ความคิดเห็นที่ 1 แล้วแต่คุยครับ แม่ผม ตอนพี่สาวแต่ง สินสอดไม่ให้คืน แต่ให้ทองไปแทน คุณป้า ตอนลูกสาวแต่ง นอกจากจะให้คืนบ่าวสาว ยังแถมให้ไปอีกเท่าสินสอดฝ่ายชา่ย รถ ทองอีก 30 บาท จากคุณ : ตวงสิทธิ์ เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 14:40:22

ความคิดเห็นที่ 2 การเรียกสินสอด ก็คือการเรียกเพราะต้องการความแน่ใจของฝ่ายหญิง ในการที่ฝ่ายชายจะมีปัญญาดูแลลูกสาวของเขาได้ครับ ส่วนที่ว่าเขาจะ "คืน" มาหรือเปล่านั้น มันก็คงเป็นสิทธิ์ของพ่อแม่ผู้หญิงครับ เพราะสินสอดที่ว่านี้ เราให้เขาไปแล้ว และมันก็ได้กลานยเป็นของเขาอย่างถุกต้อง "ตามธรรมเนียม" แล้ว อย่าเพิ่งไปคิดถึงเรื่องว่าเขาจะคืนอะไรแบบนั้นเลยครับ แต่น่าจะคิดว่าจะดูแลลูกสาวเขายังไงให้มีความสุข สมกับที่เธอไว้วางใจ เอาชีวิตมาฝากไว้ในกำมือของเราดีกว่า ผมเชื่อว่าถ้าหากสถานะของฝ่ายชายดูแล้วไม่ค่อยดี พ่อแม่ผู้หญิงเขาคงคืนมาให้เอง เพราะไม่อยากให้ลูกสาวเขาลำบากครับ แต่อาจจะคืนมาให้ที่ตัวลูกสาวในวันข้างหน้าก็เป็นได้ จากคุณ : ตุ้ม แม็คคาร์ทนี่ย์ (Toom McCartney) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 14:46:42

ความคิดเห็นที่ 3 ตอบอยากค่ะ .... แต่ละครอบครัวไม่เหมือนกันอ่ะ จากคุณ : แมงมุมสีดำ (สาวน้อยริมบึง) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 14:54:10

ความคิดเห็นที่ 4 ความเห็นที่ 2 ถูกใจ ... มากครับ จขกท .. บอกน้องชาย อย่าคิดมาก ในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ จากคุณ : amphon1974 (amphon1974) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 14:56:17

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้าห้าแสน เค้าเรียกว่าขายลูกสาวกินแล้วคะ จากคุณ : สลิ่ม เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 14:58:07 A:203.154.151.66 X: TicketID:282271

ความคิดเห็นที่ 6 เงินห้าแสน มีคนคิดว่าเล็กๆน้อยๆด้วย โอ้ยจะบ้าตาย ห้าแสน นี่หาเงินจำนวนนี้กี่เดือนกี่ปี ถึงคิดว่าเล็กน้อยคะ จากคุณ : สลิ่ม เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 14:58:40 A:203.154.151.66 X: TicketID:282271

ความคิดเห็นที่ 7 ที่บ้านคืนให้เป็นเงินขวัญถุงเริ่มต้นครอบครัวใหม่ จากคุณ : กระต่ายจอมพลัง เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 15:05:12

ความคิดเห็นที่ 8 อย่าถามเลยขั้นตอน ต้องถามว่าเงินห้าแสนนี่เดือดร้อนมั้ย ถ้าไม่มี ถ้าต้องกู้หนี้ยืมสินก็ไม่ต้องแต่ง ถ้ามีอยู่สบายๆก็ไม่ต้องคิดมาก เงินทองของนอกกาย จากคุณ : vision เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 15:06:06

ความคิดเห็นที่ 9 ผมแต่งปีที่แล้วสินสอด 500000 ทอง 15บาท รถ1คัน ได้คืนหมดครับ^^ จากคุณ : opar156 (opar156) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 15:07:12

ความคิดเห็นที่ 10 ไม่คิดมากไม่ได้อ่ะครับ เงินพ่อ-แม่ผมอ่ะครับ หาใช่เงินน้องไม่ ... T T จากคุณ : Seven deadly sin เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 15:11:06

ความคิดเห็นที่ 11 ถ้าคนจีนน่าจะคืนนะคะ และแถมเพิ่มกลับมาอีกค่ะ เพราะแม่เคยบอกว่าถ้าไม่เพิ่มให้ก็เสียหน้า ถ้าเก็บหมดก็เหมือนขายลูกสาวกิน เป็นผู้หญิงจีนนี่น่าเห็นใจนะคะ แต่งไปแล้วก็ต้องไปทำหน้าที่ทุกอย่างเหมือนกับคนใช้เลย นี่คือธรรมเนียมปฏิบัติแบบโบราณนะคะ คนจีนส่วนใหญ่ถึงไม่ชอบลูกสาว เพราะมีแต่เสีย ไม่มีได้เลย จากคุณ : paripan เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 15:14:45

ความคิดเห็นที่ 12 #6 สำหรับผมคือครึ่งปีครับ จากคุณ : Nonfire เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 15:22:06

ความคิดเห็นที่ 13 เป็นเรื่องของธรรมเนียม จะคืนหรือไม่คืน เป็นสิทธิ์ของผู้ใหญ่ทางฝ่ายญ. ไม่มีคำว่าผิดหรือถูกหรอก ถ้าฝ่ายชายคิดว่าพร้อมที่จะแต่งงาน รักและพร้อมจะใช้ชีวิตร่วมกันกับฝ่ายญ.แล้ว เรื่องเงินสินสอดคงไม่ใช่ปัญหาใหญ่หรอก มันก็เหมือนกับเป็นการให้เกียรติครอบครัวของฝ่ายญ. และเป็นการให้เกียรติผู้ญ.ที่เรารักด้วย ถ้าไม่พร้อมก็อย่าแต่งเลย ถ้าเอาลูกสาวเค้ามาลำบาก มันไม่ดีหรอกน่าพ่อหนุ่ม จากคุณ : ไข่ เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 15:24:02 A:183.89.242.52 X: TicketID:292421

ความคิดเห็นที่ 14 แล้วแต่คุยกันอ่ะค่ะ ตอนสู่ขอควรพูดคุยกันให้รู้เรื่อง จะได้ไม่ค้างคาใจ จากคุณ : ซ่าไม่ซ่าถามย่าดู เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 15:25:48

ความคิดเห็นที่ 15 มีคนรู้จัก ตอนแต่งพ่อแม่ฝ่ายหญิงเรียกสินสอดล้านนึง ไม่รวมเครื่องเพชรและแหวน แล้วพ่อแม่ฝ่ายหญิงก็ยึดสินสอดไว้ด้วย ไม่คืน ให้เหตุผลว่า เผื่ออนาคตลูกสาวเค้าถูกทิ้ง จะได้มีเงินก้อนนี้เป็นหลักประกัน ต่อมาอีกไม่กี่ปี คู่นี้ก็เลิกรากันจริงๆ นอกจากสินสอดล้านนึงที่ให้ไปตอนแต่งงานแล้ว ผู้ชายต้องจ่ายเงินให้อีก 2 ล้าน เป็นค่าจ้างหย่า เพื่อสงบศึกและให้ฝ่ายชายได้สิทธิ เลี้ยงดูลูกอีกด้วย จากคุณ : Black Forest Sundae เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 15:26:28

ความคิดเห็นที่ 16 ถ้าบ้านมีฐานะ ก็เล็กน้อยครับ ส่วนจะได้คืนหรือไม่ ก็อยู่ที่ฝ่ายหญิง คุณมาถามนี่ อยากได้คืนหรือครับ ถ้าอยากก็ลองต่อรองดูสิครับ จากคุณ : mangwan เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 15:28:23

ความคิดเห็นที่ 17 เงินพ่อ-แม่ผมอ่ะครับ ทำไมต้องเอาไปให้คนอื่นใช้ ถ้าคืนมาให้คู่บ่าว-สาว นี่จะไม่ว่าซักคำเลย ถ้าเก็บเอาไว้เองนี่ ผมเคือง ... >< จากคุณ : Seven deadly sin เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 15:28:49

ความคิดเห็นที่ 18 ที่จริงไม่เกี่ยวอะไรกับผมหรอก แค่สงสารพ่อกับแม่อ่ะ ... T T จากคุณ : Seven deadly sin เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 15:31:17

ความคิดเห็นที่ 19 ตอบอีกครั้ง เป็นห่วงจริงๆนะ เพราะมันจะเป็นปมในใจ พ่อแม่สามีก็จะพาลไม่ชอบลูกสะใภ้ จะอยู่กันลำบากได้ ยังไงก็ต้องถามให้แน่นอนก่อน ถามคนอื่นก็ตอบไม่ได้ ต้องถามพ่อแม่ฝ่ายหญิงเท่านั้น จากคุณ : vision เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 15:40:51

ความคิดเห็นที่ 20 "ไปขอสาว"   คำก็บอกตัวแล้วนี่ครับ เขาเลี้ยงมาย่อมต้องเสียเงิน เสียมนไป คุณไปขอฟรี เพราะคำว่ารักกัน แค่นั้นมันไม่มีน้ำหนักหรอกครับ อย่าเสียดายเงินทองเลยครับ  เพราะจะเป็นลบในใจ มันจะพาลทำให้ไม่ชอบหน้ากันเปล่าๆ จากคุณ : ฟุ้งซ่าน เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 15:44:37

ความคิดเห็นที่ 21 ^ ^ ^ ถ้าคิดอย่างนี้ เค้าไม่ได้เลี้ยงลูกมาเพราะว่าเค้ารักลูกเหรอครับ เลี้ยงมาเพราะว่าจะมาถอนทุนคืนตอนลูกแต่งงานเนี่ยะนะ พ่อ-แม่ ที่เอาเงินลูกตัวเองนี่ ผมว่ามันใช้ไม่ได้อ่ะครับ ... จากคุณ : Seven deadly sin เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 15:51:42

ความคิดเห็นที่ 22 จริงๆ ถ้าจขกท.อยากเอาเงินคืนให้พ่อแม่ เค้าต้องคุยตกลงกันตั้งแต่แรกนะคะ เพราะถ้าเอาเงินคือให้คู่บ่าวสาว เค้าเรียกว่าเป็นเงินเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ถ้าเอาเงินคือพ่อแม่ฝ่ายชาย เค้าเไม่เรียกว่าสินสอดหรอกค่ะ มันเป็นเงินบังหน้าเฉยๆ ซึ่งต้องคุยกันว่า ไม่มีขนาดที่จะให้แล้วให้เลยนะ ขอเป็นเอามาวางให้เป็นเงินสินสอด แล้วขอคืนหลังจบงาน แต่ของเรา เราก็ยกให้แม่เรานะคะ เพราะไม่ม่สามารถเลี้ยงดูคุณแม่ได้เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เวลาทั้งหมดคงลงกับสามีและลูกในอนาคตและส่วนใหญ่ ยิ่งถ้าแต่เข้าบ้านคนจีน ต้องไปดูแลพ่อแม่สามีอีก เงินสินสอดก็เป็นเงินที่ให้คุณพ่อคุณแม่ฝ่ายหญิงเก็บไว้ดูแลตัวเองหน่ะค่ะ  อย่าไปคิดซิคะว่าเค้าขายลูกกิน ถ้าขายคงไม่ยอมให้แต่งกับคนที่รักและเลือกเองหรอกค่ะ จากคุณ : kubkew-kicky เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 15:55:07

ความคิดเห็นที่ 23 ผ่านไป 1 ปี ได้คืนครบครับ จากคุณ : squirrel-yacht เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 16:01:57

