Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
หมอไม่ผิด พยาบาลไม่ผิด แล้วใครผิด? ติดต่อทีมงาน

เพื่อนฝากมา post ค่ะ

ตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมา มีเหตุให้ต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อยกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาในชีวิตรวมกัน ไม่ได้ป่วยไข้เองหรอกค่ะ คนป่วยเป็นยายน่ะ สำหรับในบ้านที่มีกัน 3 คน คือเรา ยาย และแม่ที่ป่วยเป็นมะเร็ง มันก็แหงอยู่แล้วว่าคนพายายไป รพ. ต้องเป็นเรา โดยมีญาติผลัดเปลี่ยนกันไปเป็นเพื่อน ทำให้ได้ประสบการณ์แย่ ๆ จาก รพ. มาเยอะ จนน่าจะตั้งชื่อว่า รทม. (โรงทรมาน) มากกว่า

เริ่มขึ้นที่ยายเราฉี่น้อย ฉี่ไม่ออกมาระยะหนึ่ง ราว 7-10 วัน แล้ววันเสาร์ที่ 2 ก.ค. ก็ฉี่ไม่ออก ปวดท้องร้องดิ้น ทำให้ญาติต้องพาไปเข้าโรงพยาบาล ผลคือมีถุงฉี่ติดตัวมาด้วย หมอ (น่าจะพยาบาลมากกว่า) สอดท่อให้ จริง ๆ เค้าอยากให้นอนโรงพยาบาล เพราะว่ากลัวติดเชื้อ แต่ยังไงยายก็ไม่ยอม จะกลับบ้าน นัดวันจันทร์ที่ 4 มาถอดท่อดูว่าจะฉี่เองแบบปกติได้มั้ย ถ้าไม่ได้คราวนี้ต้องนอน รพ. แน่ ๆ กำชับว่าห้ามยุ่งกับไอ้ถุงนี่ และท่อและสายเด็ดขาด ไม่งั้นมันจะติดเชื้อ ห้ามเทบ่อย ให้เต็มถุงแล้วค่อยเท

เราซึ่งไม่มีใครที่รู้จักเคยใส่ไอ้นี่เลย ก็ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด รอวันที่ 4 ก.ค. ไปโรงพยาบาลถอดดู ก็ปรากฏว่าฉี่เองไม่ได้ หมอและพยาบาลตกลงให้นอน รพ. จนกว่าจะฉี่เองได้ เราก็ต้องเฝ้าสิคะ ระหว่างนั้นมีคุณลุงคนไข้คนหนึ่งชวนคุย ว่ายายเป็นอะไร พอรู้เขาก็บอกงง ๆ ว่า หมอทางเดินปัสสาวะมาเฉพาะวันเสาร์เช้านะ เค้าว่าเค้าเคยต้องมารักษาเรื่องต่อมลูกหมากมาก่อน เราก็รับรู้ไว้ แต่ก็เชื่อหมอและพยาบาล เพราะอยู่โรงพยาบาล ใกล้หมอดี มีอะไรหมอจะได้ดูแลใกล้ชิด (ฝัน) อีกอย่าง ข้อมูลคุณลุงอาจไม่ update หมอ + พยาบาลว่าไง เราก็ว่าตามกัน เค้าเป็นหมอ พยาบาล น่าจะรู้ดีกว่าคนนอกไม่ใช่เหรอ

และแล้วก็นอนโรงพยาบาลด้วยความทรมาน ใครเคยมีญาติที่หลง ๆ ย้ำคิดย้ำทำ กวนตลอดเวลา คงเข้าใจนะ ยิ่งคนแก่มาอยู่แปลกที่ ยิ่งทำให้คุณหัวหมุนได้เสมอ จะหนีกลับบ้านมั่งละ เล่าเรื่องเพ้อเจ้อไม่จริงให้เตียงข้าง ๆ ตกใจมั่งละ แต่เราก็เฝ้าอยู่ต่อไป ผ่านคืนนั้นไป พยาบาลเป็นคนเทถุงฉี่ เวลาเช็ดตัวทำความสะอาดก็รูดม่าน แล้วบอกเชิญญาติออกไปนะคะ ไม่ยอมให้ดู

