แชร์ประสบการณ์ my true story 4
|
|
ตอน...นั่นใช่!!แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์จริงเหรอ!!
อาการป่วยของข้าพเจ้าในตอนนั้นมันทำลายทุกสิ่งที่ข้าพเจ้าหวังไว้จนหมดสิ้น แต่สิ่งหนึ่งที่ได้มาคือ ความจริงของชีวิตที่ชัดเจนกว่าทุกสิ่งที่มีอยู่ในตอนนั้น....หลังจากที่ได้วางแผนเอาไว้ว่า ชีวิตต้องมีการเปลี่ยนแปลง และต้องผ่าตัดเปลี่ยนไต ข้าพเจ้ารู้สึกได้ว่าในขณะนั้นอาการดีใจที่ซ่อนอยู่ลึกๆของข้าพเจ้านั้นมันลิงโลดอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน.....
แต่ก็อีกนั่นแหละ...แล้วจะเอาไตใครมาเปลี่ยนล่ะ เพราะคนที่ป่วยเป็นโรคนี้ไม่ได้มี่แค่ไม่กี่คน แต่มีเป็นแสนคน และในจำนวนนั้นหลายคนเข้าคิวรอที่จะเปลี่ยนไตจากไตบริจาคนั้นก็มีเป็นหมื่นเช่นกัน....การรอคอยที่แสนจะยาวนานของใครหลายๆคนรวมถึงข้าพเจ้านั้นกำลังจะสิ้นสุดจริงหรือ....
หลังจากที่ได้พูดคุยกันในครอบครัวของข้าพเจ้าแล้ว ในคืนนั้นเองข้าพจ้าได้มีโอกาสที่ข้าพเจ้าไม่มีวันลืมได้เลยในคืนนั้น กลางดึกของคืนวันนั้นในขณะที่ข้าพเจ้าได้นั่งคิดเรื่องราวของข้าพเจ้าและเรื่องที่จะต้องผ่าตัด จู่ๆคุณแม่ของข้าพเจ้าก็ได้ให้ข้าพเจ้าได้พูดคุยกับคนใกล้ตัวที่ข้าพเจ้าเองก้ไม่เคยคิดว่าสิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่วิเศษที่สุดในชีวิตของข้าพเจ้าเลยก็ว่าได้....
วันนั้นเราสองคนคุยกันถึงเรื่องอนาคตที่ข้าพเจ้าต้องเป็นและจะต้องเจอ ก่อนที่เขาคนนั้นจะบอกประโยคที่ทำให้ข้าพเจ้าฟังแล้วไม่สามารถลืมมันได้อีกเลยตลอดชีวิต ตลอดเวลาที่เราเป็นพี่เป็นน้องกันมา พี่ดูแลและช่วยชีวิตเขามาตั้งหลายครั้ง และครั้งนี้น้องขอแล้วกันว่า หากมีการผ่าตัดจริงอยากให้พี่เอาไตของน้องไปนะ นั่นคือประโยคที่ข้าพเจ้าได้ยิน....
