ความคิดเห็นที่ 1 ถีบจักรยาน อย่าวิ่งดีกว่า กรณีของคุณจขกท. เพราะไม่ต้องรับน้ำหนักจากแรงกระแทก จากคุณ : ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 54 20:59:10 A:14.207.145.240 X: TicketID:286693

ความคิดเห็นที่ 2 ขอบคุณมากครับ ผมวิ่งเหยาะๆมันก็ไม่ได้เจ็บขาที่ใส่เหล็กนะ แต่เหนื่อยสุดๆไปเลย = = ไม่เคยออกกำลังกายเลย วันๆอยู่แต่หน้าคอม วิ่งหน่อยเดียวหอบแฮกๆเลย T T จากคุณ : ป๋าตุ๊กกับหนูแพรว เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 54 21:01:20

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าเปรียบเทียบทั้งสองอย่าง ผมว่าวิ่ง ใช้กำลังเยอะกว่าปั่นจักรยานนะครับ ในกรณีที่ร่างกายไม่มีปัญหานะครับ อย่าง จขกท  ปั่นจักรยานดีกว่า จากคุณ : October31st เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 54 21:27:00

ความคิดเห็นที่ 4 ปั่นจักรยานน่าจะดีกว่านะคะ เซฟเข่าด้วยค่ะ ยังไงก็ได้ออกกำลังกายเหมือนกันเนอะ^^ จากคุณ : เค้กผลไม้ เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 04:18:17

ความคิดเห็นที่ 5  ปั่นเกียร์ 1 เน้น ขาหมุนไวๆ น่ะครับ ต่อเนื่อง 10 กิโล >>>>>>>>>>>>>  "เน้นรอบ 80 rpm ไม่เน้นหนัก" ปั่นแบบนี้ถูกวิธีแล้ว วิธีนี้จะช่วย FAT Burn สังเกต คุณจะได้เหงื่อมาก  .............(1) เที่ยบกับวิ่ง-บ้าระห่ำ ปางตาย ......... การหายใจจะแรงเกินระดับ HR ของ Fat-Burn  ....... (2) ข้อ 1)  การทำ FAT-Burn ต้องการออกกำลังต่อเนื่องสัก 21 นาทีขึ้นไป FAT จึงเริ่มถูกเผาผลาญ ในกรณีนี้ ระยะเวลา ก็ OK + รอบปั่น ก็ OK ข้อ 2) เมื่อระดับ HR สูงกว่า Aerobic Zone (รู้เพราะ คุณบอกเหนื่อยปางตาย)  ที่ HR ระดับสูงนี้ พลังงานที่ถูกดึงไปใช้เป็น CARB และถ้าฝืนหนักต่อ จะทำให้กล้ามเนื้อเสียหาย สรุป คำถามนี้ ตอบว่า ข้อ 1) ดีกว่า ด้วยประการทั้งปวง ผมเคยวิ่ง ตะพึดตะพือ แต่วิ่งช้า ตามเสียงนกกาที่ทะแนะว่า "อย่าหักโหม" วิ่งเนิบๆ ผมก็หลงผิดวิ่งวันละ 10 กม. แต่ ไร้สาระ ไร้ผล  หลังจากนั้น ผมสนใจหลักวิทย์-กีฬา   ผมหันมาขี่จักรยาน ถูกหลัก "เน้นปั่นรอบ 80 rpm ไม่เน้นหนัก" ตามคำแนะนำรดิตคุณ DoreaMew  ซึ่งผมให้เครดิตเรื่องนี้ ไม่นานเท่าไร เดือนกับไม่กี่วัน ผมลดน้ำหนักได้เกือบ 10 กก. ครับ   จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 07:47:37

ความคิดเห็นที่ 6 คุณ TinyNu  ก็พูดเกินไป ว่าวิ่งวันละ 10 กม. ไร้สาระ ออกกำลังกายวิธีไหนมันก็เป็นประโยชน์ทั้งนั้นแหละ ถ้าคุณได้ออกนะ แต่ด้วยวิธีวิ่งนั้นประหยัดสุดแล้ว ทั้งอุปกรณ์เครื่องแต่งกายต่าง ๆ ได้ผลดีด้วย ผมก็เห็นหลาย ๆ ท่านที่รู้จักวิ่งเป็นบ้าเป็นหลัง บ้าพลังมากน้ำหนักลดจนผอมเพรียวเลย จากคุณ : ไม่ผ่านการตรวจสอบ เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 08:04:16

