ความคิดเห็นที่ 1 ขอบคุณมากนะคะ^^อ่านแล้ว น่ากลัวมากๆๆค่ะ จากคุณ : ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 01:21:33

ความคิดเห็นที่ 2 น่ากลัวจริงๆ จากคุณ : นางเอกตัวจริง เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 01:38:06

ความคิดเห็นที่ 3 น่ากลัวมากค่ะ เป็นเรื่องใกล้ตัวมากๆ จากคุณ : Cinderella_Me เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 01:45:51

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณมากๆเลยค่ะ จากคุณ : จ่อย (นู๋เมล์จ้ะ) เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 02:07:33

ความคิดเห็นที่ 5 น่ากลัวมากค่ะ เพิ่งรู้ว่าเอดส์มันไม่แสดงอาการนานหลายปีเลย จากคุณ : กินเกาเหลาไม่จ่ายตัง เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 02:35:56

ความคิดเห็นที่ 6 กว่าจะตรวจเลือดเพื่อตรวจหาไวรัสเอดส์ที่ได้ผล ต้องรอหลังจากได้รับเชื้อมาแล้วอย่างน้อย  3  เดือนค่ะ และระหว่าง  3  เดือนนั้นต้องไม่ไปรับเชื้อเพิ่มมาจากที่อื่นอีก จากคุณ : ไปรเวท เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 05:47:47

ความคิดเห็นที่ 7 HIV มันใกล้ตัวมากค่ะ หลายๆคู่ที่เจอกรณีแบบนี้ และย้ำนะคะว่าเจอบ่อยมาก แต่ไม่ได้ถึงกับน่ากลัวให้ระวังค่ะ ไม่อยากให้ระแวงระวังป้องกันทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์กับใคร มันสำคัญมากๆ ขอบคุณที่นำมาโพสให้อ่านค่ะ เพราะบางคนที่เคยเจอมาเนี่ยติดเชื้อแล้วก็มานั่งรำลึกอดีตว่า คนที่นำเชื้อมาให้ ไม่น่าจะเป็นคือดูแล้วแน่ใจว่าไม่น่าจะเอาโรคมาฝาก ก็เลยมีความสัมพันธ์แบบไม่ได้ป้องกัน หนังสือดูแค่ปกไม่ได้ค่ะ การควบคุมโรคใช้ทางการแพทย์อย่างเดียวไม่ได้ ประชาชนจะต้องช่วยกันระแวดระวังร่วมกันในการควบคุมโรคด้วยค่ะ จากคุณ : moonny เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 05:53:34

ความคิดเห็นที่ 8 ก็เลยต้องอยู่คนเดียวววว.... จากคุณ : หนูลีลี เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 07:52:05

ความคิดเห็นที่ 9 อ่านดูแล้ว น่าจะเรียกคุณผู้ชายทุกท่านมาอ่านนะคะ เพราะเป็นต้นเหตุที่รับเชื้อมาเลยนะเนี่ย เฮ่ออ.. ... จากคุณ : Spirited A's way เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 08:46:52

ความคิดเห็นที่ 10 เห็นด้วยครับ จากคุณ : จ่าหมาน เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 08:48:17

ความคิดเห็นที่ 11 ฝ่ายหญิงเป็นผู้รับกรรมที่ไม่ได้ก่อ จากคุณ : พรุ่งนี้สวย เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 08:48:58

ความคิดเห็นที่ 12 แค่ทั้งสามีและภรรยาต่างก็รักษาศีลข้อ 3 อย่างมั่นคงแล้วไซร้ ปัญหาแค่นี้ก็แก้ตกแล้วครับ จากคุณ : Generals เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 08:54:22

ความคิดเห็นที่ 13 จากคุณ : ยัย..ฉอเล๊าะ เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 09:05:27

ความคิดเห็นที่ 14 เพื่อนเเฟนเราเป็นเอดส์เห็นมีอะไรกับผู้หญิงไปทั่วเราเกลียดเลยผู้หญิงก็เขามายุ่งกับเขาไม่หยุดเราเกลียดคนทีรู้ว่าเป็นเเล้วยังไม่หยุดอีก  (ชายติดจากหญิงหญิงติดจากชายผิดทั้งชายทั้งหญิงเเละ) จากคุณ : พี่อยู่ ป.6 เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 09:06:30

ความคิดเห็นที่ 15 เพิ่งไปตรวจมาเหมือนกันค่ะ เนื่องจากเลิกกับแฟนเ่ก่าและอยากได้ความสบายใจ ซึ่งเลือดก็ไม่มีัปัญหาอะไร ยอมรับว่าลุ้นผลมากเนื่องจากตลอดเวลาที่คบกับแฟน เราได้ไว้ใจเขาตลอด ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเขาจะแอบนอกใจ เราหรือเปล่า แต่ตอนนี้สบายใจมากค่ะ คิดว่าถ้าจะเริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่ ก็คงต้องตรวจเลือดกันก่อน เพื่อความสบายใจทั้งสองฝ่าย จากคุณ : Oscar-Mhanoi เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 09:24:09

ความคิดเห็นที่ 16 เจอมาเหมือนกัน แม่ท้องสอง รู้มาตั้งแต่ท้องแรกเมื่อ 6 ปีก่อน แต่ไม่ยอมบอกสามี ท้องนี้แทบไม่ได้กินยาป้องกันเชื้อ เพราะหลบๆซ่อนๆ โผล่มาอีกที น้ำคร่ำแตก เด็กหัวใจเต้นอ่อน เอาไปผ่า เด็กออกมาอยู่ได้ 2 วันก็เสีย คนเป็นพ่อเสียใจมากมาย เราได้แต่คิดว่า ถ้าเค้ารู้ว่าเมียเป็นอะไร แล้วดูแลลูกในท้องยังไง อาจจะเสียใจน้อยลง (เด็กมีโอกาสติดเชื้อสูงมากเพราะแม่ไม่กินยาและมาหาหมอตอนน้ำคร่ำแตกแล้ว) ตอนนี้เหลือแต่ว่า ตัวผช.คนนั้น จะรู้ได้ยังไงว่าตัวเองอาจจะติดเชื้อ เพราะเมียยืนยันยังไงก็ไม่ยอมบอก เก็บมา 6 ปีแล้ว ได้แต่บอกสามีไปว่า เมียมีโรคประจำตัวนะ ให้ไปถามกันเอาเอง จากคุณ : ฟ้าหมาดฝน เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 09:40:32

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณมากๆเลยค่ะ คิดแล้วเศร้า จากคุณ : ไข่เจียวทะเล เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 09:50:59

ความคิดเห็นที่ 18 T T จากคุณ : ยิ้มเดียว เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 09:51:17

ความคิดเห็นที่ 19 ช่วยกันโหวตนะครับ จากคุณ : ฮักคักคัก ชักแงกแงก เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 09:53:46

ความคิดเห็นที่ 20 ใกล้ตัวจริง ๆ ๆ อ่ะว่าแล้ว ก็เป็นโสดกันต่อไป อิอิ จากคุณ : หนิงน้อย เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 10:12:07

ความคิดเห็นที่ 21 เซ็กส์ เท่ากับ เสี่ยง จากคุณ : เอื้องราตรี เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 10:16:07

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณครับคุณหมอ จากคุณ : nordcapp เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 10:27:44

ความคิดเห็นที่ 23 ส่วนตัวน่ะ ในสภาวะแวดล้อมและสังคมที่เราอยู่เรื่องเกี่ยวกับ HIV นั้นแทบจะไม่เคยได้ยิน หรือพูดถึงเลย แม้แต่จะรู้ว่าใครติดเชื้อบ้าง ก็ไม่เคยได้รับรู้ จึงทำให้ตัวเราไม่เคยนึกถึงเรื่องพวกนี้เลย แบบว่าลืมไปเลย ตั้งแต่มาเป็นสมาชิกที่เวปนี้ ยิ่งอ่านข้อมูลมากขึ้น ก็ทำให้ตระหนักถึงความเสี่ยงภัย ที่เราไม่อาจทราบได้ว่าจะเกิดขึ้นกะเราบ้าง ต้องขอขอบคุณเวปนี้ คุณจขกท ที่ได้มาบอกเล่าเก้าสิบให้ฟัง อย่างน้อยเกิดสักวันหนึ่งเราจะคบใครสักคน แม้เราจะเชื่อใจใครแค่ไหน รักเขามากเพียงใด แต่จงมีสติ ให้รักตัวเราเองก่อน จูงมือเค้าคนนั้นไปตรวจ ร่างกาย ตรวจเลือด เพื่ออนาคตที่สดใส (ไม่รู้จะเจอเค้าคนนั้นไหม) จะได้ไม่เสียใจภายหลัง ปล. อีกอย่าง ถ้าเป็นไปได้อยากให้มีการประชาสัมพันธ์เรื่อง HIV ใกล้ตัว มากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะเหมือนเป็นการเตือนสติทุกฝ่ายถ้ามีจิตใต้สำนีกดี(ข้อเน้น) เพราะว่าถ้าเราไม่ได้เป็นสมาชิกในเวปนี้เราก็ไม่รู้ว่ามันใกล้ตัวขนาดนี้จริงๆ จากคุณ : แตงโม แตงไทย เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 10:34:58