ความคิดเห็นที่ 24 จริง ๆ เข้ามาอ่านตอนแรกก็ยังไม่เท่าไร แต่อ่านไป ๆ รู้สึกว่า จขกท รู้สึกเสียดายเงิน กลัวว่าเงินที่เป็นของพ่อแม่คุณจะตกไปเป็นของคนอื่นใช่ไหมคะ ถ้าเป็นแบบนั้นคุณคุย กับน้องชายคุณดีไหม ว่าถ้าอยากได้สาว ก็หาเงินมาใช้พ่อแม่ด้วยอย่าเอาไปฟรี ๆ ให้ยืมไม่ได้ให้เลย ที่มีการเรียกสินสอดนั้น ก็น่าจะเป็นการตอบแทนพระคุณพ่อแม่ของฝ่ายหญิงที่ให้การเลี้ยงดู ฝ่ายหญิงมาเป็นอย่างดีเพื่อมาเป็นภรรยาของฝ่ายชายนะคะ และมันก็เป็นสิทธิของพ่อแม่ฝ่ายหญิงว่าเขาจะยกให้คู่แต่งงานหรือไม่ ถ้าให้แสดงว่าเขามีน้ำใจมาก ๆ และห่วงลูกสาว และให้เริ่มชีวิตครอบครัวใหม่ แต่ถ้าไม่ให้ก็ไม่มีสิทธิไปว่าเขาว่าขายลูกสาวกิน เพราะนั่นคือกันตกลงกันแล้วว่าเป็นสินสอดเพื่อมาขอลูกสาว ถ้าไม่อยากให้สินสอดก็ไม่ต้องเอาลูกสาวเขาไปสิคะ ง่าย ๆ เลย   แต่ถ้าเป็นบ้านเรา พ่อแม่บอกยกให้หมด แล้วก็มีเงินสมทบมาอีกเท่าตัวเรียกว่าเงินต่อเงินน่ะค่ะ จากคุณ : nutpram เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 16:07:45

ความคิดเห็นที่ 25 เราเพิ่งแต่ง 2 แสน ทอง 4 บาท (14 มค 54) ตอนนั้นก็อยากจะให้แม่คืนเงินมาเหมือนกัน  ได้แต่เงินค่าซอง กับ ทอง 2 บาท คืนกลับมา แต่.....วันนี้แม่กำลังจะให้เงินดาวน์รถป้ายแดง 150000 อิอิ  ให้ไปก่อน  เดี๋ยวเขาก็คืนให้เราเองแหละ  แต่ไม่รู้เวลาไหน จากคุณ : จิ้งอวี๋ เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 16:09:09

ความคิดเห็นที่ 26 พ่อแม่เก็บไว้ ก็เป็นสิทธิ์ของพ่อแม่เขานะคะ เหมือนเจ้าสาวเองก็ได้ทดแทนบุญคุณพ่อแม่นะ กะจะเอาลูกเค้าไปฟรีเลยเหรอ ยิ่งให้ ยิ่งได้นะ แต่ถ้าไม่มีเงิน ต้องแต่งแค่เอามาวางโชว์ แบบไปยืมเขามา อันนี้ก็คงต้องคุยกันก่อน จากคุณ : kumta เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 16:24:02

ความคิดเห็นที่ 27 คุณ จขกท. ต้องเข้าใจว่ามันเป็นขนบธรรมเนียมประเพณี พ่อแม่ฝายหญิงมีสิทธิ์ ในเงินก้อนนี้ ไม่คืนก็ได้ เค้าไม่ผิด แต่ผู้ใหญ่ที่ถูกต้อง เค้าจะคืนให้ลูก เพื่อเป็นทุน ลูกจะได้ไม่ลำบาก อย่าไปเข้าใจว่าเค้าเหมือนกัยขายลูกสาวเลยค่ะ ในฐานะที่เราเป็นแม่ที่มีลูกสาว เงินเท่าไหร่ก็เทียบค่ากับชีวิตลูกไม่ได้ คงไม่มีพ่อแม่คนไหนมานั่งนับว่าตัวเองเสียเงินไปกับลูกกี่บาท การที่พ่อและแม่ไปตกลงไว้แล้ว ก็แปลว่าท่านพร้อมที่จะเสียเงินก้อนนี้ เพื่อให้ลูกชายได้เป็นฝั่งเป็นฝา มีความสุขสมหวังในชีวิตค่ะ จากคุณ : In the park เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 16:26:24

ความคิดเห็นที่ 28 มันก็แล้วแต่คน แต่ละธรรมเนียม ไม่เหมือนกันหรอก แต่ส่วนมากคนจีน พ่อแม่จะคืนให้ลูกสาวนะคะ บางครอบครัวที่รวยหน่อย เค้ามีแถมให้อีกต่างหาก คนจีนสมัยก่อนเค้าถึงไม่อยากได้ลูกสาว ได้ยินแต่เด็ก ๆ แล้ว บ้านไหนมีลูกสาวชอบพูดกันว่า "มีลูกสาวมีแต่เสียกับเสีย เลี้ยงมาจนโต พอช่วยทำงานทำการได้ ก็แต่งออกไปอยู่บ้านผู้ชาย" เราก็ งง เพราะเด็ก ๆ ก็เข้าใจว่า แต่งงานไป สินสอดทั้งหมดพ่อแม่เราเก็บไปหมด แล้วจะขาดทุนยังไง แล้วก็ชอบมีคนมาคุยกะแม่เรา (ส่วนมากจะเป็นคนไทย) พอรู้ว่าแม่เรามีลูกสาว 5 คน เค้าก็ร้องกันซะ อู๊ยยย...อีกหน่อยเจ๊ก็สบายแล้ว มีลูกสาวตั้ง 5 คน แม่เราก็หน้าจ๋อย แล้วหันมาบ่นว่าสบายตรงไหนฟร่ะ?? เราได้ยินแบบนี้จนโต จนทำงาน เลยเริ่มเก็ท อ๋อ..ส่วนมาก (ไม่ใช่ทั้งหมดนะ) คนไทย เวลาแต่ง พ่อแม่เจ้าสาวจะเก็บสินสอดไปหมด (แต่บางบ้านก็คืนทองหมั้นไป) แถมด้วยได้ตัวลูกเขยมาอยู่บ้านช่วยงานอีก และยิ่งกว่านั้น ถ้าเป็นคนอีสาน เค้าจะเรียกสินสอดแพงมาก โดยไม่สนว่าฐานะเจ้า่บ่าวเป็นไง และแถมเก็บไปหมดเลย ทั้งสินสอด ทั้งทองหมั้น จนวันนึงแม่เราสงสัย กับคำพูดของคนอื่น จนมาถามเราว่า "เอ่อ อย่างเพื่อน ๆ ลูกที่เป็นคนไทย เวลาแต่งงานพ่อแม่เค้าเอาสินสอดไปหมดเลยหรอ" เราเลยหัวเราะกร๊ากกก..บอกแม่ว่า ส่วนมากนะจะเป็นแบบนั้นแหละ แม่เลยเก็ท มิน่า.....คนถึงชอบบอกว่าอีกหน่อยกรูรวยเละ 55555555 จนมาปีนี้ เรากะแฟนว่าจะแต่งงานกันปีนี้ แฟนก็ให้เราไปลองแย๊บ ๆ แม่ดู ว่าแม่เราจะเรียกเท่าไหร่ เค้าจะได้พอเกริ่นกะผู้ใหญ่ ปัญหาเลยเกิด เพราะแม่เราไม่รู้จะเรียกเท่าไหร่ กลัว จะเรียกเยอะก็กลัวหาว่าขายลูกสาวกิน (ทั้ง ๆ ที่แม่เราก็บอกว่ายังไงก็คืนให้) แต่ตอนเรียกอ่ะดิ กลัวฝ่ายชายจะคิดแบบนั้น จะเรียกน้อย ก็กลัวเค้าหาว่า กลัวขายไม่ออกหรือไง ขายขี้หน้าเค้าอีก เราสนิทกะแม่บ้านที่ทำงาน ก็เลยเล่าให้เค้าฟัง เค้าก็บอกว่า อย่างเราเรียกแสนเดียว เค้าเรียกว่า ทุเรศ ขนาดเพื่อนเค้า เป็นแม่หม้าย อายุจะ 40 แล้ว มีลูกสาวอายุ 18 ได้ผัวเด็กด้วย เค้ายังเรียกไป 8 หมื่น ทอง 1 บาทเลย ล่าสุดเมื่อ 2 วันก่อน ได้คุยกะเพื่อน เมื่อปีที่แล้วมันดันพลาดตั้งท้อง เลยหนีไปแต่งเงียบ ๆ ที่บ้านต่างจังหวัด เรามารู้อีกทีตอนมันคลอด แล้วเพื่อนที่ทำงานมันมาแซวในเฟชบุ๊ค มันเลยเล่าให้เราฟังว่าพลาด เลยแต่งเงียบ ๆ ไม่ได้บอกเพื่อน ๆ ตอนแรกก็คิดว่ามันคงไม่ได้แต่งอะไรมากมาย เพราะผู้ชายฐานะค่อนข้างแย่ มีหนี้สินมากมาย คงทำแค่ผูกข้อไม้ข้อมือธรรมดา (แต่เพื่อนเรามีฐานะ) เพื่อนมันก็ถามเรื่องงานแต่งเรา เราเลยบ่นเรื่องสินสอดว่าจะยังไงดี แม่ไม่กล้าเรียก มันก็บอกว่า "ตามความเหมาะสม" เราก็เลยแกล้งถามมันดูว่าตอนมันเรียกไปเท่าไหร่ ฟังแล้วอึ้ง ขนาดท้องก่อนแต่ง แถมแฟนก็จน ป้ามันเรียกไป "2แสน ทอง 4 บาท" แต่ป้าเค้าคืนให้หลานเค้าหมดเลย แต่ตอนเรียกอ่ะดิ เค้าไม่คิดว่าผู้ชายจะหามาได้หรือเปล่าเลย 555 ------------------------------------------- ส่วนเจ้าของกระทู้ เงินพ่อ-แม่ผมอ่ะครับ ทำไมต้องเอาไปให้คนอื่นใช้ ถ้าคืนมาให้คู่บ่าว-สาว นี่จะไม่ว่าซักคำเลย ถ้าเก็บเอาไว้เองนี่ ผมเคือง ... >< ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะคะ กลับกัน ถ้าน้องคุณเป็นน้องสาว คุณจะคิดแบบนี้หรือเปล่า  เราว่าพ่อแม่เจ้าสาว คงคืนให้ลูกสาวเค้ามั้งแหละ แล้วทำไมคุณถึงบอกว่า พ่อแม่เจ้าสาวเป็นคนอื่น เค้าเป็นพ่อตาแม่ยายน้องชายคุณนะ ถ้าเจ้าสาวเค้ามองพ่อแม่คุณเป็นแค่คนอื่นเหมือนกัน คุณจะเคืองไหม ถ้าสงสารพ่อแม่ คุณให้น้องคุณเก็บแต่งไปขอสาวเองเลย จะได้ไม่ต้องเครียด จากคุณ : nuisukae เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 16:30:03

ความคิดเห็นที่ 29 ถ้าคิดว่ายังไง พ่อแม่ฝ่ายหญิงต้องให้คืน งั้นก็อย่าแต่งเลยดีกว่าครับ น้องชายคุณแต่งงาน ก็เท่ากับครอบครัวเจ้าสาวก็เป็นครอบครัวเดียวกับคุณ แต่คุณกลับเห็นเป็นคนอื่น น้องคุณรู้เข้า เค้าจะลำบากใจนะครับ แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 54 16:38:34 จากคุณ : แอคโชนบริเค เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 16:34:45

