ความคิดเห็นที่ 1 จากคุณ : ยัย..ฉอเล๊าะ เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 23:00:15

ความคิดเห็นที่ 2 เป็นประสบการณ์ที่เตือนสติใครหลายๆคนได้เลยครับ จากคุณ : veemail เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 23:18:01

ความคิดเห็นที่ 3 เราก็ไม่รู้ว่าสังคมแบบปิดในประเทศไทย ที่ยึดถือการห้ามมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน กับสังคมเสรีแบบบางประเทศ ที่เปิดเผยให้คบกัน แต่เน้นให้การศึกษา รู้ปัญหาที่จะตามมา ถ้าคิดมีเพศสัมพันธ์ อย่างไหนจะป้องกันปัญหา (เด็กที่จะเกิดมาแล้วครอบครัวไม่พร้อมเลี้ยงดู)มากกว่ากัน ในโรงเรียนระดับ high school และ middle school ที่อเมริกา จะมีวิชาเกี่ยวกับการวางแผนครอบครัวหรืออะไรประมาณนั้น แล้วหนึ่งในภาคปฎิบัติคือ จะมีตุ๊กตาให้นักเรียนคอยดูและเป็นระยะเวลาหลายสัปดาห์ แต่ตุ๊กตานี้มันเป็นเครื่องอิเล็กทรอนิกที่มีความสามารถหลายๆอย่าง มันจะร้องถ้าคอพับในเคสที่เขย่าแรงๆ หรือไม่ก็อยู่ๆร้องขึ้นมาเฉยๆตอนกลาง  มันทำให้ นักเรียนตระหนักถึงความยากลำบากของการเลี้ยงเด็ก ในระดับมหาวิทยาลัย จะมีคลีนิคที่เปิดให้ นักเรียนเข้าไปหยิบถุงยางฟรีได้ตลอดเวลาทำการ มีคอร้ส sex education คอยแซมในวิชาชีววิทยา ซึ่งเค้าพูดถึงการป้องกันทั้งโรค และป้องกันการตั้งท้อง ถ้าจะพูดจริงๆ มันห้ามกันไม่ได้หรอก ในเมื่อความต้องการที่จะสืบพันธ้มันอยู่ใน DNA ที่ผ่านการดัดแปลงผ่านวิวัฒนาการมาหลายล้านปี แต่ถ้าคนเรารู้และเข้าใจ เราก็จะมีสติและจะสามารถเลือกที่จะยับยั้งชั่งใจ เอาความคิดและเหตุผลมาก่อนความต้องการ จากคุณ : Pammeluff เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 23:21:23

ความคิดเห็นที่ 4 เด็กแถวบ้าน อายุ 14 ก็อุ้มลูกแล้วอันนี้เรื่องจริง พ่อเด็ก อายุ 15 สุดท้ายไปไม่รอด ตอนนี้ ผู้หญิงอายุ 16 แต่งงานใหม่ พร้อมลูกในท้อง จากคุณ : Eak sound เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 54 23:29:19

ความคิดเห็นที่ 5 โอ๊ยแล้วชีวิตฉันจะเป็นยังไงเนี้ย คิดแล้วปวดจิต จากคุณ : นาทีที่รอ เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 00:11:45

ความคิดเห็นที่ 6 เหมือนชีวิตของผม.....สุดท้ายต้องให้่แคมรี่ไปคันนึงเรื่องเลยเงียบ... จากคุณ : กิ้งกือไฮสปีด เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 00:18:58

ความคิดเห็นที่ 7 อยากให้เลิกประเพณีจับเด็กแต่งเมื่อท้องมากกว่าครับ นึกเหรอว่าจับเด็กอายุ 15 แต่งกันแล้ว มันจะช่วยให้พ่อ-แม่ อับอายน้อยลงได้ครับ เอาคนที่มันคิดสั้นรักสนุกสองคนมาอยู่ด้วยกัน มันก็พังกับพังเท่านั้นแล น้อยคนที่ไปรอดอยู่ด้วยกันจนลูกโต หรือกลับไปเรียนจนจบ มีงานการทำ ส่วนใหญ่ซักพักก็ต่างคนต่างไปมีคนใหม่ ทิ้งลูกให้พ่อ-แม่เลี้ยง จากคุณ : แมงแกลบ เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 00:23:29

ความคิดเห็นที่ 8 เห็นด้วยกับ คห 7นะคะ ลูกติดของสามีใหม่ของน้าเรา ท้องตอนอายุ18 พ่อแม่ก็จับให้แต่งงานกันทั้งที่ทางพ่อแม่ฝ่ายชาย ไม่เต็มใจ พอแต่งงานกันได้ 2เดือน ก็ไปแอบทำแท้ง สุดท้ายไปกันไม่รอดค่ะ อีกไม่กี่เดือนหลังจากทำแท้ง คุณเธอก็หนีไปกับญาติฝ่ายแม่(เก่า) และโดนหลอกไป ขายตัว เหอๆ นี่แหละค่ะ เวรกรรม จากคุณ : Ms_Charisma เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 02:12:35

