ความคิดเห็นที่ 1 คือช่วงที่ผ่านมา Choco เห็นหลายๆเว็บพูดเรื่อง มะเร็งปากมดลูกคะ Choco ก็เลยค่อยๆหาข้อมูลเอาแบบละเอียดยิบมาเป็นข้อมูลให้สาวๆได้อ่านกันคะ >>> สาเหตุของมเร็งปากมดลูก << คือการติดเชื้อไวรัสฮิวแมนแพพิโลมาซึ่งเรียกย่อๆว่าเชื้อ “เอชพีวี” เป็นสาเหตุสำคัญของมะเร็งปากมดลูก เชื้อเอชพีวีนี้มีมากกว่า 100 ชนิดหรือสายพันธุ์แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ - กลุ่มที่ไม่ก่อให้เกิดมะเร็ง เช่น สายพันธุ์ 6 และ11 ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคหูดหงอนไก่ - กลุ่มที่ก่อให้เกิดมะเร็ง เช่น สายพันธุ์ 16, 18, 31,33 และ 45 ซึ่งทำให้เกิดความผิดปกติของเซลล์ปากมดลูกจนอาจกลายเป็นมะเร็งได้ จากคุณ : Ms.Choco เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 15:20:57

ความคิดเห็นที่ 2 ซึ่งสิ่งที่หลายๆคนยังไม่ทราบก็คือ โดยทั่วไปแล้ว เชื้อเอชพีวีมักติดต่อได้ จากการมีเพศสัมพันธ์(Sex)หรือการสัมผัสโดยตรงทางผิวหนัง การใช้ถุงยางอนามัย ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ การติดเชื้อเอชพีวีนี้พบได้บ่อยมาก แม้ว่าจะมีเพศสัมพันธ์เพียงครั้งเดียวก็ตาม น่ากลัวมากๆเลยนะค่ะเนี่ย การติดเชื้อเอชพีวีนี้ส่วนใหญ่จะเป็นแบบชั่วคราว คือเชื้อจะอยู่ในเซลล์ปากมดลูก ช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้วหายไปได้เอง และอาจจะติดเชื้อซ้ำใหม่ได้อีกในภายหลัง จากคุณ : Ms.Choco เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 15:22:56

ความคิดเห็นที่ 3 มาต่อที่  วิธีการป้องกัน  ซึ่งง่ายแสนง่าย แต่ทำไม พวกเรา ผู้หญิงไทย หลายๆคนถึงไม่ทำ 1. การหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ได้แก่ การมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย การมีคู่นอนหลายคน การสูบบุหรี่ 2. การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกที่เรียกว่า "แพปสเมียร์ " (Pap smear) เป็นประจำทุกปี เพื่อให้ทราบว่า เซลล์ บริเวณปากมดลูกมีการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติหรือไม่ เพราะการรักษาในระยะก่อนเป็นมะเร็งจะทำให้มีโอกาสหายขาดได้ค่อนข้างสูง ในขณะที่การรักษาในระยะลุกลามนั้น จะรักษายากและมีโอกาสเสียชีวิตมากขึ้นตามระยะของมะเร็ง 3. การฉีดวัคซีน HPV เป็นการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันการติดเชื้อเอชพีวีชนิดก่อมะเร็ง  ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของมะเร็งปากมดลูก ง่ายไหมคะดูสิ ถ้าเราทำเป็นประจำ เช่นตรวจ แพปสเมียร์ หรือการฉีดวัคซีนป้องกันเชื่อ HPV แค่นี้ เราก็รอดปลอดภัยจาก โรคร้ายดังกล่าวแล้วคะ จากคุณ : Ms.Choco เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 15:24:53

ความคิดเห็นที่ 4 เห็นด้วยค่ะผู้หญิงอย่างเราๆ ต้องหันมาดูแลรักษาตัวเองให้มากๆ ยิ่งมะเร็งปากมดลูกด้วยแล้วเป็นโรคที่น่ากลัวมาก เป็นภัยร้ายที่อยู่รอบตัวเราจริงๆ ค่ะ เพราะอาการจะไม่ออกในช่วงระยะแรกๆ แต่อาการจะออกก็ต่อเมื่อเป็นในระยะที่ 2-3 ซึ่งใช้เวลานานถึง 10-15 ปี กว่าที่เราจะรู้ตัว ถ้ารู้อย่างนี้แล้วควรที่จะไปตรวจแพปสเมียร์เป็นประจำทุกปีอย่างสม่ำเสมอและถ้าจะให้ได้ผลดีที่สุดก็ต้องฉีดวัคซีนควบคู่ไปด้วยจะดีมากกว่าค่ะ จากคุณ : พอใจในสิ่งที่มี (พอใจในสิ่งที่มี) เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 15:29:39