ความคิดเห็นที่ 30 ผมไม่ได้ต้องการขอเงินคืนให้พ่อกับแม่อ่ะครับ แค่อยากจะให้เงินก้อนนี้มันเกิดประโยชน์สูงสุด โดยพ่อ-แม่ฝ่ายหญิงควรจะเอาเงินนี้คืนให้คู่บ่าว-สาว เพื่อให้ลูกเอาไปทำทุนตั้งต้นชีวิตคู่ มันถึงจะถูกไม่ใช่หรือครับ เค้าไม่รักลูกสาวเค้าเหรอครับ ... จากคุณ : Seven deadly sin เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 16:45:11

ความคิดเห็นที่ 31 เรื่องนี้พูดยากครับ แต่ละครอบครัว แต่ละคนคิดไม่เหมือนกัน ปัญหาหลัก ๆ เลยคือ พ่อแม่เจ้าสาวมีฐานะหรือเปล่า ถ้าคิดในแง่ที่ว่า ไม่คืน เพราะถือว่าเป็นค่าเลี้ยงดูลูกสาวมา เอาเงินค่าสินสอดมาใช้ตอนแก่เฒ่า หมายความว่า ลูกสาวแต่งงานออกไปแล้วอาจจะไม่ช่วยเหลือพ่อแม่เลยหรือยังไง ถ้าคืนให้หมด ก็น่าเห็นใจพ่อแม่ หากเขาไม่มีรายได้อะไร เพราะลูกสาวก็แต่งออกไป คงต้องไปสร้างครอบครัว อาจจะไม่ค่อยส่งเงินมาจุนเจือครอบครัวเหมือนตอนยังไม่แต่ง แต่จะยังไงก็ต้องพูดให้ชัดเจน คนข้างบ้าน พ่อแม่ผู้หญิง เรียกสูงเป็นล้าน บอกให้เป็นหน้าเป็นตา ยังไงก็คืน ปรากฎว่า หลังแต่งไม่ยอมคืน เจ้าสาวแต่งเข้าบ้านผู้ชาย ก็มีเรื่องระหองระแหงเพราะเรื่องนี้ พ่อแม่เจ้าบ่าวก็ไม่พอใจ เจ้าบ่าวก็ไม่พอใจ สุดท้ายก็ต้องเลิกกัน จากคุณ : nickvp เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 16:49:42

ความคิดเห็นที่ 32 แล้วลูก ๆ ไม่คิดจะยืนด้วยลำแข้งตัวเองเลยหรอ??????? จากคุณ : nuisukae เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 16:49:46

ความคิดเห็นที่ 33 คนเป็นพ่อเป็นแม่ ยังไงก็รักลูกอยู่แล้วล่ะค่ะ แต่เขาจะแสดงออกโดยวิธีไหน ก็เป็นแบบเฉพาะตัวนะคะ บางทีเขาไม่ได้พูดว่าจะยกให้ แต่สมบัติ เขาก็ยกให้ลูกนี่คะ เรื่องนี้จะแคร์ทำไม การที่เงินสินสอดยกให้พ่อแม่ เป็นการแสดงว่าฝ่ายชายช่วยฝ่ายหญิงแสดงการกตัญญูต่อพ่อแม่ด้วยนะคะ แบบนี้เป็นหน้าที่ของลูกหรือไม่คะที่จะแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่ แทนที่จะเรียกร้องว่าพ่อแม่ควรให้อะไรกับลูกบ้าง เขาให้ชีวิตมาก็เป็นบุญคุณมากแล้วนะคะ  คุณเป็นลูก ยังอยากที่จะตอบแทนพระคุณพ่อแม่เลยไม่ใช่หรอคะ ก็น่าจะคิดได้ว่าฝ่ายหญิงเขาก็คงอยากจะแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่บ้าง ถึงวิธีจะต่างกัน แต่ความรู้สึกน่าจะเหมือนกันนะคะ แก้ไขเมื่อ 21 ม.ค. 54 17:15:34 จากคุณ : nutpram เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 16:51:41

ความคิดเห็นที่ 34 เงินสินสอดจะเก็บไว้กับพ่อแม่หรือ ตัวเจ้าสาวก็ได้ เผื่อเวลาสามีทิ้งก็ยังเลี้ยงตัวได้ คิดดูแล้วกัน ถ้าสามีทิ้งตอนท้อง หรือลูกยังเล็ก จะเอาตังค์ไหนมาซื้อนมให้ลูกกิน ผมว่าแฟร์มากๆ แถมบางงานเงินที่เป็นค่าสินสอด อาจเป็นเงินฝ่ายเจ้าสาวซื้อหน้าตาตัวเองอีก ส่วนเรื่องเอาเงินคืนให้คู่แต่งงาน บางทีฝ่ายชายก็เอาเงินก้อนนั้นไปใช้หมดอีก พอเงินหมดก็ทิ้งๆขว้างๆภรรยา อีก พ่อแม่บางคนไม่ไว้ใจ ก็ไม่คืนทันทีหรอกครับ มีลูกมีหลานก่อนค่อยคืนก็ยังได้ ยิ่งลูกคนเดียวไม่ต้องห่วง มรดกยังไงก็มายังลูกสาวอยู่ดี จากคุณ : keab (keab_h) เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 16:59:31

ความคิดเห็นที่ 35 คงแล้วแต่บ้านมั้งคะ  ตอนพี่ชายเราแต่งงานไป ทางบ้านพี่สะใภ้ก็ไม่คืนน่ะ   ก็ไม่ว่ากันค่ะ เพราะถือว่าเป็นเงินที่ให้แก่พ่อแม่ฝ่ายเจ้าสาวอยู่แล้ว  มันเป็นสิทธิของเขาที่จะคืนหรือไม่คืนก็ได้ ใช้วิธีอย่างบ้านเรามั้ยคะ พี่สาวแต่งงานไปแล้วทั้ง 2 คน แต่พ่อไม่ได้คืนเงินให้ตอนนั้นน่ะ เก็บไว้ก่อน สินสอดเงินทุกบาททุกสตางค์ พ่อแม่คืนให้หมดเลย แต่ว่า   ต้องหลังจากที่หลานคนแรกคลอดน่ะ หลานเรา ที่เกิดคนแรก ของพี่ๆ คาบช้อนเงิน ช้อนทองมาเกิดของจริง เหอๆ คุณตา คุณยาย  เปิดบัญชีชื่อหลาน  มีเงินเก็บเป็นแสนๆ ตั้งแต่เกิด  (อิจฉามันเจงๆ คุณน้าอย่างเรามีเงินน้อยกว่าหลานค่ะ 555) พ่อแม่บอกว่า ตอนสมัย พวกเราเกิด  พ่อแม่ลำบากมากๆ  สงสารพวกเราที่เป็นลูก ไม่รู้ว่าจะวางอนาคตให้พวกเราได้ยังไง ปู่ ย่า ตา ยาย  ก็ไม่ได้ให้สมบัติพ่อแม่อะไรมาก ท่านจึง ใช้วิธีนี้กับ หลานๆค่ะ เอาเงินสินสอด  ไว้เป็นเงินเก็บให้หลาน ก็ดีเหมือนกันน่ะ ต่อไปข้างหน้า เกิดอะไรขึ้นมาฉุกเฉิน  อาจจะ พ่อแม่เสีย หรือพ่อแม่เลิกกัน หลานๆ จะได้ไม่ลำบาก พ่อแม่เราบอกว่า  ถ้าถึงคราวแก (หมายถึงเรา) พ่อแม่ก็ทำแบบนั้นเหมือนกันแหละ แฮะๆ แต่เจ้าบ่าวหนูยังอยู่ไหนอีกละเนี่ยๆๆๆ   จากคุณ : ณิ _ ณิรริน 19 เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 17:19:41

ความคิดเห็นที่ 36 อ่านไปอ่านไป..ขำก็ขำ..เข้าใจก็เข้าใจ.. แนะนำเจ้าของกระทู้อย่างนี้ค่ะ...คุณควรรีบหาสาวที่ถูกใจ แล้วไปขอแต่งงานซะ.. แล้วก็ให้ว่าที่เจ้าสาวของคุณเรียกเงินค่าสินสอด 5 แสนด้วยเหมือนกัน... เรียกว่า..เสมอตัว.. คุณกับน้องก็ได้ไปคนละ 5 แสน.. สุดแท้แต่ว่า..คุณกับน้องจะเอาเงิน 5 แสนที่พ่อกับแม่คุณให้มาไปทำอะไร... คนนึงไปขอสาวแล้วยกให้พ่อแม่สาวทั้งหมด อีกคนอาจจะไปขอสาวเหมือนกันแต่ขอคืนมาทำทุน... เท่านี้เองค่ะ...     จากคุณ : เจ้าหญิงน้อยรสส้ม เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 17:35:11

ความคิดเห็นที่ 37 น้องชายคุณว่ายังไงบ้างคะ แล้วช่วยออกเงินบ้างเปล่าคะ จะแต่งงานแล้วควรมีความพร้อมในระดับนึง แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 54 11:36:54 จากคุณ : ~ROME LUCERNE~ เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 17:41:26

ความคิดเห็นที่ 38 ของเรา  ทั้ง 2 ฝ่าย  มีมาให้ และอยู่ที่เรา 2 คนหมดค่ะ อยู่ที่คุยและตกลงกันแต่แรกอ่ะค่ะ จากคุณ : พิกุลเหล็ก เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 18:03:08

ความคิดเห็นที่ 39 ทำไมไม่คิดว่าเงินของพ่อแม่ให้น้องคุณและน้องคุณได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตแล้ว จะมาเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วน่ะ จากคุณ : คนบ้าบิต เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 18:28:14

ความคิดเห็นที่ 40 พ่อแม่คุณเดือดร้อน หรือ คุณเดือดร้อน 1บอกพ่อแม่คุณว่าไม่ต้องให้เงินน้องชายไปแต่ง 2ให้น้องคุณทำงานใช้คืนมาทุกๆเดือน ให้น้องชายคุณกับเมียเค้าอยู่แบบลำบากอดๆยากๆแก้แค้นพ่อแม่เจ้าสาว ให้เค้ารุ้สึก จากคุณ : infernaldevilking เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 18:31:29

ความคิดเห็นที่ 41 .. บางคนก็เรียก "สินสอด" บางคนก็เรียก "ค่าน้ำนม".. พ่อ-แม่เค้าเลี้ยงลูกเค้ามา.. มากกว่า 5 แสนนะคะ.. อย่าไปคาดหวังอะไรเลยค่ะ.. ยินดีให้ด้วยความเต็มใจเถอะ.. ถ้าเค้าไม่คืนก็ อย่าไปถือโทษโกรธกันนะคะ.. เงินแค่นี้ อีกหน่อย น้องชาย + น้องสะใภ้ ช่วยกันหาได้มากกว่าอีกค่ะ.. เงินส่วนนี้ อันที่จริงต้องเป็นเงินของเจ้าบ่าวที่หา มาด้วยน้ำพักน้ำแรงถึงจะถูก.. ทำไมให้พ่อ-แม่มาออกให้หละคะ..? .. จากคุณ : อาไน่ใจดี เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 19:00:47