ความคิดเห็นที่ 9 ยาวมาก ไม่ต้องอ่านก็ได้นะคะ แค่อยากระบาย เราก็เป็น 1 ในนั้นที่มีลูกตั้งแต่ 16 ค่ะ  ตอนนี้ก็เพิ่ง 19 เอง ( แฟน 25 ) คบกับแฟนตั้งแต่ 14 มีสามีตั้งแต่ยังไม่เป็นนางสาวเลยด้วยซ้ำ ตอนที่รู้ว่าท้องเราดีใจด้วยซ้ำไป แต่ไม่กล้าบอกแม่ ปิดเรื่องจนท้อง 5 เดือน เพราะความคิดเราตอนนั้นกลัวว่าเค้าจะให้เอาเด็กออกอ่ะค่ะ แต่เราคบกับคนนี้เป็นคนแรกและคนเดียวค่ะ   เราว่า อุ้มลูกเดินมันน่าอายน้อยกว่าคนที่เปลี่ยนคู่นอนไม่ซ้ำหน้านะคะ เรื่องพวกนี้เรารู้ว่าผิดค่ะ สายตาคนมองอย่างหยามเหยียดเวลาที่อุ้มลูกไปเที่ยว  ไปซื้อของ ชอบมีคนมาถามว่าคุณแม่อายุเท่าไหร่แล้วคะ ยังดูเด็กอยู่เลย เราก็ตอบไปตามตรง ไม่ชอบโกหกใครค่ะ  เพราะเราคิดว่า  คนที่มานั่งโกหก  ชีวิตก็จะมีแต่เรื่องโกหก โกหกกับใครไป ก็ต้องไปโกหกกับอีกหลายคนที่อยู่ข้างเคียงกัน แล้วเวลาที่เค้ารู้ว่าเราโกหก เราว่ามันน่าอายกว่าค่ะ เราไม่เคยแคร์สายตาคนที่มองอย่างดูถูกเลยค่ะ เพราะคนที่เราแคร์ที่สุดคือลูก ไปไหนไปด้วยกันตลอด เลี้ยงเอง ดูแลเอง ตั้งแต่เกิด ไม่เคยคิดจะฝากใครเลี้ยง เพราะถ้าเราอายที่มีเค้า โตขึ้นมา เค้าคงเสียใจ ในเมื่อเราเป็นลูกที่ดีไม่ได้ ก็อยากเป็นแม่ที่ลูกภูมิใจ   ที่อย่างน้อยเราก็ยังเก็บเค้าไว้ ไม่เอาเค้าไปรวมกับ 2002 ศพ นั่น ถึงเราจะมีลูกตั้งแต่ยังเด็ก แต่เราก็เรียนหนังสือจนจบนะคะ เรียน กศน. ค่ะ ไม่อยากให้ตัดสินคนอื่นที่ภายนอกอ่ะค่ะ เด็กเก ไม่จำเป็นต้องเลวเสมอไปค่ะ เราคิดว่าชิวิตครอบครัวตอนนี้ก็ดีมากนะคะ พ่อแม่รับได้ คนรอบข้างรับได้ มีลูกเป็นงานที่เหนื่อยมาก  ชีวิตคู่มีปัญหาบ้าง อะไรบ้าง แต่ก็มีความสุขดี ไม่ได้เที่ยวไม่เป็นไร  ไม่มีชิวิตวัยรุ่นก็ทนได้ ขอแค่มี่ลูกอยู่ก็ดีใจแล้วค่ะ ลูกไม่ได้เป็นปมด้อยสำหรับเรา แต่เค้าเป็นความภูมิใจ เป็นกำลังใจให้เรายิ้มได้ เรายืนยันได้ว่าเราไม่เคยนึกเสียใจที่เค้าเกิดมาค่ะ ขอย้ำว่าเราไม่เคยอาย555... จากคุณ : เพราะชั้นสวยและรวยมาก เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 02:53:51

ความคิดเห็นที่ 10 เเฮ่ ! จากคุณ : ที่คาดผม เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 03:00:28

ความคิดเห็นที่ 11 คุณ เพราะชั้นสวยและรวยมาก (คห.9) ลูกน่ารักมากๆค่ะ ^^ มันไม่ผิดหรอกถ้ายอมรับและสามารถจัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่ด้วยวัยรุ่นส่วนใหญ่แล้วสัดส่วนเมื่อเทียบกับ คุณ คห.9แล้วคงต่างกันมากๆ เห็นด้วยกับคุณ Pammeluff (คห.3) ที่ว่าไม่รู้ว่าสังคมแบบเปิดเสรี หรือ แบบปิดในประเทศไทยนั้นจะดีกว่ากัน และไม่ค่อยเชื่อมั่นในระบบการศึกษาว่าจะสามารถทำได้หากเราต้องการให้ความรู้ทั่วถึง ส่วนนี้เราจึงคิดว่าเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่จะให้ความรู้และดูแลลูกให้ดีที่สุดค่ะ -หากเป็นครอบครัวปิด ก็ต้องมั่นใจว่าลูกจะไม่ทำอะไรไม่ดี (ซึ่งลูกอาจไม่มีความรู้ที่ดีพอหากเกิดพลาดพลั้งขึ้นมา) -หากเป็นครอบครัวเปิด อย่างน้อยให้ความรู้ลูก ลูกจะได้มีความรู้ไว้ป้องกันตัวเอง (แต่ก็กลัวลูกยิ่งใจแตกต้องอบรบกันดีๆ) เฮ้ออออ คิดแล้วการเลี้ยงลูกช่วงวัยรุ่นนี่ก็เป็นอะไรที่เครียดเหมือนกันนะคะ -*- ปล.เรายังไม่มีลูกนะ จากคุณ : Elrenia เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 03:28:13