ความคิดเห็นที่ 24 คิดว่าจะจับมือกับแฟนไปตรวจเหมือนกัน มีอะไรจะได้ไม่กังวลอีกค่ะ เหอๆ แต่เค้าทำงานโรงงาน ไม่ว่างเล้ยย จากคุณ : mnoppy12 เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 10:49:21

ความคิดเห็นที่ 25 ไม่ใช่เฉพาะผู้ชายหรือผู้หญิงแต่เรื่องเพศเหล่านี้มันมีความสุ่มเสี่ยงจริง ๆ ค่ะ อยากจะให้มีการส่งเสริมเรื่องการมีเพศสัมพันธ์อย่าง ถูกต้อง เหมาะสม และปลอดภัย มากกว่าจะมาสร้างภาพว่าเราต้องมอบตัวมอบกายให้ผู้ชายคนแรกก่อนแต่งงานซึ่งที่จริงมันควรจะเป็นอย่างนั้น แต่สังคมปัจจุบันนี้มันห้ามยากเหลือเกินค่ะ อยากจะให้สอนการระมัดระวังตัวมากกว่า จากคุณ : The Lover After Me เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 11:02:33

ความคิดเห็นที่ 26 ในความคิดเรานะ ที่แย่ที่สุดคือ คนที่รู้ตัวว่าเป็น HIV แต่ไม่ยอมบอกแฟน ทำให้แฟนเสี่ยงกับการติดเชื้อ ไม่ว่าอธิบายยังไงก็ยืนกรานว่าจะไม่บอกแฟนแน่ๆ หมอก็ได้แต่เกลี้ยกล่อม แต่สุดท้ายถ้าคนไข้บอกว่าไม่ให้บอก หมอเองก็เปิดเผยความลับคนไข้ไม่ได้ อยากให้หมอสามารถบอกผลเลือดกับคู่ครองหรือคนที่จะมีความเสี่ยงในการติดเชื้อจากคนไข้ได้ โดยที่ไม่ผิดจรรยาบรรณแพทย์จัง.... อย่างน้อยมันก็คือการได้ช่วยชีวิตคนอีก 1 คนเลยนะ แก้ไขเมื่อ 28 เม.ย. 54 11:08:41 จากคุณ : ComeSweetDeath เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 11:08:11

ความคิดเห็นที่ 27 ความคิดเห็นที่ 8 ก็เลยต้องอยู่คนเดียวววว.... กลัวว่าจะแพร่เชื้อให้ตนอื่นใช่ไหมครับ ล้อเล่น จากคุณ : Asd เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 11:28:44 A:58.8.197.82 X: TicketID:258807

ความคิดเห็นที่ 28 อ่านแล้วกลัวมาก แอบนึกในใจ โชคดีที่พ่อแม่เรา ให้เราเรียนแต่รร.หญิงล้วนมาตลอด เข้ามหาลัยก็ยังอยู่ คณะที่ไม่ค่อยมีผู้ชาย (T^T) เรียนจบ ทำงาน ในออฟฟิตก็ไม่มีใครมาชอบ เลยยังคงความโสด และ ซิงมมาจนปัจจุบัน เราเคยรู้สึกว่าแย่ ที่ชีวิตไม่มีใครมาชอบ หรือ หาแฟนไม่ได้ แต่อย่างน้อยๆก็ปลอดภัยจากเอดส์ ^^ จากคุณ : sheeporange เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 11:31:24

ความคิดเห็นที่ 29 ค่าตรวจเลือดมันก็ไม่ได้แพงอะไรมากมายเลย เราไปตรวจสุขภาพประจำปีมา แล้วมันมีรายการพ่วงมาด้วย ว่าตรวจเสริมอย่างอื่นแยกเป็นรายการ เราก็เลยตรวจเชื้อเอดส์ ซิฟิลิส ผลออกมาทุกอย่างปกติ ... แต่หมอบอกว่า ต้องมาตรวจซ้ำอีก 3-6 เดือน จากคุณ : เด็กน้อยตัวแสบ เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 11:46:23

ความคิดเห็นที่ 30 มีใครคิดเหมือนผมมั้ย ผมไม่ได้เที่ยวกลางคืนมากว่ายี่สิบปีรวมทั้งไม่มีพสพกับหญิงบริการและหญิงเที่ยวกลางคืน ยกเว้นแฟนคนปัจจุบัน ซึ่งก็มีอะไรกันแค่ครั้งเดียว แล้วก็เป็นครั้งแรกของแฟน ก็เลยคิดว่าไม่ต้องตรวจ เพราะยังไงก็คงไม่มีเชื้อ จากคุณ : เหลืองชมพู เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 13:28:36

ความคิดเห็นที่ 31 ถ้าพูดแรงๆ แบบขออภัยไว้ก่อน ก็คงบอกว่า คนไทยมันโง่ค่ะ รู้จักแต่มีเซ็กซ์ แต่ไม่รู้จักป้องกัน รวมทั้งหาความรู้ไว้ใส่ตัว ขายยาอยูู่ค่ะ มีแต่คนมาซื้อยาคุมมักง่าย น้อยมาาาาาาากกกกกกที่จะซื้อคอนดอม แล้วหน้าตาที่มาซื้อนะ ก็เด็กๆมอต้น มอปลาย ทั้งนั้น แล้วคิดดูกว่าจะแต่งงาน เอดส์มันจะแพร่ไปถึงไหน ถึงไหน จากคุณ : fairport เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 14:30:21

ความคิดเห็นที่ 32 เกลียดกระทู้นี้จังครับ ปีที่แล้วก็มีหมอมาเล่าแบบนี้ไปครั้งนึงแล้ว มันไม่มีอะไรเปลี่ยนจริงๆ จากคุณ : แมงแกลบ เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 15:10:16

ความคิดเห็นที่ 33 ก่อนแต่งงานจับสามีไปตรวจร่างกายละเอียด อีกไม่กี่ปี ลูกก็จะเป็นหนุ่มละ กลัวลูกติดเอดส์มากกว่าลูกมีหลานให้เลี้ยงเร็วก่อนเวลอันควรซะอีกนะเนี่ย จากคุณ : pinkyjung เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 15:29:38

ความคิดเห็นที่ 34 ประมาท เหตุผลเดียว จากคุณ : Bud-Iron เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 16:02:03

ความคิดเห็นที่ 35 อ่านแล้วรู้สึกว่าเอดส์อยู่รอบตัวเราจริงๆค่ะ คงต้องระมัดระวังให้มากขึ้นจริงๆ จากคุณ : Extremely Chocolate เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 16:06:37