ความคิดเห็นที่ 42 ห้าแสน มันฟังดูก็เหมือนเยอะไปจริงๆแต่ทั้งนี้มันก็ต้องดูความเหมาะสมของสองฝ่าย ถ้าครอบครัวคุณทั้งคู่มีตังค์ แต่คุณไม่สบายใจ ก็ลองให้น้องคุณไปคุยกับแฟนสิคะ คนรักกัน คุยกันได้อยู่แล้ว ให้แฟนน้องคุณ คุยกับพ่อแม่ ก็ไม่น่าจะมีปัญหานิคะ แต่โดยส่วนตัว เคยได้ยินเพื่อนแฟนนั่งนินทาพ่อตา แม่ยาย เรื่องไม่ยอมคืนสินสอด สักบาท ซึ่งจริงๆ เราก็ว่าสินสอดเค้ามันก็ไม่ได้เยอะเว่อร์ น้อยกว่าที่หลายๆคนใน กระทู้นี้บอกมาซะอีก แต่ก็อาจเยอะสำหรับคนทำงาน office แต่เราฟังแล้วเรารู้สึกแย่มากกว่า ว่าทำไมไม่คุยกับแฟนก่อนแต่งงานล่ะ มานั่งนินทาแบบนี้ มันรู้สึกแย่อ่ะ เราเลยบอกแฟนเราเลยว่า ถ้าจะมาขอเรา สินสอดเรา เราจะไม่ให้พ่อแม่เราคืนให้สักบาทนะ ถึงพ่อแม่เราอยากคืนเราก็ไม่ให้นะ เพราะเราถือว่ามันเทียบแทบไม่ได้เลยกับค่าน้ำนมและค่าเลี้ยงดู ถึงแม้ว่าคุณจะคิดว่าท่านเลี้ยงดูด้วยความรักก็ตามเถอะ แต่เราถือว่าเป็นเงินที่เราต้องการตอบแทนพระคุณพ่อแม่เราเหมือนกัน และก็เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าอย่างน้อย เราแต่งไป คนๆนี้ น่าจะดูแลเราได้ระดับนึง เราคิดแบบนี้ค่ะ ปล. แต่สินสอดเรา มันก็คงไม่เยอะเกินกว่ากำลังทรัพย์ของแฟนเราหรอกค่ะ พ่อแม่เราเองก็บอกว่าตามความเหมาะสม ซึ่งมันก็คงไม่เยอะมาก จากคุณ : Panda_Kate เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 19:21:30

ความคิดเห็นที่ 43 จะคืนหรือไม่คืนก็ได้ครับ ไม่ผิดทั้งสองอย่าง จากคุณ : ชอบเลี้ยงปลา เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 19:24:02

ความคิดเห็นที่ 44 คืนหรือไม่คืนก็ไม่ผิด และไม่เห็นด้วยที่คุณเรียกพ่อแม่ แฟนน้องคุณว่าคนอื่น ตามที่เคยเห็นถ้าฝ่ายหญิงเป็นคนไทยแท้โดยเฉพาะต่างจังหวัดและไม่ได้เป็นมหาเศรษฐี ตามธรรมเนียมก็มักไม่คืน แต่ถ้าเป็นคนจีนส่วนใหญ่คืนและอาจมีแถมด้วย ของเราสินสอด เงินสด3หมื่น ทอง 1 บาท ก็แฟนเรามีเท่านี้จริงๆ(พ่อเราบอกมีเท่าไหร่ก็จัดมาเท่านั้น) พ่อเราคืนทั้งหมดแถมเงินสดให้อีก 2ล้าน(เอามาซื้อบ้านอยู่ด้วยกัน) จากคุณ : ขาวฟู เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 20:34:03

ความคิดเห็นที่ 45 เราว่าแล้วแต่ตกลงนะ แต่ที่ประสปพบมากับญาติเราเมื่อเร็วๆนี้ น้องสาวเรา ฐานะดี มีกิจการ สมบัติและชื่อเสียง ระดับแนวหน้าของจังหวัด ส่วนฝ่ายชายฐานะการเงินด้อยกว่า ด้วยความที่ฝ่ายเรา ไม่ได้หวังค่าสินสอด เลยบอกไปว่า "ไม่เรียกแล้วแต่จะให้" วันแต่งใส่ขันหมากมา 1ล้าน แต่พอผ่านพ้นพิธี เงินก้อนนั้น แม่เจ้าสาวไม่เคยได้แตะอีกเลย ฝ่ายแม่เจ้าบ่าว คว้ากลับไปหมดทุกบาท เงินในซอง แน่นอนว่าต้องเป็นของบ่าวสาว สรุป ฝ่ายพ่อแม่เจ้าสาวไม่ได้อะไรเลยสักบาท บ้านที่ยกให้เป็นเรือนหอเป็นของฝ่ายหญิง เงินตกแต่ง2-3แสนของเป็นของพ่อแม่ฝ่ายหญิงออก แม่เจ้าสาวบ่นให้เราฟังว่า ถึงไม่เรียกก็ควรมีน้ำใจให้บ้าง ถึงยังไงก็ตั้งใจจะคืนให้อยู่แล้วแต่นี่ยึดกลับไปหมดเลยทุกแดง กลายเป็นปมในใจซะงั้น อีกรายเพื่อนเราผู้หญิง คนไทยแท้ จะแต่งงานกับลูกชายครอบครัวชาวจีนในกลางปีนี้ โดนฝ่ายชายวางเงื่อนไขไว้ตั้งแต่ครั้งแรกที่คุยเรื่องแต่งงาน 1.ไม่ให้จดทะเบียนสมรส 2.สินสอดที่ฝ่ายชายให้ ห้ามนำไปให้พ่อแม่ฝ่ายหญิง ให้คืนกลับมาไว้แก่ลูก(ในอนาคต) 3.จัดงานแต่งเล็กๆ จัดที่กรุงเทพ (ไม่ให้จัดบ้านเกิดฝ่ายหญิง) 4.ค่างานแต่งให้ฝ่ายหญิงออก ฝ่ายพ่อผู้หญิงก็ใจดีอีก บอกว่า "ไม่เรียกแล้วแต่จะให้" ใจดีและซื่อตามประสาคนบ้านนอกที่ไม่ได้คิดอะไร แค่ลูกสาวเป็นฝั่งเป็นฝาก็ดีใจ เพื่อนเราสวย ประวัติดี แม่บ้านแม่เรือนมาก แต่หัวอ่อน ฝ่ายชายมีกิจการใหญ่โต มีโรงงาน และโชว์รูมเฟอร์นิเจอร์เป็นสิบคูหา สรุปจะให้ค่าสินสอด แสนเดียว และคงเอาคืนตามเงื่อนไขแต่แรก ฝ่ายหญิงเกิดปมในใจตั้งแต่แรกแล้วว่า เขาทั้งดูถูกไม่ให้เกียรติ แต่ก็จะดันทุรังเดินหน้าต่อ เธอบอกเผื่อ อาจจะดีขึ้น (ที่จริงเธอยากมีลูกมากๆๆๆประมาณกลัวขึ้นคาน) เล่าให้ฟัง ว่าเรื่องแบบนี้ละเอียดอ่อนมาก ตกลงให้เคลียร์กันตั้งแต่แรก คืนไม่คืน ส่วนไหนบ้างไม่งั้น มันจะคับข้องใจ มองกันในแง่ลบ ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาครอบครัวในภายหน้าได้ ยามทะเลาะกันก็เอาเรื่องเก่าๆมาว่ากัน จากคุณ : เอื้องราตรี เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 20:56:30

ความคิดเห็นที่ 46 แม้..ลูกสาวเค้าทั้งคน ถ้าไม่เอาลูกเค้ามา ลูกเค้าอาจจะหาได้มากกว่าห้าแสนก็ได้นะคะ ก็เห็นใจนะคะ เรื่องแบบนี้ต้องตกลงกันก่อนแต่งนะ ไม่งั้นมีปัญหาภายหลังแน่ค่ะ จากคุณ : whatvan เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 21:36:45

ความคิดเห็นที่ 47 ห้าแสน .... แฟนบอกว่า น้อยเกินไปสำหรับค่าสินสอดไปขอเรา เค้าไม่มีหน้าไปขอพ่อแม่เราด้วยสินสอดขนาดนี้ ตอบ จขกท ... จะคืนไม่คืนเป็นสิทธิ์ของพ่อแม่เจ้าสาวค่ะ กฏหมายมีว่าไว้ ชัดเจน ไม่ต้องคิดเองเออเอง จากคุณ : cardiogenic เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 22:07:25

ความคิดเห็นที่ 48 อ่านมาทุกความเห็น เราว่า จขกท.ไม่ค่อยชอบครอบครัวฝ่ายหญิงรึป่าว เงินนั้นเค้าจะเอาไปทำอะไรหรือให้ใครก็ได้เพราะเป็นสิทธิ์ของเค้า แล้วก็ไม่ชอบคนที่บอกว่าพ่อแม่ขายลูกกินเลยคะ ลูกใคร ใครก็รัก จากคุณ : กระปุกน้อยของเราสอง เขียนเมื่อ : 21 ม.ค. 54 22:38:35

ความคิดเห็นที่ 49 ตอนที่ดิฉันแต่งงานสินสอด 100,000 บ. ทองอีก 4 บาท ( ครั้งแรก ) สามี และครอบครัวสามี ไม่เคยคิดจะขอคือในเรื่องค่าสินสิอดเลยค่ะ... และดิฉันก็ให้พ่อกับแม่เก็บไว้ ที่ได้คือค่าซอง และตอนทำพิธีผูกข้อมือ พอเราสองคนเข้ามาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน... มีเพียงพ่อกับแม่ดิฉันเท่านั้น ที่เป็นคนดูแลเราทั้ง 2 มาโดยตลอด ขาดเหลืออะไร หรือในบางเวลาที่มีข้อบกพร่องทางด้านการเงิน... พ่อกับแม่ดิฉันก็จะให้ความช่วยเหลือ จนที่พ่อกับแม่คนหนึ่งจะทำได้ (แทบทุกเรื่อง) เงิน 100,000 บ. ณ วันนั้น จนถึงวันนี้ ดิฉันคิดว่าพ่อกับแม่คืนมาให้จนหมดไปแล้วค่ะ... ปล.คงจะมีทางฝ่ายแม่สามีเท่านั้น ที่เปรียบเสมือนกับติดหนี้พ่อแม่ดิฉันอยู่... จากคุณ : น้องซีน น้องเซฟ เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 00:46:40

ความคิดเห็นที่ 50 เงินแค่ห้าแสน แต่กลับมาถูกเรียกพ่อแม่ว่าเป็นคนอื่น ถ้าเจ้าสาวมาอ่านเจอก็ไม่น่าแต่งเข้าครอบครัวนี้หรอกนะคะ เค้าจะคืนหรือไม่เป็นสิทธิของเค้าโดยชอบธรรม ถ้าคุณเสียดายเงินพ่อแม่คุณ ก็ให้น้องชายคุณเก็บเงินให้ได้แล้วค่อยไปขอสาว น้องชายคุณกับเจ้าสาวจะมีเงินไว้ตั้งตัวหรือไม่ไม่ใช่เรื่องที่พี่ชายอย่างคุณต้องเป็นกังวลเลย เพราะเค้ามีหญิงอันเป็นที่รักมาอยู่ให้กำลังใจ มาดูแลซึ่งกันและกัน มาเป็นครอบครัวที่จะมีลูก หลานสืบไปภายภาคหน้า ผู้หญิงคนนี้ถูกเลี้ยงดูมาโดย....คนอื่น...ที่พ่อแม่คุณมอบเงินห้าแสนตอบแทนเป็นค่าน้ำนมให้ แล้วก็ยินดีรับใช้น้องชายคุณทั้งกลางวัน และกลางคืน ..... ถ้าคุณเสียดายตังค์แค่นี้ (ถึงแม้จะหามาทั้งชีวิตของใครก็เหอะ) คุณก็ไม่น่าให้น้องคุณแต่งงาน เพราะคุณอยากได้ลูกสาวเค้าแบบแถมเงิน หลายบ้านก็ทำนะ กลัวเสียหน้าหาว่าขายลูกกิน แต่ก็ทำให้ผู้ชายหลายๆคนได้ใจเลยคิดว่าการจีบสาว การแต่งงานเป็นการลงทุน .... การให้ค่าน้ำนม เป็นเงินก้อนสุดท้ายก่อนที่จะพรากลูกสาวบ้านเค้ามาใช้ชีวิตอยู่กับน้องชายคุณไปตลอดชีวิตดิฉันว่าคุ้มเกินคุ้มอีก... คราวหน้าก็ไปเป็นคนอินเดียสิ จะได้เป็นฝ่ายได้สินสอด.... ดิฉันอาจจะพูดตรงเกินไป แต่เพราะดิฉันรู้สึกว่าอ่านข้อความของคุณแล้วมันสื่อแปลกๆ ที่แน่ๆคุณไม่ให้เกียรติฝ่ายหญิงเลย....ถ้าเค้าไม่คืนแล้วจะยังไงคะ? เป็นแค่พี่ชาย เกี่ยวไรเนี่ยะ หรือว่าจะยืมเงินน้องห้าแสน....สงสัยจัง... จากคุณ : น้องชายคุณมาอ่านเจอก็คงไม่ชอบ (small-elephant) เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 04:16:15