ความคิดเห็นที่ 7 ขาดามเหล็ก 5 ปี ยังไม่เอาออกหรือ ถ้าสภาพร่างกายไม่ดีก็ขี่จักยานเถอะ เพียงแต่จักรยานมันไม่เหนื่อย ผมจะขี่ดึกมาก รถว่างๆผมจะสปรินท์ ขี่เนิบๆมันพักผ่อนแต่แทบไม่ได้ออกแรง ....ส่วนถ้าร่างกายปกติ วิ่ง 1 ก.ม. ปางตาย แล้วอายุ 21 เองนี่ สงสัยสภาพร่างกายขาดการออกกำลังกายมานาน จากคุณ : ย้ง เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 09:26:06 A:58.8.223.151 X: TicketID:236524

ความคิดเห็นที่ 8 ผมปั่นเป็นหลัก วันหยุด 120-130 กม แต่ก็วิ่งหลังหมู่บ้านด้วย เพราะปั่นจักรยานไม่ได้ลงน้ำหนักเท้าสู้วิ่งไม่ได้ในการทำให้กระดูกตันแข็งแรง ไม่เปราะง่ายตอนแก่ แต่จักรยานมันกว่า ไปได้ไกลกว่า และดีต่อเข่ามากกว่า ทำทั้งสองอย่างดีที่สุด หรือถ้าว่ายน้ำเป็นก็ว่ายด้วยก็ได้ รูปเล่นไตรกีฬา กท ครั้งที่ 1 เมื่อ 6 ปีก่อน จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 11:31:13

ความคิดเห็นที่ 9  ขอบคุณ คุณ ไม่ผ่านการตรวจสอบ ที่ทักท้วง ผมเล่าหลายทีแล้ว ไม่มีใครทัก ผมถึงไม่เล่าต่อ อิอิ ที่ว่าวิ่ง 10 กม. ไม่ได้ผล ผมวัดผลจากเครื่องวัด 1) การเต้น HR ของผมที่เร็วกว่าปกติ 107 bpm ยังไม่ดีขึ้น แสดงว่ากล้ามเนื้อหัวใจยังไม่แข็งแรง นี่พูดง่ายๆ 2) นน. ตัวผมก็ไม่ยอมลด อันนี้ผมวิ่งเสร็จก็กิน แถมกินเบียร์ 3) BP ก่อนและหลังออกกำลังกาย ... นี่ดูการยืดหยุ่นของหลอดเลือด พอมารู้จักวิธีการดู HR ก็ออกกำลังได้ดี ถึงได้รู้ว่า ที่ผมวิ่งช้าๆ เนิบๆ (ความเร็ว สวนลุม 2 รอบต่อชั่วโมง คือ 5 กม/ชม. นี่มันความเร็วเดินครับ) ความเร็วการวิ่ง และระดับ HR ที่ต่ำ มันเข้าข่าย "คนอ้วน เดินไปเดินมาทั้งวัน" ... คนอ้วนก็ไม่ลด ... เพราะกินเข้าไป กับ เดินไปเดินมา = Balance recovery พอดี ..พอทำบัญชี Energy input = Output ผมถึงอ๋อ .. น้ำหนักไม่ลดก็เพราะอย่างนี้ จึงได้ข้อสรุปง่ายๆ 1) ออกกำลังให้ระดับ HR อย่างน้อย Aerobic Zone 2) คุมอาหารสักนิด 3) รู้จักคุมเลือกอาหารที่มีค่า GI ต่ำ อันนี้มีผลมากทีเดียว แค่นี้ เป็นหัวใจของการลด FAT อย่างได้ผล อีกข้อหนึ่ง ที่สำคัญมาก ต้องเริ่มด้วย Fat-burn ก่อน นี่ผมเพิ่งรู้ทีหลังว่า เซลไขมัน ที่สะสมในร่างกายมันผลิต  Resistin Hormone เจ้าโฮโมนตัวนี้มันยึดครองสมองส่วนที่คุม Metabolism การเผาผลาญจะช้า แปลว่า กินน้อย ... อ้วนง่าย ต่อเมื่อผม FAT-Burn ลดเซลไขมันลงได้แล้ว มันจะหันไปผลิตโฮโมน Adiponectin ที่ทำงานตรงกันข้าม กล่าวคือ เร่ง Metabolism ให้เผาผลาญดีขึ้น แปลว่า กินมาก ...ก็ไม่ค่อยอ้วน นี่คือเหตุผลสำคัญ ที่เราจะต้องเริ่มลดไขมันก่อน ...เป็นอันดับแรก และ Fat-burn จะได้ผลดี ที่ HR อยู่ในระดับ Aerobic Zone (บอกไว้ก่อน ..ไม่ต้องเคร่งครัดตัวเลขมาก นักเครียดเปล่าๆ ) ขอบคุณ คุณ ไม่ผ่านการตรวจสอบ  ที่ทักท้วง จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 11:38:38