ความคิดเห็นที่ 36 ขอแชร์เพิ่มอีกนิดนะคะ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะ  อยากให้ระวังแต่อย่าระแวง  เรื่องนี้มันเปราะบางมากๆ สิ่งนึงที่ต้องยอมรับคือ คนไทยน้อยนักที่จะเข้าใจเรื่องนี้อย่างจริงจัง พอตัวเองเสี่ยงมา มานั่งวิตกกังวลกลัวจนไม่เป็นอันทำอะไร โพสถามความมั่นใจจากคนอื่น บางครั้ง ความไม่มั่นใจ หรืออาการจิตตก มันกลายเป็นดาบสองคมโดยไม่รู้ตัว  ประการแรก คุณได้ความสบายใจจากการถามคนอื่น  ประการที่สองมันทำให้อาการผวาของสังคมที่มีต่อโรคนี้รายแรงขึ้นไปอีก   เมื่อไม่นานมานี้มีเพื่อนที่มีเชื้อ hivได้ให้คำปรึกษากับคนที่มีอาการจิตตกเพราะตัวเองคิดว่าตัวเองเสี่ยง เพราะดันไปใช้บริการอาบอบนวดแล้วถุงยางเกิดขาด  เค้าเครียดมากจนมาขอคำปรึกษากับเพือนดิฉันที่มีเชื้อเอชมากว่าเจ็ดปี   เค้าปรึกษาว่าเค้าจะเสี่ยงไหม ตรวจมาหลายที่เป็นลบหมด  แต่เค้าเชื่อว่าเค้าติดเชื้อแน่นอน เค้าไม่อยากติด ถ้าติดเค้าต้องตายแน่ๆ  แม่อาจจะต้องร้องไห้เสียใจ สุดท้ายเค้ารู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าและไม่สมควรอาศัยในโลกใบนี้   เพื่อนผู้มีเชื้อเอชของเราอึ้งเล็กน้อย  แต่กัดฟันให้คำปรึกษาเรื่องสถานที่ตรวจ ช่วงเวลาที่ควรตรวจ และคอยปลอบใจ  บรรเทาอาการจิตตกของชายคนดังกล่าว   ทนอยู่อย่างนั้นทำแบบนี้  ตลอดช่วงเวลาแห่งอาการจิตตกหวาดผวาของเค้าจนกระทั่งปิดเคสจิตตกนี้ที่สามเดือน .. ชายผู้จิตตกดีใจมากแสดงอาการดีใจจนรู้สึกได้ในน้ำเสียงที่ได้ยินทางโทรศัพท์ ...เพื่อนเราก้อดีใจไปกับเค้าด้วย ... หลังจากวันนั้นชายคนนั้นก้อไม่ค่อยโทรมาเหมือนเดิม เพื่อนบอกว่าเป็นแบบนี้แหละพวกจิตตก  สังคมยังรับไม่ได้กับสิ่งที่เราเป็นหรอก เค้ารังเกียจเค้าถึงกลัวและระแวง   ดูสิ เค้าเคยบอกว่าจะฆ่าตัวตายด้วยนะถ้าเค้ามีเชื้อบ้านี่ ...เราได้แต่เงียบ  ประโยคสุท้ายที่เค้าพูดกับเราทำให้เราสะท้อนใจ เค้าบอกว่า เค้ารู้สึกว่าหลายคนรังเกียจเค้า  ยิ่งมีพวกจิตตกมากเท่าไหร เค้ายิ่งไร้ค่ามากเท่านั้น ไม่เคยกลัวเลยโรคเอดส์มันอยู่กับเราจนชิน ไม่ดื้อไม่แว้งกัด อยู่มาเจ็ดปีไม่เคยรับยา  แต่เค้ากลัว ผวาทุกครั้งที่เห็นกระทู้จิตตก เหมือนกระทู้เหล่านั้น คอยหลอกหลอน คอยตอกย้ำว่าเค้าน่ารังเกียจ  นี่เป็นอีกเหตุผล ที่พักหลังเราเข้ามาในลุมพินีเพื่อตอบคำถาม เกี่ยวกับเอช  อยากให้คนในสังคม เปิดใจมากขึ้นคิดถึงคนอื่นมากขึ้น คิดถึงคนกลุ่มนี้มากขึ้น ต้องขอโทษคุณหมอที่มาใช้พื้นที่ในกระทู้ของคุณหมอ  เพราะต้องบอกจริงๆ กลัวว่าสมาชิกท่านอื่นจะรำคาญกัน  ว่าพร่ำอะไรนัก  แต่เห็นคุณหมอพูดเรื่องนี้มาและมีหลายคนที่หวาดกลัว  อยากให้เปลี่ยนความหวาดกลัวเป็นระมัดระวังตัวแทนมากกว่า  เพราะมันจะทำให้ควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อได้ดีที่สุด แต่หากพลาดติดเชื้อขึ้นมา  ก็ต้องเข้มแข็งสู้กันต่อไป เอชไอวีเป็นเชื้อไวรัสที่ปราณีกับผู้ที่ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี  อยู่ได้หลายสิบปีเลยค่ะ  เหมือนคนปกติทุกอย่างเพียงแต่เลือดบวกต่อเอชไอวีแค่นั้นรบกวนฝากไว้นิดนะคะ เอชไอวีกับสังคมไทยมันละเอียดอ่อน มาก มันไม่ใช่แค่เรื่องทางสังคมอย่างเดียวมันรวมหมดทั้งทางสังคม  และทัศนคติโดยรวม ขออภัยคุณหมอค่ะ อยากให้ระวัง  แต่ไม่อยากให้ผวาหรือหวาดกลัวกัน จากคุณ : moonny เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 16:12:50

ความคิดเห็นที่ 37 hiv เป็นเสมือน ตัวร้าย ในหนังในละคร ชีวิตคนเราก็เหมือน ละครครับ มีพระเอก มีนางเอก ก็ต้องมีตัวร้ายครับ แต่ถ้าทุกคนเป็นพระเอก นางเอก ตัวร้ายก็ทำอะไรเราไม่ได้ครับ มนุษย์ ไม่ได้มีเซ็กส์เพื่อการสืบพันธ์ เหมือนสัตว์ อื่น ๆ ครับ จากคุณ : ton_21 เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 16:46:44

ความคิดเห็นที่ 38 กลัวค่ะ บอกตรงๆ ถึงตรวจเลือดก่อนแต่งงาน ไม่เป็นก็จริงแต่หลังแต่งไปแล้วถ้าผู้ชายไปมีเล็กมีน้อยแล้วเอาเชื้อกลับมาฝากเราเราก็ไม่รู้อยู่ดี ได้แต่เฮ้อ!! จากคุณ : ซึนเดเรกโกะ เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 17:35:45

ความคิดเห็นที่ 39 ที่ออฟฟิตตอนนี้มั่วมาก นิยมคบผู้หญิงที 3-4 คนพร้อมกัน ไม่รู้จะเตือนยังไง เห็นแล้วก็เศร้าใจ จากคุณ : danni (Danni) เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 18:23:15

ความคิดเห็นที่ 40 เรยา จากคุณ : Peacefulmean เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 18:58:45

ความคิดเห็นที่ 41 คนที่น่าเห็นใจอีกคนหนึ่งก็คือลูกที่กำลังจะเกิดมา ถ้าไม่ติดจากแม่ก็โชคดี  แต่ถ้าติดเชื้อจากแม่ละก็.....คิดแล้วก็เศร้า... เพราะอัตราการถ่ายทอดเชื้อจากแม่สู่ลูก  ยังไม่ได้อยู่ที่ 0 จากคุณ : พิกุลเหล็ก เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 19:24:37

ความคิดเห็นที่ 42 ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับใคร ไม่ได้มีพฤติกรรมเสี่ยง แต่กลัวไปตรวจแล้วเจอ แล้วจะโดนมองว่า เป็นคนน่ารังเกียจ เป็นพวกแอบเที่ยว เป็นพวกโกหก ไม่มีใครคบอีก ผมกลัวเกินไปรึเปล่าครับ? จากคุณ : CARAGIO เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 19:36:50

ความคิดเห็นที่ 43 ^ ^ แล้วมันน่ากลัวตรงไหน ในเมื่อพฤติกรรมไม่เสี่ยง  hiv ไม่ใช่เดินอยู่ดีดีแล้ว อุ๊ย ฉันมี hiv นะคะ  ถ้าไม่เสี่ยงก็ไม่ควรกังวลจนเกินเหตุ ระวังได้แต่อย่าผวานะคะ ปล.แต่อย่างไรเสีย การตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อต่างๆ ไม่ว่าจะเสี่ยงหรือไม่เสี่ยงก็ควรกระทำ หรือรวมไปกับการตรวจสุขภาพประจำปี โดยปกติ   แต่ไม่ควรผวาจนเกินไปนะจ้ะ :) จิตตกอย่างมีเหตุผลค่ะ แก้ไขเมื่อ 28 เม.ย. 54 21:27:13 จากคุณ : moonny เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 21:20:14

ความคิดเห็นที่ 44 ไม่ใช่ตรวจเลือดก่อนแต่งงานนะคับ ต้องเปลี่ยนเป็น ตรวจเลือดก่อนคิดจะมีเซ็กส์ กับแฟนใหม่ ถึงจะเป็นแฟนเก่า 3-6เดือนก็น่าจะตรวจอีกซักรอบ จากคุณ : iChi-z เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 21:22:09

ความคิดเห็นที่ 45 เห็นด้วยครับ ผมกับแฟนไปด้วยมาแล้วด้วยกันทั้งคู่ ตอนนี้ก็สบายใจแล้ว ห่วงก็แต่น้องชายผมนี่แหละ คือติดเที่ยวเหลือเกิน เตือนแล้วเตือนอีก ก็ไม่ฟัง เฮ้อ จากคุณ : Firepocket เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 22:50:40

ความคิดเห็นที่ 46 แล้วถ้าแต่งงาน แล้วสามีแอบนอกใจล่ะ เฮ้อ เครียดอีก โสดดีกว่าเรา จากคุณ : รักหนักแน่น เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 23:01:36

