Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
แชร์ประสบการณ์ ไทรอยด์เป็นพิษ ติดต่อทีมงาน

ช่วงนี้หันไปทางไหน ก็มักจะเจอคนที่เป็นโรคไทรอยด์ ซึ่งล่าสุดน้องที่ทำงานก็เพิ่งจะตรวจเจอว่าตัวเองเป็นโรคไทยรอยด์เป็นพิษ ทำให้นึกถึงตัวเองแต่ก่อนก็เป็นโรคนี้อยู่เหมือนกันน่าจะเป็นตอนปี 2548-2549 นะถ้าจำไม่ผิด

อาการที่เริ่มเป็นคือเหนื่อยง่าย แต่ตอนที่อาการเริ่มจะแสดงออกนี้เราไม่ได้คิดเลยสักนิดว่ากำลังเป็นโรคไทรอยด์ เพราะว่าคิดว่าคนเป็นโรคนี้คือการเป็นโรคคอหอยพอก ต้องเป็นคนที่ขาดพวกไอโอดีน ส่วนมากน่าจะเป็นคนที่อยู่ต่างจังหวัดที่ไม่ได้ติดกับทะเล ไม่ได้ทานอาหารทะเล อะไรประมาณเนี้ยะ แบบว่าความรู้น้อยมากเท่าหางอึ่ง ทุกอย่างคิดไปเอง และไม่เคยรู้เลยว่าอาการโรคไทรอยด์เป็นพิษนั้นมีอาการอย่างไรบ้าง จนกระทั่งมาเกิดขึ้นกับตัวเอง

ในช่วงแรกเลยนั้นเริ่มรู้สึกได้จากช่วงเช้าที่เราต้องเดินทางไปทำงาน พอลงจากรถเมล์แล้วต้องเดินเท้าต่อไปอีกประมาณ 1 กิโลได้ก็จะถึงที่ทำงาน เราชอบเดินชมนกชมไม้ ตึกรามบ้านช่อง ผู้คนไปเรื่อยๆ มันสบายตา สบายใจดี แต่ว่าตอนนั้นมีความรู้สึกว่าทำไมเริ่มเหนื่อย แต่ยังไม่มากนะ ก็คิดว่าสงสัยเป็นเพราะเราใส่รองเท้าส้นสูง ก็เลยเปลี่ยนมาเป็นส้นเตี้ยลงมาหน่อย พอวันถัดๆ มาก็ยังเดินแล้วเหนื่อยอยู่ดี ก็เริ่มคิดอีกว่าสงสัยจะแก่แน่ๆ เดินนิดหน่อยก็เหนื่อยแล้ว ก็เลยไม่เดินล่ะ ซ้อนวินมอไซด์แทน 10 บาท

อาการต่อมาคือ เราเป็นตัวกินแอร์ หมายความว่าพอขึ้นรถเมล์แบบปอ. ได้ปุ๊บสิ่งแรกที่มองหาเลยคือ พื้นที่ที่ยืนแล้วสามารถปรับท่อแอร์ให้เป่าลงมาตรงๆ ตรงหน้าเราพอดิบพอดี เรารู้สึกว่ามันสบาย ชื่นใจ และไม่หนาวเลยสักนิดแบบว่าถ้าใครมาให้ขยับชิดใน หรือมาปรับท่อแอร์ที่เราจองไว้นะจะรู้สึกหงุดหงิดมาก ทั้งๆ ที่แต่ก่อนเป็นคนที่ขี้หนาวได้เวอร์ที่สุด แบบประมาณว่าถ้าใครเปิดพัดลม ห้ามหันมาโดนเราเด็ดขาดเพราะเราจะหนาว หรือแม้แต่เดือนเมษายน เรายังสามารถใส่เสื้อหนาวได้อีก แต่ตอนนั้นไม่เคยเอะใจเลยว่าทำไมอยู่ๆ เราก็กลายเป็นตัวกินแอร์ขึ้นมาซะงั้น

อีกอาการคือขาอ่อน ตอนที่ลงจากบันไดรถเมล์ หรือรถอะไรก็ตาม หรือบนพื้นต่างระดับที่สูงหน่อย เหมือนกับว่าพอเหยียบลงพื้นปุ๊บเหมือนขาจะทรุดลงแต่ก็ไม่ถึงกับทรุดลงไปกอง ยังควบคุมร่างกายได้อยู่ ตอนนั้นที่เป็นก็คิดแต่ว่าเพราะตัวเองใส่ส้นสูง แล้วทรงตัวไม่ดีเท่านั้นเอง