วันต่อมาไปเอ็กซเรย์ อีกวันอัลตราซาวด์ อีกวันขึ้นขาหยั่ง (ทำไมไม่ทำให้เสร็จไปวันเดียวเลยนะ) ผลบอกว่ายายมีเนื้องอกขนาด 6 cm ตรงมดลูก ซึ่งบางทีมันก็มาเบียดทางเดินปัสสาวะ พอถามว่าแล้วต้องผ่าตัดมั้ย หมออัลตราซาวด์ (ซึ่งดีที่สุดในจำนวนหมอที่เราได้พบมา) ก็อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ บอกว่าหมอบอกไม่ได้นะ มันจะเป็นการก้าวก่ายหมอสูฯ รอถามหมอสูฯเถอะ

เราก็โอเคค่ะ เข้าใจ ขอบคุณ

วันขึ้นขาหยั่ง หมอสูฯ ให้รอเกือบชั่วโมงในห้องตรวจ ยายบ่นหนาว ๆ ตลอดเวลา หมอมาไม่ถึง 3 นาที ดู ๆ ตรวจ ๆ เขียน ๆ คุยกับพยาบาล แล้วบอกให้รอพบหมอทางเดินปัสสาวะ เราชักเอะใจเพราะนี่มันก็หลายวันแล้ว ชักสงสัยว่า หรือหมอทางเดินปัสสาวะจะมาวันเสาร์จริง ๆ ลองถามพยาบาลดู (หมอหายตัวไปแล้ว) ก็ปรากฏว่าเป็นเช่นนั้นจริง ๆ แล้วให้เรามานอนรอตั้งแต่วันจันทร์เนี่ยนะ? ถ้าจะกลัวติดเชื้อจัด แต่ตอนกลางคืนในห้องคนไข้ก็ไม่เห็นเค้าทำอะไรเลยนี่ นอกจากเทฉี่ลงกระโถน ไม่รอเต็มถุงอีกต่างหาก ขนาดพยาบาลบอกมาว่าหมอสั่ง (คือตั้งแต่เฝ้ามา จันทร์ - พฤหัส ไม่เคยพบหมอของยายในห้องคนไข้เลย หมอคนไข้คนอื่นเดินตรวจกันดิบดี คงเข้าใจนะคะว่าคนไข้ที่ถูกหมอเดินผ่านไปผ่านมา หมอแล้วหมอเล่า แต่ไม่มีใครแวะมาดูเลยตลอดสี่ห้าวันเนี่ย จะรู้สึกยังไง) ให้เอายางรัดสายปัสสาวะที่ต่อลงถุงไว้เพื่อจดว่าฉี่ไปแค่ไหนต่อเวลาเท่านี้ ๆ แต่พยาบาลอีกคนก็มาแกะออก เทฉี่ทิ้งเฉยเลย ไม่ใช่ครั้งเดียวด้วยนะ พยาบาลคนใหม่ก็แกะใหม่เทใหม่ ในฐานะคนเฝ้าไข้ ก็พยายามจะบอกพยาบาลทุกคนที่มาเทฉี่ว่าพยาบาลคนก่อนสั่งไว้อย่างไร แต่ก็ไม่ค่อยทันหรอก เทพรวดไปก่อนเราจะได้ทันอ้าปากทุกที พอบอกก็ทำหน้างง ๆ บอก เหรอคะ? แล้วก็ไป มีอยู่ครั้งเดียวเท่านั้นที่บอกทัน เค้าก็ใส่แคปไว้ตามเดิม นี่เค้าไม่สั่งไม่ติดต่องานระหว่างกันเลยหรือ? อย่างน้อยที่สุดถ้าเห็นยางรัดสายอยู่ ก็ควรจะรู้แล้วสิว่ามันหมายความว่ายังไง หรือคิดว่าเรามือบอนอยู่ว่าง ๆ เลยรัดเล่น?

