ความคิดเห็นที่ 1 ผมลงชื่อ เป็นเรียบร้อยแล้วครับ บริจาค ทุกอย่าง เอาไปฟัง หรือเอาไปเผาทิ้ง ผมเสียดายของอ่ะครัััับ ราคา ศพ นึง ที่ให้นักศึกษาเรียน ไม่ใช่ถูกๆ หลักแสนนะครับ ผมไม่เอาตัวเองไปเผาทิ้งหรอกครับ เสียดายจริง ไม่ได้ใช้แล้ว ก็ให้น้องๆ เค้าได้ศึกษา ได้เรียน ดีกว่า จากคุณ : napatn เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 11:04:15

ความคิดเห็นที่ 2 คุณตายไปแล้ว ยังจะมานั่งห่วงหาอาวรณ์อะไรกับร่างกายที่ไม่ได้ใช้อีก ยึดติดแบบนี้ตายไปจะมีความสุขได้เหรอ จากคุณ : ผ่านมาบอก เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 11:37:05 A:124.120.65.144 X: TicketID:106043

ความคิดเห็นที่ 3 เราก็บริจาคไปหมดแล้ว บริจาคทั้งอวัยวะ บริจาคทั้งร่างกาย ... ที่จริงสองแห่งนี้ ให้ได้ที่เดียวเท่านั้น แต่เราก็ขอบริจาคไว้ก่อน ดวงตาก็บริจาคอีกที่ ที่จริงๆแล้ว เราชอบทะัเล อยากให้เอาร่างเราไปถ่วงลงกลางทะเล ให้เป็นอาหารของกุ้งหอยปูปลามากกว่า แต่พอนึกถึง คนที่อาจกินปลาที่กินเนื้อเราไป ... ที่จริงก็ไม่น่ารู้นะ ก็ต้องคิดดูก่อน บริจาคไปน่ะดีแล้ว สละละความเป็นตัวเราของเราตั้งแต่วันนี้ ชีวีจะเป็นสุข จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 11:42:49

ความคิดเห็นที่ 4 ขนาดนึกถึงตอนตายแล้ว ยังคิดมากขนาดนี้ นี่คุณจะอยู่คนเดียวอย่างมีความสุขได้จริงๆเหรอครับ ปล. ผมก็อยากทำนะ แต่วันเกิดเมื่อหลายปีก่อนไปบริจาคอวัยวะให้กาชาดแล้วอ่ะ จากคุณ : scozember เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 11:44:15

ความคิดเห็นที่ 5 ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ นักศึกษาทุกคนเคารพอาจารย์ใหญ่มาก ไม่มีใครกระทำกับอาจารย์ใหญ่เหมือนเป็นวัตถุแบบที่คุณคิดหรอกค่ะ ทุกคนปฏิบัติกับอาจารย์ใหญ่เหมือนเป็นอาจารย์ท่านนึงค่ะ ก่อนจะเรียนแต่ละครั้งก็ไหว้สวัสดี ตอนไหว้ครูก็มีพวงมาลัยมาถวาย หลังเลิกเรียนก็ไหว้ขอบพระคุณทุกครั้งค่ะ หลังจากที่ได้ศึกษาอาจารย์ใหญ่จนจบหลักสูตรแล้วก็มีการจัดพิธีฌาปนกิจและเชิญญาติๆขอลอาจารย์มาร่วมพิธีด้วยค่ะ จากคุณ : แพนดี้จัง เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 12:08:18

ความคิดเห็นที่ 6 จขกท. มีจิตที่เป็นกุศลดีแล้วค่ะ อย่าให้เสียความตั้งใจเลย ร่างกายที่เราคิดว่าเป็นของเรา แต่ที่จริงมันไม่ใช่ของเราหรอกค่ะ เราแค่มาอาศัยอยู่ชั่วคราวเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้น ถ้าอะไรจะเกิดกับร่างกายของเราก็ไม่ต้องไปห่วงหามันหรอกค่ะ เราก็บริจาคอวัยวะแล้ว แต่ยังไม่ได้เซ็นเป็นอาจารย์ใหญ่ค่ะ มัวยุ่งๆอยู่ก็ลืม อ่านกระทู้นี้เเล้วเดี๋ยวต้องรีบไปทำแล้ว จากคุณ : Walk Two Moons เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 12:10:40

ความคิดเห็นที่ 7 มาบอกว่าไม่มีอะไรน่ากลัวค่ะ... ดิฉันอุทิศไปตั้งแต่ปี 2544  ตอนนี้ก็แจ้งที่บ้านให้ทราบทุกคนว่าให้ทำอย่างไรหลังจากที่ดิฉันจากโลกนี้ไป แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 54 16:18:42 จากคุณ : sakulna เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 12:25:03