อาการทั้งหลายที่เล่ามานี้เป็นอยู่นานประมาณ 1-2 เดือนได้ แต่ว่าเราก็ยังไม่ตระหนักเพราะว่าพอเราไปถึงที่ทำงานทุกสิ่งอย่างก็เป็นปกติไม่ได้เหนื่อย หรือร้อนใด ๆ อาจเป็นเพราะว่าที่ทำงานเปิดแอร์และเราก็สนใจในตัวของเนื้องานมากกว่าที่จะสนใจร่างกายตัวเอง แต่ก็มีบ่นๆ ให้พี่ที่ทำงานฟังว่าสงสัยจะแก่ ใส่ส้นสูงไม่ไหวอะไรประมาณเนี้ยะ

จนกระทั้งวันหนึ่งนั่งทำงานอยู่ดีๆ ก็รู้สึกว่าเหนื่อยมากๆๆๆๆ แบบว่านั่งเฉยๆ อย่างเดียวก็เหนื่อยแบบทนไม่ไหว ตอนนั้นคิดว่าสงสัยโรคหอบ หืดที่เคยเป็นมาแต่เด็กๆ แล้วหายไปแล้ว มันจะกลับมาอีก ก็เลยขอลางานกลับบ้านไปหาหมอ พอกลับบ้านก็ไปหาคุณหมอที่โรงพยาบาลแถวบ้าน ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่ไม่ได้เด่นดังอะไรเลย แถมเก่าๆด้วย เราชอบพูดให้คนอื่นฟังว่าโรงพยาลแถวบ้านเราเป็นโรงพยาบาลบ้านๆ แนวบ้านนอกหน่อย คือบ้านเราอยู่แนวๆ รอบนอกของกทม.นะคะ แต่คุณหมอที่นี่เก่งมากเราไปหาแล้วเล่าอาการให้ฟังปุ๊บ คุณหมอสงสัยเลยว่าเราเป็นไทรอยด์เป็นพิษ ทั้งๆที่เราให้ข้อมูลคุณหมอไปว่าตอนเด็กๆ เป็นโรคประจำตัวคือหอบ หืด เป็นมานานเกือบ 10 ปี แต่คุณหมอก็ยังสงสัยว่าเราเป็นไทรอยด์ ขอเจาะเลือดไปตรวจแล้วอีก 1 อาทิตย์มาฟังผล แต่ถ้าเป็นโรงพยาลในเมืองนะ วันเดียวรู้ผล

จากนั้นครบหนึ่งอาทิตย์ เราก็มาฟังผลและทราบว่าตัวเองเป็นไทรอยด์เป็นพิษได้ยามาทาน และก็ยังงงอยู่ว่าไทรอยด์เป็นพิษคือโรคอะไรเนี้ยะ แล้วทำไมเราไม่เห็นจะคอโตเลย(คิดไปเองว่าคอไม่โต) ว่าแล้วก็ไปหาข้อมูลอ่านในเนท ทำให้รู้ว่าคนเป็นโรคนี้มีเป็นเยอะมาก และก็รักษากันนานมากๆ กว่าโรคจะสงบ หรือบางคนก็รักษาไม่หาย มีขั้นตอนรักษาตั้งแต่กินยา กลืนแร่ ฉายแสง ผ่าตัด เห้ย! น่ากลัวมากอ่ะ ไม่ใช่เล่นๆ แล้ว และมีตาปูดตาโปนด้วย พอเห็นรูปแล้วกลัวเลย และไม่ควรมีลูกด้วยอ่ะ เอาไงดีเนี้ยะ ! อยู่ไม่ได้แล้วปรึกษาเพื่อนฝูงต่อไป จนเพื่อนแนะนำ รพ.เทพธารินทร์ อ.เทพ หิมะทองคำ (นอกเรื่องนิดนะคะ อาจารย์แก่แล้ว แต่ขอบอกว่า หล่อมากๆ ประทับใจเรามาก) บอกว่าแม่เขาก็เป็นแต่เป็นไทรอยด์แบบไม่เป็นพิษ และก็รักษาที่นี่ ว่าแล้วเราก็แจ้นไปที่รพ.นี้ทันที ช่วงเดือนแรกที่เรารักษาเราได้ยามาทานครั้งละ 2 เม็ด แต่จำไม่ได้แล้วว่าทานกี่มื้อต่อวัน