เมื่อไม่เจอหมอเลย และพยาบาลก็ไม่แสดงความสนใจใด ๆ ได้แต่เดินผ่านไปผ่านมา ห้องมี 10 เตียงเองนะ ถามก็ไม่ตอบ บอกรีบบ้าง บอกให้รอถามคุณหมอคืนนี้บ้าง (โกหก ไม่เห็นมีหมอมาซักคน มาอยู่ตั้งหลายคืนแล้ว) ยายเราก็กวน ร้องจะกลับบ้านจนกวนคนไข้อื่น ในที่สุดก็ได้กลับบ้านจริง ๆ วันศุกร์ แล้ววันเสาร์ก็ต้องกลับไปโรงพยาบาลเดิมอีกครั้งเพื่อพบหมอที่เค้าว่าจะมาเฉพาะวันเสาร์เช้า

ในใบนัดบอกว่าเที่ยง - 13 นาฬิกา เรายังหวาดเสียวที่คุณลุงบอกว่าหมอมาเสาร์เช้าอยู่ เลยมาราว 10 โมงครึ่ง  ยื่นบัตรไป รอเค้าเรียก ได้ตรวจ 11 โมง 45 ตอนแรกก็คิดว่าเออ เร็วดีวุ้ย เข้าไปตรวจ หมอพูดคร่อกมาก ตรวจคนไข้ก่อนหน้าเรา 10 กว่าคนภายในครึ่งชั่วโมงได้มั้ง มาถึงเห็นยายเรานั่งอยู่บนวีลแชร์ก็บอกเลยว่า คนแก่เดินไม่ได้ อวัยวะมันก็อ่อนแอเหมือนขานั่นแหละ ถึงฉี่ไม่ออกไง (จริง ๆ พนักงานเค้าเห็นเป็นคนแก่เค้าก็จับนั่งวีลแชร์แล้ว ไม่เกี่ยวกับเดินได้หรือไม่ได้แต่อย่างใด)

เราก็แย้งอย่างสุภาพออกไปว่า ยายหนูเดินได้ค่ะ

อีตาหมอก็เปลี่ยนเรื่อง บอกต้องเอ็กซเรย์ก่อน ต้องอัลตราซาวด์ก่อน ตรวจกับหมอสูฯก่อนว่าเป็นอะไร

เราก็ตอบไปว่า ตรวจหมดแล้วค่ะ มานอนโรงพยาบาล 4-5 คืนได้ ทำมาหมดแล้ว แต่ก็ยังฉี่ไม่ออก เค้าให้รอพบหมอทางเดินปัสสาวะ เพราะยายมีเนื้องอก บลาๆๆ

หมอถาม รู้ได้ไงว่ามีเนื้องอก ถามออกมาได้ โหงพรายกระซิบละมั้ง แต่เราก็ยังตอบอย่างสุภาพว่า ก็ผลอัลตราซาวด์ออกมาอย่างนี้นี่คะ ต้องผ่ามั้ยคะ ใจเราก็คิดว่าเวชระเบียนคนไข้ก็อยู่ในมือแท้ ๆ พลิก ๆ นั่นไม่ได้อ่านเลยเหรอ? คิดดูสิคะ หมอไม่อ่านเวชระเบียน แต่พูดทักว่าเป็นโน่นเป็นนี่ตลอดเวลา เอาข้อมูลอะไรมารักษาคนไข้หรือคะ? เวชระเบียนยายเราก็กระติ๋วเดียวเพราะเพิ่งมาครั้งแรก ยังไม่อ่านเลยเนี่ยนะ? พอเราบอกไปเช่นนั้น หมอถึงได้ร้องออกมาว่า อ้าวเหรอ หมอไม่รู้เลย แล้วค่อยก้มลงอ่านเวชระเบียน