ความคิดเห็นที่ 12 เมืองไทยจะเอาอย่างเมืองนอกก็ไม่ได้ เมืองนอกจะเอาอย่างเมืองไทยก็ไม่ได้ คนละบริบท คนละสังคมกัน แต่....สิ่งที่สังคมไทยควรทำก็คือ พ่อแม่ควรทำตัวให้ลูกกล้าเปิดเผยและพูดคุยด้วยในทุกเรื่อง ใช้ความเข้าใจมากกว่าการด่าทอ และการประจานลูกตัวเองล่วงหน้า... เด็กๆ ก็ต้องรู้จักป้องกัน และไม่ปล่อยใจไปตามบรรยากาศและการเล้าโลมทางร่างกาย หลีกเลี่ยงการอยู่กับเพื่อนชายในที่ลับตาคน...คำโบราณเขาว่าไว้มันก็ได้ผลนะ  อีกอย่างถ้าเราทำตัวดี ควบคุมใจตัวเองได้ เชื่อสิ ผู้ชายร้อยทั้งร้อยไม่กล้าทำอะไรหรอก  แต่มันอยู่ที่ว่าผู้หญิงทำตัวให้น่าเกรงหรือเปล่า จากคุณ : cat_on_a_hot_tin_roof_ เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 04:02:32

ความคิดเห็นที่ 13 ลูกสาวน่ารักมากเลย คุณ เพราะชั้นสวยและรวยมาก ให้ไปเลย 3 กีบ ^^ จากคุณ : LoLinEo เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 05:35:53

ความคิดเห็นที่ 14 อิชั้นก็เป็นหนึ่งใน พวกรักสนุก มีอะไรกับใครก่อนแต่ง แต่อิชั้นรู้จักป้องกันตัวเอง ไม่เคยพลาดให้ท้องเลย จนกระทั้งได้แต่งงาน พ่อแม่ไม่เคยอับอายเพราะ ท้องไม่มีพ่อ จากคุณ : jtsunod7 เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 07:09:56

ความคิดเห็นที่ 15 แถวบ้านเยอะอะ 15 16 เรียนยังไม่จบ ม.3 เลย  หนีตามกันไปแล้ว ตอนนี้กะลังจะคลอดอีกไม่กี่เดือนอยู่ 1 คน ต้องออกจากโรงเรียน อีกคนนึงอ่อนกว่าเรา 10 ปี ลูกจะ2 ขวบแล้ว ออกจากโรงเรียนเหมือนกัน จากคุณ : เชื่องช้าดิลิเวอรี่ เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 09:19:57

ความคิดเห็นที่ 16 จำ log in เพราะชั้นสวยและรวยมาก นี้ได้ เป็นอีก 1 เรื่อง ที่น่าชื่นชม เอาไปสามกีป 555 จากคุณ : เหยี่ยวปักษ์ใต้ เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 10:06:19

ความคิดเห็นที่ 17 ผู้หญิง เหล้า บุหรี่ ยาเสพติด การพนัน ฯลฯ ความสุขชั่วคราวเหล่านี้ มักพ่วงด้วยปัญหาเสมอ จะมากน้อยก็แล้วแต่ปริมาณ และพฤติกรรม บางครั้งก็ควรหักหามใจมั้งก็ดีนะครับผมว่า พลาดแล้วแก้ไขก็ดีไปครับ พลาดแล้วพลาดอีก แต่รู้แก้ไขก็ยังพออภัย ตั้งใจพลาด แถมไม่รับผิดชอบนี่ ไม่ไหวครับ คนที่ทิ้งลูกทิ้งเมีย สุดท้ายแก่ตัวมาก็โดนเองแหละครับ แก้ไขเมื่อ 23 ก.พ. 54 11:02:17 จากคุณ : Mariokin เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 11:01:26

ความคิดเห็นที่ 18 คุณ เพราะชั้นสวยและรวยมาก ผมไม่ได้จะป่วน หรือ หาเรื่องแต่อย่างใดนะครับ อยากถามว่า ถ้าอนาคตลูกสาวคุณ เป็นเหมือนคุณ คุณจะรู้สึกอย่างไร?? คุณคงยอมรับได้อยู่แล้ว ความรักของแม่ยิ่งใหญ่กว่าสิ่งอื่นใดในโลก แต่ ลึกๆแล้ว เสียใจมั๊ย / เสียดายอนาคตของเค้ามั๊ย? คุณพ่อคุณแม่ ของคุณก็คงรู้สึกเช่นเดียวกันแต่อาจไม่ได้พูดออกมา ถ้าคุณไม่ด่วนใจร้อน คุณอาจจะเรียนจบมหาลัยดีๆ ปริญญา ตรี โท เอก เป็นทรัพยากร อันทรงคุณค่าของประเทศ ของโลก อาจจะเป็นแพทย์ ที่ช่วยชีวิตคนมากมาย ........ จากคุณ : BOPI เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 12:09:03