คุณหมออธิบายให้ฟังว่าโรคนี้ไม่มีวันหาย(ขอบคุณมากค่ะหมอ ที่บอก -"-! )
มีแต่การอยู่ในระยะสงบ(หมายความว่าไงค่ะ คือหนูงง รบกวนอธิบายเพิ่มค่ะ) บางคนทานยาแค่ 3 เดือน พอตรวจค่าเลือดแล้วเป็นปกติ บางคนต้องทานยาเป็น 10 ปี หรือตลอดชีวิต พอตรวจค่าเลือดแล้วถึงเป็นปกติ แต่บางคนเมื่อพอตรวจค่าเลือดแล้วเป็นปกติ พอให้หยุดทานยาก็จะกลับมาเป็นอีกเหมือนเดิม หรือบางคนโรคสงบไปเป็น 10 -20 ปี ก็สามารถกลับมาเป็นอีกได้ โอ้! ฟังแล้วน่ากลัวจัง  หันกลับมาดูตัวเองแล้วเราต้องกินยาไปนานแค่ไหนเนี้ยะ ว่าแล้วก็ถามคุณหมอว่าเป็นโรคนี้ออกกำลังกายได้หรือไม่ค่ะ คุณหมอบอกว่าออกได้แต่ออกเบาๆ อย่าหักโหม เพราะไทรอยด์เป็นพิษร่างกายมันเผาผลาญตลอดเวลา แม้แต่ตอนนอนก็จะเผาผลาญ

เราได้ดูรูปภาพคนที่เป็นไทรอยด์เป็นพิษบางคนคอโตมาก ตาโปน ตัวผอมมากๆๆ เราไม่อยากเป็นอย่างนั้นเลย นอยด์มากก.. ลืมบอกไปว่าตอนที่เราเริ่มเป็นใหม่ๆน้ำหนักลดลงมากเลย ภายใน 1 อาทิตย์ หายไป 5 กิโล ตอนยังไม่ป่วย ใช้เวลา 5 ปี ยังลดน้ำหนักได้ไม่ถึงกิโลเลย มีแต่จะขึ้นเอา ขึ้นเอา แต่พอมาป่วยดันไม่อยากผอมซะนี้ ตอนนั้นเราผอม และดำเลย เป็นแบบตัวแกร็นๆ ไม่สวยเลย เพราะความที่กลัวไม่สวยและกลัวจะเป็นมากจนต้องกลืนแร่ ทำให้เราเริ่มปฏิวัติตัวเอง ดูแลตัวเองมากๆ ซึ่งนำไปสู่การหาย เอ้ย! ไม่ใช่ซิ นำไปสู่ระยะสงบได้จนถึงวันนี้ ก็น่าจะเกือบ 6-7 ปี แล้วมั้ง สิ่งที่เราทำดังนี้