ความคิดเห็นที่ 51 เข้าใจว่าเสียดายเงินก้อนนี้ใช่หรือปล่าวครับ เพราะเป็นเงินจากน้ำพักน้ำแรงของพ่อแม่ อยากให้มองแบบนี้ครับ เมื่อคุณพ่อคุณแม่ท่านยินยอมที่จะให้แล้ว ก็ขอให้เป็นไปตามธรรมเนียม ส่วนจะได้คืนหรือไม่นั้นมันเป็นสิทธิของพ่อแม่ฝ่ายเจ้าสาวครับ ตรงนี้ต้องยอมรับ ถ้าคุณมองว่าเงินก้อนนี้เป็นเรื่องใหญ่สำหรับครอบครัว ลองเอาเรื่องนี้ปรึกษาคุณพ่อคุณแม่น้องชาย ก่อนว่า ให้น้องชายทำงานเก็บเงินสู่ขอเอง ได้หรือไม่ เป็นการยืนยันถึงความรัก ความตั้งใจจริงของน้องชายคุณที่มีต่อเจ้าสาว ซะด้วยซ้ำไป ปล. กำลังจะมีเรื่องมงคลขึ้นในครอบครัวแล้ว ยินดีด้วยนะครับ จากคุณ : loafer เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 05:13:57

ความคิดเห็นที่ 52 เพราะสมัยนี้ ระบบครอบครัวไม่แข็งแรง ต่างคนต่างอยู่ คนในชุมชนเดียวกันหรือญาติกันไม่สนิทสนมกัน (เผลอจะสนิทกับเพื่อนที่รับ add ใน facebookมากกว่า) กับอัตราการหย่าร้างที่สูงขึ้น จขกท.คงเป็นเหมือนคนรุ่นใหม่ๆที่ไม่เห็นว่าระบบครอบครัวจะมั่นคงเท่าไร  ในอนาคตเงินก้อนนี้อาจสูญได้ (ถ้าหย่ากัน สองครอบครัวก็จะกลายเป็นคนอื่น) ถ้าเป็นสมัยก่อน เงินสินสอดมันก็เงินในครอบครัวนั่นแหละ ... ถึงพ่อตาแม่ยายไม่คืน สุดท้ายเราก็ได้มรดกอยู่ดี สินสอดเป็นแค่แบบทดสอบว่า ฝ่ายชาย(หัวหน้าครอบครัวใหม่ในอนาคต) มีปัญญาสร้างความมั่นคงทางการเงินให้ครอบครัวหรือเปล่าแค่นั้นแหละ จากคุณ : natefang เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 06:46:01

ความคิดเห็นที่ 53 ถ้าใช้เงินพ่อแม่ แล้วคิดว่าปัญหามาก ให้น้องชายหาเงินสู่ขอสาวที่เค้ารักเอง ถ้าไม่สามารถหาได้ หรือหาไม่ทัน ให้ทำสัญญากู้เงินพ่อแม่ตัวเอง ผ่อนใช้คืนกี่ปีก็ว่ากันไป หรือถ้ากลัวรบกวนพ่อแม่ตัวเองก็ลองกู้สินเชื่อบุคคลละกัน อยากแต่งนี่ ก็ต้องขวนขวายหน่อย แบบนี้คุณคนเป็นพี่สบายใจหรือยังครับ จากคุณ : High Bridge เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 08:59:44

ความคิดเห็นที่ 54 เข้ามาแชร์ ค่ะ น้องชายกำลังจะแต่งงานเหมือนกัน พ่อแม่เจ้าสาวบอกว่า ค่าสินสอด ไม่คืนให้ แต่ทองกับเงินซองงานแต่งงาน เค้าไม่เอา เค้าจัดการ ให้หมด ประมาณนี้แหละ ค่ะ ทางเราที่เป็นฝ่ายเจ้าบ่าวก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะว่า น้องชายเรารักเค้าไปแล้ว แม่เรามีตังค์ค่าสินสอดไม่พอก็มาขอเรียไร กับเรา กับน้องสาว ซึ่งเป็นพี่สาวของเจ้าบ่าวจนได้ครบตามจำนวนค่าสินสอด เราก็ไม่ได้คิดมากนะคะ เพราะเราเข้าใจ ว่า น้องชายเรา รัก ว่าที่น้องสะใภ้ เรา เค้าจึงอยากแต่งงานกัน เรื่องเงินนั้น ครอบครัว เค้าอาจจะให้กันทีหลัง ก็ได้ หรือไม่ให้ หรือให้อีกสิบปีก้ไม่สายหรอกค่ะ อย่าคิดว่าคุณต้องเสียอย่างเดียวสิคะ ทำไมไม่คิดว่าคุณได้พี่น้อง ได้ญาติ หรือได้พี่สาวน้องสาวเพิ่มอีกคนเข้ามาในครอบครัว แบบนี้จะไม่มีความสุขมากกว่าหรอคะ อย่าให้เงินมาเป็นประเด็นทำให้คุณไม่สบายใจเลยค่ะ และในนี้ก็ไม่มีใครรู้หรอกว่า พ่อแม่ฝ่ายหญิง เค้าจะคืนมั้ย และถ้าเค้าจะคืน คืนเมื่อไหร่ คืนยังไง กาลเวลา และเจ้าตัวเค้าเท่านั้นแหละค่ะที่รู้ อย่าคิดมากเลยค่ะ ปล. ดีใจด้วยนะคะ ที่จะมีสมาชิกใหม่เข้ามาในครอบครัว (เราไม่สามารถไปร่วมงานแต่งน้องชายได้เพราะ ต้องมาปิดเล่มงานวิจัยให้เสร็จ เฟสสุดท้ายแล้ว วิกฤตสุดสุด แต่ก็แอบแว้บ เข้ามาอ่านทุกวัน 555555555555) แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 54 09:19:36 จากคุณ : pk_in_melbourne (pk_koh) เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 09:14:51

ความคิดเห็นที่ 55 จขกท.  ถาม พ่อแม่หรือยังคะว่า เสียดายเงิน ห้าแสนนั่นหรือไม่อย่างไร คุณ ก็บอกอยู่โต้งๆว่าเงินพ่อแม่ ไม่ใช่เงินคุณ แล้วคุณจะไปคิดแทน พ่อแม่ คุณทำไมหละคะ ^^ จากคุณ : freetimez_เวลาอิสระ เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 09:29:10

ความคิดเห็นที่ 56 ก่อนจะแต่งกันจริงๆ น้องชายไม่จัดการพาเจ้าสาวมาทำความสนิทสนมกับที่บ้านบ้างเหรอครับ ทำไมต้องรังเกียจกันขนาดนั้น ถ้าได้สะใภ้ที่ถูกใจ ผมว่าเท่าไหร่ก็ยินดีให้ จะได้คืนหรือไม่ได้ ไม่เป็นประเด็นเลย ซึ่งส่วนใหญ่ถ้าครอบครัวรักและสนิทกันขนาดยอมให้แต่ง แน่นอนว่าสินสอดมันจะกลับมาในทางใดทางหนึ่งอยู่แล้ว พี่สะใภ้ผมแต่ละคน เรียกว่าคุ้มเกินคุ้มทุกคน เป็นที่รักซะยิ่งกว่าญาติสนิทด้วยซ้ำ จากคุณ : แมงแกลบ เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 09:37:46

ความคิดเห็นที่ 57 ของเรา ตอนแต่ง เงินสินสอดทั้งหมด เราให้พ่อแม่เรา แต่ทองเค้าจะคืนมาให้ เรื่องแบบนี้แล้วแต่ละบ้านค่ะ ว่าจะทำกันยังไง ทำไมคุณไม่ลองคิดกลับบ้างละคะ ถ้าคนที่แต่งเป็นน้องสาวคุณ คุณจะคิดแบบนี้มั้ย เงิน ห้าแสนที่ให้พ่อแม่ฝ่ายหญิง เทียบไม่ได้กับเงิน และความรักที่พ่อแม่ฝ่ายหญิงเค้าเลี้ยงลูกเค้ามาหรอกค่ะ แค่ทดแทนค่าน้ำนม เงินที่หามาชั่วชีวิตก็ใช้ไม่หมดแล้ว คุณไม่คิดถึงค่าน้ำนมแล้วเหรอ เราว่าคุณคิดมากไปนะ วันหนึ่งหากครอบครัวน้องชายคุณเดือดร้อน เงินก้อนนี้ที่เค้าเก็บไว้ อาจจะ เอามาช่วยน้องคุณก็ได้ คิดใหม่นะคะ คิดให้ดี ดี จากคุณ : คนเมืองแกลง เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 09:51:28 A:125.27.95.51 X: TicketID:263412

ความคิดเห็นที่ 58 ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกแย่ เป็นเราคงไม่แต่งด้วยแล้วล่ะ จากคุณ : weirdbird เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 09:57:04

ความคิดเห็นที่ 59 ความคิดเห็นที่ 58     ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกแย่ เป็นเราคงไม่แต่งด้วยแล้วล่ะ จากคุณ : weirdbird     ---------------------------------------- เห็นด้วยคะ ไม่แต่งเข้าบ้าน ผช. คนนี้หรอก ชิ จากคุณ : ตกลงคะ เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 11:22:28

ความคิดเห็นที่ 60 คคห ที่36 คุณหลงประเด็นนะครับ ผมไม่ได้เสียดายเงินที่พ่อแม่ผมเอาไปให้น้องอ่ะครับ คือผมยืนด้วยตัวเองได้อย่างสบายๆ มีบ้านมีรถเป็นของตัวเอง ซื้อเองทั้งหมด ไม่ได้ขอตังพ่อแม่สักบาท ผมเองต่างหากที่ทุกวันนี้ยังช่วยเหลือด้านการเงินกับพ่อแม่และน้องๆอยู่ ถ้าผมแต่งงานเงินค่าสินสอดและจัดงานทั้งหมด ผมเป็นคนจัดการเองครับ ไม่ขอพ่อแม่แน่นอน แต่ที่ raise ประเด็นนี้ขึ้นมา เพราะแค่อยากจะให้เงินก้อนนี้มันกลับคืนมายังคู่บ่าวสาว เค้าจะได้ตั้งตัว สร้างครอบครัวได้ บางทีเราก็หาเหตุผลต่างๆนาๆ ขึ้นมาอ้าง ว่าค่าน้ำนมบ้างล่ะ อยากพิสูจน์ศักยภาพของเจ้าบ่าวบ้างล่ะ (มันพิสูจน์ศักยภาพตรงไหน เงินพ่อแม่ผมทั้งนั้น) ลองถามตัวเองดูดีๆ ว่าเหตุผลที่แท้จริงคืออะไรกันแน่ ถ้ารักลูกจริง น่าจะคืนกลับมาให้คู่บ่าวสาวนะผมว่า จะเอาเงินที่ได้มาเนื่องจากลูกแต่งงานไปเพื่ออะไร ... จากคุณ : Seven deadly sin เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 11:40:17