ความคิดเห็นที่ 10 แบบไหนก็ได้ที่คุณชอบ และสนุกกับมัน .... หากผมบอกว่าวิ่งดีกว่า เพราะผมชอบ ...แต่คุณไม่ชอบการวิ่งหากคุณมากวิ่งตามที่ผมบอดคุณก็ไม่สนุก .... หากผมบอกว่าปั่นจักรยานดีกว่า เพราะได้ความเร็ว...แต่คุณไม่ชอบปั่นจักรยาน หากคุณมาปั่นจักรยานตามที่ผมแนะ คุณก็ไม่สนุก ฉะนั้นเลือกการออกกำลังกาย การเล่นกีฬาที่คุณชอบ ในแบบที่คุณสนุกจะกีกว่านะครับ จะทำให้คุณไม่ท้อด้วย ประโยชน์จากการออกกำลังทั้งสองแบบที่คุณกล่าวมาไม่ต่างกันมากมายนัก อยากเห็นทุกคนมีสุขภาพดีครับ จากคุณ : โทนี่ (ChadChad) เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 11:42:39

ความคิดเห็นที่ 11 มีคำถามบ่อยๆว่า กินก่อนสักชั่วโมงสองชั่วโมง ค่อยออกกำลังกาย หรือว่า ออกกำลังเสร็จ ค่อยกิน ประสบการณ์ผมตอบว่า กินก่อน ดีกว่า นี่ผมได้รับคำแนะนำจากพยาบาล ตอนแรกผมไม่เชื่อ แต่..ตอนหลังพบว่าเวลาออกกำลังกาย ระดับกลูโคสในกระแสเลือดค่อยลดต่ำ ผมเป็นเบาหวาน จะมีปัญหามาก บางทีจะเกิดอาการ Hypoglycemia น้ำตาลต่ำมาก ผมเคยวัดระดับน้ำตาลลง 80 mg/dl  พอรู้สึกอาการบอก ผมจะรีบเติมน้ำตาล ด้วยโค๊ก 1 เปา 2 ที่เซเว่นทันที อีกอย่างหนึ่งที่ ไม่ควรกินหลังออกกำลังกาย เพราะร่างกายพอขาดกลูโคส พูดให้ถูกคือ ระดับกลูโคสลดต่ำ ..  ร่างกายจะหลั่งโฮโมน ?? (จำไม่ได้) ออกมากระตุ้นให้คนเราหิว .... ที่เรามักได้ยินว่า คนทำงานเหนื่อยๆ มากินข้าว อร่อยเหลือเกิน นี่เอง คือ ปัญหาที่คนจะลดน้ำหนักไม่ได้ดี เพราะกินข้าวหลังออกกำลัง ครับ (เช่น ที่ผมเคยเล่าว่าวิ่งสวนลุม 10 กม. เสร็จ ก็จิบเบียร์ กินไก่ย่าง อร่อย วิ่งให้ตายน้ำหนักก็ไม่ลง นั่นเอง) สรุป ควรจะกินอาหารก่อนออกกำลังกาย (สัก 1-2 ชั่วโมง) ครับ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 11:47:08

