ความคิดเห็นที่ 1 ทานยา และพบแพทย์ สม่ำเสมอคะ เราเสียพ่อไปเพราะ พ่อดื้อ พอคิดว่าหายก็ไม่ทานยา พอกำเริบ เส้นเลือดแตกในสมองคะ จากคุณ : virung เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 23:26:06

ความคิดเห็นที่ 2 ไปหามาให้  ลองอ่านดูนะครับ http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L10721313/L10721313.html จากคุณ : papa-chai เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 23:28:07

ความคิดเห็นที่ 3 ออกกำลังกาย อย่างพอเหมาะ ทานยา ตามแพทย์สั่ง ดูแลเรื่องอาหารไปด้วยก็ดีครับ แค่นี้เอง คิดว่า โรค นี้ ทำใหคุณ ดูแลตัวเองมากขึ้น ดีกว่า บางคนที่คิดว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไร เพราะยังไม่ได้ตรวจ ครับ สู้ ๆ จากคุณ : biksize23 เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 54 23:38:20

ความคิดเห็นที่ 4 ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ว่า ต้องกินยาไปตลอดหรือเปล่า แต่ปัญหาที่แท้จริงคือ พี่ชายคุณดูยังรับตรงจุดนี้ไม่ได้ ต้องให้กำลังใจเค้า การกินยาตลอดชีวิต ไม่ใช่เรื่องร้ายแรง เมื่อเทียบกับการปล่อยให้ความดันสูง ดีไม่ดี ปฏิบัติตัวดี หมออาจจะหยุดยาให้ก็ได้ เผลอๆดูแลตัวเองดี ออกกำลังกาย สุขภาพดีกว่าก่อนได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นซะอีก ที่สำคัญต้องตระหนักถึงความสำคัญของการรักษา การกินยาแต่ละครั้งเสียเวลาไม่กี่วินาทีต่อวัน ดีกว่าปล่อยความดันสูง ฉีดเส้นเลือดสมองแตกเป็นไหนๆ จากคุณ : Mdiic~* เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 54 00:41:18

ความคิดเห็นที่ 5 หาหมอ ร.พ.หรือตามคลินิก หากผู้ป่วยความดันสูง อายุยังไม่มากเช่นวัยรุ่น วัยทำงาน ควรเจาะเลือดตรวจการทำงานของ ไต ตับ ฯลฯ ตั้งแต่เริ่มรู้ว่ามีความดันโลหิตสูง จากประสบการณ์ตรง... ตอน อายุ 30 ผมมีความดันโลหิตสูง   ก่อนจะรู้ว่าตัวเองเป็นโรค"ไตวาย" ในอีกหนึ่งปีต่อมา จากคุณ : Heron เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 54 00:41:57

ความคิดเห็นที่ 6 พี่เราออกกำลังกาย คุมอาหาร ลดน้ำหนัก จากที่ต้องกินยา ก็งดได้ แต่ ห้ามงดยาเองเด็ดขาด ต้องหาหมอสม่ำเสมอตามที่หมอนัด จากคุณ : . เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 54 01:21:20 A:58.8.48.111 X: TicketID:282073

ความคิดเห็นที่ 7 life style modification สำคัญสุดครับ จากคุณ : หนุมานถวายแหวน เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 54 02:02:31

ความคิดเห็นที่ 8 เป็นเรื่องปรกตินะ เมื่อคนรู้ตัวว่า ป่วย มักจะเข้าระยะ 1. ปฏิเสธ (shock & danial) เสียใจ และใจหนึ่งปฏิเสธบอกว่า ไม่จริง ฉันไม่ได้เป็น 2. pain & guilt เจ็บปวด เครียด มองหาพฤติกรรมในอดีตว่าทำไม 3. anger & bargaining ทำไมต้องเป็นฉัน? ถ้าต่อไปจะไม่ทำอีก ฉันจะดีขึ้นไหม? 4. depression ซึมเศร้า เป็นห่วงสิ่งรอบตัว 5. upward turn หายซึมเศร้า ทำใจได้ มีอารมณ์ขันมากขึ้น 6. reconstruction & working through เริ่มมีกำลังใจ ร่วมมือกับการรักษา 7. acceptance & hope ยอมรับ และหวังว่า อะไรๆมันเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ มีชีวิตอยู่กับสภาวะนั้นได้แบบไม่เครียด ไม่กังวล (พูดง่ายๆคือ ชินกับมันแล้ว) อยากจะบอกว่า การกินยาวันละสองเม็ดไปเรื่อยๆ ไม่ได้เลวร้ายอะไร และถ้าพยายามปฏิเสธโดยไม่ยอมกินยา อาจจะมีผลร้ายแรงตามมาภายหลังได้มาก สิ่งที่ช่วยได้ คือ การออกกำลังกาย ควบคุมอาหาร (ลดไขมัน ลดเค็ม) แต่อย่าออกกำลังกายหักโหมโดยไม่ยอมกินยา ความดันอาจจะขึ้นสูงจนเป็นอันตรายได้ จากคุณ : *Cookies* เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 54 06:58:46

ความคิดเห็นที่ 9 ห้ามงดหรือลดยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์โดยเด็ดขาดครับ จากคุณ : phahurat เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 54 12:40:55

ความคิดเห็นที่ 10 กินยา+ซื้อรองเท้าวิ่ง วิ่งท้าตายเลยครับ สามเดือนเห็นผล ผจก แม่บ้านโรงแรมผมอายุจะหกสิบแล้ว ไม่เคยออกกำลังกายตลอดชีวิต สามปีที่ต้องกินยาเบาหวาน ไขมัน ความดัน แกบอกไหนๆก็จะตายอยู่แล้วซื้อสมาชิกฟิตเนสไปเล่นอาทิตย์ละ 2 ครั้ง เล่นไปได้สามเดือนหมองดยาทุกชนิดที่ต้องกิน แกบอกว่าไปโง่อยู่ไหนมาเกือบตลอดชีวิต ไม่เคยรู้เลยว่าออกกำลังกายเป็นยา จากคุณ : ลึกลับซับ_tui เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 54 21:38:20

ความคิดเห็นที่ 11 ลองอ่านดู   http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=satipanya&month=27-04-2011&group=1&gblog=5 จากคุณ : namkati เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 54 23:22:28

ความคิดเห็นที่ 12 ผมก็ป่วยเป็นความดันโลหิตสูง ตรวจเจอตอนอายุ 29 สารภาพตามตรงว่าตกใจมาก ผ่านมา 4 ปี ตอนนี้ไม่เคยนึกว่าเป็นโรคนี้ด้วยซ้ำ ผมออกกำลังกาย กินยาตามหมอสั่ง พบหมอ 3 เดือนครั้ง ร่างกายแข็งแรงกว่าตอนก่อนเป็นโรคด้วยซ้ำ อยากบอกว่ามันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด มีเวลาออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทำตามแพทย์สั่ง คนที่ป่วยเป็นโรคร้ายแรงกว่าเรายังมีอีกเยอะครับ จากคุณ : Zuk_207 เขียนเมื่อ : วันอาสาฬหบูชา 54 14:37:29