Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ร้อง"ปวีณา"ลูกชาย 9 ขวบ หมอเมินรักษาปล่อยจนไส้ติ่งแตกตาย ติดต่อทีมงาน

25 กพ. 2554 12:56 น.



   นางสมัย พิมพ์อักษร อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 92 ม.7 ต.ดงประคำ อ.เมือง จ.พิจิตร ได้เดินทางมายังที่มูลนิธิปวีณา หงสกุล เพื่อเด็กและสตรี เพื่อร้องเรียนขอความเป็นธรรม กรณีที่ ด.ช.ธนกฤต หรือน้องกาย พิมพ์อักษร อายุ 9 ปี ลูกชายของตนเองมีอาการปวดไส้ติ่งอย่างรุนแรงจนต้องพาไปพบแพทย์ แต่แพทย์และพยาบาลกลับไม่สนใจ อีกทั้งยังทำร้ายร่างกายลูกชายอีกจนกระทั่งลูกชายไส้ติ่งแตกตาย หลังเกิดเหตุมีคนที่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลโทรศัพท์มาไกล่เกลี่ยให้ตนเอง เซ็นชื่อยินยอม แต่ตนเองไม่ยอมเพราะต้องการความเป็นธรรมให้กับลูกชาย



   นางสมัย แม่ผู้สูญเสียลูกชายคนสุดท้องวัย 9 ปี กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า ด.ช.ธนกฤต เป็นลูกคนที่สองและกำลังเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดวังหูทิพย์ โดยเมื่อวันเสาร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ลูกชายมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง รวมทั้งมีอาการท้องเสียและอาเจียน จึงได้พาไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชตะพานหิน เมื่อไปถึงโรงพยาบาล แพทย์และพยาบาลได้นำปัสสาวะ และเจาะเลือดไปตรวจ หลังจากผลตรวจออกมา แพทย์ได้แจ้งว่าลูกชายเป็นไส้ติ่ง ต้องทำการผ่าตัดด่วน จากนั้นทางโรงพยาบาลได้ทำหนังสือส่งตัวให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลพิจิตร โดยให้รถของโรงพยาบาลนำตัวไปส่งที่โรงพยาบาลพิจิตร



   ต่อมาเวลาประมาณ 13.50 น. ได้เดินทางถึงโรงพยาบาลพิจิตร โดยทางโรงพยาบาลได้รับตัวลูกชายเข้าห้องฉุกเฉินทันที ซึ่งตนมีความหวังว่าทางโรงพยาบาลจะรักษาบุตรของตนให้หาย แต่กลับไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะไม่มีการรักษาอะไรเลย มีแต่เพียงให้น้ำเกลือเท่านั้น และบอกกับตนว่าต้องนอนรอดูอาการก่อน จากนั้นพยาบาลได้นำลูกชายไปอยู่ที่ตึกเด็ก เพื่อรอแพทย์มาตรวจขณะที่ลูกชายยังคงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดอยู่ตลอด เวลา ตนสงสารมากเพราะนอนรออย่างทรมานถึง 2-3 ชั่วโมงถึงจะมีแพทย์มาดูอาการ แต่เมื่อแพทย์มาตรวจกลับทำแค่คลำดูท้องของลูกชายและบอกว่าอาการอย่างนี้ไม่ น่าจะเป็นไส้ติ่ง คนไข้คนนี้ผิดปกติมาก ไม่น่าจะเป็นไส้ติ่ง หลังจากนั้นแพทย์ก็กลับไป ส่วนตนยังอยู่กับลูกชายตลอด



