ความคิดเห็นที่ 1 รอฟังด้วยคนนะคร๊าาาาา จากคุณ : ตากลมแก้มป่อง เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 07:51:20

ความคิดเห็นที่ 2  ๐๐๐ อ่านกระทู้ผมหรือเปล่า ๐๐๐  สงสัยก็ถามในกระทู้ได้ จะได้ต่อเนื่องนะครับ ที่คุณ จขกท ถามนั้นดีแล้ว เพราะผมเห็นคนเข้าฟิตเนส ร้อยทั้งร้อย ไม่เห็นเขาเซตอะไรเลย เข้าเครื่องก็กด Start ทันที อันนี้ผมว่า ทำให้เกิดความล้มเหลว หลายคนวิ่งอยู่นาน ไม่มีอะไรดีขึ้น แอบได้ยินเขาปลอบใจกันว่า "นน.ไม่ลด มันคงอยู่ตัวแล้ว (มั่ง)" "แต่ก็ดีนะ (ดีกว่าอยู่เปล่าๆ) ดีที่มันทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น" พอเซตเครื่องนิดเดียว เล่นพักเดี่ยว ได้เหงื่อโชกเลย ... นี่เป็นเรื่องจริง   จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 09:51:20

ความคิดเห็นที่ 3  อยากลดหน้าท้อง ต้องใช้วิธีลดไขมัน ด้วยโปรแกรม FAT-Burn อย่าใช้ Weight Loss FAT-Burn มันจะเอาไขมันจากทุกส่วนมาเผา แก้ม ใบหน้า ลำคอ และพุง ลดหมด ที่สำคัญต้องเข้าใจด้วย  FAT-Burn จะลดช้า คือ ลดได้อาทิตย์ละ 1/2 กก. เดือนละ 2 กก.  เพราะ...อะไรจะเล่าทีหลัง   จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 09:55:51

ความคิดเห็นที่ 4  วิธีเซตโปรแกรม FAT-Burn ไม่ยาก สำหรับเครื่องที่มี mode FAT-Burn ให้ตั้ง ดังนี้ กดเลือก FAT-Burn แล้วป้อนค่าต่างๆ ที่มันถาม 1) Age  ใส่อายุปัจจะบัน ตัวนี้มันจะเอาไปคำนวณ Target Heart Rate ให้เรา 2) Time เวลาที่จะเล่น ควรตั้งอย่างน้อย 30 นาที 3) Weight.  น้ำหนักตัวเรา หน่วยเป็น "กิโลกรัม"  (เครื่องส่วนมากจะใช้"หน่วย" นี้) 4) Load Level  เลือกความหนักเบา เริ่มที่ Level 5-7  ผู้ชาย  Level นี้เราปรับให้เหมาะสมโดยดูจาก Load สูงสุด เปรียบเทียบกับ Target Heart Rate ของเรา ..... ถ้าหัวใจเต้นเร็วเกินไปแสดงว่าหนักเกินไป เราก็ปรับ Level  ลดลง  หมายเหตุ  ข้างบนเป็นวิธีเซต แบบ Manual  บางเครื่องจะเป็น Automatic เราก็ไม่ต้องเซตมาก แค่ใส่อายุ และ นน.ตัว อื่นๆ มันจะคำนวณให้เราเอง รวมทั้ง Level มันจะปรับให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติ (ต่อ) ถ้าไม่มี mode FAT-Burn ล่ะ ?? จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 10:08:12

ความคิดเห็นที่ 5   Load Profile ของโปรแกรม FAT-Burn  จะเป็น "เบา-สลับ-หนัก"  ดังภาพ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 10:09:56

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณมากเลยนะคับ เดี่ยวต้องไปดูทีเครื่องวิ่งก่อน ไม่กล้าถาม PT เพราะเขาชอบให้ซื้อชั่วโมง ผมออกกำลังได้ประมาณ 2 เดือนละ หลายคนทักนะว่าผอมลงดูดีกว่าเก่า แต่น้ำหนักก็ไม่ลด แปลกไหม PT ก็จะขายแต่ชั่วโมงไม่กล้าถามอะ จากคุณ : chate_dpu (chate_dpu) เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 11:56:37