ความคิดเห็นที่ 47 ขอเข้ามาเสริมทัพแบบย้ำๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ กับกรณีนี้ครับ บางคนอาจจะคิดว่า ข้อมูลที่คุณจขกท.เอามาเล่านั้น เป็นประเภทกรณีหายาก นานๆแจ๊คพอตเจอทีนึง ... เค้าจึงมาเล่าให้ฟัง ... ขอบอกว่า "ไม่ใช่นะครับ!!" ข้อมูลที่คุณจขกท.เล่ามานั้น เป็นกรณีพบได้ทั่วไป ซึ่งคุณจขกท.อยากเอามาแชร์เตือนสาวๆกันครับ ... หาได้ใช่เรื่องราวหายากที่ต้องรีบคาบข่าวมาป่าวประกาศไม่!! ใครมีเพื่อนมีฝูงทำงานโรงพยาบาล ถามเค้าดูได้ครับ ถ้าเป็นโรงพยาบาลเล็กๆบ้านนอกคอกนาห่างไกลความเจริญ ดูแล้วไม่น่าเชื่อว่าจะมีโรงพยาบาลมาตั้งอยู่แถวนี้ได้ จนคนผ่านไปผ่านมาอดสงสัยไม่ได้ว่าโรงพยาบาลนี้มันร้างหรือเปล่าฟะ!! ... ขอบอกว่าต่อให้เป็นโรงพยาบาลแบบนี้ก็ตาม เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องเกร่อๆที่เจอทุกเดือน เดือนละ 1-2 ราย ถ้าเป็นโรงพยาบาลใหญ่ๆในเมืองใหญ่หรืออย่างในกทม.เองล่ะก็ ... อย่าให้เซดดดดด!!! ยังไงอยากให้ระวังตามที่คุณจขกท.ย้ำเตือนกันมากๆนะครับ จากคุณ : TalkyWalky เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 23:12:11

ความคิดเห็นที่ 48 นอกจากเตือนสาวๆแล้ว ก็ควรจะสร้าง"จิตสำนึก"ให้หนุ่มๆด้วยนะคะ ถึงผู้หญิงระวังให้ตาย แต่ผู้ชาย(เลวๆบางคน)ไม่รู้จักป้องกัน ยังคงทำตัวกะเลวกะราดต่อไป "มันก็ไร้ประโยชน์นะคะ" ของแบบนี้ ตบมือข้างเดียวไม่ดังค่ะ จากคุณ : oyster tragidy เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 23:25:47

ความคิดเห็นที่ 49 เฮ้อ น่ากลัวจังค่ะ น่ากลัวมากๆๆค่ะ จากคุณ : หมูหวานน้ำกะทิ เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 54 23:38:44

ความคิดเห็นที่ 50 งืมๆ น่ากลัวอะ ขอกดโหวตให้ละกัน มีแฟนก็รักแฟนคนเดียวเหอะ ผมผู้ชาย บางครั้งก็เคยคิดจะไปมีคนอื่น แต่คิดไปคิดมา ไปมีแบบ จะได้คนที่รักเราและทุ่มเทเท่าแฟนคนนี้หรอ? สุดท้ายก็กลับมานั่งหาแฟนคนเดิม (ฮา) บางทีมีอะไรกับแฟน ยังเคยถามเลยว่า มีอะไรกับใครก่อนป่าวเนี้ย? แฟนก็ว่าเลย 55+ (จะบ้าเรอะ มีอะไรกับแกคนแรกนั้นละ) คบกับแฟนมาตั้งแต่อายุ 18 หุหุ (คงไม่มีหรอกมั่ง HIV - -") จากคุณ : popzeta เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 54 01:17:37

ความคิดเห็นที่ 51 ความน่ากลัวของสังคมสมัยนี้ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y10498850/Y10498850.html จากคุณ : โชติช่วงชัชวาล เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 54 05:34:11

ความคิดเห็นที่ 52 ขอบคุณมากครับ เป็นเรื่องใกล้ตัวจนบางคนนึกไม่ถึง,, อ่านแล้วเศร้า,, จากคุณ : yangtaiping เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 54 06:44:28

ความคิดเห็นที่ 53 น่ากลัวจังเลยค่ะ จากคุณ : sweet_bee18 เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 54 09:30:26

ความคิดเห็นที่ 54 ไอ่ประโยคที่ว่า ตอนแรกที่แจ้งผลเลือดของสามี ประโยคแรกที่ฝ่ายภรรยาพูดคือ "ดีแล้วแหละ ถ้าชั้นเป็นอะไรไป อย่างน้อยลูกก็มีคนดูแล" อ่านแล้วเศร้าสะเทือนใจค่ะ ชื่อกระทู้ว่า  คุณผู้หญิงทุกท่าน โปรดอ่าน อยากเปลี่ยนว่า ทุกท่าน โปรดอ่าน ไม่ว่าหญิง หรือชาย ต้องเข้าใจ และมีจิตสำนึกต่อตนเองและคนที่เรารักทุก ๆ คนค่ะ จากคุณ : ให้เพียงเธอหมดใจ เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 54 09:59:29

ความคิดเห็นที่ 55 ไม่เข้าใจ คห. 32 ทำไมต้องเกลียดกระทู้นี้คะ ? จากคุณ : ForFanG เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 54 10:14:46

ความคิดเห็นที่ 56 โอ ... อ่านแล้วเศร้ายังไงไม่รู้ จากคุณ : หลังอาน เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 54 10:25:28

ความคิดเห็นที่ 57 ทำงานเป็นพนักงานฝ่ายบุคคลที่บริษัทแ่ห่งหนึ่ง(เมื่อ 10 ปี ที่แล้ว) เผอิญต้องมีการตรวจสุขภาพพนักงานก่อนที่ส่งตัวไปฝึกงานต่างประเทศ ไม่น่าเชื่อพนักงานอายุเพียง 21 ปี สวย น่ารัก เรียบร้อย ตรวจสุขภาพไม่ผ่าน คุณหมอไม่สามารถแจ้งได้ว่าไม่ผ่านเพราะอะไร (น่าจะเดากันได้) ตอนนั้นกำลังคบกับหัวหน้างาน อนาุคตไกล ตัวหัวหน้างานเอง เพียรมาถามว่าน้องเป็นอะไร เราก็ได้แต่ตอบว่า ตรวจแล้วมีปัญหาสุขภาพ หลังจากนั้น น้องมาปรึกษาว่า คุณหมอบอกว่าตรวจแล้วมีเชื้อ ควรทำอย่างไรต่อไปดี ก็ได้แต่ปลอบใจและให้คำแนะนำว่าควรไปปรึกษาที่คลินิคนิรนามที่ ร.พ และปฎิบัติตัวให้ถูกต้อง แต่ก็อดไม่ได้ที่ถามว่า ติดมาได้อย่างไร น้องบอกว่าเมื่อสมัยเรียนมัธยม เลยลอง ยาเสพติด ประเภทใช้เข็มฉีด ต่อๆ จากเพื่อนๆ (น้องแค่ลองและนานจนลืมเรื่่องนี้ไปแล้ว) ** นี่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่เสี่ยง** จากคุณ : reka เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 54 10:32:04

ความคิดเห็นที่ 58 ฮานะเคยอ่านหนังสือเล่มนึง  นานมาแล้ว รู้สึกว่าคนที่เขียนจะเล่าว่าตัวเค้าเองเคยทำงานในรพ.แถวบางรัก สีลมนี่แหละค่ะ  เค้าบอกว่าเดินผ่านตรงแผนกผู้ที่มารับยาต้านเชื้อ  แต่ล่ะคนดูขาว สะอาด หุ่นดี ถึงจะใส่แว่นดำก็ยังรู้ว่าหน้าตาสวยแน่นอน  บางคนยังเด็กวัยรุ่นอยู่เลย ...  มันทำให้ฮานะคิดว่า  คนที่ติดเชื้อบางทีเค้าไม่มีอาการอะไรให้เรา ก็อย่าได้วางใจ  ไม่ได้ให้รังเกียจนะค่ะ ของแบบนี้มันไม่ได้ติดกันง่ายๆ แค่สัมผัสเราสามารถอยู่ร่วมสังคมเดียวกันได้  แต่ที่บอกอย่าได้วางใจหมายถึง ก่อนมีเพศสัมพันธุ์  เราแน่ใจได้อย่างไรว่าเรารู้จักคนๆ นี้ดีแล้ว ...  และปลอดภัย อยากฝากถึงผู้ที่ติดเชื้อทุกคน  ว่าให้ดูแลตัวเองดีๆ และขออย่าแพร่เชื้อให้คนอื่น  ถึงไม่บอกใครไม่มีใครว่า  แต่การที่คุณแพร่เชื้อให้คนอื่น ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม คุณกำลังทำบาป ค่ะ ฝากถึงคนมีครอบครัวแล้ว ก็รักษาศีล 5 ผัวเดียวเมียเดียวกันเถอะค่ะ  สมัยนี้คนที่มีแฟนคนเดียวรักเดียวใจเดียวอยู่กันนานๆ มีแต่คนเค้านับถือ ยกย่อง ตัวอย่างก็มีให้เห็น อย่างคุณเคน ธีรเดช  คุณยุรนันท์ ....  คนที่เป้นพวกเจ้าชู้ไก่แจ้ นอกใจ แย่งผัว/เมียชาวบ้าน มีแต่คนเค้ารังเกียจนะค่ะ จากคุณ : ฮานะจังแห่งPWC เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 54 13:06:52