สรุป หมอไม่ยอมผ่า เกี่ยงว่าอายุมากไป (75 ปี) ก็โอเค เราเข้าใจว่ามันเสี่ยง แต่หมอไม่ยอมทำอะไรเลย บอกว่าใส่สายไว้อย่างนี้ก็แล้วกัน แล้วก็ทำท่าจะจบการสนทนา เรารีบถามว่า แล้วต้องมาเปลี่ยนบ่อยแค่ไหน เพราะคุณพยาบาลย้ำนักย้ำหนาว่ามันติดเชื้อง่ายมาก อย่าไปยุ่งกับมันทีเดียว หมอบอกแบบไม่สนใจนักว่า เปลี่ยนเดือนละครั้งก็พอ แต่ต้องระวังติดเชื้อ จบการตรวจ

หมอเขียนใบนัด 3 เดือนข้างหน้า (1 ต.ค.) ดีว่าเราเอะใจว่าหมอบอกให้เปลี่ยนถุงเดือนละหน ทำไมนัด 3 เดือนข้างหน้า ไปติดต่อพยาบาล พยาบาลทำหน้ารำคาญ บอกดิฉันก็พิมพ์ตามที่หมอเขียนนะคะ เราอ้างคำหมอที่ว่าต้องเปลี่ยนทุกเดือน เจ้าหล่อนจึงวิ่งไปตามหมอมาให้ (ตรวจคนไข้เสร็จก็แว่บหายตัว) สุดท้ายก็ได้ใบนัดมาอีกใบ (6 สิงหา) ถ้าไม่ทวงก็คงไม่ได้ หมอไม่ค่อยสนใจเลย ตอบอย่างขอไปที เหมือนถูกบังคับให้มาตรวจคนไข้

เราก็พายายกลับบ้านมาแบบงง ๆ ไม่รู้เลยว่าจะต้องดูแลผู้ป่วยที่มีสายสวนปัสสาวะคาอยู่ยังไง เพราะไม่มีใคร ไม่ว่าจะหมอหรือพยาบาล บอกเราเลยซักคน เวลาถามก็ทำท่าเหมือนรีบมากอยู่ตลอดเวลา เราก็เลยทำตามคำสั่งเดิม คือพยายามไปยุ่งกับมันให้น้อยที่สุด แล้วก็ล้างทำความสะอาดตามปกติเวลาอาบน้ำและถ่ายอุจจาระ

ไม่น่าเชื่อค่ะ เหนือฟ้ายังมีฟ้า เราคิดว่าอีตาหมอนี่แย่ที่สุดแล้วในกระบวนหมอที่เจอมา เพราะว่าโรงพยาบาลนี้ยังมีเซอร์ไพรส์ให้คนไข้เสมอ เมื่อคืนวันที่ 19 ต่อ 20 ก.ค. ยายเราปวดท้องฉี่อีกแล้วทั้ง ๆ ที่มีสายอยู่ ฉี่ก็น้อยผิดปกติ ปวดขึ้นมากลางดึก ก็ต้องไปหาหมอแบบฉุกเฉินสิคะ ตอนเที่ยงคืน 5 หรือ 10 นาทีได้