ความคิดเห็นที่ 7 แล้วอย่างงี้ต้องจับที่วัดชีพจรตลอดเลยป่าวคะ? จะได้รู้ heartrate จากคุณ : ตากลมแก้มป่อง เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 12:17:11

ความคิดเห็นที่ 8  คำถาม คุณ ตากลมแก้มป่อง เป็นคำถามที่ดี ผมจะตอบทีหลังครับ มา (ต่อ) ถ้าไม่มี mode FAT-Burn ล่ะ ??  ถ้าเครื่องไม่มี mode FAT-Burn  เราจะใช้ Interval แทนได้   เพราะ Load Profile มีลักษณะเดียวกัน คือ  "เบา - สลับ - หนัก" แตกต่าง กันที่ "ช่วง หนัก"  peak Load จะหนักกว่า เพื่อให้ Heart Rate ขึ้นไปสูงถึง Red Line โปรแกรมนี้เอาไว้ฝึกเสริมความแข็งเกร็งให้นักกีฬา ครับ เมื่อเราเข้าใจ Load Profile นี้แล้ว  เราเพียง จำลอง หรือ หลอกมัน  ดังนี้ 1) ถ้าเป็น mode automatic Interval   เราก็หลอกด้วย Age คือ เพิ่มอายุให้เกินกว่าอายุจริงของเรา  เช่น คุณอายุ 30 ก็ input Age เป็น 60 ปี  แล้วคอยเช็คความถูกต้องด้วย HR ที่วัดได้@ peak Load ..... ถ้า HR ที่วัดได้ต่ำกว่าที่ต้องการ คุณก็ปรับ Age ให้น้อยลงเหลือ 55 ปี ปรับแต่งสักครั้งสองครั้ง คุณก็จะได้ "ค่า" ที่เราจะใส่ ก็จดเอาไว้ ครับ 2) ถ้าเป็น mode manual Interval  เราก็ปรับที่ Level ได้เลย ผู้ชายเริ่มจาก Level 5 ลองเช็คดู HR@peak Load ได้หรือยัง แล้วปรับ Level เพิ่มหรือลดเอา ครับ ผมเห็น จขกท ตั้งใจจริงจังอย่างนี้ เมื่อเซตเครื่องได้แล้ว คุณจะเล่นอย่างมีความสุข และสนุกกับมัน เพราะคุณมีเป้าหมายชัดเจนแล้ว เมื่อ warm up ประมาณ 3 นาทีไปแล้ว ร่างกายจะเริ่มอุ่นและหลั่งโฮโมน Endorphin เจ้าโฮโมนตัวนี้ เขาเรียก โฮโมนแห่งความสุข คนจะรู้สึกซาบซ่า มีความสุข เหมือนนักกีฬาที่ได้ชัยชนะเกมใหญ่ๆ เป็นสารเสพติด ที่คุณจะเสพติดการออกกำลังกาย เจ้าสารตัวนี้เป็นสารที่เขาสกัดจากฝิ่น ทำเป็นมอร์ฟีน และเฮโรอิน นั่นแหละ แต่คนออกกำลังกายได้รับเป็นรางวัลตามธรรมชาติ ครับ เมื่อเล่นถูกต้อง คุณจะได้เหงื่อโชก ของผมเสื้อเปียกเหมือนตากฝนเชียวครับ หมายเหตุ ขอย้ำว่า อย่าใจร้อน FAT-Burn จะลดได้ช้า ค่อยลดอาทิตย์ละ 0.5 กิโลกรัม เดือนละ 2-3 กิโลกรัม แต่หลังจากลด FAT ได้แล้ว กล้ามเนื้อจะเพิ่ม คราวนี้ Metabolism จะเผาผลาญเร็ว เพราะ FAT Tissue ลดการผลิตโฮโมนตัวร้าย หันมาผลิตโฮโมน Adiponectin ที่มันควบคุมสมองส่วนบัญชาการคุม Metabolism ให้เผาผลาญเร็วขึ้น ร่วมกับกล้ามเนื้อช่วยอีกแรง ผลที่ได้คือ กินมาก ก็ไม่ค่อยอ้วน ครับ ระยะเริ่มต้น ขอให้ใจเย็น อดทนสักนิด เหมือนเครื่องบินที่กำลัง Take Off มันจะเริ่มคลานไปช้าๆ พอเร่งเครื่อง Take Off ขึ้นฟ้าแล้ว "ความเร็ว" จะทยานพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ครับ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 13:04:44