ความคิดเห็นที่ 59 ตรวจเลือดก่อนแต่งงานทั้งสามีภรรยาเหมือนกันค่ะ แล้วก็ก่อนวางแผนตั้งครรภ์ก็ไปตรวจอีกรอบด้วย ไม่ใช่ไม่ไว้ใจ แต่ว่ามันเป็นเรื่องความรอบคอบ และความรับผิดชอบต่อชีวิตที่กำลังจะเกิดมา ขอบคุณมากที่มาตั้งกระทู้ดี ๆ อย่างนี้ค่ะ จากคุณ : กลมเป็นหมูแต่ก็ยังดูน่ารัก เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 54 13:12:13

ความคิดเห็นที่ 60 เข้าใจคนที่จิตตกค่ะ  ทุกคนกลัวตายกันทั้งนั้น  ถึงจะมียาต้านช่วยให้มีชีวิตยืนยาวก็เหอะ  ที่สำคัญตอนนี้คือทุกคนต้องรู้จักระมัดระวังตัวเองค่ะ  อย่าประมาทเป็นอันขาด  หลีกเลี่ยงภาวะเสี่ยงทุกอย่าง  ต้องเข้มแข็งและจริงจังให้มากๆค่ะ  อย่างพวกเหล้าเข้าปากแล้วบอกไม่กลัวอะไร  นี่แหละค่ะนำตาจะตกเอา  ขอให้ทุกคนโชคดีค่ะ จากคุณ : วับวิบพริบพราว เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 54 13:14:45

ความคิดเห็นที่ 61 ู^^^ ^^^ ^^^ จิ้มไปคห.ที่6 ขอเสริมนิดนึงจ๊ะ การตรวจผลเลือดตอนนี้ มีวิธีตรวจแบบใหม่รอแค่สี่สัปดาห์หลังจากมีsexได้แล้วครับ ระหว่างสี่สัปดาห์ที่รอต้องไม่มีsexเพิ่ม... จากคุณ : ลูกป้าหนอม เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 54 17:09:03

ความคิดเห็นที่ 62 นอกจากผู้หญิงที่ต้องอ่าน ผู้ชายนั้นแหละสมควรอ่านมากกว่าผู้หญิงนะ ตัวแพร่พันธุ์เชื้อโรคเลย  (ขออภัยค่ะ หากชายใดไม่ได้เป็น) กลายเป็นหญิงคนแรกนั้นหมดอนาคต เฮ้ออออ กำ หากตัวเองไปมั่วบ่อยๆ ก็ควรบอกแฟนหรือภรรยาหน่อยเถอะ หรือถ้าตัวเองเป็นเอดส์หรือเสี่ยงก็ควรบอก เพราะไม่งั้น เท่ากับว่าคุณได้ทำบาปทำลายชีวิตของ ภรรยา และลูกในท้อง ที่กำลังจะเกิดมา ทั้งที่เด็กไม่มีความผิดเลย กลักลายเป็นว่า ต้องเป็นเด็กที่มีโรคเอดส์ติดตัวไปตลอดชีวิต ก่อนแต่งก็ควรตรวจ หลังแต่งจะมีไรกันก็ควรตรวจอยู่ดี แต่ถ้าในชีวิตต้องมาคอยกังวลจะเติดเชื้อหรือไม่ติด สู้ต่างคนต่างรักษาศีล ไม่ปีนต้นงิ้ว ไม่นอกลู่นอกทางง่ายกว่าอีก ไม่นอกใจกันมันลดความเสี่ยงดีกว่านะ ไม่เปลืองเงินค่าหมอด้วย จากคุณ : ปลงสังเวช (Much the same) เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 54 18:42:46

ความคิดเห็นที่ 63 อึดอัดทุกครั้ง ตอนที่เป็นคู่สามีกัน แต่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นเอดส์ แต่ไม่ยอมให้หมอบอกอีกฝ่ายหนึ่ง  บางครั้งตัวผู้หญิงเป็นเอดส์ แต่ไม่ยอมให้บอก "ว่าที่สามี" ว่าตัวเองเป็นเอดส์ เพราะกลัวเค้าจะขอเลิก .. ไม่รู้จะเลือกทางไหน ระหว่าง 1) ปกป้องความลับของผู้ป่วย หรือ 2) ปกป้องสุขภาพของคนที่ยังไม่ป่วย จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 54 20:27:13

ความคิดเห็นที่ 64 2) ปกป้องสุขภาพของคนที่ยังไม่ป่วย ต้องเลอืกอันนี้ครับ จากคุณ : econometricsดิกกะดุ่ย เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 54 22:15:32

ความคิดเห็นที่ 65 ^ ^ ถ้าเลือกข้อนั้น โดนฟ้องตายครับ  แล้วก็ผิดจรรยาแพทย์ด้วย ในข้อที่ระบุไว้ว่าไม่เปิดเผยความลับผู้ป่วย ? จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 54 23:29:06

ความคิดเห็นที่ 66 2) ปกป้องสุขภาพของคนที่ยังไม่ป่วย เห็นด้วยค่ะ จากคุณ : Dream on friday เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 54 23:29:47

ความคิดเห็นที่ 67 สามีของเคสที่ 2 โชคดีมากค่ะ  ที่มีเพศสัมพันธ์กับภรรยาขนาดนี้แล้วผลยังเป็น negative  แต่ว่างงจังเลย ว่าไม่ติดได้ยังไง เพราะไม่ได้มีการป้องกันอะไรจนภรรยาตั้งครรภ์  คราวนี้ก็ต้องมาลุ้นว่าเด็กจะติดเชื้อมั้ย เศร้าจัง สงสารเด็กน้อยตาดำ ๆ จากคุณ : อีกหนึ่งมุมมอง เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 54 01:18:03

ความคิดเห็นที่ 68 มีเยอะค่ะที่ไม่ติด เจอมาแล้วหลายเคส เป็นประจำ ผลเลือดใครผลเลือดมันค่ะ เอาผลเลือดอีกคนมาตัดสินอีกคนไม่ได้ แต่ที่น่าประทับใจกว่า คือบางเคส เจอว่าแฟนติด ตัวเองไม่ติด ก็ยังคงอยู่ไม่ไปไหน มาถามประจำเกี่ยวกับวิธีดูแลแฟนแล้วก็ตัวยาที่จะต้องกิน การจัดยา เพื่อให้กินยายุ่งยากน้อยที่สุเด ที่เจอมาจะเป็นแบบนี้มากกว่า น่ารักมากค่ะ ส่วนเรื่องเด็กจะติดเชื้อไหมมันอยู่ที่แม่ว่าถึีงมือหมอไหม คือ ปฏิบัติตามที่หมอบอกไหม กินยาต้านตรงเวลาไหม แม้เปอร์เซนต์การติดเชื้อจากแม่สู่ลูกจะไม่ใช่ 0 แต่ ลดไปเยอะค่ะ  มีเด็กหลายคนที่พ่อแม่เป็น แต่ลูกไม่เป็น  มีหลายคู่ที่พ่อเป็น แต่แม่และลูกไม่เป็น  ถ้าแม่ไม่เป็น กรณีที่ลูกจะติดเชื้อมีน้อยมาก หรือแทบไม่มีเลย จากคุณ : moonny เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 54 06:59:38

ความคิดเห็นที่ 69 ถึงคุณหมอก้อนหิน นั่่นสิคะ แต่จริงๆอยากให้มีการบอกได้นะ ปัญหาคือ ความเข้าใจมากกว่า คนเข้าใจเรื่องนี้น้อยมาก ฉะนั้นเวลามันเกิดปัญหา มันมากับผวา คือ ผวากับปัญหามันอยู่ด้วยกัน เพราะความกลัวที่มีอยู่แต่เดิมเป็นโจทย์ที่ว่ามันเป็นโรคที่น่ารังเกียจ ใครเป็นก็ต้องน่ารังเกียจ  แต่ถ้าสังคมเข้าใจเกี่ยวกับเชื้อตัวนี้กันมากขึ้น จนถึงขนาดที่ว่าเรื่องเชื้อ HIV มันไม่ใช่ความลับที่จำเป็นต้องปกปิดกันต่อไป สามารถบอกใครก็ได้ เหมือนโรคมะเร็งหรือโรคหัวใจที่ไม่อายที่จะบอก มันก็คงดี แต่ไม่รุ้จะมีวันนั้นไหม ถ้ามี คงลดการแพร่กระจายลงได้เยอะ ในความคิดคือถ้าเข้าใจกันมากขึ้นทั้งตัวผู้ติดเชื้อและไม่ติดเชื้อ และให้ความสัมคัญว่ามันคือโรคโรคนึงที่ติดต่อได้ และก็ป้องกันได้ คนติดเชื้อไม่อายที่จะบอกใคร เหมือนตัวเองเป็นเบาหวานเป็นโรคหัวใจ ก็คงจะดี จากคุณ : moonny เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 54 07:05:32