จริงๆแล้วในสมองของข้าพเจ้าในตอนนั้น มันว่างเปล่า เพราะไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้การเสียสละแบบนี้ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะยกให้กันนั้น น้องชายของข้าพเจ้าจะพูดออกมา....เพราะอะไรนั่นเหรอ เพราะว่าข้าพเจ้าไม่ได้คิดที่จะเอาส่วนใดส่วนหนึ่งของน้องชายที่เสียสละมาให้มาอยู่ในร่างกายของข้าพเจ้า
เคยได้ยินคำว่า เลือดนั้นข้นกว่าน้ำ ข้าพเจ้าไม่เข้าใจอย่างแจ่มชัด จนวันนี้แหละที่มันชัดเจนมากที่สุด เขาบอกข้าพเจ้าว่า ไม่ต้องคิดมาก เพราะที่ผ่านมาเราโตมาด้วยกัน ไม่มีครั้งไหนที่พี่ไม่เคยปกป้องน้องชายคนนี้เมื่อเวลามีปัญหา ข้าพเจ้านั่งร้องไห้จนเสียงสั่นเครือ....เพราะไม่คิดว่าน้องชายที่คลานตามกันมาจะทำเรื่องที่ดีที่สุดในชีวิตของเขาและของข้าพเจ้าและจะเป็นคนให้ชีวิตใหม่แก่ข้าพเจ้า
หากเป็นพี่เองก็คงทำเหมือนกันกับน้องนี่แหละ เขาพูดพร้อมเดินมาตบที่ไหล่ของข้าพเจ้าแล้วก็เดินจากไป.....จริงแล้วเรื่องไตที่จะได้นั้นในความเป็นจริงแล้วทางการแพทย์นั้นคนที่สามารถบริจาคให้กับผู้ป่วยได้อย่างดีที่สุดนั้นมีสองกรณี นั่นก็คือ จากสายเลือดเดียวกัน คือ พี่น้องท้องเดียวกัน อันนี้จะเป็นอันดับแรก อันดับที่สองคือ พ่อแม่และญาติซึ่งในลำดับนี้จะมีเนื้อเยื่อใกล้เคียงกันมาก แต่น้องกว่าพี่น้องสายเลือดเดียวกัน....
หลังจากวันนั้นทุกอย่างก็ได้ดำเนินไปตามขั้นตอนของการเตรียมตัวเปลี่นยอวัยวะซึ่งบอกได้เลยว่า ยุ่งยากและซับซ้อนมาก น้องชายของข้าพเจ้าต้องนำตัวไปทดลองอะไรหลายอย่าง เช่นฉีดสีเข้าเส้นเลือด ตรวจสภาพร่างกายว่าเหมาะและพร้อมมั๊ย และที่สำคัญ ตรวจเนื้อเยื่อว่าเข้ากันได้กี่มากน้อยเท่าไหร่....
มีหลายกรณีที่แม้กระทั้งพี่น้องเองก็ไม่สามารถจะให้ไตได้ทั้งๆที่เป็นพี่น้องกัน เพราะเนื่องมากจากเนื้อเยื่อมีความต่างกันมากจนเกินไปและที่สำคัญไปกว่านั้นคือ พี่น้องไม่รักกัน ซึ่งในกรณีนี้ข้าพเจ้าเคยเจอแล้วในเพื่อนที่ป่วยและฟอกเลือดอยู่ด้วยกันทั้งๆที่ครอบครัวเขานั้นมีพี่น้องมากว่าข้าพเจ้าหลายคน แต่ก็นั่นแหละไม่มีใครที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยเขาเลยสักคน...อันนี้ก็น่าแปลกใจ.....ในกรณีของข้าพเจ้านั้นอาจจะเป็นเพราะว่าแม่ของข้าพเจ้าสั่งสอนลูกๆทุกคนว่า พี่น้องต้องรักกันและที่สำคัญพี่ต้องเสียสละให้น้องเสมอ และน้องก็ต้องเคารพพี่เสมอเช่นกัน
สิ่งล่ะมั๊งที่ทำให้ข้าพเจ้าได้เกิดมาพร้อมกับเรื่องของความรักที่มีให้กันภายในครอบครัวของข้าพเจ้าอย่างมีความสุข และสิงที่แม่ได้สอนเอาไว้นั้นวันนี้มันเป็นจริงและสามารถทำให้ครอบครัวของเรามีความสุขอีกครั้ง......แต่เส้นทางแห่งความสุขก็ไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบเสมอไปหรอก......เพราะทั้งหมดที่กล่าวมานั้นมันเป็นแค่จุดเริ่มต้น.....เท่านั้น
จากคุณ |
:
daxter
|
เขียนเมื่อ |
:
16 เม.ย. 54 23:37:10
|
|
|
|