ตอนเด็กๆๆ ก็คิดเหมือนคนอื่นทั่วไป เรียนจบ-แต่งงาน-มีลูก ตามสเต็ป
แต่ตอนนี้กลับมาคิดใหม่แล้ว ตั้งแต่ ตายาย ป่วยหนักขึ้นทุกวันๆๆ ทำให้เราไม่อยากมีลูกอีกเลย กระทั่งแม้ไม่อยากแต่งงาน อยากอยู่คนเดียว ชีวิตเราเกิดมาคนเดียว ต้องพึ่งพาตัวเอง ไม่สมควรยืมจมูกคนอื่นหายใจ คนที่คิดว่าจะแต่งงานฝากชีวิตไว้กับสามี พอมีลูกก็ฝากชีวิตบั้นปลายไว้กับลูกนั้น อาจไม่ถูกต้องเสมอไปนัก
อย่าลืม ชีวิตใครชีวิตมัน เค้าก็มีชีวิตของเค้า ลูกก็มีชีวิตของลูกเอง พ่อแม่ก็เลี้ยงได้แต่ตัวเท่านั้นแหละ ไอ้ที่คาดหวังว่าอนาคตจะอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา มีความสุขในบั้นปลายก็ไม่รู้ว่าจะเป็นไปตามที่คิดฝันหรือเปล่า การใฝ่ฝันถึงอนาคตที่ยังมาไม่ถึงนี่มันน่าสงสารเสียจริงๆๆ
ความรักของพ่อแม่ยิ่งใหญ่แค่ไหนไม่เถียง ทุกคนรู้ดีอยู่แก่ใจ ทุกอย่างก็ให้ลูกได้หมด เป็นผู้ให้อย่างน่านับถือ แต่ลูกล่ะ???? เคยคิดจะให้พ่อแม่บ้างไหม??? หรือดีแต่จะรับอย่างเดียว อะไรๆๆก็ร้องขอพ่อแม่ เวลามีปัญหารีบกระโจนมาหาพ่อแม่เป็นคนแรกให้คอยแก้ปัญหาให้ แต่พอมีความสุขน่ะเหรอ เฮอะ วิ่งออกไปหาความสุขอย่างกับผึ้งแตกรัง พ่อแม่เป็นยังไง ลำบากแค่ไหนไม่เคยเหลียวมามองสักนิด
ตอนพ่อแม่ป่วยนี่แหละ พิสูจน์ใจลูกได้ดีที่สุด คนไม่เคยพยาบาลคนป่วย(ที่แก่แล้ว)ก็คงไม่เข้าใจว่ามันมีความทุกข์มากแค่ไหน ลูกๆๆที่พ่อแม่รักยิ่งกว่าชิวิตมีคนไหนบ้างที่จะดูแลพ่อแม่ยามป่วยให้ดีเหมือนกับที่ตัวลูกเองเคยป่วยๆๆตอนเล็กๆๆน่ะ น้ำใจของลูกก็ดูได้จากช่วงนี้แหละ
พ่อแม่พอเลี้ยงลูกมาจนโต ก็หวังว่าลูกจะได้เรียนที่โรงเรียนดีๆๆ เรียนจบแล้วก็อยากจะให้ได้งานดีๆๆทำ ได้งานทำแล้วก็หวังให้ลูกหาคู่ครองที่ดีได้ พอลูกแต่งงานก็ห่วงชีวิตคู่ของลูกว่าจะไปรอดไหม พอมีหลานก็ห่วงหลานอีก เดี๋ยวไม่มีคนเลี้ยงหลาน ห่วงห่วงห่วง ตลอดชีวิตของพ่อแม่เอาแต่ห่วงเรื่องลูก ส่วนลูกน่ะเหรอ พอมีครอบครัวตัวเองแล้ว เรื่องของพ่อแม่ก็ต้องมาทีหลังเสมอ เรื่องลูกของเรา สามีของเรา สำคัญเป็นอันดับแรก ไปเที่ยวไหนก้ต้องไปกับครอบครัวเราก่อน พ่อแม่น่ะเรอะ นานๆๆทีค่อยพาไปเที่ยวละกัน
พอพ่อแม่ป่วยต้องไปหาหมอบ่อยๆๆ ก็ไปเองก่อนนะ เดี๋ยวต้องทำงานนิ ต้องไปรับลูกนิ ไม่ว่างไปหาหมอกับพ่อแม่หรอกนะ ถ้าป่วยมากก็จ้างคนมาดูละกัน ลูกเองก็ไม่มีเวลามาดูพ่อแม่ตลอดหรอกนะ หึ ตัวพ่อแม่ก็รอต่อไปเหอะ รอคอยว่าวันไหนลูกจะมาเยี่ยมมาหา อยากให้ลูกมาอยู่ใกล้ๆๆยามป่วย อยากให้มีลูกหลานอยู่เต็มบ้านเหมือนสมัยก่อนที่ลูกยังเล็ก แต่ความจริงมันไม่ได้นะ ลูกน่ะเขาแต่งงานไปมีครอบครัวแล้ว ต้องแยกบ้าน มาหาพ่อแม่บ่อยๆๆนักก็ไม่ได้ ไอ้เรื่องจะคอยดูแลให้พ่อแม่ชื่นใจน่ะเหรอ ฝันไปเหอะ ยังไงรับส่งลูกไปโรงเรียน ทำงาน กินเลี้ยง ปาร์ตี้สังสรรค์กับเพื่อนก็สำคัญกว่าอยู่แล้วล่ะ พ่อแม่อย่าคาดหวังอะไรในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยนะ ลูกขอร้อง
สรุป---มีลูกแต่ลูกไม่เลี้ยง น่าเสียใจกว่า ไม่มีใครเลี้ยงเพราะไม่มีลูกเป็นล้านเท่า
ป.ล. บางครอบครัวมีลูกที่ดี ไม่เหมือนที่เขียนข้างบนนี้ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีนะคะ แต่ส่วนใหญ่เราเห็นแบบนี้มากกว่าน่ะ ไม่เหมารวมลูกกตัญญูนะคะ เรารู้ว่ามีอีกเยอะที่กตัญญูต่อพ่อแม่ อันนี้ยกตัวอย่างจากประสบการณ์จริงของเราเฉยๆๆค่ะ ไม่ได้เหมารวมนะ