ความคิดเห็นที่ 70 ที่น่ากลัวมากคือพวกตรวจเอดส์ผ่านสภากาชาด แย่ที่สุดไม่รู้จะเปรียบกับอะไร ผลก็ไม่ร้อยเปอร์เซนต์ ทำกันอยู่บ่อยๆ จากคุณ : amitambien เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 54 07:08:12

ความคิดเห็นที่ 71 ถามว่าผลร้อยเปอร์เซนต์ไหม ไม่ร้อยค่ะสภากาชาด ไม่มีที่ไหนร้อย เพียงแต่ว่าสามารถตรวจได้เร็วกว่าถืออื่น ความน่าเชื่อถืออยู่ที่ 99.98 % สภากาชาดจะเน้นย้ำเสมอว่า ถ้าหากต้องการตรวจหาเชื้อควรตรวจด้วยด้วยตัวเองก่อน แม้ว่าสภากาชาดิจะมีเทคโนโลยีการตรวจที่ให้ผลแม่นยำ และว่องไวกว่าที่อื่น คือมีทั้งการตรวจ antibody ที่ใช้น้ำยารุ่น 4 และการตรวจ nat ที่สามารถตรวจได้หลังเสียง 5 วัน ผลที่ออกมา เชื่อถือได้สูงมาก แต่เป็นจรรยาบรรณของทุกคนค่ะ (ย้ำว่าทุกคน) ว่าควรตรวจให้ตัวเองก่อนคิดจะบริจาค หรือถ้าคิดจะบริจาคที่สภากาชาดไทย ควรจะงด พฤติกรรมเสี่ยง 10 วันถึง 1 เดือนขึ้นไป (ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ถ้าติดเชื้อมาจริงจะตรวจเจอ) เพราะบางคนไปบริจาคหลังเสี่ยงแค่สองวันหรือวันเดียว เทคโนโลยีดีเลิศอย่างไรก็ตรวจไม่พบ จากคุณ : moonny เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 54 07:20:52

ความคิดเห็นที่ 72 เรื่องบางเรื่อง จะว่าไกลตัว ก็ไกลตัว แต่บางทีมันอาจมาอยู่ซะใกล้ จนน่าใจหาย จากคุณ : naming เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 54 09:42:36

ความคิดเห็นที่ 73 ขอบคุณค่า จากคุณ : Tysonlovers เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 54 10:42:16

ความคิดเห็นที่ 74 น่ากลัว มากน่ะครับ   เพื่อนที่ รู้จัก ก็เป็น ติดเมียด้วย เศร้า มาก  ลูกค้าที่ซื้อของ เห็น หน้ามาหลายปี  ตายไป2    ไงก็ระวัง   แล้วกัน   อย่าให้ต้อง ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้าตา น่าเอา กระทู้ นี้ ให้  กระทู้ แนะนำ ห้องสยาม บ้างกระทู้  ได้ดูน่ะ   ^^, จากคุณ : เเมนเอล เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 54 12:43:27

ความคิดเห็นที่ 75 เราก็ตรวจก่อนแต่งงานค่ะ ตอนนี้ลูก 1 ขวบ 5 เดือน แล้ว ตั้งแต่คลอดก็งดปฏิบัติกิจไปโดยปริยาย (--") กะว่าถ้าจะท้อง 2 คงต้องไปตรวจเลือดใหม่ก่อน เพราะไม่เชื่อว่าสามีจะอั้นได้นานขนาดนี้ คงต้องมีนอกลู่นอกทางบ้างตามประสาค่ะ จากคุณ : cotton_ud เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 54 13:18:59

ความคิดเห็นที่ 76 น่ากลัวจังค่ะ ในความรู้สึกเรา เหมือนมันไกลตัวมากๆ คนรู้จักไม่มีใครมีเชื้อเลยค่ะ หรือมีแล้วอาการไม่ออกก็ไม่รู้ แต่เราสงสัยอยู่ข้อนึง แล้วที่ต่างประเทศหละ เราดูซีรีย์ฝรั่งเยอะมากๆ แล้วทุกเรื่อง ตัวละครจะมั่วมากค่ะ ส่วนมากซีรีย์จะมีตัวแสดงหลักอยู่ไม่กี่คน 10-15 คน แล้วเหมือนทุกคนก็จะมั่วกัน คือมีอะไรเวียนกันทุกคนแล้ว (ในเรื่องนะคะ) เราอยากรู้ว่า ชีวิตจริงของฝรั่ง ที่มีอะไรมั่วๆแบบนั้น น่าจะมีโอกาสติดเชื้อสูงใช่มั้ยคะ แต่เราอยู่ต่างประเทศ ดูทีวี อ่านหนังสือพิมพ์ ก็ไม่เคยเจอโฆษณาให้ตรวจเลือดเลยค่ะ พูดได้ว่าไม่เคยเลย จะมีแต่รณรงค์ไม่ให้ดื่มแล้วขับรถ หรือให้คาดเข็มขัดอะค่ะ จากคุณ : Imaginary diva เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 54 14:40:39

ความคิดเห็นที่ 77 ขออนุญาต จขกท. นิดนึงค่ะ paragraph 3 บรรทัดที่ 4 "มหาศาล" ค่ะ ^___^ จากคุณ : ปีศาจแก้มแดง เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 54 15:03:03

ความคิดเห็นที่ 78 เราว่าคู่ที่แต่งงานแล้ว ตรวจก่อนแต่งก็จริงๆ หลังแต่งก็ละเลย ก็น่าจะทำวาระครอบครัว ตกลงกันว่าจะไปตรวจสุขภาพทุกปี (ถ้าทำงานก้น่าจะมีอยู่แล้ว แต่เห้นพวกกลัวเข็มหลีกได้ตลอด - -*) เพื่อตัวของตัวเอง ถ้ามีลูกก็เริ่มปลุกฝังลูกไปเลยว่ายังไงก็ต้องมาตรวจสุขภาพทุกปี มารอให้โตพาไปตรวจมันก็ยังไงๆอยู่ จากคุณ : น.ส.แสงแก้ว เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 54 17:08:23

ความคิดเห็นที่ 79 ยอดผู้ติดเชื้อจากกระทรวงสาธารณสุข แค่ที่มาเสียชีวิตที่วัดพระบาทน้ำพุก็เกินแล้วเมื่อไหร่จะรับความจริงกันซะที่ประเทศไทยชอบหมกเม็ด จากคุณ : a (xecool) เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 54 18:58:56

ความคิดเห็นที่ 80 มีสมาชิกท่านหนึ่ง สงสัยใน คห.63 ที่ผมโพสต์ไว้ ได้ส่งข้อความมาถามว่าทำไมผมและหมอส่วนใหญ่ถึงต้องเลือกที่จะปกป้องความลับของคนไข้ ก็เลยขอตอบ ดังนี้ครับ คือ มันไม่มีข้อยกเว้นเช่นนั้นไงครับ ถ้าหากเราบอกไปปุ๊บ แล้วสามีขอเลิก บ้านแตกสาแหรกขาด คนไข้ทำใจไม่ได้ ไปฆ่าตัวตาย อย่างนี้ก็เป็นบาปติดตัวหมอ แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าไม่บอก แล้วสามีติดเชื้อไป โดยไม่รู้ตัว ก็เป็นบาปอีก มันเป็นเรื่องที่ไม่มีผิดไม่มีถูก แต่ถ้าพิจารณาข้อกฎหมายร่วมด้วยแล้ว ถ้าหมอเลือกข้อแรก นอกจากจะผิดจรรยาบรรณ ผิดจริยธรรมแล้ว ยังอาจจะโดนฟ้องอีก เรื่องคล้ายๆ นี้ เค้าเรียกว่า เป็นเรื่อง dilemma ครับ   เรื่อง dilemma ประเด็นอื่นๆ เช่น ถ้าหากมีคนในครอบครัวจะเสียชีวิต คุณช่วยได้คนเดียว จะเลือกช่วยใคร ระหว่าง พ่อ และ แม่ หรือ ระหว่างพี่น้อง กับ ภรรยา/สามี แต่ส่วนใหญ่ หมอมักจะเกลี้ยกล่อมให้คนไข้ไปบอกสามี/ภรรยาด้วยตนเองมากกว่าครับ แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 54 20:53:27 จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 54 20:52:52