เค้าเข็นยายเข้าห้องฉุกเฉิน บอกญาติรอข้างนอกอีกตามเคย เราก็นั่งรอหน้าห้อง นั่งฟังผู้หญิงคนหนึ่งมากับผู้ชายอีกคนด่าหมอ ด่าโรงพยาบาลสาดเสียเทเสียราว 20 นาที  ยังไม่เลิกด่าค่ะ แต่พยาบาลมาเรียกก่อน ให้เรามาคุยกับหมอผู้หญิงอ้วน ใส่แว่น ผมยาว อายุน่าจะซัก 30 กว่า หล่อนถามว่าฉี่ครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ เอ่อ จะรู้ไหมล่ะ ก็ใส่สายมาตลอด ฉี่มันหยดตลอด ก็ไม่รู้น่ะสิว่าฉี่ครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ เราเลยตอบไปว่าก็ใส่สายอยู่ เธอเลยเปลี่ยนคำถามแบบรำคาญ ๆ ว่า แล้วฉี่ไม่ออกตั้งแต่เมื่อไหร่ ถามแบบนี้ค่อยตอบได้หน่อย ก็ตอบว่าน่าจะซักบ่าย ๆ มั้งคะ หมอก็บอกว่าฉี่ไม่ออกแล้วทำไมมีฉี่ในถุง เราก็บอกว่า ก็ฉี่ตั้งแต่เช้านี่คะ มันก็คงจะมีค้างอยู่บ้าง

เธอเริ่มฉะทันทีว่าอะไรกัน ไม่ได้เทฉี่เป็นเวลาหรอกเหรอ เราก็บอก เปล่าค่ะ คุณพยาบาลเคยบอกให้เทตอนมันเต็ม อย่าไปยุ่งกับมัน มันจะติดเชื้อได้ง่าย หมอทำท่าเหมือนเราพูดไม่รู้เรื่อง พอดีกับพยาบาลพูด (อวดหมอ เบลมเรา) ว่าเขรอะเชียว สกปรก ล้างกันมั่งมั้ย หมอก็ว่าเราเหมือนว่าเราสกปรกมาก ทำไมไม่รู้จักล้างทำความสะอาดให้บ้าง หล่อนบอกมันต้องสกปรกมากนะ ที่พยาบาลเค้าพูดน่ะ หมอเห็นภาพเลย (จินตนาการสูง หล่อนยังไม่ได้ชะโงกหน้าไปดูเลยซักนิดแท้ ๆ) เราก็บอกว่าคุณพยาบาลเค้าเคยบอกว่าอย่าไปยุ่ง อย่าไปแตะต้องมัน เดี๋ยวมันจะติดเชื้อ ขนาดเทถุงยังต้องรอให้เต็มก่อน เดี๋ยวเชื้อโรคเข้า เราเลยไม่กล้าไปทำอะไรมันมาก ยัยหมอนี่ก็พูดว่า มันต้องให้บอกด้วยเหรอ น่าจะรู้เองนะ ตรงนั้นน่ะ มันอับชื้นจะตาย เข้าห้องน้ำไปฉี่ไปอะไรไม่ล้างเหรอ ยายตูติดสายฉี่กับตัว จะต้องเข้าห้องน้ำไปฉี่หาพระแสงอะไร ก็ตอบไปอย่างนั้น แต่ด้วยประโยคสุภาพ ไม่มีพระแสงหรอก เธอก็ว่าตอนอึล่ะ ตอนอาบน้ำล่ะ แล้วก็หันไปถามยายว่ายายอาบน้ำวันละกี่ครั้ง ยายก็ว่าวันละครั้ง ยายหนาว เพิ่งอึไปครั้งสองครั้งเท่านั้น เพราะท้องผูกมาก (ไม่รู้เหมือนกันว่าที่ท้องผูกมากเนี่ย เป็นเพราะก้อนเนื้องอกนี่ไปกดด้วยหรือเปล่า ไม่เห็นมีใครให้ความสำคัญ พูดถึง หรือนึกถึงเลย ทั้ง ๆ ที่พยาบาลรู้ เพราะตอนที่นอนในวอร์ดก็เคยขอยาถ่ายจากพยาบาลตั้งหลายหน ซึ่ง เค้าไม่ให้เลย บอกให้รอหมอ และก็ไม่เคยมีสิ่งที่เรียกว่าหมอมาเลย) หล่อนก็ว่ายายไม่ล้างจิ๋ม ยายก็ว่ายายล้าง แต่หล่อนก็ไม่ฟัง หันมาด่าเราว่าตอนยายเข้าห้องน้ำก็ไม่เข้าไปช่วยดู