ความคิดเห็นที่ 19 ซ้ำอ่ะ แก้ไขเมื่อ 23 ก.พ. 54 12:52:56 จากคุณ : Love is alone เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 12:40:41

ความคิดเห็นที่ 20 ^ ^ ^ เข้าใจที่คห.18 บอกเลยค่ะ อนาคตที่ต้องสูญเสียไป  และอนาคตของลูกเราจะเป็นยังไง กลัว ช่วงวาเลนไทน์ที่ผ่านมา เด็กๆวิ่งซื้อช็อกโกแลต ดอกกุหลาบ ตุ๊กตาให้กัน  มีโทรนัดแนะหากัน เด็กผู้ชายมาถามซื้อถุงยางอนามัย เด็กผู้หญิงมาถามซื้อยาคุมกัน เฮ้อ...  ไปเรียนก็ไม่ถึงโรงเรียน จากคุณ : Love is alone เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 12:52:09

ความคิดเห็นที่ 21 ความจริงที่ต้อง......ยอมรับ สังคมเรา เปลื่ยนไปเยอะ นักเรียน ปวช. 1 ระดับอาชีวะ 70 เปอร์เซนต์ พยายามจะมีแฟน 1/2 ของจำนวนนี้ มีลักษณะ ทอม-ดี้ โดย ดี้ เป็นฝ่ายไขว่คว้าหา ทอม ซึ่งมักไม่มีเรื่องเสียหายตามมา นอกจากเรื่อง ทะเลาะเบาะแว้ง-แย่งชิง 10 เปอร์เซนต์ มีแฟน(ชาย)ที่ได้เสียกันแล้วตั้งแต่มัธยมต้น 20 เปอร์เซนต์ที่เหลือ เรียนกันไป โดยไม่สนใจเรื่องเพศ วิชา เพศศึกษา มีสอนในชั้น ปวช.1 เนื้อหาวิชา มีรายละเอียดพอใช้ได้ แต่.....ผู้เรียน ไม่สามารถ บูรณาการไปใช้ในชีวิตจริง เพราะ........ วุฒิภาวะยังด้อยนัก ส่วนที่ยังรักษาสภาพเรื่อง การเรียนจนถึง ปวช.3 จะเหลือเพียง ครึ่งหนึ่งของจำนวนแรกเข้า และ  ทั้งหมดที่เหลืออยู่ เคย มีเพศสัมพันธ์มาแล้ว 90 เปอร์เซนต์ 1-20 เปอร์เซนต์ คือ จำนวนที่ตั้งครรภ์ก่อนจบ ปวช. 3 1-2 เปอร์เซนต์ ลูกมีโอกาสลืมตาขึ้นดูโลก ทั้งหมด จะ ถูกดูแลโดย ญาติผู้ใหญ่ ไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่ง และ  คู่รักเหล่านี้ จะเลิกร้างกันหลังจากเวลาผ่านไป 1-2 ปี เมื่อเด็กเหล่านั้นเติบโตขึ้น เขา   จะสร้างปัญหา  แบบที่ พ่อและแม่เขาเคยกระทำ *ข้อมูลจากประสบการณ์อาชีพครูกว่า 30 ปี **ตัวเลขเปอร์เซนต์ เป็นตัวเลขประมาณการ    ซึ่งนับวันแต่จะต้อง + ขึ้นเรื่อยๆ จากคุณ : ครูแก่ๆ (ครูศิลปะ50) เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 12:55:21

ความคิดเห็นที่ 22 #9 ความรับผิดชอบ สูงกว่าผมเยอะเลย --" ถ้าสังคมเปิดแบบครอบครัวคุณมั่ง เรื่องทำแท้งน่าจะน้อยลง... จากคุณ : haman_zaa เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 13:04:06

ความคิดเห็นที่ 23 #9 ลูกน่ารักจังเลยค่ะ ^^ จากคุณ : พานทองสองใจ เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 13:12:12

ความคิดเห็นที่ 24 แก้ไขเมื่อ 18 มี.ค. 54 16:28:23 จากคุณ : cheerful_love เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 13:32:15

ความคิดเห็นที่ 25 @ ความคิดเห็นที่ 18 คุณ BOPI เราโชคดีที่เกิดมาในครอบครัวนี้ค่ะ แม่เคยบอกว่าเสียใจที่เรามีลูกตอนไม่พร้อม แต่ไม่เคยผิดหวังกับการทำหน้าที่แม่ของเรา  เพราะถ้าเราเลือกอนาคตที่จะไม่มีลูก เรามันก็แค่ฆาตกรฆ่าลูกตัวเอง  ได้ดีแค่ไหน มันก็แค่ ฆาตกร ถ้าคนที่มีลูกตอนไม่พร้อม แล้ว แปลว่าหมดอนาคต  เราว่าความคิดคุณแคบไปค่ะ เราออกจาก รร. ตั้งแต่ ม.2 แต่เราก็หาทางเรียนจนจบ ม.ปลาย ตอนนี้ก็เรียนมหาวิทยาลัย การที่คุณเห็นเด็กอุ้มลูกเดิน แล้วเหมารวมว่าหมดอนาคต  เราว่าคุณมองคนแค่ภายนอกค่ะ เรามั่นใจมากว่าอนาคตเรายังมี  ตอนนี้เราทั้งเรียน เป็นทั้งแม่ เป็นทั้งลูก เป็นทั้งภรรยา พยายามทำทุกหน้าที่ให้ดีที่สุด อีกอย่าง  ถ้าอนาคตเราไม่ได้เป็นแพทย์ เรา จะกลายเป็นไม่มีคุณค่าในสังคมเลยหรอคะ ความคิดเราคือ แค่แม่ค้าขายหมู ก็เป็นคนที่มีคุณค่าแล้วล่ะค่ะ เพราะอย่างน้อยเค้ายังทำมาหากิน หรือเราคิดผิดคะ..... จากคุณ : เพราะชั้นสวยและรวยมาก เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 13:32:37

