ความคิดเห็นที่ 1 อันนึงเป็นภูมิ อันนึงเป็นโรค จากคุณ : หมอคานู เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 10:35:13

ความคิดเห็นที่ 2 คร่าวๆง่ายๆนะ AntiHBc แบ่งออกเป็น IgG กับ IgM คือการตอบสนองต่อโรคของภูมิคุ้มกัน นั่นหมายถึง ถ้า IgM ขึ้น คือ acute hepatitis B infection ถ้า IgG ขึ้น คือ Chronic hepatitis B ส่วน AntiHBs คือภูมิคุมกันต้อง Hepatitis B virus แปลว่าภูมิเราจดจำ surface ของไวรัสไว้ ถ้ามันเข้ามาในร่างกายเราโดนทำลายทันที ส่วน HBs Ag คือ การตรวจ surface ของ ไวรัส B ซึ่ง sense ค่อนข้างต่ำ แต่ spec สูง การเจอ surface บอกได้แค่มีเชื้อไวรัสอยู่ในร่างกาย จะต้องตรวจ Anti HBc ด้วยเพื่อจะรู้ว่าเป็นโรคหรือไม่ หากเจอ suface แต่ AntiHbc ไม่ขึ้นก็ต้องแยกว่า เป็น Chronic หรือเป็น Carrier ซึ่งต้องแยก โดยใช้  LFT ตรวจทุก 6เดือน ติดต่อกัน 6ครั้ง ถ้า SGOT/SGPT มากกว่า 1.5 เท่าของขอบบนในครั้งใดครั้งหนึ่งให้ถือเป็น Chronic ถ้าทุกครับต่ำกว่า 1.5 เท่าของขอบบนให้ถือเป็น carrier จะรู้แบบละเอียดๆไปทำไมครับ  ที่บอกก็คร่าวๆไม่ละเอียดนะ ไม่ค่อยอยากบอกเพราะคนที่ไม่ได้เรียนหมอจะแปลความหมายไปใช้แบบผิดๆได้ จากคุณ : หมอคานู เขียนเมื่อ : 16 มี.ค. 54 11:07:01

ความคิดเห็นที่ 3 ให้ง่ายกว่านั้นก็คือ Anti HBc คือ จะมีเมื่อร่างกายเคยได้รับเชื้อ และจะคงอยู่ตลอดไป แม้ว่าจะหายแล้ว Anti HBs คือ จะมีเมื่อร่างกายได้รับเชื้อ โดยจะเพิ่มเมื่ออาการโรคอยู่ในระยะเฉียบพลัน หรือระยะเรื้อรัง ถ้าหายแล้ว Anti HBs ก็ลดลงครับ จากคุณ : zodom-sai เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 02:10:08

ความคิดเห็นที่ 4 เท่าที่จำได้นะคะ เรียนมานานหลายปี anti Hbc เรียกง่ายๆว่า ภูมิคุ้นเคย จะให้ผลบวกกับ ผู้ที่เคยสัมผัสเชื้อ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะมีเชื้ออยู่ อาจมีภูมิคุ้มกันก็ได้ ถ้าตรวจเพื่อจะฉีดวัคซีน แล้ว anti Hbc ให้ผลลบ แสดงว่าไม่เคยสัมผัสกับ เชื้อตับอักเสบบีมาก่อน ก็ให้ฉีดวัคซีนได้เลย ตอนที่เรียนก็ใช้เกณฑ์นี้ ในการเลือกว่านิสิตเทคนิคการแพทย์คนใด สมควรจะรับวัคซีนค่ะ anti Hbs คือ ภูมิคุ้มกันของร่า่งกาย ที่มีในการป้องกันเชื้อ ตับอักเสบบีค่ะ ถ้ามีก็จะไม่ต้องฉีดวัคซีนค่ะ สรุปคือถ้าต้องการประหยัดขั้นตอนการตรวจ เพื่อทำการฉีดวัคซีน ก็ตรวจ anti Hbc ตัวเดียวก็ได้ค่ะ พอจะช่วยให้ จขกท เข้าใจได้ง่ายขึ้นบ้างมั้ยอ่าคะ จากคุณ : nakaoka เขียนเมื่อ : 17 มี.ค. 54 16:25:45

ความคิดเห็นที่ 5 ตาม คห. 2 ครับ  AntiHBc  จะเกิดขึ้นต่อเมื่อมีการรับเชื้อไวรัสตับอักเสบบีแล้ว และจะใช้ IgM และ IgG ในการแยกว่าเป็นไวรัสตับอักเสบเฉียบพลันหรือเรื้อรัง ซึ่งหมายถึงไวรัสตับอักเสบเฉียบพลันหรือเรื้อรัง จะต้องตรวจเจอ HBsAg ด้วย(ซึ่งจะบอกว่ามีภาวะติดเชื้ออยู่)    ยกเว้นว่า HBsAg ยังตรวจไม่เจอเนื่องจากความไวต่ำ แต่ตรวจเจอ IgM ก็วินิจฉัยว่าเป็นไวรัสตับบีเฉียบพลันได้   แต่ในกรณีที่หายจากการติดเชื้อร่างกายก็จะมี AntiHBs ขึ้นมา คนที่ไม่เคยติดเชื้อแต่เคยได้รับวัคซีนไวรัสตับอักเสบบีมาก่อนก็ตรวจพบ AntiHBs ได้   หลังจากหายจากการติดเชื้อ (ตรวจไม่พบ HBsAg แล้ว) AntiHBc IgG ก็จะยังตรวจเจอได้ไปตลอด เพราะฉะนั้นการเลือกตรวจ AntiHBc  IgM/IgG กับ  AntiHBs จึงขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของแพทย์ด้วยครับว่าจะตรวจเพื่อหาว่ามีภูมิคุ้มกันหรือยัง หรือ หาภาวะการติดเชื้อระยะแบบไหน จากคุณ : rainstorm เขียนเมื่อ : 18 มี.ค. 54 20:27:23