เราก็พยายามบอกหมอไปว่าเราไม่ได้รับข้อมูลอะไรเลย ไม่มีหมอหรือพยาบาลอธิบายให้เราฟังเลยซักคน ว่าการดูแลผู้ป่วยที่ใส่สายสวนปัสสาวะจะต้องทำอย่างไรบ้าง ไม่ใช่ไม่ถาม แต่ไปถามแล้วก็ไม่อยากจะตอบกัน ทำเป็นไม่สนใจ ทำเป็นมีธุระมากกันทั้งนั้น บอกแต่ว่าอย่าไปยุ่งเดี๋ยวติดเชื้อ หมอก็พูดประมาณว่า หมอก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ หมอก็ไม่รู้หรอกนะ แต่หมอไม่ผิด พยาบาลไม่ผิด ของแบบนี้ไม่เห็นต้องให้บอก ที่มันอับชื้น ต้องทำความสะอาด เราเข้าห้องน้ำ เราก็ต้องทำอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ พูดเหมือนเราไม่ล้างของเราเอง

สำหรับคนที่ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ ไม่มีความรู้ด้านการดูแลผู้ป่วยมากกว่าเช็ดตัวคนเป็นไข้หวัด เราไม่รู้หรอกค่ะว่าขอบเขตของสิ่งที่เราทำได้อยู่แค่ไหน เราไม่ได้มีญาติต้องใส่สายสวนปัสสาวะทุกวันนี่คะ นี่เป็นครั้งแรก แล้วเราก็ไม่มีหมอหรือพยาบาลคนไหนสละเวลาบอกเราให้ชัดเจนเลยว่า เราควรดูแลอย่างไรบ้าง นอกจากบอกว่าอย่าไปยุ่งกับมันมาก เดี๋ยวมันติดเชื้อ เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจริง ๆ แล้วมันโดนน้ำได้หรือเปล่า หรือว่าควรทำความสะอาดยังไงเป็นพิเศษมั้ย แต่เราก็ให้ยายล้างแบบคนปกติเค้าล้างกันน่ะนะ เราไม่รู้หรอกว่าคำว่าสกปรกของพยาบาลมันสกปรกมากแค่ไหน หรือสะอาดอย่างที่พยาบาลต้องการเป็นยังไง แล้วที่ว่าหมอไม่ผิด พยาบาลไม่ผิด มันหมายถึงอะไรไม่ผิด ไม่ให้ข้อมูลคนไข้ไม่ผิด? เจ้าของไข้ถามแล้วไม่ตอบก็ไม่ผิด? ถ้าหมอไม่ผิด พยาบาลไม่ผิด แล้วใครผิด? เราผิด? ผิดที่ถามแล้วไม่ได้รับคำตอบ เลยเก้ ๆ กัง ๆ ดูแลไม่เป็น?

โอเค เราก็บอกหมอไปว่า เราทำความสะอาด (ในระดับที่พยาบาลต้องการ) ไม่เป็น แล้วเราต้องทำยังไงบ้าง? หมอก็ทำหน้ารำคาญ เบื่อมาก เหมือนเราโง่มาก แล้วก็พูดประมาณว่า นี่จะพูดเป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะ เคยทำความสะอาดยังไง เคยใช้สบู่นกแก้วล้าง ก็ใช้สบู่นกแก้วล้างนั่นแหละ (เราก็ทำแบบนั้นแล้วนี่ แต่คุณก็ยังบอกว่ามันสกปรกอยู่น่ะ? แล้วสบู่นกแก้วมันเป็นยังไงเหรอ? มันล้างจิ๋มได้ดีกว่าปกติ หมอเลยยกขึ้นมา recommened?)