ความคิดเห็นที่ 61 จขกท.แต่งงานรึยังค่ะ ถ้ายังคุณจะอิจฉาน้องที่แต่งงานทำไม แล้วกม.ก็ระบุแล้วว่าสินสอดเป็นของฝ่ายหญิง ถึงแม้เค้าจะไม่คืนก็ไม่ผิด ทำไมคุณไม่บอกน้องชายว่าถ้าไม่พร้อมก็ไม่ต้องแต่งงาน จะได้ไม่เดือดร้อนพ่อแม่ แล้วที่คุณเขียนใส่ร้ายว่าพ่อแม่ฝ่ายหญิงขายลูกกินนะ น้องสะใภ้คุณเค้าไม่ได้ขายตัวนะคุณ จากคุณ : thanyporn เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 12:14:43

ความคิดเห็นที่ 62 เราว่า จขกท. เสียดายเงินนั่นแหละ ด้วยเพราะส่วงนึงคงเป็นเงินตัวเองด้วย เพราะบอกอยู่ว่าตัวเองช่วยเหลือด้านเงินทองพ่อแม่และน้องอยู่ ดูเหมือนว่าครอบครัวคุณก็น่าจะมีเงินมากกว่าครอบครัวผู้หญิงด้วยเลยคิดว่าพ่อแม่ผู้หญิง ต้องไม่คืนเงินแน่นอน ****ถ้าเราเป็นผู้หญิงคนนั้นคงต้องคิดใหม่ว่าควรแต่งเข้าบ้านนี้ดีไหมเพราะดูเหมือนจะไม่เห็นว่าเราจะเป็นส่วนนึงของครอบครัวเค้าเลย โดยเฉพาะพี่ของว่าที่สามี เฮ้อ**** จากคุณ : กระปุกน้อยของเราสอง เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 12:22:11

ความคิดเห็นที่ 63 ^ ^ ^ คุณ thanyporn ครับ คุณคิดผิดแล้วครับ ผมเนี่ยะนะอิจฉาน้อง อิจฉาตรงไหนเนี่ยะ อิจฉาที่น้องได้แต่งงานเหรอ ไม่ใช่แระ ถ้าผมคิดจะแต่งงาน พรุ่งนี้ผมก็แต่งได้ หน้าตา การศึกษา เงิน หน้าที่การงาน ผมพร้อมทุกอย่าง ประเด็นนี้ตกไป ... อิจฉาที่พ่อแม่เอาเงินไปให้น้อง ยิ่งไม่ใช่ใหญ่ ผมตะหากที่เป็นฝ่ายให้เงินพ่อแม่ เพราะฉะนั้นไม่เคยคิดจะขอเงินพ่อแม่ (ไม่ว่าจะเอามาทำอะไร) เลยซักนิด เมื่อเดือนที่แล้วก็ยกรถให้พ่อไปใช้คันนึง ... งง ว่าผมจะไปอิจฉาน้องทำไม ผมเหนือกว่าน้องผมทุกอย่าง รถน้อง ส่วนหนึ่งก็เงินผมที่ไปดาวน์ น้องเปิดร้านขายมือถือ ก็เงินผมทั้งนั้นที่เอาไปลงทุน ผมมีเหตุผลอะไรจะไปอิจฉาน้องอ่ะครับ ... จากคุณ : Seven deadly sin เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 12:36:35

ความคิดเห็นที่ 64 ^ ^ ^ คุณประปุกน้อยของเราสอง ไม่เชิงเสียดายหรอกครับ แค่อยากจะให้น้องชายและน้องสะใภ้ ได้ใช้เงินก้อนนี้ในการสร้างฐานะ เริ่มต้นชีวิตคู่อ่ะครับ ซึ่งคนที่ได้ประโยชน์ ไม่ใช่ผม ไม่ใช่พ่อแม่ผม แต่เป็นลูกสาวของเค้าเองตะหากครับ ... จากคุณ : Seven deadly sin เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 12:43:17

ความคิดเห็นที่ 65 ^ ^ ^ พูดเพื่ออะไร จากคุณ : nid_cp เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 12:51:12

ความคิดเห็นที่ 66 น้องชายแต่ง โดนเรียกสินสอด 5 แสน ไม่แน่ใจนะครับ ว่า 5 แสน รวมเงินสด + ทองด้วยหรือป่าว แต่จะบอกว่า ถึงคราวพี่ชายแต่ง เตรียมไว้ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านเลยครับค่าสินสอด เพราะต้องชาย ตั้ง 5 แสน พี่ชายทำงานมีเงินเป็นเสาหลัก แบบนี้ พี่สะใภ้ น้อยหน้ากว่าน้องสะใภ้ไม่ได้แน่นอน ผู้หญิงจะดูมีค่า ก็เวลาเรียกสินสอดนี่แหละ แสดงถึงฐานะฝ่ายหญิง ว่าดีแค่ไหน ***เพิ่มเติม**** เรื่องสินสอด ควรคุยกันตั้งแต่ตอนไปขอ ตกลงกันว่า สินสอดที่เรียก จะคืน หรือ ไม่คืนครับ เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ฝ่ายชาย ไปพูดคุยทาบน้ำกับผู้ใหญ่ฝ่ายหญิง ฝ่ายหญิงว่าอย่างไง ถึงเอามาบอกปรึกษาฝ่ายชาย ว่าจะตกลงสินสอด ตามที่ผุ้หญิงขอหรือไม่ บางที่มีการต่อรอง เงินสด จะเหลือกี่หมื่น กี่แสน กี่ล้าน ทองจะกี่บาท กี่หีบ (20บาททอง เป็น 1 หีบ) แหวนเพชรกี่กระรัต มีรถ มีบ้านหรือป่าว ถ้าพ่อแม่ฝ่ายหญิงดูท่าบ้านฝ่ายชายมีพ่อแม่ หรือพี่น้องลักษณะ หรือ ฐานะอย่างไง ก็ให้ลูกไปเริ่มต้นชีวิต แบบสมบูรณ์แบบไม่ต้องมีปัญหา แม่ผัวลูกสะใภ้ พี่ผัวน้องผัว ตัดไฟแต่ต้นลม กันเลยก็มี หรือ ตกลงตามที่ฝ่ายหญิงเสนอ แต่ขอคืนกี่บาท หรือ คืนทั้งหมด คุยกันตกลงกันแต่แรก ตอนสู่ขอ แล้วงานเลี้ยงใครจะเป็นคนออกค่าใช้จ่าย ใครจะเป็นคนเก็บซอง ผมก็เห็นหลายคู่ เลิกกัน ทะเลาะกัน ตอนสู่ขอ นี่แหละ เพราะเสียใจ ที่ต่างฝ่าย บอกไม่ไหว้หน้ากัน เรียกสินสอดยังกะขายลูกกิน บางทีฝ่ายหญิงไม่เรียก ก็มาแบบไม่เห็นแก่หน้าผู้ใหญ่ฝ่ายหญิง แย่งเก็บซองกัน ไม่รู้ว่าญาติฝ่ายหญิงหรือชาย ให้ซองก็เก็บหมด บางทีตกลงกัน ว่าจะคืน แต่งเสร็จไม่คืนก็เยอะไป ไหนจะค่าจัดงาน ค่ากับข้าว ค่าชุดแต่งงาน ค่าแต่งหน้า จิปาถะ คู่แต่งงานหลายคู่ ถึงได้ช่วยกันเก็บเงินเก็บทอง มาแต่ง ไม่อาสัยเงินทางบ้าน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหานี้ก็หลายคู่ จัดงานแต่งเมื่อพร้อม มีเงินมีทอง พอค่าใช้จ่าย บางคู่ พ่อแม่ไม่ได้คืนสินสอดให้ แต่ยกมรดกให้มากกว่าสินสอด แบบของลูกสาวเขาแสนเดียว ได้กำไร กลับมา 10 ล้าน ก็เยอะ ถือว่า จขกท ได้มีกรณีศึกษาการแต่งงานน้องชาย เอาไว้ปรับปรุง งานแต่งงานของตัวเอง ให้ เพอเฟ๊ค ไม่มีที่ติ และ ข้อสงสัย สบายใจตั้งตัวเอง และ ญาติ เพราะดูท่าว่าเริ่มต้นชีวิตครอบครัวใหม่ ที่ญาติฝ่ายชายไม่ค่อยพอใจญาติฝ่ายหญิง เพราะเรื่องที่ยังไม่เครียร์ หรือ คุยตกลงปลงใจกันแต่เริ่มต้นครอบครัวใหม่ ซะแล้ว เพราะหากเป็นกรณี ของตัวเอง จะเกิดไม่พอใจ พ่อตาแม่ยายที่ไม่คืน สินสอดให้ จะไปบ้านพ่อตาแม่ยาย พูดคุยกันไม่สนิทใจ ไม่อยากเจอพ่อแม่เมีย เพราะค่าใจเรื่องสินสอด เพราะตอนส่งผู้ใหญ่ไปขอ ไม่ได้บอกผู้ใหญ่ให้ตกลงกันเรื่องนี้ว่าอย่างไง อันนี้แค่พ่อแม่น้องสะใภ้ ไม่เท่าไหร่ หากเกิดกับตัวเอง ที่เป็นพ่อแม่เมีย จะแย่ แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 54 13:43:05 แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 54 13:37:09 แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 54 13:32:43 แก้ไขเมื่อ 22 ม.ค. 54 13:23:48 จากคุณ : siamguy (SiamGuy) เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 13:08:19

ความคิดเห็นที่ 67 ^ ^ ^ คุณ nid_cp พูดเพื่ออธิบายให้คุณ thanyporn เข้าใจผมว่าผมไม่ได้ raise ประเด็นนี้ขึ้นมาเพราะอิจฉาน้องครับ ... จากคุณ : Seven deadly sin เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 13:25:06

ความคิดเห็นที่ 68 .. เงินค่าสินสอด.. ไม่จำเป็นต้องคืนให้ค่ะ..คอนเฟิร์ม.. ยกเว้นพ่อ-แม่เจ้าสาวคืนให้เองด้วยความเมตตา.. หลายๆ คห. พยายามอธิบายให้คุณ จขกท. ทราบ.. แต่ดูเหมือนคำตอบจะไม่ค่อยถูกใจ จขกท. ขอให้ทำใจกว้างๆ .. ถ้าเค้าคืนมาก็ดี.. แต่ถ้าเค้าไม่คืนก็ไม่ผิดเช่นกันค่ะ.. .. จากคุณ : อาไน่ใจดี เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 13:57:16

ความคิดเห็นที่ 69 ขอเพิ่มอีก ความเห็นละกัน สินสอด บางที่เรียก ค่าน้ำนม เพื่อให้เกียรติแก่พ่อแม่ฝ่ายหญิง เข้าใจว่า เป็นสิทธิ์ของผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงว่าจะทำอย่างไง ของหมั้น คือสิ่งที่ฝ่ายชายนำไปมองให้ฝ่ายหญิง ซึ่งจะกลายเป็นสมบัติฝ่ายหญิงหลังแต่งงาน ในงานพิธีตอนนับสินสอด เลยจะเห็นพอนับเสร็จ แม่เจ้าสาวจะห่อผ้า แล้วแบกเข้าห้อง ส่วนของหมั้น เจ้าบ่าวจะให้เจ้าสาว ก็จะเห็น แหวน สร้อยทอง ข้อมือ กำไร ต่างหู ไรแบบนี้ จากคุณ : SiamGuy เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 13:57:57

ความคิดเห็นที่ 70 ขอเพิ่มอีก ความเห็นละกัน สินสอด บางที่เรียก ค่าน้ำนม เพื่อให้เกียรติแก่พ่อแม่ฝ่ายหญิง เข้าใจว่า เป็นสิทธิ์ของผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงว่าจะทำอย่างไง ของหมั้น คือสิ่งที่ฝ่ายชายนำไปมองให้ฝ่ายหญิง ซึ่งจะกลายเป็นสมบัติฝ่ายหญิงหลังแต่งงาน ในงานพิธีตอนนับสินสอด เลยจะเห็นพอนับเสร็จ แม่เจ้าสาวจะห่อผ้า แล้วแบกเข้าห้อง ส่วนของหมั้น เจ้าบ่าวจะให้เจ้าสาว ก็จะเห็น แหวน สร้อยทอง ข้อมือ กำไร ต่างหู ไรแบบนี้ จากคุณ : SiamGuy เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 13:58:16