ความคิดเห็นที่ 5 นอกจากมะเร็งตัวร้ายตัวนี้ จะทำรายชีวิตเราแล้ว มันยังสาเหตุ แปลงร่างออกมาได้อีกหลายภาคเลยคะ และภาคที่ น่าเจ็บใจที่สุด คือ การตรวจคัดกรองไม่สามารถเจอได้ คือภาคของ อะดิโน โอ้มายก๊อด รู้ไหมคะ ทำไมภาคอะดิโน ถึงน่าจะเจ็บใจที่สุด เพราะ การตรวจคัดกรองไม่สามารถเจอได้ นั้นเอง ก็มันเล่น แปลงร่าง เข้าไปอยู่ในช่วงของคอมดลูกนะสิ คะ จึงทำให้ การตรวจคัดกรองไม่เจอนั้นเอง (มันเก่งไหมละ อะเรามาดูรูป อะดิโนตัวร้ายตัวนี้กันคะ) จากคุณ : Ms.Choco เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 15:30:01

ความคิดเห็นที่ 6 เชื่อยังคะ ว่ามันร้ายมากๆ และรู้ไหมคะ วิธีที่จะเอาชนะเจ้าตัวร้ายนี้คือการ ฉีดวัคซีน เท่านั้นคะ (แกร้ายนักใช่ไหม เอาวัคซีนไปกินเจ้าอะดิโน 555 ) เจ้าเชื้อ HPV ที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกชนิดอะดิโนก็คือ 16 18 31 และ 45 ตามรูปเลยคะ จากคุณ : Ms.Choco เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 15:42:19

ความคิดเห็นที่ 7 การตรวจคัดกรองคะ หลายๆคนอาจจะคิดว่า การตรวจ"แพปสเมียร์ " (Pap smear) หรือการตรวจคัดกรอง เป็นเรื่องน่าอาย ต้องบอกตรงนี้เลยคะว่า ไม่ต้องอายคุณหมอหมอเค้าเห็นมาเยอะ วัคซีนที่ป้องกันมะเร็งปากมดลูกตอนนี้ มีอยู่ 2 ยี่ห้อ คือ Cervarix และ Gardasil เราก็สงสัย  ว่าทำไมคุณหมอถึงแนะให้เราฉีดของ Cervarix ทั้งที่ Gardasil ป้องได้ถึง 4 สายพันธุ์ คือเชื้อ HPV 16, 18, 6, 11 ซึ่งป้องกันหูดหงอนไก่ได้ด้วย คุณหมอก็บอกว่าถึงจะป้องกันได้ 4 สายพันธุ์ ก็จริง แต่ด้วยความที่ในวัคซีนมีสายพันธุ์ที่ 6, 11 มารวมอยู่ด้วย จึงทำให้ประสิทธิภาพของตัวยาที่จะป้องกัน เชื้อ HPV 16, 18 เจือจางลง แต่ถ้าเราอยากจะป้องกันมะเร็งปากมดลูกจริงๆ ก็ต้องเลือก Cervarix จากคุณ : Ms.Choco เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 15:47:29

ความคิดเห็นที่ 8 เป็นยังไงบ้างค่ะ หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ กับน้องๆเพื่อนๆ พี่ทุกคนของChocoนะคะ เพราะ Choco เชื่อว่า การป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูก มันเริ่มได้จาก ตัวเราเองและการบอกให้คนในครอบครัวเฝ้าระวังค่ะ จากคุณ : Ms.Choco เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 15:52:44

ความคิดเห็นที่ 9 แต่จะอดตายเพราะค่าวัคซีน เนี่ยแหละ(เมียผมฝากบอกมา) จากคุณ : อั๋น (Captain_Unn) เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 15:57:16

ความคิดเห็นที่ 10 แต่จะอดตายเพราะค่าวัคซีน เนี่ยแหละ(เมียผมฝากบอกมา) จากคุณ : อั๋น (Captain_Unn) เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 15:57:55

