นลูกๆ หน้าเดิมๆ ที่ท่านคุ้นเคย เพราะเวลาที่มีคนแปลกหน้ามาท่านก็จะกระวนกระวาย
5. การเคลื่อนไหวของคนในบ้านจะต้องช้าลง ไม่ปรู๊ดปร๊าด ค่อยๆ เดิน พูดจาก็ค่อยๆพูดเสียงเบา ดูแลบรรยากาศในบ้านให้สงบ อาจจะเปิดเพลงเบาๆ เพลงที่ท่านคุ้นเคย
- เวลามีคนมาเยี่ยมท่านก็จะบอกว่าขอให้เยี่ยมด้วยกริยาสงบเรียบร้อย เพราะบางคนไม่รู้ก็จะพูดจาให้ท่านครึกครื้น แต่การทำอย่างนั้นจะยิ่งทำให้ท่านตื่นเต้นกระวนกระวายค่ะ
6. การแสดงสีหน้าและอารมณ์ ต้องพยายามเข้าใจและไม่หงุดหงิดค่ะ เพราะถึงท่านจะสื่อสารไม่ได้ แต่ท่านก็รับรู้ได้ถึงอารมณ์ของคนรอบข้างค่ะ
7. ชวนท่านพูดคุย หาเรื่องโน้นเรื่องนี้มาเล่าให้ท่านฟังบ่อยๆ ค่ะ พูดคุยกับท่านทุกวัน บางครั้งคุณอาจจะต้องตอบคำถามเดิมๆ เป็นสิบๆครั้ง หรือเป็นร้อยครั้ง เพราะท่านอาจจะถามคำถามเดิมๆ นานนับเดือน ก็ขอให้ตอบท่านทุกครั้ง อย่าเบื่อหรือรำคาญค่ะ เพราะท่านกำลังป่วยค่ะ บางที่ท่านถามคำถามนี้ อีก 2-3 นาทีต่อมาท่านก็อาจถามคำถามเดิมได้อีกค่ะ
8. ถ้าอยากอธิบายอะไรให้ท่านเข้าใจ ก็ใช้คำพูดง่ายๆ บางทีท่านก็ไม่ต้องต้องการเหตุผลหรือคำอธิบายอะไรค่ะ บางครั้งท่านอาจจะเห็นภาพหลอน หรือหูแว่ว เช่นเห็นคนมานั่งหน้าบ้าน มีคนมานั่งปลายเตียง มีคนมาเรียกอะไรทำนองนี้ ก็ไม่ต้องตกใจค่ะ อาการแบบนี้ก็อาจเจอได้ค่ะ
9. ดูแลเรื่องอาหารการกิน แม้จะยากที่จะดูแลให้ท่านทานเป็นมื้อเป็นคราวก็ต้องพยายามให้ใน 1 วันท่านได้รับสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่ค่ะ กรณีที่ท่านทานแล้ว แต่ลืมนึกว่ายังไม่ได้ทาน ก็ให้ท่านทานทีละน้อยเมื่อท่านร้องขอ เมื่อท่านทานเสร็จแล้วอย่าเพิ่งรีบเก็บจาน อาจจะวางตั้งไว้สักพัก เพื่อให้เห็นว่าท่านได้ทานอาหารเสร็จแล้วค่ะ
- บางครั้งผู้ป่วยอัลไซเมอร์อาจจะมีโรคพาร์กินสันด้วย อย่างคุณพ่อดิฉันก็จะมีอากากล้ามเนื้อไม่สัมพันธ์กัน ดังนั้นเมื่อกลืนอาหารก็จะสำลัก เพราะกลืนไม่ทัน ก็ต้องปรับอาหารหรือผลไม้ให้มีลักษณะนุ่ม ลื่น หนืด กลืนได้ง่าย ทำให้ไม่สำลักค่ะ
10. ทานยาสม่ำเสมอ ดูแลจัดยาให้ท่านด้วยค่ะ เพราะถ้าให้ท่านหยิบเองอาจจะไม่ได้ตามขนาดที่คุณหมอสั่งค่ะ ถ้าท่านมีโรคประจำตัวอะไร ก็ให้ดูแลรักษาให้หายค่ะ เมื่อสุขภาพร่างกายดีขึ้นอาการป่วยและอัลไซเมอร์ก็จะดีขึ้นบ้างค่ะ
เคยมีคุณหมอบางท่านบอกว่าเมื่อเป็นอัลไซเมอร์แล้วจะไม่หาย อาการจะแย่ลงเรื่อยๆ ความสามารถต่างๆ จะค่อยๆ หายไป แต่ดิฉันคิดว่าการดูแลท่านให้ดีก็จะช่วยชลอให้สมองค่อยๆ เสื่อมช้าลงได้ค่ะ
ช่วงแรกดิฉันตั้งเป้าว่าขอให้คุณพ่อดีขึ้น ตอนหลังต้องเปลี่ยนเป้าหมายใหม่ว่าขอให้ไม่แย่ลง หรือแย่ลงอย่างช้าๆ พอให้ลูกๆ ได้มีเวลาปรับตัว
ตอนนี้คุณพ่อดีขึ้นมากค่ะ พูดประโยคใหม่ๆ ได้ พูดจารู้เรื่องมีเหตุมีผล ต่อปากต่อคำกับลูกได้แล้ว บอกความต้องการได้ ดูนาฬิกาได้ รู้ความหมายของเวลา รู้ว่ากลางคืนต้องนอน ทานข้าวเองเป็นแล้ว ใส่เสื้อเองได้ จากเดิมที่ความสามารถท่านเหลือประมาณ 10% ของคนปกติตอนนี้ท่านกลับมา 50-60% แล้ว นับว่าดีมากค่ะ
เป็นกำลังใจให้นะคะ ขอให้ดูแลท่านด้วยความรัก เมื่อเราเล็กๆ ท่านเคยดูแลเลี้ยงดูเราอย่างไร วันนี้ต้องถือว่าเราโชคดีที่จะได้มีโอกาสทำให้ท่านอย่างนั้นบ้างนะคะ
ขอให้คุณพ่อ จขกท. ดีขึ้นเรื่อยๆ นะคะ
จากคุณ |
:
นิจจังสังขารนั้นไม่เที่ยง
|
เขียนเมื่อ |
:
18 ม.ค. 54 22:47:10
|
|
|
|