ความคิดเห็นที่ 71 ไม่ชอบเลยคำว่า..ขายลูกกิน.. เป็นเรานะ ถ้าเราจะแต่ง ค่าสินสอดเราจะไม่ให้พ่อแม่คืน  ให้ท่านเก็บไว้นั่นแหละ เพราะเมื่อแต่งออกมา มีครอบครัวของตัวเอง เผลอๆ ต้องไปอยู่กับครอบครัวผู้ชาย โอกาสจะดูแล ให้สิ่งต่างๆกับพ่อแม่ก็น้อยลง ใครบอกว่าไม่น้อยลงเราไม่เชื่อเลย   ก่อนแต่งหาได้ร้อย ให้พ่อแม่ 50  เราใช้ 50 ก็อยู่ได้ แต่แต่งไปมีหนึ่งร้อย จะได้เหลือถึงพ่อแม่กี่บาทกันเชียว ผู้ชายน่ะหาเงินได้ เค้าจะให้ครึ่งนึงกับครอบครัวเขาก็ไม่แปลก ค่านิยมสังคมผู้ชายก็ยังเป็นใหญ่ แต่ผู้หญิงจะเอามาให้พ่อแม่ได้เท่าเดิม คงยากมากในความคิดเรา ถ้ามีปัญหา มาคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องยังงี้  เป็นเราคงไม่แต่งด้วยแน่ๆ รักก็ส่วนรักเถอะ ไอ้เงินทองที่ว่าน่ะ  อยู่ไปเราทำงานหาให้ได้มากกว่านี้อีก -*- จากคุณ : Lemon_Love เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 14:26:42

ความคิดเห็นที่ 72 ดูเหมือนว่า จขกท. มองว่า ถ้าไม่ได้เงินสินสอดตรงนี้คืนมา  สภาพคล่องทางการเงิน ของครอบครัว และ จขกท. ไม่มีปัญหาแน่ แต่มองว่า น้องชายน่าจะเอามาสร้างครอบครัวกับเจ้าสาว จะได้ ไม่ต้องให้คุณ จขกท. ช่วยเหลือทางการเงินอีกต่อไป ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ เราคิดว่า แนะนำน้องชายอย่ารีบร้อนแต่งเลยค่ะ ทำงาน เก็บเงิน สร้างความพร้อมก่อนดีมั้ยค่อยคิด ให้เค้ายืนด้วยตัวเองก่อนดีมั้ย และสุดท้าย ในฐานะที่เป็นผู้หญิง ถ้าเราเป็น เจ้าสาว เราคงจะต้องทบทวน ก่อนจะแต่งงานแล้วล่ะค่ะ  การแต่งงานคือการรวมครอบครัวทั้ง2 ฝ่าย แต่ พี่ชายสามี(ในอนาคต)ยังคิดว่าครอบครัวเราเป็นคนอื่น เท่าที่อ่าน ยังมีมุมมอง เป็น อคติด้วย  แล้วชีวิตจะมีความสุขได้ยังไงกัน จากคุณ : Bambiebee (BambieBB) เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 14:51:24

ความคิดเห็นที่ 73 แค่รู้สึกว่าทำไมคนอื่นต้องมาเอาเงินทองของเราไปใช้ฟรี ๆ โดยที่เป็นใครมาจากไหนก็ ไม่รู้ใช่ไหมค่ะ *****เฮ้อ***** จากคุณ : กระปุกน้อยของเราสอง เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 15:29:40

ความคิดเห็นที่ 74 สิบหมื่น – มิตร ชัยบัญชา **เจ็บดวงใจเพราะคนใจร้าย ทำลายรักเราเสียจนแหลกลาญ โอ้ความรักที่สุดแสนหวานต้องกลับร้าวรานเพราะมีมารผจญ สุดปัญญาเพราะว่าผมจนต้องจากหน้ามนเหมือนคนสิ้นใจ **มาสู่ขอเพราะเงินพอมี ทำงานทั้งปีหวังมีคู่เชย แต่อกเอ๋ยต้องกลับช้ำตรม หวังไว้ไม่สมผมมีเงินไม่พอ พ่อตาใจร้ายขายตั้งหลายหมื่น แม่ยายยิ้มชื่นผมสะอื้นช้ำทรวง *สิบหมื่น สิบหมื่น สิบหมื่น แหมยิ้มระรื่น คงกลืนลงคอ คุณพ่อครับผมแย่ คุณแม่ครับผมจน สิบหมื่นผมเหลือทน ไม่ขอดิ้นรนให้คนขายลูกกิน **กราบลาแล้วขอแจวลาจร ไม่ขออ้อนวอนง้องอนทั้งสิ้น หากเป็นเขยคงขายผมกินต้องดับแดดิ้นเพราะถูกกินถึงตาย หมดคนขายแม่ยายยังอยู่อยากให้น่าดูต้องมีแถมพ่อตา มีแต่สมัย มิตร ชัยบัญชา แหละครับ จากคุณ : SiamGuy เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 16:04:33

ความคิดเห็นที่ 75 ก็เค้าไม่รู้ เค้าถึงมาตั้งกระทู้ถาม อย่าไปว่าเค้าเล๊ย จากคุณ : chomai เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 16:12:11

ความคิดเห็นที่ 77 ผมขอแนะนำว่า... ถ้า จขกท.มีความคิดที่ผมรู้สึกว่าใจแคบขนาดนี้แล้วหล่ะก็ คุณควรอยู่เป็นโสดไปเลยดีกว่า อย่าทำร้ายครอบครัวของ ผู้หญิงคนหนึ่งในอนาคต ที่น่าจะโชคร้ายมากกว่าดี...แน่ๆ ถ้าได้มาแต่งงานกับคุณ... จากคุณ : คุณพ่อลูกสอง(ลูกสาว) เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 18:13:36 A:110.168.84.142 X: TicketID:298738

ความคิดเห็นที่ 78 ขออภัยที่หลงประเด็นคิดไปเองว่าเจ้าของกระทู้กลัวเสียสิทธิ์เงินส่วนที่น่าจะเป็นของคุณ... งั้นเอาเป็นว่า.. โดยปกติค่าสินสอดนั้น พ่อกับแม่ฝ่ายหญิงมีสิทธิ์เก็บไว้โดยไม่ต้องคืนให้คู่บ่าวสาวค่ะ... เท่าที่จำได้จะมีอยู่สองส่วน คือ สินสอด กับ ของหมั้น ถ้าเป็นสินสอด..จะยกให้กับพ่อและแม่เจ้าสาวเป็นสิทธิขาด ส่วนของหมั้น..จะเป็นสิทธิ์ของเจ้าสาวค่ะ... น่าจะตอบคำถามคุณเจ้าของกระทู้ได้อย่างชัดเจนที่สุด และการที่พ่อแม่เจ้าสาวไม่คืนเงินสินสอดให้ ก็ไม่ใช่ขายลูกกิน หรือไม่รักลูกหรอกนะคะ... แต่เหตุผลหนึ่งที่เป็นไปได้ ก็เพราะรักลูกสาวมากต่างหาก... เงินก้อนนี้ที่เก็บไว้...ก็เผื่อเหลือเผื่อขาด..วันดีคืนดี..ลูกสาวถูกทิ้ง จะได้มีเงินก้อนนี้เป็นเงินก้อนให้ลูกสาวตัวเองไว้ใช้ไงคะ.. คนเรามีเหตุผลร้อยแปด... ถ้าคุณไม่ชอบใจจริงๆ ก็ให้บอกกับน้องชายไปตรงๆ แล้วน้องชายและว่าที่น้องสะใภ้เค้าจะตัดสินใจอย่างไรก็เป็นสิทธิของเค้าค่ะ... จากคุณ : เจ้าหญิงน้อยรสส้ม เขียนเมื่อ : 22 ม.ค. 54 19:26:16

ความคิดเห็นที่ 79 ใจแคบอ่ะ ผมแต่งปีที่แล้ว ให้แม่ยายหมด ยกให้เลย แต่แกก็คืนให้มาบ้าง แกเก็บไว้สองแสนแกบอกว่ามีหลาน แม่ จะคืนให้ ผมว่ามันเป็นสิทธิ์ของฝ่ายหญิงนะครับที่จะคืนหรือไม่ก็ได้ อนาคตไม่มีใครรู้ครับ หากต้องเลิกรากัน ก็ยังมีเงินส่วนนี้ไว้ มันเป็นสิทธิ์ของฝ่ายหญิงนะครับ ถ้าคิดว่ามันจะไม่ได้ประโยขน์อะไรขึ้นมาก็อย่าไปแต่งเลยครับ จากคุณ : คนไกลฝั่ง เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 54 14:21:47

ความคิดเห็นที่ 80 เราครอบครัวคนไทยทั้งสองฝ่าย พ่อแม่เราคืนให้บ่าวสาวค่ะ มาเพิ่ม สินสอด คือ ค่าน้ำนม พ่อแม่ผู้หญิงจะให้ืคู่บ่าวสาว หรือไม่ แล้วแต่เมตตา แต่      ทองหมั้น คือ เครื่องประดับสำหรับเจ้าสาว  เจ้าสาวมีสิทธิเต็มทีี่ จากคุณ : แม่น้องหยง เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 54 20:23:06