ความคิดเห็นที่ 8 ต้องแยกแยะให้ออกครับ ว่าเมื่อถึงเวลานั้น เราได้แยกตัวออกจากสังขารไปแล้ว สังขารนั้นไม่ใช่ของเราอีกต่อไป เขาจะเอาไปทำอะไร เราก็ไม่รู้สึกเจ็บปวด เขาจะทำกับสังขารของเราอย่างไร มันก็ไม่ใช่ตัวของเราอีกแล้ว ต้องปลงให้ได้ครับ ขออนุโมทนาล่วงหน้าครับ จากคุณ : phahurat เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 13:10:00

ความคิดเห็นที่ 9 ดิฉันก็บริจาคแล้วทั้งหมด จะครบสิบปีแล้ว ไม่ได้คิดอะไรเลย เช้าครบรอบวันเกิดเมื่อสิบปีที่แล้ว ใส่บาตรเสร็จ ก็ไปศิริราชแล้วแจ้งความจำนงเลย ก็ได้รับบัตรประจำตัวผู้บริจาคมาพกติดตัวไว้ ก็บอกใครต่อใครว่าบริจาคร่างกายไปหมดแล้วนะ ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็แจ้งไปตามเบอร์ที่อยู่ในบัตรเลย ที่สำคัญหาซากให้เจอนะ เพราะไม่ค่อยจะอยู่กับที่ เที่ยวเป็นนิจ ดิฉันก็เหมือนเจ้าของกระทู้ค่ะ ตัวคนเดียว พ่อแม่เสียหมดแล้ว ไม่อยากเป็นภาระพี่น้อง สมบัติอะไรก็เขียนไว้ ตายไปจะได้ไม่ยุ่งยากคนข้างหลังต้องไปร้องศาลเป็นผู้จัดการมรดก(เรื่องประกันสังคม ประกันชีวิตทั้งหลาย) ทำเถอะค่ะ ตายไปก็ไร้ซึ่งความรู้สึกแล้ว แต่เพียงเพราะเราเห็นคนที่รักตายจากไปมากมายเลยติดอารมณ์คนที่อยู่ข้างหลัง ที่มาของความเศร้าโศก(นี่ก็ยังทำใจไม่ได้กับการจากไปของพี่ชายคนโตที่โสดเหมือนกัน เขาก็บริจาคอวัยวะ แต่เนื่องจากเขาจากไปด้วยโรคมะเร็ง คุณหมอบอกว่าอวัยวะที่สำคัญๆ เขาชำรุดเกินกว่าที่จะไปใช้ประโยชน์ได้ เสียดายค่ะ แต่เขาก็คงได้รับผลบุญจากที่ตั้งใจไว้แล้ว) จากคุณ : satamarch (satamarch) เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 14:53:24

ความคิดเห็นที่ 10 นักศึกษาแพทย์ทุกคนจะเคารพอาจารย์ใหญ่ของตัวเองมาก ๆ ครับ ทุกวันนี้เวลาทำบุญหรือช่วงแผ่เมตตาผมยังนึกถึงอาจารย์ใหญ่ของผมรวมไปกับญาติผู้ใหญ่ของผมที่เสียไปแล้วเลยครับ อนุโมทนาบุญด้วยครับ จากคุณ : GamaBunta เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 14:56:41

ความคิดเห็นที่ 11 สาธุ อนุโมทนากับทุก ๆ ท่านที่บริจาคร่างกายเป็นอาจารย์ใหญ่ค่ะ หากทำได้ก็จงรีบทำเถอะค่ะ เป็นกุศลสูงส่ง ร่างกายที่ไร้ชีวิตแล้ว ไม่เกิดประโยชน์อะไร แต่หากเป็นอาจารย์ใหญ่ จะยังประโยชน์แก่นักศึกษาแพทย์ และมีส่วนช่วยเหลือคนป่วยต่อไปด้วย เมื่อนักศึกษาแพทย์เหล่านั้นเรียนจบไป นั่นแปลว่าร่างที่ไร้ชีวิต จะยังประโยชน์ให้แก่อีกหลายชีวิตที่คงอยู่ต่อไปค่ะ จากคุณ : ให้เพียงเธอหมดใจ เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 15:10:55

ความคิดเห็นที่ 12 ไม่กล้าทำไมหล่ะค่ะ ถึงตอนนั้นเราก็ตายแล้วไม่รู้เรื่องหรอกค่ะ ดีซะอีกตายแล้วร่างกายเรายังมีประโยชน์ และอาจารย์ใหญ่ไม่ได้เป็นกันได้ง่ายๆนะ ที่บริจาคมา 100 ใช้ได้ไม่ถึง 100 นะ จากคุณ : สดใสซาบซ่า เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 15:22:15