ความคิดเห็นที่ 26 ครองตนดี มีสติในการใช้ชีวิต หักห้ามใจฝืนธรรมชาติ เพื่ออนาคต เพื่อพ่อแม่ อดใจรอจนถึงเวลาอันสมควร พ่อแม่ยังต้องการความเป็นลูกจากเราก่อนที่เราจะเป็นพ่อแม่คน อย่าเพิ่งเปลี่ยนสถานะของตัวเอง แล้วกลับมาสำนึกทีหลัง จากคุณ : my wife is mafia เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 14:25:16

ความคิดเห็นที่ 27 เข้าใจคนละความหมาย ถ้า ชาล์ส ดาวิน ไม่มีโอกาส เรียนหนังสือ ถ้า ดาร์วินชี่ ไม่มีโอกาส เขียนภาพ ถ้า ทอม แฮงค์ ไม่มีโอกาส แสดงหนัง ถ้า ไทเกอร์ ไม่มีโอกาส เล่นกอล์ฟ มันน่าเสียดาย นะ ถูก ... ถึงแม้จะไม่ได้เป็น  อย่างที่เค้าควรจะเป็น เค้าดำรงชีวิตได้ ชาล์ส ดาวิน ก็อาจจะเป็นเด็กถูพื้น รพ. ดาร์วินชี่ ก็อาจ เป็นลูกมือ ช่างเขียน ธรรมดาๆ ทอม แฮงค์ ก็อาจ เป็นเซลส์ ขายรถยนต์ ไทเกอร์ ก็อาจจะเป็น แคดดี้ในสนาม มันน่าเสียดาย คนมีความสามารถ นะ จากคุณ : BOPI เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 14:32:54

ความคิดเห็นที่ 28 คุณ คห. บนๆ ที่คอยตอกย้ำซ้ำเติมคะ  เพราะมีคนที่คอยแต่จะซ้ำเติมคนก้าวพลาดอย่างพวกคุณ ดูท่าพวกคุณคงไม่เคยให้โอกาสใคร  ถ้ามีคนอย่างพวกคุณเยอะๆ  สังคมที่อบอุ่น สังคมที่ให้โอกาสกัน  มันจะกลายเป็นสังคมที่มีศพเด็กเพิ่มขึ้นค่ะ จากคุณ : เมียคนที่1 เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 15:00:25

ความคิดเห็นที่ 29 อย่าพึ่งเข้าใจผิด ผมยินดีที่คุณสามารถลุกขึ้นมาดูแลตัวเอง ดูแลลูกได้ แต่น้องๆที่พลาดอีกเป็นหมื่นๆคนล่ะ มีกี่คนที่ทำได้แบบพวกคุณ ถ้าให้เลือกใหม่ได้ ยังอยากเป็นคุณแม่ตั้งแต่ยังสาวอยู่ไหม จากคุณ : แมงแกลบ เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 15:28:45

ความคิดเห็นที่ 30 ความต้องการทางเพศนี่มันพอๆกับ หิวข้าวเลยนะ ถ้าไม่ได้มีเซ็กส์จริงก็ต้องช่วยตัวเอง น้อยคนที่จะหักห้ามใจได้นะ...ยอมรับว่าการมีเซ็กส์เเบบขาดความยั้งคิด นี่ผลที่ตามมาน่ากลัวนะ ไม่ติดโรคก็ท้อง หรือคนที่กิ๊กกันเป็นชู้กันอาจจบลงด้วยความตาย สนุกนิดเดียวสิ่งที่ตามมาอาจต้องทุกข์ไปตลอดชีวิต จากคุณ : เอส เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 16:08:01 A:118.174.16.189 X: TicketID:303947

ความคิดเห็นที่ 31 ผมชอบกระทู้นี้มากครับ  เห็นมุมมองในหลายๆมุม ทั้งผู้ที่มองโลก อย่างห่วงใย  และผู้ที่เคยพลาดแต่มีความรับผิดชอบอย่างสูงยิ่งจนผมอดอมยิ้มในใจไม่ได้   ผมเป็นคนนึงที่รู้สึกเฉยๆกับการอยู่ก่อนแต่ง  แต่...ทุกคนควรมีความรับผิดชอบด้วย  ในเมื่อรู้ว่ายังไม่พร้อมแต่อยาก....  ก็ควรมีจิตสำนึกในเรื่องการป้องกัน (ทั้งป้องกันโรค และป้องกันท้อง) แต่ปัจจุบันมีผู้ที่ไม่พยายามที่จะเรียนรู้ในเรื่องนี้อยู่เยอะมาก.......  สนุก มัน เข้าว่า เฮ้อ.... จากคุณ : natthawat เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 16:19:19