ญาติของเราก็ถามว่า เอาแอลกอฮอล์เช็ดได้มั้ย หมอก็พูดขึ้นมาว่า โห ทนฟังมานาน ทนไม่ไหวก็อีตอนนี้ เอาแอลกอฮอล์เช็ด เดี๋ยวก็ได้เข้าโรงพยาบาล เพราะเนื้อเปื่อยหนังเปื่อยกันพอดี ตรงนั้นมันบอบบางยังกะอะไรดี (นี่ไงตัวอย่างของการใช้สามัญสำนึกทั่วไปมาใช้ดูแลผู้ป่วยไม่ได้ สำหรับคนทั่วไปที่ไม่มีความรู้เรื่องการแพทย์ ก็รู้แค่ว่าแอลกอฮอล์มันฆ่าเชื้อโรค ใช้แอลกอฮอล์เช็ดน่าจะดีนะ) แต่ไม่พูดอธิบายดี ๆ นะคะ หล่อนทำเป็นส่ายหัว โคลงหัว หัวเราะอย่างสมเพชเวทนาราวกับเราทำไปแล้วอย่างนั้นแหละ เป็นมารยาทที่หมอควรทำกับคนไข้เหรอ?

พอพยาบาลเอาใบรับรองแพทย์มาให้เซ็น บอกว่าเผื่อพรุ่งนี้ พี่เค้า (คือเรา) จะหยุดงาน หล่อนก็ไม่เซ็นให้ คงหมั่นไส้เรา หรือไม่ก็กลัวรู้ชื่อแล้วจะเอาไปร้องเรียนมั้ง (สายไปแล้วละ) ถามอะไรก็ไม่ตอบ ทำเขียนอะไรง่วนอยู่ ถามตั้งหลายที สงสัยจะเกิดหูตึงขึ้นมากระทันหัน จนคุณพยาบาลต้องตอบแทนให้น่ะคิดดู พอเราถามว่าเราไปค้นคว้ามาว่าไอ้สายเนี่ย มันอยู่ได้ราว 10 วันเท่านั้น แต่หมอนัดเปลี่ยนเดือนละหน จะทำยังไง ยัยหมอเกิดหายหูตึงกระทันหัน แปร๋แปร๋นขึ้นมาทันทีว่าอยู่ได้เป็นเดือน ที่รู้มาน่ะผิด แล้วก็ด่าว่าเนี่ย เราใช้ถุงเปลืองมากนะ 4-5 วันเปลี่ยนไป 4 ถุง (คงเพิ่งจะได้อ่านเวชระเบียนที่หยิบมาถือร่อนไปร่อนมาตั้งนานสินะ) เราก็ว่า ถ้าดูเวชระเบียนจะพบว่าคุณหมอเป็นคนสั่งให้เปลี่ยนทุกครั้ง ถอดออกเพื่อดูว่าฉี่เองได้มั้ย เมื่อฉี่ไม่ได้ก็ต้องใส่ให้ใหม่ หมอก็เถียงข้าง ๆ คู ๆ ว่าครั้งนี้ที่มาก็มาเปลี่ยนนี่ เอ๊า ก็มันหลุด คือที่จริงมันเลื่อนจากจุดที่ควรอยู่ ไม่ได้หลุดออกมาด้วยละ ก็ 13-14 วันแล้วนี่ แล้วก็ไม่ได้ติดเชื้อซักกะหน่อย (ที่ทะเลาะกันมาตั้งนานเรื่องจิ๋มสกปรกหรือไม่สกปรกเนี่ย ไม่เกี่ยวกับประเด็นที่มาโรงพยาบาลในคืนนี้เลย) พอดีบุรุษพยาบาลเข็นยายออกไปแล้ว เราต้องตามออกไป เลยไม่ได้อยู่คุยกันให้รู้เรื่องจนจบ