ความคิดเห็นที่ 9 ต้องจับที่วัดชีพจรตลอดเลยป่าวคะ? จะได้รู้ heartrate >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>> ถ้าใช้ mode automatic  จะต้องคอยจับ sensor เป็นระยะๆ มันจะขึ้นมาเตือนให้เราจับ ครับ ถ้าเป็น mode manual เราจะจับ เมื่อเราต้องการเช็คความถูกต้อง ตามที่ผมบอกข้างบน ครับ ***ในรูป ตรงลูกศรชี้ มันจะขึ้นมาเตือนให้เอามือจับ Sensor *** (ถ่ายไม่ชัดแต่คงเข้าใจนะครับ)   จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 13:13:01

ความคิดเห็นที่ 10 ^ ^ กำลังตามอ่านกระทู้ที่คุณ TinyNu ตอบ  แล้วก็งงๆ กับตัวเองค่ะ   ขอถามว่า สำหรับคนที่ไม่มีเครื่องออกกำลังกาย  ไม่ได้เข้าไปเล่นในฟิตเนส จะทำอย่างไรคะ  จะออกกำลังกายยังไง จึงจะเป็นในลักษณะ FAT - BURN ปล. ปกติเราออกกำลังกายด้วยการ ยกเวท สลับ กระโดด , แอโรบิก จากคุณ : kaoim เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 14:18:04

ความคิดเห็นที่ 11 จะปริ้นท์มาแปะไว้ข้างฝานะ ข้อมูลเยอะ หลาย ทู้  ทุกทู้ ตอบแบบไม่เมื่อยมือเลย เด๋ว จะรวมเล่มแจก  ดีไหม แล้วจะ บอกเมื่อรวมเล่นเสร็จให้ Khun TinyNu  ตรวจ Edit อีกที อิอิ  พูดเล่นหรือเอาจริง ดี หว่า จากคุณ : น้องฉ่าย เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 54 20:39:23

ความคิดเห็นที่ 12 มะวานนี้เค้าไปวิ่งแล้วจะเซ็ตโปรแกรม มันขึ้นว่าให้เราใส่  เชสต์แบนด์ก่อนอ่ะค่ะ  ไม่งั้นเครื่องไม่ยอมตั้งโปรแกรมให้ สงสัยต้องติดเชสต์แบนด์ตลอดอ่ะป่าวคะ?   (ต้องไปเอาที่ครูฝึกใช่ไหมคะ) ((ถ้าคุณ TinyNu จำได้  เค้าเคยเข้ามาถามเกี่ยวกับรีดน้ำหนัก เพราะแข่งกับเพื่อนๆ   ทีนี้แข่งเสร็จแล้วอยากวิ่งต่อไป  แต่พอวิ่งแล้วรู้สึกปวดขา  ไม่รู้จิตตก ว่าแข่งเสร็จแล้วเลยทำให้ ปวดนั้นนี่รึเปล่า  หรือว่า รองเท้าคู่ใหม่  ยังไงวันนี้จะลองวิ่งอีกที ใช้รองเท้าคู่ที่เคยวิ่ง ดูซิจะมีข้อแก้ตัวอีกป่าว  ฮ่าๆๆๆ)) ปล.  แข่งคราวก่อน เค้าชนะด้วยน๊าาาาา  (ไปหาชุดรีดน้ำหนักมาใส่ตามคำแนะนำคุณนั้นแหละ   ชนะไป เก้าขีด   อิอิ) จากคุณ : ตากลมแก้มป่อง เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 54 08:49:57