ความคิดเห็นที่ 81 3 gift ค่ะคุณหมอ ขอบคุณมากค่ะ สำหรับคำขยายความเพิ่มเติม จริงๆ เท่าที่คุยกับหมอที่ทำงานด้านนี้ จะค่อนข้างลำบากใจในเคสแบบนี้สูง ถามหมอมาเหมือนกันค่ะ หมอก็อธิบายคล้ายๆกับที่คุณหมอก้อนหินบอก มันต้องเลือกที่จะเสียหายน้อยที่สุด อาศัยวิจารณญาณมากที่สุด จะเถรตรงไปหมดไม่ได้ ต้องหาวิธีที่จะทำให้ คู่สามีภรรยาเปิดใจคุยกันเอง อย่าละมุนละม่อม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องดูจังหวะด้วย  หมอบอกมาเช่นนี้ค่ะ แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 54 21:49:27 จากคุณ : moonny เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 54 21:46:57

ความคิดเห็นที่ 82 งง กับคนที่สอง  ตัวภรรยาที่ตั้งท้องตรวจพบ HIV  แต่สามีเป็น negative ถ้าคนเราอยู่กินกันจนท้อง  โดยที่ฝ่ายชายไม่ติดโรค  มันจะเป็นไปได้หรือคะ จากคุณ : rattis5500 เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 54 22:16:03

ความคิดเห็นที่ 83 คิดง่ายๆว่า คนไทยเป็นเอดส์เกินหนึ่งเปอร์เซนของประชากรทั้งประเทศหน่ะครับ แล้วสิ่งนึงที่มีบ่อยคือ ผู้หญิงดีๆ ที่จะมีอะไรกับสามีคนแรก แต่ฝ่ายสามีมักจะเป็นผู้ชายที่กร้านโลกมาก จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 54 23:58:35

ความคิดเห็นที่ 84 มี graph ช่วงอายุไหมครับ  ว่า % สูงสุด อยู่ที่ช่วงอายุเท่าไหร่ จากคุณ : Spirited Away เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 54 04:54:33

ความคิดเห็นที่ 85 ส่วนตัวเคยใช้ชีวิตเสี่ยงมั๊กๆ หลายต่อหลายครั้งสมัยวัยรุ่นเที่ยวทุกคืน ครั้นจะป้องกันหรอ ก็ไม่ทุกครั้งเสมอไป หลายครั้งเมาไม่ทันป้องกัน หลายครั้งจะป้องกันแต่ไม่ทันจะหยิบเกมส์ก็เริ่มซะแล้ว ผ่านไปหลายปีใช้ชีวิตเริ่มจะปกติ พักหลังๆมีตุ่มใสๆขึ้นตามตัว คันๆยิบๆ เพื่อนเป็นพยาบาลบอกว่าไปตรวจดีกว่ามั้ยจะได้ไม่ต้องกังวล หาข้อมูลในเนตก็แล้ว อะไรก็แล้ว ทำไมดูมันคล้ายที่ตูเป็นจังเลยวะ พอไปหาหมอโรคผิวหนังปกติ หมอก็บอกแค่ว่าเป็นอาการแพ้อะไรซักอย่าง บอกไม่ได้เหมือนกัน เลยกลั้นใจตรวจเลือดมันซะให้รู้แล้วรู้แรด สามชั่วโมงที่รอผลอยู่แถวโรงบาล ก๋วยเตี๋ยวเนื้อตรงข้ามเปาโลสะพานควายที่ว่าอร่อยๆ รสชาติกร่อยเหมือนน้ำล้างตีนยังไงยังงั้น ครบสามชั่วโมงกลับเข้าไปโรงพยาบาลอีกที พยาบาลบอกให้นั่งรอซักพัก ไม่นานนักพยายามเรียกให้เข้าไปพบแพทย์ เจอหน้าหมอพร้อมซองขาวกับใบตรวจผลในมือหมอ หมอหยิบมาอ่านแล้วบอกว่า "คุณปกตินะ สบายใจได้" เท่านั้นแหละ บรรดาก้อนหินสิบแปดตันสิบก้อนที่ทับไว้ใจในกลายเป็นฝุ่นผงไปในทันที โล่งอย่างที่ไม่เคยโล่งมาก่อน จากวันนั้นไปไม่กล้าใช้ชีวิตเสี่ยงๆอีกแล้วละครับ แค่คิดว่าจะเป็นก็จิตตกพอแล้ว ถ้าเป็นจริงนี่คงทำอะไรไม่ถูกแล้วกับชีวิต จากคุณ : จับได้โดยละม่อม Return เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 54 11:48:15

ความคิดเห็นที่ 86 อ่านแล้วขนลุกเลยค่ะ จากคุณ : วสุนา. เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 54 12:09:48

ความคิดเห็นที่ 87 *อีกปัญหาอยากฝากไว้คืะ มะเร็งปากมดลูกนะคะ สามีที่สำส่อน เพิ่มโอกาสให้ภรรยามีความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปากมดลูก แม้ภรรยาจะไม่เคยนอนกับคนอื่นก็ตาม... จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 54 18:31:21

ความคิดเห็นที่ 88 High Sex High Risk จากคุณ : Hi's (Babbitry Boy) เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 54 19:15:01

ความคิดเห็นที่ 89 งงกับเคสที่สองแบบสุดๆเช่นกัน ญ มีแฟนเก่า 5ปีที่แล้ว ถ้าติดเชื้อจากแฟนเก่า แล้วทำไมไม่ไปติดสามีด้วยล่ะครับ ? จากคุณ : int.anti เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 11:09:08

ความคิดเห็นที่ 90 กระทู้ดีมีโหวต + แจกกิ๊ฟ ตอบ คห. 89 คิดว่าเชื้อจะมาจากน้ำอสุจิเวลามีเพศสัมพันธ์หรือเปล่า จากภรรยาไปติดสามีก็ยาก แต่จากสามีภรรยาสามารถติดได้เพราะมีการรับเชื้อผ่านการหลั่ง บางกรณีได้ยินว่าผู้ชายสามรถติดโรคได้ถ้าไปเที่ยวซ่อง จากคุณ : อยากรู้ว่าเธอคือใคร เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 13:11:00

ความคิดเห็นที่ 91 เพิ่งรู้วันนี้ว่าเพื่อนที่เป็นกระเทยติดเชื้อ เฮ้อออ ใกล้ตัวมากเลย ยังตกใจไม่หาย !!! จากคุณ : Super prink Girl เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 14:32:51

ความคิดเห็นที่ 92 ถ้าภรรยามี ชู้ เราจะพูดอย่างไรให้เขาไปตรวจเลือด โดยที่รักษาน้ำใจกันมากที่สุด จากคุณ : p3024 เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 15:27:49

ความคิดเห็นที่ 93 รู้ว่าตัวเองเป็น เก็บเงียบไม่พอยังจะไปมีเซ็กส์แบบไม่ป้องกันกะสามี/ภรรยา หรือคนอื่นๆอีก...... อยากรู้นักว่าหัวใจคุณทำด้วยอะไร...... คุณไม่ได้เอาปืนไปยิงเค้าโป้งเดียวตาย แต่จุดจบแล้วคุณก็ไม่ต่างจากมือปืน....ฆาตกรนั่นเอง จากคุณ : auntieCDC เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 18:26:13

ความคิดเห็นที่ 94 "เลยนึกได้ว่า เคยมีแฟนคนนึงเมื่อ 5 ปีที่แล้ว " ^ ^ อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว รู้สึกสะเทือนใจกับสังคมไทยมาก จากคุณ : LamoonMan เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 19:04:19