ความคิดเห็นที่ 12  มาเล่าคุณโทนี่ หลังจากผมขี่จักรยาน จนกล้ามเนื้ออยู่ตัว ผมใช้เกียร์หนักขึ้น ถึงจะได้เหงื่อ คราวนี้รถจะเร็วมาก ผมขี่บนถนน ก็ไม่ปลอดภัย ผมก็หันเข้าโรงยิมเล่นในร่ม มันก็ดี แต่วันไหนอากาศดีๆ ผมชอบที่จะขี่จักรยาน อย่างน้อยได้ดูวิว ได้เห็นบรรยากาศภายนอกครับ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 11:50:54

ความคิดเห็นที่ 13 จขกท.ขาหักที่เดียวกันกับผมเลย พอขาหักไม่ได้ออกกำลังกายเลยอ้วน ผมใช้วิธีการปั่นจักรยานเช่นกัน ขาข้างที่หักแรงไม่ค่อยมีเท่าข้างที่ปกติ ผมแนะนำให้ผ่าเหล็กออกนะครับ ผมหักตอนอายุ 13 ปี ตอนนี้ 29 ไม่ได้เอาเหล็กออกเพราะไม่ต้องการพักการเรียน ตอนนี้เริ่มมีอาการปวดบ้างเวลาใช้งานมากๆ ใน 1 วัน แต่พอตืนนอนตอนเช้ากลับมาเป็นปกติ เคยตั้งกระทู้ถามคุณหมอหมู ท่านแนะนำให้เอาเหล็กออกเพราะกระดูกช่วงปลายของเหล็กจะเปลาะ อาจทำให้หักได้ อย่าหักโหมออกกำลังกายมากนะครับ จากคุณ : ที่ราบสูง (boongun) เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 15:08:20

ความคิดเห็นที่ 14 เมื่อก่อนวิ่งอย่างเดียว วันละ 5 กิโลเมตร สัปดาห์ละ 3 วัน...จนเริ่มเจ็บเข่า ตอนนี้ปั่นจักรยาน 30 กม. สัปดาห์ละ 3 วัน อีกสัปดาห์ก็วิ่งเหมือนเดิม สลับไปเรื่อยๆ จากคุณ : Into the Groove เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 15:11:26

ความคิดเห็นที่ 15 ปรึกษาหมอด้วยดีกว่าไหม เพราะไม่รู้ว่ากรณีมีเหล็กดามขาอยู่ออกกำลังกายได้แค่ไหน จากคุณ : Grunge Agina เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 15:23:09 A:202.149.29.81 X: TicketID:275557

ความคิดเห็นที่ 16 ได้แน่นอนครับ อาจารย์หมอศิริราชบอกผมเอง ผมขาหักตรงตะโพกล้มปั่นจักรยาน ต้องใส่เหล็ก หมอบอกว่าไม่ต้องเอาออกครับ ตอนอยู่ รพ วันที่สองหมอก็ให้หัดเดินแล้ว พยุงด้วยไม้เท้า สัปดาห์ที่สองก็เดินได้แล้ว 1 เดือนก็วิ่งเบาๆ ได้แล้ว ทุกอย่างผมรายงานหมอหมดครับ นั่นก็ 8 ปีมาแล้ว ปล ผมไม่มีอาการปวดอะไรเลยครับ ปั่นได้เร็วเหมือนเดิม แต่วิ่งได้ช้าลงครับ จากคุณ : K.Senior เขียนเมื่อ : 20 เม.ย. 54 15:57:44

ความคิดเห็นที่ 17 ของผมตรงข้ามกับคุณ TinyNu นะ วิ่ง 10 กม.อาทิตย์ละสองครั้ง 7กม อาทิตย์ละครั้ง ดื่มเบียร์ด้วยเกือบทุกวันน้ำหนักลดครับ ผมถึงไม่คุมอาหาร (เป็นคนกินไม่เยอะมั้ง) ไม่งั้นน้ำหนักลด ผมขี่จักรยานไม่ได้ด้วยปวดเข่าเลยต้องวิ่ง ผมคิดว่ามันอยู่ที่คนนะ คุณออกกำลังอะไรก็ได้ที่คุณรู้สึกสบายก็ทำไปเถอะครับ จากคุณ : .. เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 13:06:38 A:119.56.74.33 X:192.168.230.10, 202.65.245.6 TicketID:185131