เล่ามาตั้งนาน สิ่งที่เราอยากจะบอกก็คือ

1. ถ้าโรงพยาบาลยังไม่มีความสามารถที่จะรักษาคนไข้ได้ในขณะนั้นเลย จะด้วยยังไม่มีหมอเฉพาะด้านนั้น ๆ หรืออะไรก็แล้วแต่ คุณควรจะบอกคนไข้ ไม่ใช่ให้คนไข้รอโดยไม่รู้ชะตากรรมว่าเมื่อไหร่หมอจะมา เพื่อนเราก็เคยมีญาติที่เส้นเลือดในสมองแตก แต่ต้องนอนรออยู่ 3 วัน กว่าหมอจะมา เพราะพยาบาลโกหกไปเรื่อย ๆ ว่าเดี๋ยวก็มา เดี๋ยวเย็นนี้มา เดี๋ยวพรุ่งนี้มา แล้วในที่สุดก็ตายไง พี่ที่ทำงานของเพื่อนก็เหมือนกัน พ่อกระเพาะทะลุ นอนคาโรงพยาบาลจนขาดใจตายโดยไม่มีวาสนาได้เห็นหน้าหมอเลย ถ้าคุณไม่พร้อมที่จะรักษาเดี๋ยวนั้น ช่วยบอกคนไข้หน่อย อย่างน้อยก็จะได้รู้ว่า จะต้องรออีกนานไหม รอไหวหรือเปล่า ถ้าไม่ไหว จะได้ย้ายโรงพยาบาล อย่างกกันมากนัก

2. เวลาเจ้าของไข้ถามข้อมูลอะไร กรุณาตั้งใจตอบอย่างจริงจังด้วย ไม่ใช่อ้างว่ารีบแล้วเดินหลบฉากวูบ หลบฉากวูบ สุดท้ายก็ไม่อธิบายอะไรเลยสักอย่าง มาเปิดหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต (ให้เพื่อนเปิดให้ เพราะที่บ้านไม่มีเน็ต) พบว่าวิธีการดูแลคนไข้ใส่สายสวนปัสสาวะมีวิธีและข้อควรระวังปลีกย่อยมากมาย ใช้สามัญสำนึกอย่างเดียวหาพอไม่ แต่ก็ไม่ได้มากมายเสียจนทำให้คุณเสียเวลาในการอธิบายมากนักหรอกมั้ง การรักษาที่ไม่บอกวิธีดูแล ก็ไม่ต่างอะไรกับการจ่ายยาโดยไม่เขียนฉลากนั่นแหละ

3. หมอ ๆ ทั้งหลาย อ่านเวชระเบียนก่อนทำการตรวจรักษาหน่อยได้ไหม? ไม่ต้องรีบทำรอบมากนักก็ได้มั้ง รักษาได้จำนวนคนเยอะ แต่รักษาผิดหมด เพราะเดาสุ่ม ไม่อ่านข้อมูลอะไรเลยทั้ง ๆ ที่ข้อมูลก็อยู่ในมือแล้ว มันแย่ยิ่งกว่าไม่ยอมรักษาอีกนะ

4. คุณหมอคะ การที่คนไข้ไม่รู้เท่าที่คุณหมอหรือบุคลากรทางการแพทย์รู้ เป็นความผิดคิดร้ายมากมายถึงขนาดทำให้คุณหมอต้องปฏิบัติต่อคนไข้อย่างเหยียดหยามแบบนั้นด้วยหรือคะ? แล้วการที่เจ้าของไข้ดูแลคนไข้ได้ไม่ดีเท่าที่หมอต้องการ เพราะไม่เคยมีหมอหรือพยาบาลเต็มใจให้ข้อมูลอะไรเลยทั้ง ๆ ที่ถามแล้ว หมอไม่ผิด พยาบาลไม่ผิด แล้วใครผิดคะ?

จากคุณ : Beauty&Stupid
เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 54 00:21:20




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com