   นางสมัย กล่าวทั้งน้ำตาว่า ลูกชายเริ่มมีอาการปวดท้องมากขึ้น และนอนดิ้นทุรนทุรายขอความช่วยเหลือจากแพทย์ จนทนไม่ไหวลูกชายจึงร้องบอกแพทย์ว่า “หมอครับ ช่วยผมด้วย ผมปวดท้องจะตายแล้ว” แต่แพทย์ไม่เคยสนใจ และพยาบาลยังบอกด้วยว่า “ไม่ใช่ดูแต่เตียงนี้เตียงเดียว เพราะว่าคนไข้มีอีกหลายคน” หลังจากนั้นก็ไม่มีแพทย์หรือพยาบาลมาดูอีกเลย จนลูกชายนอนดิ้นด้วยความเจ็บปวดอยู่อย่างนั้นจนถึง 19.00 น. แพทย์คนเดิมก็เดินกลับมาแล้วบอกว่า "เด็กมีอาการเพ้อแบบนี้ เด็กน่าจะไม่ปกติ น่าจะเป็นโรคประสาท ต้องเอาพยาบาลที่ดูแลเด็กประสาทไม่ดีมาควบคุมดูแล" จากนั้นแพทย์ได้โทรศัพท์ไปเรียกพยาบาลมารุมล้อมลูกชาย ก่อนจะช่วยกันจับมัดแขนมัดขา ใส่สายอ๊อกซิเจนต่อสายยางเข้าปากและจมูก เท่าที่ตนเห็นลูกชายเจ็บและทรมานมาก จึงด่าพยาบาลว่า “อีอ้วน” พอพยาบาลได้ยินลูกชายด่า พยาบาลคนเดิมก็ด่ากลับว่า “ไอ้เด็กบ้า” และตบปากลูกชายจนเลือดกลบปาก ตนสงสารลูกจึงเช็ดเลือดให้และถามว่า “น้องกายเจ็บไหมลูก น้องกายเจ็บไหม” ลูกชายเจ็บจึงถ่มน้ำลายใส่พยาบาลด้วยความโมโห ส่วนพยาบาลโกรธและนำผ้ามาตบหน้าและอุดลงไปที่ปากและจมูกลูกชายซึ่งถูกมัดมือ มัดเท้าอยู่แล้ว พอถูกผ้าอุดปากอุดจมูกจนหายใจไม่ออก ลูกชายก็พยายามดิ้นทุรนทุรายขอความช่วยเหลือ แต่พยาบาลก็ไม่หยุด ตนทนไม่ได้จึงถามว่าทำไมต้องอุดปากอุดจมูกแบบนี้ด้วย เด็กหายใจไม่ออกแล้ว ซึ่งภาพที่ตนเห็นลูกชายพยายามหายใจ แต่ก็ไม่ไหวแล้ว สุดท้ายลูกชายหน้าซีดใกล้จะสิ้นลม ตนพยายามเรียกชื่อและบอกว่าแม่อยู่ที่นี่ แต่ลูกชายก็ไม่รับรู้และช็อคหมดสติไปในที่สุด



   "หลังจากลูกหมดสติ พยาบาลได้เข็นเตียงไปอีกห้องหนึ่งที่ไม่มีคนไข้อื่น และวัดความดันลูกพร้อมกับดันดิฉันออกมา และไล่ให้ไปอยู่ด้านหลัง แต่ระหว่างนั้นยังแอบดูลูกอยู่ตลอดเวลาด้วยความเป็นห่วง และเห็นลูกมองมาที่ดิฉันและเรียกว่าแม่ ลูกพยายามใช้ลมหายใจเฮือกสุดท้ายยื่นมือมาหา ดิฉันก็พยายามจะเข้าไปจับมือลูก แต่ก็ถูกพยาบาลไล่ไม่ให้เข้าใกล้ ตอนนั้นไม่รู้จะทำยังไง กระทั่งลูกชายหมดสติอีกครั้ง พยาบาลก็พาไปห้องไอซียู เวลาผ่านไปประมาณ 20 นาที พยาบาลก็เรียกไปบอกว่าเด็กไม่มาแล้ว ดิฉันร้องไห้โฮ พยาบาลบอกว่าจะพยายามช่วยลูกอีกครั้งแล้วก็กลับเข้าไปในห้องไอซียู ดิฉันรอจนพยาบาลออกมาบอกว่าลูกตายแล้ว และบอกว่าตายเพราะติดเชื้อในกระแสเลือดอย่างรุนแรง" นางสมัย กล่าว



   นางสมัย กล่าวด้วยว่า ต้องการขอความช่วยเหลือและความเป็นธรรมให้กับลูกชาย และอยากทราบว่าลูกชายเสียชีวิตเพราะสาเหตุใด จึงเข้ามาร้องทุกข์กับมูลนิธิปวีณาฯ ซึ่งทางมูลนิธิปวีณาฯได้ส่งศพลูกชายไปตรวจที่โรงพยาบาลพิษณุโลก จึงทราบว่าลูกชายเสียชีวิตเพราะไส้ติ่งแตก ทั้งนี้ อยากขอความเป็นธรรมให้กับลูกชายและต้องการให้โรงพยาบาลเข้ามารับผิดชอบ โดยหลังจากที่ทางโรงพยาบาลทราบข่าวว่าตนมาร้องมูลนิธิปวีณาฯ นางพยาบาลคนดังกล่าวได้โทรศัพท์มาขอโทษ ขณะที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลโทรศัพท์มาหาตนเช่นกัน โดยบอกว่าไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น และพยายามนัดไกล่เกลี่ย แต่ตนไม่ยอมจึงเข้าร้องมูลนิธิปวีณาฯ เพื่อขอความเป็นธรรมให้กับลูกชาย



   ภายหลังจากทราบเรื่อง นางปวีณา ได้โทรศัพท์ประสานไปยัง ผกก.สภ.เมืองพิจิตร เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ ทั้งยังจะประสานไปยัง น.พ.เรวัตร วิศรุตเวช อธิบดีกรมการแพทย์ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวด้วย

จากคุณ : ฮิมาวาริซซัง
เขียนเมื่อ : 25 ก.พ. 54 13:13:43




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com