ความคิดเห็นที่ 13 ผมพิการครึ่งซีก มีโรคเบาหวาน ความดัน ฯ ยังบริจาคเลยครับ ทั้งกระดูกก็ไม่ต้องเก็บไว้ เพราะเราจะเหลือแต่ความดีให้คนเค้านึกถึงครับ จากคุณ : torsuriya เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 15:36:04

ความคิดเห็นที่ 14 ถ้าบริจาคจริงๆก็ ขออนุโมทนาบุญสาธุครับ จากคุณ : sunness เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 16:12:38

ความคิดเห็นที่ 15 จะมายึดติดอะไรกับร่างกายที่ไร้ลมหายใจไปแล้ว??? จากคุณ : หมูเค็มกะหมูหวาน (คุณหมูน้อยตัวขาว) เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 17:24:25

ความคิดเห็นที่ 16 ลงชื่อไปแล้วและเราก็พกบัตรติดตัวเสมอค่ะ คิดมากตอนตายแล้วทำไม ขึ้นตะแกรงให้เขาเผา เขาก็หาอะไรมาเขี่ยๆเหมือนวัตถุชิ้นนึงเหมือนกันแหล่ะ สำหรับคนภายนอกมองกระดูกเราเป็นของน่าเกลียดด้วยซ้ำ ให้ฟรียังไม่เอากันเลย มีแต่คนที่รักเราแหล่ะ ที่อยากจะเอาส่วนเล็กๆใส่โถ ใส่สร้อย แต่ยังไงมันก็กลายเป็นแค่วัตถุเหมือนกันน่ะ สู้เอาไปต่อยอดความรู้ดีกว่า ตายไปจะได้ไม่เสียเปล่า หมู ไก่ ปลาตายเรายังได้กิน คนซิตายไปแทบไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย จากคุณ : ขี้เหงา...เอาแต่ใจ เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 17:47:24

ความคิดเห็นที่ 17 เราบริจาคไปแล้วเมื่อ 14 ปีที่แล้วค่ะ ไม่รู้จะเผาไปทำไม เอาไปทำประโยชน์ให้คนอื่นดีกว่า ไม่มากก็น้อย จากคุณ : p@ninlove เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 18:40:34

ความคิดเห็นที่ 18 ดิฉัน ก็เป็นอีกคนนึง ที่กำลังคิดจะบริจาคร่างกาย ถ้าร่างเราเป็นประโยชน์ ต่อ ผู้อื่น       ดิฉัน..ก็ยินดี และไม่สนใจว่าเค้าจะปฏิบัติต่อร่างเรายังไง เพราะถือว่า ความตั้งใจ สำเร็จลุล่วงแล้ว ขออนุโมทนาบุญ ทั้ง จขกท. และ ผู้ที่บริจาคร่างกายนะคะ จากคุณ : mamagiant เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 18:47:19

ความคิดเห็นที่ 19 ผมก็บริจาค ทั้ง อวัยวะ และ ร่างกาย ..   ถึงเวลานั้น ถ้ายังพอมีประโยชน์บ้าง ก็นำไปใช้ได้เลยครับ .. ดีกว่า ปล่อยไว้ให้เน่าเสียทิ้งไปอย่างไร้ค่า .. (เก็บมาฝาก) สำหรับผู้ที่ต้องการบริจาค ร่างกาย อวัยวะ ดวงตา และ โลหิต http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=cmu2807&date=23-01-2009&group=7&gblog=10 จากคุณ : หมอหมู เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 54 23:00:23

ความคิดเห็นที่ 20 สนใจจะบริจาคเหมือนกันค่ะ ไม่ทราบว่าต้องทำอย่างไรบ้างคะ ต้องไปติดต่อที่ไหน อย่างไร จากคุณ : แม่น้องจัสติน (lovejustinkung) เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 54 11:12:08

ความคิดเห็นที่ 21 อายุ40 แล้วยังจะมาคิดอะไรครับ อยากทำก็ทำไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ ผมทำแน่นอนไม่คิดมากได้บุญพอใจละ จากคุณ : เท็นโคจิ เขียนเมื่อ : 8 มิ.ย. 54 15:58:00

ความคิดเห็นที่ 22 ยินดีในบุญกับคุณ จขกท. และทุก ๆ ท่านด้วยนะคะ ตั้งใจมาให้กำลังใจค่ะ   แค่ตั้งต้นด้วยความต้องการจะให้ก็มีความสุขแล้วใช่มั้ยคะ ถ้าอย่างนั้นอย่าไปคิดต่อเลยค่ะว่าให้ไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้นใครจะทำอะไรกับร่างของเรา เ็ป็นกำลังใจให้ค่ะ   ^_________^ จากคุณ : อนัตตาเทวี เขียนเมื่อ : 25 มิ.ย. 54 10:33:34