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณทุกความเห็นนะครับ :) ผมไม่ได้ออกกำลังกายจริงจังมานานมากครับ เล่าดีกว่า ตอนนี้ ผมกำลังจะขึ้น ปี 3 ที่มหาลัยแล้วครับ ซึ่งเหล็กที่ใส่อยู่ที่ต้นขาซ้ายตอนนี้ ใส่ตั้งแต่อยู่ ม.3 ซึ่งอย่างที่คุณ ที่ราบสูง (boongun) บอกตอนขาหักหมอห้ามลงน้ำหนัก 3 เดือนครับ พอครบกำหนด ผมไปหาหมอ เอ๊กเรย์พบว่า น็อทที่ขันดามเหล็ก มันถอยออกจากกระดูก เลยต้องรอไปอีก 1 เดือนครับ ถึงเริ่มลงน้ำหนักได้ ซึ่งแน่นอน การไม่ใช้ขาซ้ายเลย 4 เดือน ทำให้ขาผมลีบลงอย่างเห็นได้ชัดครับ ซึ่ง ผมต้องใช้เวลาหัดเดินอีก 2 เดือน ถึงเดินโดยไม่ใช้ไม้เท้าได้ ซึ่ง เวลา 6 เดือนนี่ ทำให้ผมอ้วนขึ้นมาก = = แล้วก่อนหน้านั้นอีกครับ ตอนผมอยู่ ป.3 ต้นขาซ้ายผมก็หักครับ ต้นขาเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าที่เดียวกันรึป่าว แต่เอาเหล็กออกไปแล้วครับ ก่อนหักตอน ม.3 จนตอนนี้ ผมใส่เหล็กคามา 5 ปีแล้ว ขาซ้ายผมก็ มีกล้ามเนื้อมากขึ้นแล้ว แต่ถ้าสังเกตุดู ก็จะยังเห็นได้อ่ะครับว่า มันลีบกว่าข้างซ้าย ส่วนที่ที่ยังไม่เอาเหล็กออกนั้น ผมกะว่าจะไม่เอาออกครับ ส่วนนึงหมอบอกว่า อายุ ขนาดนี้ มันก็หยุดโตแล้ว ผมหยุดโตเร็วด้วยมั้งครับ ตอน ป.6 สูง 156 ตอนนี้สูง 162 มาหลายปีมากแล้ว แล้วผมไม่ได้เรียน รด. เพราะตอนนั้นพึ่งเดินได้เลยไม่ได้เรียน แล้วคาเหล็กไว้ รอพ้นเรื่องเกณฑ์ทหารให้มันผ่านๆไปก่อนน่ะครับ ผมมาตอบตอนนี้ไม่รู้จะเหลือใครมาดูรึป่าว ฮ่าๆ ยังไงก็ขอบคุณทุกคนมากครับ จากคุณ : ป๋าตุ๊กกับหนูแพรว เขียนเมื่อ : 21 เม.ย. 54 19:49:36

ความคิดเห็นที่ 19 เวลาออกกำลังออกให้ได้ HR ประมาณ fat burn หรือ aerobic จะดีกว่าครับ สบายไปก็เสียเวลา ไม่ได้ประโยชน์จากการออกกำลังเท่าที่ควร มากไปก็เสียเวลา เพราะร่างกายต้องการพักหลังออกกำลังมาก ทำอย่างอื่นไม่ไหว jogging หรือ จักรยาน ถ้ารักษา HR ไว้ได้ประมาณเดียวกัน ส่วนตัวรู้สึกว่า jogging เหนื่อยกว่า ใช้กล้ามเนื้อมากกว่า (อาจจะเป็นเพราะจักรยานสนุกกว่า) จากคุณ : Pseudonoise เขียนเมื่อ : 22 เม.ย. 54 01:58:56

ความคิดเห็นที่ 20 วิ่งกับ ขี่จักรยานใช้กล้ามเนื้อคนละแบบกัน และวิ่งเหนื่อยกว่า แต่เข่าจะทำงานหนัก และบริหารหลอดเลือดได้ดีกว่า ปั่นจักรยาน ถ้าให้เลือกก็เล่นทั้งคู่ จากคุณ : กร เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 54 15:44:56 A:124.121.172.218 X: TicketID:288791