ความคิดเห็นที่ 11 55555+ ใช่ค่ะ ค่าฉีดวัคซีนอาจจะแพงอยู่ แต่เราว่าคุ้มนะค่ะ ดีกว่าเป็นแล้วมารักษาที่หลัง ค่ารักษาแพงกว่าหลายเท่า ลงทุนป้องกันแต่เนิ่นๆดีกว่าค่ะ ดีที่สุดแล้ว จากคุณ : Ms.Choco เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 16:01:29

ความคิดเห็นที่ 12 กำลังหาข้อมูลเรื่องนี้พอดี ขอบคุณ จขกท. นะคะ จากคุณ : rockeye เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 16:03:02

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณข้อมูลดีๆนะคะ เรายังไม่คิดจะฉีดวัคซีน แต่เราตรวจทุกปีอยู่แล้ว รวมถึงมะเร็งเต้านมด้วย เวลาไปตรวจทีก็ตื่นเต้นเหมือนกันขนาดตรวจอยู่ทุกปีนะเนี่ย จากคุณ : ไข่เจียวทะเล เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 16:07:02

ความคิดเห็นที่ 14 ไม่เป็นไรค่ะ เพราะเราเป็นห่วงผู้หญิงทุกคน ส่วนเราคุณแม่พาไปฉีดค่ะ คุณแม่บอกว่าป้องกันไว้ก่อนแต่ไม่ได้หมายถึงว่าเปิดโอกาสให้นะค่ะ จากคุณ : Ms.Choco เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 16:17:23

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณ สำหรับข้อมูลนะคะ  ^^ จากคุณ : นู๋เบิ้ม (มะหมาฮาเฮ) เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 16:32:44

ความคิดเห็นที่ 16 ค่าวัคซีนอาจจะแพง แต่ถ้าต้องแลกกับการที่จะเสี่ยงเป็นมะเร็งปากมดลูกแล้วล่ะก็ เรายอมจ่ายดีกว่าค่ะ ดีกว่ากว่าที่จะต้องมานั่งรักษาภายหลัง ซึ่งบางที อาจจะสายเกินแก้แล้วก็ได้ จากคุณ : พอใจในสิ่งที่มี เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 16:50:44

ความคิดเห็นที่ 17 วัคซีน 3 เข็ม ประมาณ 6 พันบาท จากคุณ : gemo001 เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 17:13:31

ความคิดเห็นที่ 18 เราฉีด 3 เข็ม 6800 ค่ะ จากคุณ : Ms.Choco เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 18:41:25

ความคิดเห็นที่ 19 วัคซีนตัวนี้ ถ้าผู้หญิงแต่งงานแล้ว ฉีดไม่ค่อยได้ผลนี่คะ ต้องไม่มีเพศสัมพันธ์มาก่อนเลย ถึงจะเวิร์ค อันนี้ถามหมอ ตอนที่พาลูกสาวไปฉีด หมอเขาก็บอกมาว่า เราจะฉีดก็ตามใจ แต่ต้องเสียเงิน (ลูกเราฉีดฟรี) แล้วไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่สำหรับเราน่ะ เราก็เลยไม่ได้ฉีด อาศัยตรวจแพ็พสเมียร์เอา จากคุณ : ข้าวปั้น เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 19:37:49 A:220.237.170.187 X: TicketID:188044

ความคิดเห็นที่ 20 สงสัยว่าถ้าไม่เคยมีเพศสัมพันธ์จะเป็นไหมคะ จากคุณ : อรี เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 21:36:36 A:124.122.40.15 X: TicketID:180703

ความคิดเห็นที่ 21 สนับสนุนให้ไปฉีดวัคซีนจริงๆนะ จากคุณ : keat555 เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 21:50:49

ความคิดเห็นที่ 22 โหวตและกิ๊ฟให้แล้วนะคะ มีประโยชน์ จากคุณ : สิ่งหนึ่ง เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 21:59:20

ความคิดเห็นที่ 23 ไปฉีดเข็มสุดท้ายมาวันนี้ค่ะ อ่านบทความไม่ทราบว่าจริงแค่ไหน มะเร็งปากมดลูกติดต่อจากการเข้าห้องน้ำได้ด้วยนะคะ สาวๆ ที่ไปฉีดวัคซีนต้องคุมกำเนิด 4-5 เดือน ก่อนที่จะตั้งครรภ์ค่ะ ระหว่างอยู่ในคอร์ส สามารถทำกิจกรรมได้ค่ะ (ไปถามแทนเพื่อนมา) แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 54 22:48:53 จากคุณ : สลิ่มหวาน เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 22:47:32