ความคิดเห็นที่ 81 เราเข้าใจ จขกท. นะคะ ถึงเราจะเป็นฝ่ายหญิงก็เถอะ ก่อนอื่น ขอตอบตามที่ได้ยินและศึกษามาก่อน พวกค่าสินสอดต่างๆ จะคืน คืนมากน้อย หรือไม่คืน เป็นสิทธิ์ของทางพ่อแม่ฝ่ายหญิงค่ะ แล้วแต่ประเพณี หรือว่าวิจารณญาณของบ้านนั้นๆ มาถามในนี้คงได้คำตอบไปหลายแนวค่ะ แต่ละบ้านก็มีภูมิหลังแตกต่างกัน สำหรับบ้านของเรา แม่บอกไว้ชัดเจนว่า เงิน แม่เอาหมด ส่วนทอง จะคืนให้ (เรายังไม่ได้แต่งนะคะ แต่แค่คุยๆ ไว้บ้าง เลยมาสอบถามแม่) ที่แม่ทำแบบนี้ เพราะยายก็ทำแบบนี้ค่ะ เลยทำตามอย่างบ้าง ประมาณนั้น ฝ่ายชายเป็นคนออกเงินจัดงานแต่ง ส่วนซองจากญาติฝ่ายหญิง คือฝ่ายเรา แม่เราจะเก็บหมดค่ะ ยอมรับว่าตอนนี้ไม่อยากแต่งเลยอะ จากทัศนคตินี้ของแม่ ถึงเราเป็นฝ่ายหญิงก็เหอะ และแฟนเราก็ยอมรับได้ทุกเงื่อนไข บอกให้แฟนรู้หมดแล้ว สำหรับค่าสินสอด แม่ไม่ได้เรียกแพงค่ะ จะหลักหมื่น หลักแสน หรือยังไงก็ได้ เพราะทราบว่าแฟนเราไม่ได้รวยค่ะ เป็นข้าราชการจนๆ เท่านั้นเอง แต่เราไม่อยากให้แม่เอาไปเทียบกับที่ยายทำกับแม่อะ เพราะว่ายุคสมัยมันต่างกันเยอะแล้ว สมัยนั้น แม่เราทำงาน ได้เงินเท่าไหร่ให้ยายหมด พอแต่งงานออกมา ก็เลิกให้เงินยาย มีให้นานๆ ทีเวลาไปเยี่ยม หรือว่าตรุษจีน ไม่ได้มากมายนัก แต่สำหรับเรา ตอนนี้ทำงาน เราก็ให้เงินแม่กว่า 30% ของเงินเดือน และคิดเสมอว่า เมื่อแต่งงานออกไป มีครอบครัวของตัวเองแล้ว เราก็จะให้แม่ในอัตรานี้เท่าเดิมไปจนกว่าแม่จะจากเราไป หลายคนอาจจะเห็นว่าเป็นไปไม่ได้ แต่สำหรับเรา ตั้งใจไว้แล้วค่ะ คุยกับแฟนแล้วเช่นกันว่าฉันไม่มีวันทอดทิ้ง ไม่ส่งเสียแม่ ที่สำคัญ เรากับแฟนไม่คิดจะมีลูกแน่นอน ชีวิตนี้ ดังนั้น ไม่ต้องห่วงเรื่องจะไปมีครอบครัวใหม่ เหตุผลนี้ทำให้เราอยากให้แม่คืนเงินให้เรากับแฟน รวมถึงซองจากญาติฝ่ายแม่ เพื่อเอาไปเป็นทุนให้ครอบครัวเรามากกว่าค่ะ เรากับน้องสาวมีแนวคิดคล้ายๆ กันค่ะ ไอ้พูดว่า ทดแทนค่าน้ำนม เนี่ย แล้วฝ่ายชายไม่ต้องกินนมแม่เรอะ นี่มันไม่ใช่สมัยก่อนแล้ว ที่ลูกสาวแต่งงานไปแล้วก็เหมือนตายจากไปเลย แต่คงเป็นไปไม่ได้ เพราะแม่เราหัวโบราณที่สุดในโลก และนิสัยเหมือนยายสุดๆ พ่อยังเห็นใจเรามากกว่า เพราะว่าพ่อเคยโดนกับตัวมาก่อน ที่ยายเอาไปหมด โดยไม่คืนเลย ตอนนั้นพ่อก็ใส่มาเต็มที่ ทุ่มสุดตัวเท่าที่มีเลย พ่อแอบบอกว่า อึ้งไปเหมือนกัน ว่านี่กะไม่ให้ลูกสาวกับลูกเขยมีเงินไปตั้งตัวเลยใช่ไหม ยายเป็นคนเห็นแก่ได้ค่ะ หมายถึงตามประสาแกน่ะนะ แกทำแบบนี้กับลูกสาวทุกคนค่ะ แกมีลูกสาว 7 คน ฮ่าๆๆ รวยเลยทีเดียว เคยไปลองเกริ่นๆ กับแม่อยู่เหมือนกัน ผลคือโดนด่ากลับมา หาว่ายังไม่ทันแต่งงานก็ไปเข้าข้างผู้ชายซะแล้ว จะมาประหยัดเงินให้เขาทำไม แต่เรารู้สึกว่า มันไม่ใช่นะ เงินพวกนั้นเมื่อเราแต่งงานไปแล้ว ก็กลายเป็นเงินของเขาและเรา เหตุผลนี่แหละค่า เลยไม่อยากแต่งงานอยู่เนี่ย เกี่ยงกับน้องว่าเธอแต่งก่อนสิ ฮ่าๆๆ พ่อแม่ของคนอื่น เค้าก็อาจจะไม่เหมือนของเรา คนไม่เคยเจอกับตัว ไม่เข้าใจหรอกค่ะ พ่อแม่มีหลายประเภท สรุปความว่า เราเข้าใจอารมณ์ จขกท. ละกันนะคะ และขอแนะนำให้ทำใจเท่านั้นค่ะ ลองไปเกริ่นๆ ดูกับทางนู้นก็ได้ว่าเค้าคิดไง ขอสักครึ่งกลับมาเป็นทุนให้บ่าวสาวได้ไหม แต่อย่าหวังอะไรมากค่ะ จากคุณ : reJoyce เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 54 22:30:58

ความคิดเห็นที่ 82 ขอโทษจขกท.ค่ะแต่ที่คุณอธิบาย ดิฉันไม่เข้าใจ แล้วที่ว่าคุณอิจฉาน้องไม่ใช่เรื่องเงินเรื่องทอง หรือหน้าที่การงาน แต่เป็นการอิจฉาที่น้องมีแฟนและกำลังจะแต่งงาน แต่ถ้าคุณมีแฟนแล้วดิฉันขอแนะนำว่าให้คุณลองเอาความคิดที่ถามนี้ไปถามแฟนคุณ หรือบอกให้เค้ามาอ่านในกระทู้นี้ก็ได้ค่ะ บางที่เค้าจะอธิบายให้คุณเข้าใจได้ จากคุณ : thanyporn เขียนเมื่อ : 23 ม.ค. 54 23:17:35

ความคิดเห็นที่ 83 ตามอ่านไม่หมดเลย แต่สำหรับผม ไม่คิดจะเอาคืนสักบาทครับ ให้หมด บ้าน 1 หลัง ซื้อใหม่ รถ 1 คัน มีอยู่แล้ว เงินจำนวนหนึงหลัก x แสน แล้วที่เหลือ เกาะเมียกินครับ เพราะหมดตรูดดเลย ปีหน้าน่าจะมีข่าวดีครับ แก้ไขเมื่อ 24 ม.ค. 54 01:26:40 แก้ไขเมื่อ 24 ม.ค. 54 01:26:17 จากคุณ : eaglewing เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 01:25:25

ความคิดเห็นที่ 84 ^ ^ ^ ถูกใจ คุณ reJoyce มากมายครับ อยากจะให้ Gift ซักล้านครั้ง คนเราฉลาดนะครับ ควรจะใช้ความฉลาดคิดถึงเหตุและผลมากกว่าที่เค้าทำกันมาอย่างนี้ก็ทำตามกันไป ไม่ก็หาข้ออ้างต่างๆนาๆ หาผลประโยชน์ใส่ตัวเอง ... ขอเน้นอีกทีว่า คนที่ได้รับประโยชน์ ไม่ใช่ผม ไม่ใช่พ่อแม่ผม แต่เป็นลูกสาวของเค้าเองนะครับ พ่อแม่ที่รักลูกสาวมากกว่าตัวเองสักนิด รับรองว่าเค้าไม่เก็บเงินไว้ใช้เองหรอกครับ ... ^^ จากคุณ : Seven deadly sin เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 09:06:00

ความคิดเห็นที่ 85 ^ ^ ^ ตอบคคหที่ 82 คุณ thanyporn อย่างที่บอกผมพร้อมทุกอย่าง ไม่ว่าจะรูปร่างหน้าตา เงิน หน้าที่การงาน การศึกษา เรื่องผู้หญิงไม่ต้องห่วงครับ ไม่ต้องเสียเวลาไปจีบ มีผู้หญิง Approach เข้ามาเอง เพราะฉะนั้นเรื่องอิจฉาน้องที่ได้แต่งงาน ตกไปครับ ถ้าผมคิดจะแต่งงาน พรุ่งนี้ผมก็แต่งได้ครับ ... ^^ จากคุณ : Seven deadly sin เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 09:12:40

ความคิดเห็นที่ 86 เราว่าคุณจขกท.จะถูกใจแต่คนที่เห็นด้วยกับคุณนะคะ แต่คุณจขกท.มาตั้งกระทู้เพื่อถามความเห็นจากคนอื่นๆไม่ใช่เหรอคะ คนอื่นๆก็แสดงความคิดเห็น/ประสบการณ์ที่แตกต่างกันไป คุณก็ลองเปิดใจกว้างๆรับฟัง เท่าที่เราอ่านๆดูจำนวนคนที่เก็บไว้/คืนให้/สมทบให้ก็มีพอๆกันนะคะ แต่ละคน/แต่ละครอบครัวก็มีวิธีคิดและความจำเป็นแตกต่างกันไป การที่ครอบครัวของแฟนน้องชายคุณจะคิดต่างกับคุณก็ไม่น่าจะผิดอะไร ทำไมต้องไปเคืองเค้าด้วยล่ะคะ ป.ล. เห็นด้วยกับความเห็นบนๆว่าน้องชายคุณน่าจะเก็บเงินแต่งงานเองนะคะ จะได้สบายใจทุกฝ่าย จากคุณ : Little Miss Overdressed เขียนเมื่อ : 24 ม.ค. 54 10:37:49

ความคิดเห็นที่ 87 กำลังสงสัยคนที่บอกว่า "สินสอดคือเครื่องพิสูจน์ว่า ฝ่ายชาย(หัวหน้าครอบครัวใหม่ในอนาคต) มีปัญญาสร้างความมั่นคงทางการเงินให้ครอบครัว" ถามกลับว่า แล้วคนสมัยนี้ ไม่มีปัญญา พิสูจน์ด้วยวิธีอื่นที่เข้าท่าและมีปัญหาทะเลาะกันน้อยกว่านี้แล้วเรอะ? มีตั้งร้อยแปดพันเก้า่ ยกตัวอย่าง ๑. ดูยอดในสมุดบัญชีธนาคาร กรมธรรม์ประกันชีวิต ๒. บัญชีรายรับ-รายจ่้าย ๓. บัญชีทรัพย์สิน-หนี้สิน (แบบเดียวกับที่นักการเมืองต้องแจ้งปปช.) ๔. หน้าที่การงาน-การใช้ชีวิต (เจ้าสำราญ? ฟุ่มเฟือย? ประหยัดอดออม? พวกนี้เป็นตัวบ่งชี้ได้ทั้งนั้น) ฯลฯ ถ้าตอบว่า "ไม่มีปัญญา" ก็แสดงว่า คนสมัยนี้ "เก่งแต่ลอกของเดิม แต่ทำให้ดีกว่าเดิมไม่ได้ แถมยังทำได้ห่วยกว่าเดิมด้วย" (ไม่งั้นมันไม่ทะเลาะกันตอนสู่ขอร้อก) จากคุณ : Suekong เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 54 11:50:44

ความคิดเห็นที่ 88 น้องสาวเพิ่งแต่งไป ค่าสินสอด กับค่าน้ำนม แยกกันคะ ครอบครัวเราคนจีน ค่าสินสอดม้าเราไม่เก็บ ยกให้น้องสาวไป แต่ค่าน้ำนมที่ฝ่ายชายให้มา แม่เราก็เอาไปจัดงานหมั้นคะ ส่วนใหญ่ครอบครัวคนจีนไม่เก็บนะคะ จะให้เพิ่มด้วยซ้ำ แต่คนไทยไม่รู้คะ จากคุณ : me2again เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 54 17:55:39

ความคิดเห็นที่ 89 เราแต่งให้เงินแม่หมด ยกเว้นทอง  (ครึ่งนึง) เงินซอง เงินผูกข้อไม้ข้อมือ ไม่เคยคิดขอคืนเงินสินสอด  เพราะแม่เป็นคนออกค่าใช้จ่ายจัดงาน ฝ่ายเดียว ค่าใช้จ่ายทางแม่ก็เป็นแสน..... เราก็มาคิดถึงที่พ่อแม่เลี้ยงมามันหมดมากกว่า 3-5 แสนแน่นอน แฟนก็ไม่คิดมากที่แม่ยายไม่คืนเงินให้  เข้าใจ แต่.... เราสองคน ช่วยกันหาเงินแต่งกันเอง 2 แสน กับ ทอง 4 บาทเนี่ย ได้กลับคืนมา รวมแล้ว เกือบแสนห้า....... โอกาสที่จะให้เงินแม่เป็นเงินก้อนเยอะขนาดนั้น... เราคงไม่มีปัญญา จะได้ก็ตรงสินสอดตัวเองนี่แหละ  แม้จะพยายามหากันมาเองทั้งคู๋ก็ตาม จากคุณ : จิ้งอวี๋ เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 18:39:26

ความคิดเห็นที่ 90 เฮ้อ พูดไปสองไพเบื้ย นิ่งเสียตำลึงทอง - -" จากคุณ : kubkew-kicky เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 20:38:38