ความคิดเห็นที่ 13 หลังไมค์ไปแล้ว ถ้ามันให้ใส่ Chest band ก่อน แสดงว่าคุณเลือก mode automatic มันต้องการวัดจาก Heart Rate เอามาปรับ level ให้เหมาะสมครับ ชุดลดน้ำหนักต้องระวังหน่อยทำให้เสียเกลือแร่  ผมลองแค่วันที่ 2 ก็ไม่เอาแล้ว ปัญหาเริ่มวิ่งจะมีปวดขาบ้าง กล้ามเนื้อเรายังไม่เคย วิ่งสักพักจะหาย ตอนแรกต้องวอร์มก่อน สัก กม. หรือ 3-5 นาที สังเกต... ตอนแรกเริ่มวอร์มเราจะรู้สึกวิ่งขัดๆ หนักๆ วิ่งไม่ค่อยออก  พอวอร์มเครื่องร้อนแล้ว จะรู้สึกตัวเบา วิ่งเบาไปได้สบาย เขาว่าร่างกายคนเราจะเริ่มหลั่ง Endorphin  ซึ่งเป็นโฮโมนแห่งความสุข เราจึงรู้สึกสบายวิ่งได้คล่อง เบาๆ ไปได้เรื่อยๆ ครับ  นักกีฬาเขาจึงให้ความสำคัญกับการวอร์มอัพ ครับ หมายเหตุ มาแก้ไขเวลาวอร์มอัพ แก้ไขเมื่อ 01 ก.พ. 54 13:09:59 จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 54 11:10:38

