ที่ผ่านมาวิธีการทำงานโดยใช้วิธีจับผิดและหาข้อบกพร่อง ของคนอื่นนั้นได้ผลเสมอ ๆ ในการเคลื่อนไหวเพื่อสนับสนุนแนวคิดสุดโต่งแบบนี้มาตลอดยกเว้นแต่กับร่างก ม.นี้ สิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกฎหมายฉบับนี้คงทำให้เก้าอี้ประจำตำแหน่งสะท้านไปไม่ น้อย อยากให้เปลี่ยนมุมมองใหม่ว่า ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในความคิดของตนเอง และคนที่เห็นต่างมิใช่ศัตรู การถกเถียงโต้แย้งในห้องประชุมเป็นเพียงเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
เมื่อออกนอกห้องประชุม ทุกคนคือเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมกรรมร่วมโลก ต่างคนต่างเกิดมาใช้กรรมของตน ต้องตั้งสติและเปลี่ยนความคิดใหม่ว่าบุคลากรการแพทย์ก็เป็นประชาชนคนไทยเต็ม ร้อยไม่น้อยกว่ากลุ่มที่อ้างตนว่าเป็นภาคประชาชน อย่าจดลิขสิทธิ์คำว่า “ภาคประชาชน” หรือ “ผู้บริโภค” ไว้เฉพาะเพื่อนพ้องที่อยู่ใต้อาณัติเท่านั้น เขาเหล่านี้ก็เป็นประชาชน จะต่างกันก็ตรงที่เขาเหล่านี้ไม่เคยรับรู้หรือเข้าเป็นสมาชิกขององค์กรเครือ ข่ายที่ตั้งชื่อให้ดูศักดิ์สิทธิ์ ไม่เคยยกมือโหวตจัดสรรตำแหน่งให้ เขาเหล่านั้นก็มีญาติพี่น้องเพื่อนฝูงเป็นประชาชนเช่นเดียวกัน หลายคนทำงานแบบปิดทองหลังพระ
แต่ทุกวันนี้คนปิดทองหลังพระเหล่านี้ ไม่เคยคาดหวังแปรเปลี่ยนผลการกระทำของตนเองเป็นผลประโยชน์ทางการเมืองแต่ อย่างใด ไม่เคยต้องการไปเป็น สส. หรือสว. ด้วยการทับถมจับผิดให้ร้ายผู้อื่น กลัวแต่ว่าเมื่อไรที่เกิดความพลาดพลั้งหรือเข้าใจผิดในการสื่อความหมาย จะทำให้ตนเองถูกใส่ร้ายวาดภาพให้เป็นฆาตกรโรคจิตในชุดขาวอย่างที่เสกสรรปั้น แต่งในfacebook
จากคุณ |
:
หมอหมู
|
เขียนเมื่อ |
:
7 มี.ค. 54 02:07:57
|
|
|
|