ความคิดเห็นที่ 24 อ่า คนที่มีเพศสัมพันธ์แล้วก็ฉีดได้ค่ะ ได้ผลเท่ากัน แต่ถ้าใครตรวจเปปเสมียร์แล้วไม่พบก็ควรฉีดกันไว้ก่อนก็ได้ค่ะ เพราะมันอาจจะเป็นมะเร็งได้ในตอนหลัง ถ้าเราไม่ได้ป้องกัน(ใส่ถุงยาง) ค่ะ แต่ที่บอกว่าฉีดตั้งแต่ยังเด็กจะป้องกันได้สูงกว่า เพราะว่าตอนเด็กๆเราสามารถสร้างภูมิคุุ้มกันได้มากกว่าค่ะ จากคุณ : Ms.Choco เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 23:54:30

ความคิดเห็นที่ 25 ส่วนคุนสลิ่มหวาน ที่บอกว่ามะเร็งปากมดลูกติดต่อได้จากการเข้าห้องน้ำ นั้น เป็นเรื่องจริงค่ะ เพราะเชื้อHPV นั้นไม่ได้ติดต่อได้ทางเพศสัมพันธ์อย่างเดียวเท่านั้น แค่เราเอามือไปโดนเชื้อมาและเวลาเข้าห้องน้ำเราอาจจะได้รับเชื้อมาโดยไม่รู้ตัว แล้วเราอาจจะเอามือนั้นไปแตะโดน จิมิน้อยๆ ของเราเวลาทำความสะอาดแค่นั้นก็มีสิทธิจะได้รับเชื้อแล้วค่ะ ยังไงก็ไปตรวจและฉีดป้องกันไว้ดีกว่านะค่ะ คุณสาวๆทั้งหลาย ส่วนคุนผู้ชายก็นำไปบอกแฟนสาวด้วยก็ได้ค่ะ ช่วยกันทั้ง2ฝ่ายค่ะ จากคุณ : Ms.Choco เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 54 23:58:49

ความคิดเห็นที่ 26 @คุณ อรี  ที่บอกว่าไม่เคยมีเพศสัมพันธ์แล้วมีสิทธิเป็นไหม ต้องบอกว่ามีสิทธิ์เป็นได้เหมือนกันค่ะแต่อาจจะน้อยกว่า เพราะเท่าที่ศึกษาและอ่านมา (รวมถึงถามหมอด้วยค่ะ) เชื้อ HPV นั้นอยู่ตรงบริเวณอวัยวะสืบพันธ์ของผู้ชาย (ง่า.. ไม่รู้จะใช้คำไหนดี กลัวล่อแหลมเกินไปT^T) ถ้าเราไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ แต่เราไปจับ....โดนเชื้อมา แล้วมาโดนน้องน้อยของเราก็มีสิทธิ์ได้รับเชื้อเช่นเดียวกันค่ะ 5555 อธิบายไปก็แอบเขิลลลลลลลล  (ตอนนั่งฟังหมออธิบายก็เขิลเหมือนกัน คิกคิก) จากคุณ : Ms.Choco เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 54 00:07:16

ความคิดเห็นที่ 27 ขอเสริมนะคะ ไปอ่านประสบการณ์จริงของ ผญ ที่เป็นมะเร็งใน คอสโม ผญ คนนี้มีพฤติกรรมแบบรักร่วมเพศค่ะ คุณหมอซักประวัติถามว่าเวลามีอะไรกัน โดนสารคัดหลั่งของแฟนหรือเปล่า เค้าบอกว่าไม่ มีอะไรกันตัวเค้าเองยังไม่ถอดเสื้อผ้าเลย (แอบเรท) หมอบอกงั้นอาจติดเชื้อจากเข้าห้องน้ำก็ได้ พอเค้าคิดไปคิดมา นึกขึ้นได้ว่ามีอะไรกับเพื่อน ผช ตอนอายุ 17 เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ก็มีโอกาสเป็น ที่เล่ามานี่เพื่อเป็นข้อมูลนะคะ จากคุณ : สลิ่มหวาน เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 54 00:41:06