ความคิดเห็นที่ 32 เข้ามาอ่านคะ   เห็น  คห.9 มีลูกแล้ว อยากมีบ้างจัง  ^^ จากคุณ : น้ำเปล่าเย็นๆ เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 16:46:02

ความคิดเห็นที่ 33 เอ่อ...สมัยนี้ เราต้องเจอกับภัยสังคมหลายรูปแบบ   ต่อให้ทำตัวดีแค่ไหน  แต่สังคมสมัยนี้น่ากลัวค่ะ เด็กนักเรียนเดินอยู่ดีๆ  โดนฉุดไปข่มขืนก็มี นั่งแท็กซี่อยู่ดีๆ  โดนป้ายยา เอาไปปู้ยี่ปู้ยำซะแร้ว   อย่าโทษแค่เรื่องรักสนุกอย่างเดียวเลยค่ะ จากคุณ : Love is alone เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 19:23:00

ความคิดเห็นที่ 34 ไม่อยากมีลูกสาว หลานสาว  เลย สมัยนี้ กลัวววววว  ทำไมถึงไม่รู้หน้าที่ตัวเอง ทำไมไม่หักห้ามความอยากของตัวเองกันนะ หรืออยู่ที่การเลี้ยงดูอีก โทษพ่อโทษแม่ โทษสิ่งแวดล้อม  แต่ไม่เคยมองดูตัวเอง  เราไม่ได้โม้ว่าเราดีนะ  แต่ตอนที่จำความได้ เราไม่เคยได้สิ่งที่เด็กอยากได้เลย  ไม่ว่าจะเป็น ของเล่นเล็กๆ เช่น เกมส์กด ราคาแค่2-3 ร้อย เราก็ไม่เคยได้ เงินไปโรงเรียน ตอนอยู่ ปวส. ได้แค่วันละ 30- เท่านั้น รองเท้านักเรียนก็มีคู่เดียว ต้องใส่จนกว่าจะขาดหรือส้นพัง ถึงจะซื้อใหม่ได้  ถามว่า เราอยากได้เหมือนคนอื่น ๆ มั้ย  อยากได้ มากกก แต่เราก็ห้ามใจตัวเอง อดทนไว้ ว่า เมื่อเราทำงานได้ เราจะซื้อสิ่งที่เราอยากได้ด้วยเงินเราเอง  ส่วนเรื่องแฟน ไม่ต้องพูดถึง ก็มีตามประสาวัยรุ่น  แต่ไม่ค่อยจริงจังอะไร เราจะให้ความสำคัญ เรื่องเรียน และ กีฬาก่อน แฟนมีไว้ ยามดูหนัง กินข้าวบ้าง แค่นั้น ไม่มีเกินเลย   ห้ามใจกันบ้างเถอะนะ สาวๆ ทั้งหลาย ยังไง คนที่เสีย ก็คือพวกคุณ ไม่ใช่ ผช ถ้าไม่ป้องกันตัวเอง แล้วใครจะป้องกันแทนคุณได้  คุณเอาตัวเองไปทำสิ่งเหล่านั้นเอง  คิดซิ ว่าถ้าไม่ทำงานหาเงิน แล้วคุณจะเลี้ยงลูกได้ยังไง ถ้าบ้านไม่มีกองเงินกองทอง  และจะทำงานดีๆ ได้ยังไง ถ้าเรียนไม่จบ จากคุณ : NooPooK เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 21:06:49

ความคิดเห็นที่ 35 ขอแจมด้วยคน เมื่อวานนี้ประชุมครูค่ะ ได้รับทราบกฎหมายใหม่สำหรับคุณแม่วัยเรียน ก็คือ อนุญาตให้เข้าเรียนได้ตามความเหมาะสม คลอดแล้วกลับมาเรียนใหม่ได้ มันเหมือนเป้นการสนับสนุนให้ท้องตั้งแต่ยังเด็กยังไงก็ไม่รู้ เราคงจะหัวโบราณเกินไป ทุกคนคิดว่ายังไงกับ กม ฉบับนี้คะ ป.ล. น้องสาวเราก็เป็นคุณแม่ตั้งแต่วัยรุ่น ผลคือ พ่อไม่ให้เรียนต่อ ตอนนี้ทำงานได้เงินค่อนข้างไม่พอใช้ เสียดายอนาคต และเป็นสาเหตุที่ทำให้เราต้องโดนจับตาเรื่อง ผช ทั้งๆที่อายุก็ 30 แล้ว ==" จากคุณ : ryuzaki เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 21:07:13

ความคิดเห็นที่ 36 คนที่มีครอบครัวตั้งแต่เยาวัยแล้วมีความสุขอย่าง คคห.9 จะมีซักกี่คนกัน เท่าที่ผมเห็นมันแทบจะไม่มีแบบนั้นเลย ส่วนใหญ่ร้อยละแปดสิบเก้าสิบ...ไปไม่ตลอดรอดฝั่งอ่ะ แต่ก็ยินดีกับ คคห.9 ด้วยนะครับ ที่เจอคนที่รักจริงและรับผิดชอบมากๆ ปล.ที่บอกนี่คือผมไม่อยากให้วัยรุ่นที่เข้ามาอ่านแล้วปล่อยตัวเละเทะ เมื่อมีลูกแล้วคิดว่าจะมีชีวิตครอบครัวที่ดีแบบ คคห.9 น่ะครับ แก้ไขเมื่อ 23 ก.พ. 54 23:33:01 จากคุณ : เขียนบน Siemens SL45 (สาเล็ก) เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 54 23:28:58

