แยกระหว่าง "หิว" กับ "ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ"
1) อาการหิว เมื่อเราลดอาหารมาก แก้ด้วยการกินอาหารที่มีค่า GI Glycemic Index ต่ำ เช่น ข้าวโอ๊ต ฝรั่ง แอปเปิล ควรหาติดบ้านไว้
อาหารที่มี Glycemic Index เท่าไร (ตามปกติ) จะเทียบกับน้ำตาล มีค่า GI = 100 อาหารอะไรที่มีค่ายิ่งสูง กินเข้าไปจะทำให้ระดับกลูโคสในเลือดสูงขึ้นแบบ "วูบวาบ" เร่งให้อินซูลินออกมามาก คนก็จะ "หิวเก่ง"
เมื่อกินอาหารที่มี GI ต่ำ เช่น ข้าวโอ๊ต ฝรั่ง แอปเปิล พวกนี้มีค่า GI ต่ำ มันก็ค่อยๆเติม glucose แบบช้าๆ จะอยู่ท้องนาน ไม่หิว
** ถ้ากินอาหารที่มีค่า GI=0 เช่น เนื้อ ไข่ พวกนี้มีโปรตีนสูง โปรตีนมีค่า GI=0 เราถึงอิ่มนาน ...นี่เป็นที่มาของ Diet แบบ high Protein and low Carbs
ขอให้ทดลอง ดังนี้
ก) มื้อเที่ยงทานแค่ "เกาเหลา" ชามเดียว "ห้าม" ทานข้าว ...จะอยู่ท้องจนถึงเย็น โดยไม่รู้สึกหิว .... นี่เป็น No CARBs
ข) ถ้า เพิ่มข้าวสวยสัก 1-2 ช้อน เพียงบ่ายกว่าๆ เราจะเริ่มรู้สึกหิว ทั้งๆที่เราทานมากกว่าข้อ (ก) คือ ทาน CARBs เพิ่ม .... นี่เป็นผลจาก low CARBs
การทดลองนี้เพื่อให้เข้าใจ ผลจากอาหารที่มีค่า GI สูง มีความสำคัญต่อความหิว
ดังนั้น ในเฟสแรกๆ ของการคุมอาหารเพื่อลดน้ำหนัก เราอาจใช้วิธี high Protein and no CARBs ....จะช่วยให้เราไม่รู้สึกลำบากกับความหิว ครับ
แต่...เมื่อคุม... no CARBs ไปนานๆ จะเริ่มเป็นอันตรายต่อร่างกาย เริ่มด้วยระดับ glucose ในกระแสเลือดเริ่มลด ลดมากๆ จะเข้าสู่ระดับ Hypoglycemia ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกาย เราถึงต้องเริ่มกิน CARBs ครับ
2) Hypoglycemia ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ ...ระดับน้ำตาลลดต่ำกว่า 100-50 mg/dl
(ของผม) เมื่อระดับน้ำตาลต่ำกว่า 100 mg/dl เริ่มส่งสัญญาน..ขาดน้ำตาล มีอาการหิวโหย จะเป็นลม รู้สึกอ่อนแรง วูบ ฯลฯ ผมจะรีบเติมน้ำตาล ด้วยอาหารแป้งที่มี GI สูง และ โค๊ก เข้าไป
...เวปนี้อธิบายเรื่อง Glycemic Index
http://www.bgirlclub.com/diet/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3-%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81-%E0%B8%AD%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%99-glycemic
แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 54 08:55:48