ความคิดเห็นที่ 28 ที่เมืองไทย ใช้ตัวไหนฉีดคะ ที่ว่าราคาหกพันกว่าบาท ของที่ออสเตรเลีย เขาใช้ Gardasil ค่ะ แต่คิดเป็นเงินไทยประมาณหมื่นสี่พันบาท ถ้าของเมืองไทยถูกกว่า ตอนกลับไปเยี่ยมบ้านปลายปี จะได้ฉีดซะเลย จากคุณ : ข้าวปั้น เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 54 07:26:13 A:220.237.170.187 X: TicketID:188044

ความคิดเห็นที่ 29 เราฉีด Gardasil ค่ะ คุณหมอบอกว่าอายุยังน้อยอยู่ ใช้ตัวนี้ดีกว่า เราคิดว่าขึ้นอยู่กับคุณหมอหรือเปล่าว่าจะให้เราฉีดตัวไหน @ คุณข้าวปั้นคะ จากที่เราหาข้อมามูลมา 6 พันกว่าบาทเป็นยี่ห้อ Cervarix ถ้า Gardasil  แพงกว่าประมาณ 600 - 1000 ค่ะ จากคุณ : สลิ่มหวาน เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 54 09:16:14

ความคิดเห็นที่ 30 ต้องฉีดก่อนได้รับเชื้อถึงได้ผลดีที่สุด แล้ว ใครจะรู้ ว่า ได้ รับเชื่อมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะเหตุนี้ จึงควรฉีดในอายุน้อย ๆ ก่อนได้ รับเชื้อ จากคุณ : alpha_sss เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 54 09:44:08

ความคิดเห็นที่ 31 ถูกต้องค่ะ เราควรฉีดตั้งแต่ยังไม่ได้รับเชื้อดีที่สุด แต่ถ้าผู้หญิงที่มีสามีหรือมีเพศสัมพัน์แล้วก็สามารถฉีดได้เหมือนกัน แต่ควรตรวจเปปเสมียร์ก่อนค่ะ เพื่อความแน่ใจว่ายังไม่ได้รับเชื้อมา ส่วนเราฉีดของ cervarix ป้องกันมะเร็งปากมดลูกโดยตรงค่ะ จากคุณ : Ms.Choco เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 54 10:52:34

ความคิดเห็นที่ 32 เห็นด้วยอย่างแรงค่ะ..... ตรวจคัดกรองควบคู่ไปกับการฉีดวัคซีน เป็นวิธีที่ดีที่สุดค่ะ เพราะมะเร็งปากมดลูกชนิดอะดีโนเป็นชนิดที่ตรวจพบได้ยากมาก การตรวจคัดกรองทั่วไปอาจจะตรวจไม่เจอก็ได้ค่ะ ดังนั้นเราควรที่จะเลือกฉีดวัคซีนที่สามารถป้องกันมะเร็งปากมดลูกชนิดอะดีโนจะดีกว่าค่ะ จากคุณ : พอใจในสิ่งที่มี เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 54 13:48:36

ความคิดเห็นที่ 33 อ่าน journal ที่ทำ study เทียบ cervarix กับ Gardasil  แล้ว Gardasil ดีกว่าค่ะ อีกอย่างการฉีดก็สามารถป้องกันได้แค่ 70 % เท่านั้น เพราะเชื้อ HPV ยังมีอีกหลายสายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูก และยังไม่มีวัคซีนสำหรับสายพันธุ์ที่เหลืออีก 30 % ค่ะ จากคุณ : ชื่อนี้ไม่มีในสารบบ เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 54 18:59:34

ความคิดเห็นที่ 34 ขอบคุณ คุณสลิ่มหวานสำหรับคำตอบค่ะ อีกสองอาทิตย์มีนัดไปหาหมอ จะได้ถามเลยว่าควรฉีดตัวไหนดี แล้วค่อยไปฉีดที่เมืองไทย ถูกกว่ากันเยอะ (แอบงก อิ อิ) ขอบคุณ คุณ Ms.Choco ที่ตั้งกระทู้ขึ้นมา เป็นประโยชน์มากค่ะ จากคุณ : ข้าวปั้น เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 14:47:12 A:220.237.168.248 X: TicketID:188044