ความคิดเห็นที่ 37 ขอเห็นต่างจากคุณ คห 35 ครับ ผมว่าเหมาะสมแล้วครับ ที่กฏหมายเป็นแบบนั้น ถึงมันจะมองเหมือนว่าส่งเสริม แต่มันเป็นการให้โอกาสคนที่พลาดไปแล้วอ่ะครับ สำหรับผม เรื่องเพศเป็นเรื่องที่ห้ามไม่ได้จริงๆ ไม่เข้าใจว่าจะพยายามปกปิดกันไปทำไม เพราะมันเป็นแรงขับเคลื่อนในสัญชาติญาณอยู่แล้ว แทนที่จะปกปิดทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ผมว่าทำให้มันมองเห็นเป็นเรื่องธรรมชาติ สอนวิธีป้องกันที่ถูกต้องไปเลยดีกว่า ปัญหาเรื่องเพศไม่ใช่แค่ท้องก่อนวัยอันควร แต่มันรวมไปถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วยครับ  ป้องกันไว้ดีกว่าแก้ไขนะ พอผมเข้าวัยรุ่น แม่ผมซื้อถุงยางให้พกติดตัวเลยครับ  น้องสาวผมยิ่งหนักกว่า แม่ซื้อให้ทั้งถุงยางทั้งยาคุมฉุกเฉินเลยครับ 555+ จากคุณ : Sith Lord Nindle เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 12:35:01

ความคิดเห็นที่ 38 ถึงคุณ ค.ห.ที่ 37 การให้โอกาสกับคนที่พลาด หากเขาไม่รู้หรือไม่ได้ตั้งใจ เราคงให้โอกาสค่ะ แต่กรณีของเด็กนักเรียน หากโดนข่มขืน คงให้โอกาสค่ะ แต่ว่าเท่าเห็น ดูจะเต็มใจ ทั้งๆที่รู้วิธีป้องกัน แต่ก็ไม่ทำ แบบนี้ไม่น่าให้โอกาสหรอกค่ะ แม่คุณวัยรุ่นดีค่ะ เข้าใจลูกๆและเข้าใจวัยรุ่น แต่บ้านเรา (ชนบท) นอกจากจะไม่ทำความเข้าใจอะไรแล้ว ยังฟังคำชาวบ้านมากกว่าลูกตัวเองเสียอีก (สมัยนั้น) น้องเราเครียดเลยหาทางออกแบบนั้น เราเลยซวยต่อ เท่านั้นเอง แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 54 17:59:40 จากคุณ : ryuzaki เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 54 17:58:22

ความคิดเห็นที่ 39 #38 คิดให้ง่ายครับ ถ้ามีกฏหมายฉบับนั้น น้องคุณได้เรียนต่อ มีรายได้พอกิน มีอนาคต เทียบกับวันนี้ คุณตอบสิ ว่าอันไหนดีกว่ากัน? แล้วถ้ามีกฏหมายฉบับนั้น การตัดสินใจน้องคุณจะเปลี่ยนไหมครับ? ในเมื่อตอนไม่มี ก็เป็นคุณแม่ไปแล้ว ถ้าไม่เปลี่ยน ไม่แย่ไปกว่านี้อีกแล้ว กฏหมายที่มีแต่ upside ควรสนับสนุน จากคุณ : house (panote_saechiew) เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 54 12:32:11