ความคิดเห็นที่ 95 จาก คห.89 ส่วนตัวผมมี 2 คำตอบครับ รอท่านอื่นๆอีกที 1.มีคนประเภทที่มีเพศสัมพันธ์กับคนเป็นเอดส์ยังไงๆก็ไม่ติดอยู่ด้วยครับ (มนุษย์ผู้โชคดี) คนประเภทนั้นจะมีพันธุกรรมต่างจากชาวบ้านนิดหน่อย ทำให้เชื้อเอดส์ไปจับกับตัวจับบนเม็ดเลือดขาว แล้วเข้าสู่เซลล์เม็ดเลือดขาวไม่ได้น่ะครับ ... อธิบายละเอียดหน่อยก็คือ โรคเอดส์นั้น จะติดอยู่ในเซลล์เม็ดเลือดขาวที่เรียกว่า CD4 ครับ ซึ่งการที่เชื้อ HIV จะเข้าไปในเซลล์ CD4 มันต้องอาศัยการจับกับจุดจับจำเพาะหรือ receptor ที่ชื่อว่า CCR5 เพื่อเข้าเซลล์ครับ ซึ่งบางคนจุดรับ CCR5 ไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่องน่ะครับ คนประเภทนี้จะไม่มีวันติดเอดส์ตลอดชีวิต แต่จากรายงานเค้าบอกว่าไม่่ค่อยพบคนเอเซียเป็นแบบนี้เท่าไหร่ แต่ก็อาจจะเป็นเพราะไม่ค่อยได้จับมาตรวจก็ได้มั้ง -*- 2.จุดที่รับเชื้อเอดส์บริเวณอวัยวะเพศชายนั้น คือส่วนที่ ... เอิ่มม อธิบายไม่ถูก -*- คือเอาง่ายๆว่า เชื้อเอดส์นั้น เอามาแตะผิวหนังทั่วๆไปมันก็ไม่ติดใช่ไหมครับ? ... ส่วนของอวัยวะเพศชายก็เหมือนกัน มันมีส่วนที่เชื้อเข้าง่ายกับเข้ายากอยู่ด้วย ... ซึ่งถ้าผู้ชายที่คลิปหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศออกไปแล้ว มักจะติดเอดส์ยากกว่าผู้ชายที่ยังไม่ได้คลิปน่ะครับ (แต่ก็ไม่ได้ยากกว่ามากนะ แค่เพิ่มโอกาสไม่ติดขึ้นมาได้) จากคุณ : TalkyWalky เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 54 22:20:18

ความคิดเห็นที่ 96 อ่านแล้วหดหู่จังค่ะ..มันเหมือนใกล้ตัวทุกที จากคุณ : **dok-krajeab** เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 09:15:34

ความคิดเห็นที่ 97 โชคดีที่มีชีวิต รอดมาได้โดยไม่ติดเอดส์ มานั่งนึกๆ  อืมมม  ไม่น่าทำไปได้เลยตรู จากคุณ : ก้นกบ เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 11:00:42

ความคิดเห็นที่ 98 รัฐบาล โดยกระทรวงสาธารณะสุข ไม่ค่อยได้สนใจ เผยแพร่ ประชาสัมพันธ์แล้วครับ คุณๆ ลองดูทีวี สิครับ มีหรือไม่ สปอต เผยแพร่ หรือ เตือน เรื่อง HIV ..แถบหาดูไม่มีเลยครับ มีแต่ละคร ตบตี ด่าทอ รักๆใคร่ๆ ... นำไปสู่ความไม่รู้เรื่อง HIV สุดท้าย ก็ติดต่อกันง่ายๆ แบบไม่ป้องกัน สื่อที่เผยแผ่ความรู้ดีที่สุด คือ ทางทีวี แต่ไม่มีเลยครับ ประชาสัมพันธ์ เตือนระวังการติดเชื้อเอดส์ การแพร่เชื้อ การป้องกันเรื่องโรคเอดส์ ไม่มีเลยครับท่าน..ไม่สงสัยเลย ทำไมวัยรุ่นไทย ติดเอดส์กันง่ายๆ จากคุณ : ผมเอง ขาไม่หญ่าย (phch) เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 17:39:35

ความคิดเห็นที่ 99 ตอนนี้กับตัวเองไม่ห่วงแล้วคะ เพราะเป็น Single mom กังวลแต่ลูก ตอนนี้พร่ำสอน พร่ำบอก ว่าบุหรี่ เหล้า ไม่ดีๆ เพราะอะไร กะว่าพอโตหน่อย คงต้องสอนเรื่องเอดส์ พูดไปเรื่อยๆๆ อย่างน้อยคงซึมซับบ้างคะ จากคุณ : Popotata เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 21:47:29

ความคิดเห็นที่ 100 เคยไปตรวจ ตอนนั้นกังวล หมอบอกว่าบางคนอยู่กัน มา10ปี ไม่ติดก็มี บางคนครั้งเดียวแจคพอตแตก จากคุณ : สาManUtd เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 54 22:13:35

ความคิดเห็นที่ 101 เคยเจอค่ะ ตรวจสามี พบมีเชื้อHIV รู้อยู่แล้วแต่ไม่ยอมบอกภรรยาเน้นห้ามบอกภรรยานะ ส่วนตัวภรรยาก็ติดเชื้อHIVรู้อยู่แล้วเช่นกัน เน้นย้ำเช่นกันว่าห้ามไปบอกสามีนะ แป่ว....... จากคุณ : chole เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 54 02:03:26 A:71.202.245.130 X: TicketID:303896

ความคิดเห็นที่ 102 เคยเจอคนไข้มาขอต่อหมัน ผมถามว่า ทำไมอย่ากต่อหมัน คนไข้บอกว่า อยากมีลูก ผมถามว่า แล้วตอนนั้นทำไมทำหมันล่ะ คนไข้บอกว่า เป็นเอดส์ หมอเลยแนะนำให้ทำหมัน สามีเก่าเป้นเอดส์ตายไปแล้ว ตอนนี้อยู่กับสามีใหม่ เค้าอยากมีลูก ที่สำคัญ สามีใหม่ไม่รู้ว่า ภรรยาเป็นเอดส์ ผมรู้สึกว่า ทำไมเค้ารักตัวเอง แต่ไม่รักสามีกับลูกที่จะเกิดมาเลยหนอ แก้ไขเมื่อ 04 พ.ค. 54 12:20:04 แก้ไขเมื่อ 04 พ.ค. 54 12:19:29 จากคุณ : Mother Request เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 54 12:18:57

ความคิดเห็นที่ 103 ในเคสแรกสงสัยครับ ถ้าติดเชื้อจากผู้ชาย แล้วทำไมผลเลือดของผู้ชายยังเป็น ลบ ล่ะครับ จากคุณ : pas เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 54 15:06:02

ความคิดเห็นที่ 104 นี่ล่ะ  คนไทย  อายกับเรื่องที่ไม่ควรอาย เรานะ  จูงมือกันไปตรวจก่อนที่จะคิดมีอะไรกันเลย เพราะเราคิดว่า   .........ไม่ใช่แค่เราที่รักตัวเอง...... ใครๆก็รักทั้งนั้น  ถ้าไม่ไปตรวจด้วยกัน  ก็อย่ามามีอะไรกันเลย และนั่นมันยังบ่งบอกนิสัยส่วนตัวด้านลบด้วย จากคุณ : หมอเมืองเหนือ เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 54 15:30:35

ความคิดเห็นที่ 105 ผมไม่กลัวครับเพราะไม่เคยมีอะไรกับใคร จากคุณ : crazyfish เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 54 16:42:27

ความคิดเห็นที่ 106 น่ากลัวจริงๆครับ จากคุณ : cometz เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 54 17:26:45

ความคิดเห็นที่ 107 น่ากลัวจังค่ะ ขอเอาไปแชร์ห้องโต๊ะเครื่องแป้งนะคะ จากคุณ : kiss_pink เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 20:52:52

ความคิดเห็นที่ 108 ก่อนแต่งยังไง ผมก็ยอมให้เจาะครับ ถึงแม้ว่า ผมจะกลัวเข็มก็ตาม จากคุณ : Depump เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 54 23:08:45

ความคิดเห็นที่ 109 ความคิดเห็นที่ 65     ^ ^ ถ้าเลือกข้อนั้น โดนฟ้องตายครับ  แล้วก็ผิดจรรยาแพทย์ด้วย ในข้อที่ระบุไว้ว่าไม่เปิดเผยความลับผู้ป่วย ? จากคุณ : หมอก้อนหิน     เขียนเมื่อ : 29 เม.ย. 54 23:29:06     ถูกใจ : moonny, ฟ้าเขียวใจเดียว, ธัมมนันทิ, My lovely pet, kibkae_wasabi, ครึ่งผีครึ่งคน เกลียดจริงๆเลยกฏหมายข้อนี้ จริงๆแล้วคู่สมรสมีควรมีสิทธิได้รับรู้นะ เพราะมันหมายถึงชีวิตเขาทั้งชีวิต จากคุณ : varada เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 54 23:01:45

ความคิดเห็นที่ 110 อ่านแล้วน้ำตาซึมค่ะ ต่อไปต้องไม่ใช่แค่ ตรวจเลือดก่อนแต่ง แต่ต้องเป็น ตรวจเลือดก่อนมี sex จากคุณ : beaker เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 54 04:51:01

ความคิดเห็นที่ 111 ... เน้น ย้ำอีกครั้งนะครับว่า ช่วยๆๆ กันกด VOTE ก็ดีนะครับ เพี่อที่ กระทู้จะได้อยู่ได้นานๆ นะครับ จากคุณ : okb เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 54 10:54:06

ความคิดเห็นที่ 112 ... เน้น ย้ำอีกครั้งนะครับว่า ช่วยๆๆ กันกด VOTE ก็ดีนะครับ เพี่อที่ กระทู้จะได้อยู่ได้นานๆ นะครับ จากคุณ : okb เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 54 12:39:15