ความคิดเห็นที่ 14 ..... ขอโทษ ยังไม่ตอบ คำถาม คห. 10   ขอถามว่า สำหรับคนที่ไม่มีเครื่องออกกำลังกาย  ไม่ได้เข้าไปเล่นในฟิตเนส จะทำอย่างไรคะ  จะออกกำลังกายยังไง จึงจะเป็นในลักษณะ FAT - BURN (ปล. ปกติเราออกกำลังกายด้วยการ ยกเวท สลับ กระโดด , แอโรบิก ) จากคุณ : kaoim >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>  ง่ายมาก ครับ  จะบอกว่า  ... ผมลดน้ำหนักได้สำเร็จก็ใช้วิธีนี้ เรื่องนี้ผมยกเครดิตให้ ประจำตัว ที่คอยเป็นกำลังใจ ปล่อยให้ผมทำผิดไปก่อน แล้ว...แนะนำวิธีง่ายๆ เรียก coversational pace เป็นวิธีเช็ค Heart Rate ง่ายๆ แต่มีประสิทธิภาพมาก ๐๐๐ เป็นบทเรียนที่ดี สอนให้ผมรู้ว่า เมื่อเราเข้าใจ เราจะทำให้ง่ายได้ สังเกต การหายใจ ดังนี้ 1) เริ่มต้น warm up ค่อยๆวิ่งช้า สังเกต "เราหายใจ พร้อมกับ ร้องเพลงได้"   ผมใช้เพลง Nothing gonna change my love for you วิ่งช้าๆ วอร์มสัก 3-5 นาที เครื่องเริ่มร้อน ก็ไปข้อ 2) 2) ค่อยๆเร่งความเร็ว จนถึงระดับหนึ่ง สังเกต "เราจะร้องเพลง ไม่ได้"  แต่พูดได้ "พูดเป็นประโยคได้"  ... ประมาณ "วิ่งไปบ่นไป"   ....  ลองทำดูเถอะครับ ไม่ยากเลย ผมยังทำได้นี่ครับ ที่ระดับนี้หัวใจจะเต้นในระดับ Aerobic Zone  .... เป็นระดับที่ใช้ทำ FAT-Burn พยายามรักษาระดับนี้ไปเรื่อยๆ เหนื่อยนัก ร่างกายคุณก็จะผ่อนลงเอง คุณก็ผ่อนลงตามความเหมาะสมก็แล้วกัน อย่าผ่อนมาก     ผ่อนลงสักพัก พอคุณรู้สึกดีขึ้น ก็ค่อยๆขยับเร่งอีกนิด ผมขี่จักรยาน ผมทำอย่างนี้เดือนกับไม่กี่วัน ผมลดน้ำหนักได้เกือบ 10 กิโลกรัม ครับ  (สังเกต ลดได้มากกว่า Fat-Burn ที่ทำได้แค่เดือนละ 2-3 กก เพราะอะไรจะอธิบายละเอียดทีหลัง) 3) ข้อนี้ให้ทำเพื่อความเข้าใจ  .... ค่อยๆเร่งต่ออีกนิด เราจะรู้สึกเหนื่อยมากขึ้น มากขึ้น จนถึงระดับหนึ่งเป็นระดับ upper limit  สังเกตว่าเราจะ "พูดไม่ออก พูดได้แค่ 3 คำ"   "หายใจไม่ค่อยทัน"   ผมอยากให้ทดลองทำข้อ 3 เพื่อจะได้รู้ว่า upper limit อยู่ตรงจุดไหน สรุป จะเห็นได้ว่าของผมพยายามรักษาระดับ Aerobic Zone ไว้ตลอด (บางครั้งก็เร่งหนักกว่าระดับนี้ ) ....ด้วยเหตุนี้ ... ทำให้ผมลดน้ำหนักได้มากกว่า FAT-Burn ตามปกติ (ซึ่งไม่แนะนำให้ทำ ... เพราะลดไขมันได้เท่ากัน แต่มีข้อดีข้อเสีย ซึ่งจะกล่าวภายหลัง) แก้ไขเมื่อ 01 ก.พ. 54 14:00:53 จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 54 13:56:35

ความคิดเห็นที่ 15 A "conversational pace" to monitor your efforts during moderate activities like walking. 1)-- If you can sing and maintain your level of effort, you're probably not working hard enough.        **The Energy Efficient or Recovery Zone - 60% to 70% of MHR** 2)-- If you can talk and walk at the same time, you aren't working too hard.        **The Aerobic Zone - 70% to 80% of MHR** 3)-- If you get out of breath quickly, you're probably working too hard        — especially if you have to stop and catch your breath.         **The Anaerobic Zone - 80% to 90% of MHR** MHR: Max Heart Rate  วิธีหาตาม url ข้างล่าง รายละเอียด ดูที่นี่ http://www.americanheart.org/presenter.jhtml?identifier=4736 credit: คุณ news-headline .. สำหรับรายละเอียด   3 Zone จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 54 14:07:10

ความคิดเห็นที่ 16 เข้าใจแล้วค่ะ  อย่างนี้ก็ค่อย Apply กับลักษณะการออกกำลังกายตามปกติที่อยู่บ้านได้แล้วค่ะ เพราะตอนแรกอ่านไม่ค่อยเข้าใจเลย  พยายาม search หาหลายๆ กระทู้ แล้วก็งุนงงว่า  เอ๊ แล้วคนที่ไม่ได้ไปออกกำลังกายตามยิม จะทำได้ยังไง ถ้าไม่รู้ว่า ตรงไหน คือ FAT-BURN ขอบคุณมากๆ ค่ะ จากคุณ : kaoim เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 54 14:21:52

ความคิดเห็นที่ 17   ทดสอบระดับหัวใจเต้น เลือกท่อนนี้   ... Nothing gonna change my Love for You  ...   จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 54 13:14:23

ความคิดเห็นที่ 18  เอาใหม่  จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 54 13:15:06