ความคิดเห็นที่ 40 ไม่เห็นด้วยกับ คห.35 อะค่ะ และ เห็นด้วยกับ คห. 37และ39ค่ะ การไม่ให้คนเคยท้องหรือมีลูกได้ศึกษาต่อ ก็เท่ากับเป็นการกดเค้าให้ต่ำลงเท่านั้นเอง (สรุปง่ายๆเห็นภาพชัดๆอะนะคะ) สำหรับคนที่มีลูกแล้วและสามารถดูแล เรียนจบและมีความเป็นอยู่ที่ดีในตอนนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี และบางทีเราก็ไม่ควรตัดสินหรือขัดแย้งกับเค้าในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว เพราะ แต่ละ คห. ไม่ได้มาเชิญชวนให้มีลูกในวัยเรียน (แต่เพราะความกดดันจากสังคมเราต่างหากทำให้ต้องออกมาบอกเพื่อให้คนเข้าใจในส่วนที่คนดีๆก็สามารถทำได้ ไม่ใช่เหมารวมไปหมด) อีกอย่างการที่มีลูกวัยเรียนไม่ได้หมายความว่าจะสอนให้ลูกเป็นคนดีไม่ได้ค่ะ สิ่งที่ผู้ใหญ่ควรจะทำ หรือจะทำได้ไม่ใช่การซ้ำเติม แต่เป็นการอธิบายเหตุผล และสั่งสอนให้เข้าใจ ชี้นำแนวทางที่ดีในภายหน้าต่างหาก ปล.ไม่ได้เข้าข้างหรือสนับสนุนการมีลูกในวัยเรียน แต่ไม่อยากให้สังคมไทยกดคนในสังคมกันเองให้ต่ำลง แทนที่จะช่วยให้ดีขึ้น --------------------------------------------------------------------------------- ความคิดเห็นที่ 29     อย่าพึ่งเข้าใจผิด ผมยินดีที่คุณสามารถลุกขึ้นมาดูแลตัวเอง ดูแลลูกได้ แต่น้องๆที่พลาดอีกเป็นหมื่นๆคนล่ะ มีกี่คนที่ทำได้แบบพวกคุณ ถ้าให้เลือกใหม่ได้ ยังอยากเป็นคุณแม่ตั้งแต่ยังสาวอยู่ไหม จากคุณ : แมงแกลบ   -------------------------------------------------------------------------------- "แต่น้องๆที่พลาดอีกเป็นหมื่นๆคนล่ะ มีกี่คนที่ทำได้แบบพวกคุณ ถ้าให้เลือกใหม่ได้ ยังอยากเป็นคุณแม่ตั้งแต่ยังสาวอยู่ไหม" มันไม่ได้เกี่ยวว่าเค้าจะทำได้แบบพวกคุณมั้ยเลยในความคิดเรา ของงี้มันแล้วแต่นิสัยคน แต่ในความคิดเรา สำหรับคนที่พลาดไปแล้ว คนที่เลี้ยงดูลูกและเรียนจบได้ก็คือแบบอย่างที่ดีสำหรับคนที่พลาดไปแล้ว ไม่ให้ต้อง"ทำแท้ง" -คุณว่ามันมีทางที่ไหนที่ดีกว่าสำหรับคนที่พลาดไปแล้วหรอคะ- แน่นอนว่าอย่าให้เกิดคำว่าพลาดจะดีกว่า แต่โอกาสก็ควรจะมีสำหรับคนที่พลาดแล้วเหมือนกัน **เบื่อคำถามนี้มาก**  "ถ้าให้เลือกใหม่ได้ ยังอยากเป็นคุณแม่ตั้งแต่ยังสาวอยู่ไหม" เป็นคำถามที่ไม่ก่อประโยชน์อะไรเลยสำหรับคนที่ผิดพลาดไปแล้ว --จะให้เลือกทำไมในเมื่อมันเลือกไม่ได้แล้ว-- มีแต่จะทำให้มองกลับไปแล้วก่อให้เกิดความทุกข์เปล่าๆ จากคุณ : Elrenia เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 54 23:29:46

ความคิดเห็นที่ 41 เห็นด้วยกับเรื่อง กฎหมาย ค่ะ ก็เพราะ mindset ของคนในสังคมส่วนใหญ่ มองว่า การมีลูกก่อนวัยอันควรเป็นเรื่องผิดมากกกกกกกกกก และมักถูกมองแบบไม่ได้รับการอภัย ทำให้ตัวเด็กเองไม่มีที่ยืนในสังคมมากนัก หลายคนจึงเลือก ทำแท้ง เพราะคิดว่า มีลูกปุ๊บ อนาคตดับ พ่อแม่บางคน ให้ออกจาก รร เองด้วยซ้ำ เราเคยถามแม่เรา ว่าถ้าน้องชายเราทำสาวท้องช่วงที่เรียนอยู่ จะทำยังไง แม่บอกว่า ท้องก็ให้ท้องไป พอออกมาแม่จะช่วยเลี้ยง แต่ยังไงก็ต้องกลับไปเรียนให้จบ เพราะแม่เราเป็นคน realistic ค่ะ ช่วงน้องมีแฟน แต่ปัญหายังไม่เกิด แกก็จะบอก ใส่ถุงยางนะลูก อย่าลืมเรื่องเรียนนะลูก แกไม่ได้ห้ามเลย เด็กวัยนี้ ฮอร์โมนพุ่งจะตาย ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ (น้องเราไม่เคยมีปัญหานี้นะคะ) แถมถ้าไม่เรียน ก็ยิ่งหมดอนาคตของจริงเลยแหละทีนี้ ที่พูดนี่ ไม่ใช่ว่าเราส่งเสริม และตัวเราเอง แม่เราก็แบบหวงมาก ช่วงเรียนเราแบบเด็กเรียนสุดๆ มาเคยเอาหลังจากทำงานมาร่วมสิบปีแล้ว (ออกตัวไว้ก่อน หุหุหุ) แต่เราเห็นด้วยกับประโยคนี้ค่ะ **เบื่อคำถามนี้มาก**  "ถ้าให้เลือกใหม่ได้ ยังอยากเป็นคุณแม่ตั้งแต่ยังสาวอยู่ไหม" เป็นคำถามที่ ไ ม่ ก่ อ ป ร ะ โ ย ช น์ อ ะ ไ ร เ ล ย สำหรับคนที่ผิดพลาดไปแล้ว --จะให้เลือกทำไมในเมื่อมันเลือกไม่ได้แล้ว-- มีแต่จะทำให้มองกลับไปแล้วก่อให้เกิดความทุกข์เปล่าๆ ความรักความเข้าใจ และการให้อภัย ให้โอกาสกันและกัน อย่างน้อยก็จากคนในครอบครัว คือของขวัญที่คนทุกคนอยากได้..อย่างเท่าเทียมกัน ไม่ใช่หรือคะ จากคุณ : cinta เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 54 02:16:36