ความคิดเห็นที่ 35 ขอบคุณสำหรับ ข้อมูลดีดีนะค่ะ จริงๆแล้ว สำหรับเรื่องฉีดยี่ห้อไหนดีกว่านั้น ถ้าเอามาเปรียบเทียบกันจริงๆแล้วในสิ่งต่างๆดังนี้ คือ เรื่องของความ คุ้มค่า ถ้าได้ลองอ่านและศึกษาจริงๆ จะเห็นได้ว่า Cervarix คุ้มค่ากว่า เพราะภูมิยาวนานและไม่ตกค่ะ ซึ่งถ้าอ่านแบบไม่ได้ศึกษา จะเห็นว่า Gardasil ดูเหมือน จะควบคุมกว่า ในเรื่องของจำนวนสายพันธ์นะค่ะ แต่สายพันธ์ที่ Gardasil ใส่ลงไปใน วัคซีนคือสายพันธ์ที่ก่อให้เกิด หูดนั้นเองค่ะ ซึ่งเราถามคุณหมอเรื่องนี้ว่าถ้าเราเป็นหูดนี้ เราจะมีสิทธิเป็นมะเร็งหรือเป่าค่ะ คุณหมอก็บอกว่าจริงๆแล้วต่อให้เป็นหูด อีกกี่ครั้งก็ไม่ เปลี่ยนแปลงกลายเป็นมะเร็งแน่นอน แต่ถ้าเอาเรื่องการควบคุมมะเร็งปากมดลูกจริงๆ แล้ว Cervarix คุ้มค่ากว่าเพราะนอกจากป้องกัน มะเร็งสายพันธ์หลักๆและ ยังป้องกัน สายพันธ์ที่ก่อให้เกิดชนิดอะดิโนอย่างที่เจ้าของบอกด้วยค่ะ เพราะ เอาเข้าจริงๆแล้วขนิด อะดิโนน่ากลัวมากๆ เพราะตรวจแพปสเมียร์ ไม่สามารถตรวจเจอได้นั้นเอง ในส่วนที่มีคน บอกว่าจริงๆแล้ววัคซีนป้องกันได้แค่ 70% นั้น คือสำหรับคนที่อายุมากขึ้นตั้งหากค่ะ แต่ ถ้าฉีดตั้งแต่ อายุยังน้อยหรือตั้งแต่เด็กเลยนะ ผลของการเชื่อ HPV เท่าที่รู้จะสร้างภูมิคุ้ม กันให้เรา 100% ค่ะ เพราะน้องสาวเราฉีดมาตั้งแต่เด็กตอนนี้ภูมิยังคงสูงเหมื่อนเดิมค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราควรจะศึกษาให้ดีจริงๆ เพราะเงินที่จ่ายเพื่อค่าวัคซีนไม่ว่ายี่ห้อไหนก็ แพงเอาการน่าดูค่ะ ออนิดนึงนะค่ะ อย่าไปเชื่อคำโฆษณาในเรื่องของความคุ้มค่า เชื่อป้องกันได้หลายสาย พันธ์มากกว่า เพียงค่าจ่ายเพิ่มอีกนิดเดียว แต่จริงๆแล้วจ่ายไปมากกว่าแต่กลับไปป้องกัน เชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูกละก็ เราจะรู้สึกเสียดายจริงๆค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะค่ะ สำหรับคำแนะนำดีดี ผู้หญิงต้องช่วยกันแนะนำเรื่องดีดี แบบนี้นอก จากความสวยแล้ว ใจต้องสวยด้วยค่ะ ขอบคุณนะค่ะ จากคุณ : สวยหมาหอน เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 17:31:08

ความคิดเห็นที่ 36 เดี๋ยวนี้วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกเค้าใส่ให้ในโปรแกรมฉีดวัคซีนของเด็กผู้หญิงด้วยนะค่ะ เข็มแรกตอน 7 ขวบ เท่าที่จำได้นะ (รพ.เอกชน) อีก 2 ปีก็ต้องให้ลูกสาวฉีดกันไว้เลยถึงแพงแต่มันคุ้มค่ากว่าความเสี่ยง เพราะปัจจัยเสี่ยงสมัยนี้มีเยอะ จากคุณ : ชวนชมดอกซ้อน เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 54 17:17:19

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณคะ เรามาหาข้อมูล เพราะแม่เราเป็นแล้ว แต่ไม่บอมบอกว่าระยะไหน เป็นห่วงงงงงง tt" จากคุณ : rakwahnron เขียนเมื่อ : วันเข้าพรรษา 54 17:28:25