|
แต่สำหรับการลาออกก่อนใช้ทุนหมด โดยการจ่ายเงินทดแทน ถามว่าเหมาะสมไหม...อันนี้สำคัญกว่าครับ
ผมขอเกริ่นก่อนครับว่าปัจจุบันกำลังคนในภาครัฐ เฉพาะแพทย์นั้น แบ่งได้อยู่ 3 หน่วยงานหลักๆ คือกระทรวงสาธารณสุข, กระทรวงศึกษาธิการ, กระทรวงกลาโหม
สำหรับหน่วยงานอื่นๆ เช่น กระทรวงมหาดไทย/องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (เช่นอบต./กรุงเทพมหานคร) การรถไฟ การไฟฟ้า ฯลฯ ก็มีกระจายกันไปครับ
ในกระทรวงสาธารณสุขเอง ยังแบ่งซอยย่อยเป็นสำนักปลัดฯ, กรมการแพทย์, กรมสุขภาพจิต ฯลฯ อีก กระทรวงศึกษาฯ ก็ได้แก่รพ. สังกัดมหาวิทยาลัยทั้งหมด อาจารย์หมอในมหาวิทยาลัยต่างๆ และกระทรวงกลาโหมก็คือรพ. หลักของทั้งสามเหล่าทัพ รพ. ค่ายต่างๆ
เมื่อรวมหน่วยงานทั้งหมดแล้ว เรายังมีหมอในภาครัฐอยู่มากครับ แต่มากแบบไหนแค่นั้นเอง...
จากตัวเลขรายงานเราพบว่าสัดส่วนแพทย์ต่อประชากรนั้น ในกรุงเทพอยู่ที่ราวๆ 1:800 คือประชากรทุกๆ 800 คน จะมีแพทย์ดูแล 1 คน ในขณะที่ตจว.มีความหลากหลาย เช่นในแถบภาคกลาง ก็จะมีอยู่ราวๆ 1:1,200 คน ในขณะที่แถบอีสาน สูงสุดอยู่ที่ 1:7,000 - 1:8,000 คน
เป้าหมายของประเทศตั้งใจให้มีแพทย์อยู่ที่ 1:1,500 คน ตรงนี้คือความขาดแคลนของแพทย์จริงๆ ครับ เพราะเราจะเห็นว่า มีแพทย์อยู่ในเขตเมืองสูงกว่าในเขตต่างจังหวัดมากหลายเท่าตัว
นี่คือตัวเลขไม่กี่ปีที่ผ่านมานะครับ ตอนนี้จะดีขึ้นกว่าตอนนี้บ้าง แต่ก็ยังไม่ดีพอ
ระบบใ่ช้ทุนเราเริ่มเมื่อปี 2510 ครับ ในตอนนั้นความขาดแคลนสูงกว่านี้มากไปอีก และในปี 2514 เราจึงเริ่มปรับให้มีการใช้ทุนเป็นแบบปัจจุบัน
คือทุกคนต้องใ่ช้ทุน และถ้าหากจะออกก่อนครบกำหนด ก็จะต้องจ่ายเงินให้กับรัฐ
30 ปีผ่านไป เงินค่าปรับยังคงเป็น 400,000 เท่าเดิม ในขณะที่เงินเดือนแพทย์ในอดีตเมื่อปี 14 นั้น อยู่ที่หลัก....พัน
ปัจจุบันแพทย์จบใหม่มีเงินเดือนก่อนหักภาษีอยู่ที่ราว 5-60,000 บาทในพื้นที่รพ. ชุมชนปรกติ และสูงกว่านั้นในพื้นที่กันดาร นี่คือความแตกต่างใน 30 ปีที่ผ่านมาครับ
จากคุณ |
:
Epinephrine
|
เขียนเมื่อ |
:
27 ม.ค. 54 13:20:18
|
|
|
|
|