1. พอเรากลับมาจากที่ทำงานปุ๊บ เรารีบอาบน้ำ ทานข้าว แล้วก็นอนเลย นอนตั้งแต่ 1 ทุ่ม จนถึงเช้า ทีวง ทีวี ไม่ดูมันล่ะ
2. จากที่เป็นคนขี้เซา ก็หันมาตั้งนาฬิกาปลุกตื่นตี 5 มาวิ่งออกกำลังกายหลังบ้านแบบเบาๆ วิ่งสักประมาณ 30 นาที ทุกวันไม่ได้ขาด เหงื่อไม่ค่อยจะออกหรอกเพียงแต่เหงื่อซึมๆ เท่านั้น และพ่อเราก็จะมาวิ่งออกกำลังกายเป็นเพื่อนด้วย วิ่งกัน 2 คน จุ้งจิ้ง พ่อ-ลูก มีความสุขดีนะ
3. ด้วยความที่กลัวผอมมากจนเป็นหนังหุ้มกระดูก เราก็ดื่มนมกล่องทุกวันเป็นนมถั่งเหลืองวันละประมาณ 4 กล่อง คือ ตื่นนอนมาปุ๊บ แปรงฟันเสร็จ 1 กล่องเลย ระหว่างวันก็อีก 2 กล่อง ตอนเย็นหลังทานข้าวอีก 1 กล่อง ซึ่งช่วงที่ไม่สบายอยู่เราก็ไม่ได้ผอมลงไปจากเดิมอีก
4. และความกลัวเรื่องตาโปน เพราะมันโปนแล้วมันไม่ยุบกลับเหมือนเดิมอันนี้ก็กลัวมาก ทุกวันตั้งแต่ตื่นนอนส่องกระจกสำรวจความโปนของลูกกะตาก่อนเลยว่ามันโปนหรือยัง แล้วก็ทำนิ้วแบบตัววี แบบสัญลักษณ์ลิโพ โดยเอานิ้วชี้กับนิ้วกลางกดลงบนลูกกะตาทั้ง 2 ข้าง (หลับตาก่อนนะ) แล้วทิ้งไว้สักพัก ทำไปเรื่อยๆ ทั้งวันที่นึกได้ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าช่วยได้หรือเปล่านะ แต่เราทำแล้วสบายใจ คือว่าคิดเองว่าอยากจะทำ แต่ผลคือเราก็ตาไม่โปนนะ
5.ที่คอเราโปนมาเล็กน้อยถ้าคนที่ดูไม่เป็นก็ดูไม่ออก แต่คุณหมอบอกว่าไทรอยด์ของเรามันโตขึ้นกว่าปกติประมาณ 30 กรัม ซึ่งถ้ามันโตแล้วถึงแม้ว่าจะรักษาแล้วอยู่ในระยะสงบ มันก็จะไม่เล็กลง อันนี้เราก็เลยต้องปล่อยให้มันเป็นไปเพราะเราก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว

จากที่เราปฏิบัติตัวมา ได้ประมาณ 3 เดือนคุณหมอก็ให้เราเริ่มลองหยุดทานยา โดยที่ค่อยๆ ลดปริมาณยาลงและตรวจเลือดอย่างสม่ำเสมอ สุดท้ายเราก็หยุดยา ซึ่งระยะเวลาทั้งหมดที่เราทานยาคือ 3 เดือน คุณหมอบอกว่าเราโชคดีที่ทานยาแค่ 3 เดือนแล้วสามารถควบคุมได้ จากวันนั้นจนถึงวันนี้เราก็ไม่ได้ทานยาอีกเลย แต่นานๆ ทีเราก็จะเจาะเลือดเช็คดูค่าเลือดสักที ว่าเรายังคงปกติดีอยู่หรือเปล่า แบบว่าเฝ้าระวังไว้

ทั้งหมดนี้เป็นประสบการณ์ของเราที่เคยป่วยเป็นไทรอยด์เป็นพิษ และแนวทางในการปฏิบัติตัว เราเห็นทุกวันนี้คนเป็นโรคนี้กันเยอะเพิ่มขึ้น ก็เลยอยากจะเล่าประสบการณ์ของตัวเองบ้าง เพื่อจะเป็นประโยชน์และเป็นกำลังใจให้กับใครอีกหลายๆ คนได้ค่ะ

ปล. ไทรอยด์เป็นพิษ จะเรียกอีกอย่างก็ได้ค่ะว่าคือไทรอยด์แบบผอม คือคนที่เป็นแล้วจะผอมลงๆ และเหนื่อยง่ายมาก เพราะร่างกายเผาผลาญตลอดเวลาต่อมไรอยด์ทำงานหนักทำให้มันโต เป็นเหมือนที่ชาวบ้านเรียกกันว่าโรคคอหอยพอกค่ะ

ส่วนไทรอยด์ธรรมดา คือไทรอยด์ไม่เป็นพิษ ถ้าเป็นแล้วจะทำให้อ้วนค่ะเหมือนที่ ทา ทา ยัง เป็นอยู่ตอนนี้ คือร่างกายจะไม่เผาผลาญค่ะถึงแม้ว่ากินอะไรไปนิดหน่อยก็จะอ้วนค่ะ น้ำหนักจะขึ้นเร็วมากเป็น 10 กิโล ได้เลย

เข้ามาแก้ไข คำผิดค่ะ

แก้ไขเมื่อ 02 ก.ค. 54 14:19:18

จากคุณ : บุษบามณฑารพ
เขียนเมื่อ : 2 ก.ค. 54 14:00:25




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com