|
ผมขอสรุปนิดนึงตามความเข้าใจของผมได้ป่ะ
คือ ฝ่ายญาติคนไข้ไม่พอใจที่ทำให้คนไข้มีแผล เพราะเข้าใจว่าคนเป็นเบาหวานห้ามมีแผล
ถ้าเข้าใจแบบนี้ แสดงว่าเข้าใจแค่ส่วนเดียวครับ เลยทำให้เกิดความเข้าใจผิดกัน
ไปไล่ดูตามรพ.ต่างๆได้ครับ คนไข้เบาหวาน ไม่ว่าจะสาวแก่แม่หม้าย ผ่ากันให้รึ่ม ไอ้แค่แผลผ่า 1-2 เซ็นฯ นี่จิ๊บๆครับ โรคทางศัลย์กรรม ทางสูติ-นารี ทางกระดูก บลาๆ หรือแม้แต่ทางอายุรกรรมเอง แผลพวกนี้ใหญ่กันเป็นคืบๆครับ แต่แผลพวกนี้ไม่น่ากลัวเท่าไหร่ครับ เพราะแผลผ่าตัดเป็นแผลสะอาด ยิ่งดูแลความสะอาดดี ล้างแผลดี คุมน้ำตาลได้ดี ก็ไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วงมากมาย แตกต่างกับแผลที่เกิดจากอย่างอื่น ซึ่งสกปรก เช่น แผลเกิดที่พื้นบ้านถูสะอาดเอี่ยมอ่องมันวับ แต่นั่นก็นับว่าโคตรสกปรกครับ เมื่อเทียบกับแผลผ่าตัด และยิ่งกว่าจะรู้ตัวว่าเป็นแผล เชื้อมันก็เจริญขยายพันธุ์ไปไหนต่อไหนแล้ว
และบางครั้งเราก็ต้องชั่งน้ำหนักถึงผลดีผลเสีย ถ้ามีแต่ผลเสียก็ต้องเลือกเอาอันที่เสียน้อยสุด (ก็เสียอยู่ดีแต่น้อยกว่า) เช่น ไส้ติ่งแตกจะตายอยู่แล้ว เบาหวานห้ามมีแผล ผ่าไม่ได้เดี๋ยวเป็นแผล อ้าวแล้วงั้นจะให้ทำไง ดังนั้นก็ชั่งดู ไส้ติ่งแตกตาย กับแผลหายช้า จะเอาอันไหน กลัวแผลหายช้ามากกว่าก็ไม่ต้องผ่า กลับบ้านได้!!?
ให้ผมเดานะ
คนไข้เป็น Diabetic foot ulcer (แผลที่เท้าในคนไข้เบาหวาน) มี gangrene (เนื้อตาย) ก็เลยมีปวดมีชา [ไอ้ gangrene นี่แหงๆที่ญาติเข้าใจว่าเป็นตาปลาเฉยๆ] ก็คงเล็กๆหรือหมอศัลย์ประเมินดูแล้วยังไม่น่าอันตรายเท่าไหร่ จะผ่าก็ดี ไม่อยากผ่าก็ยังโอเค งั้นก็เอาตามคนไข้ว่าละกัน OK ตกลงว่าผ่า หมอศัลย์ก็เลยเอาไป debridement (ตัดเอาเนื้อตายออก) ซึ่งเนื้อตายมันน่าจะลึกถึงกระดูก ก็เลยต้องเอาออกให้หมด ซึ่งก็ถูกแล้ว ก็การตัดเอาเนื้อตายออกก็ต้องตัดจนกว่าจะเหลือเนื้อดี วันต่อๆมาพยาบาลก็ทำแผลไป แต่เนื่องจากแผลพวกนี้มันน่ากลัว เค้าไม่อยากให้คนนอกแม้แต่ตัวคนไข้เองเห็นเท่าไหร่หรอก ก็เป็นหลักปฏิบัติทั่วไปอยู่แล้ว นอกจากมีเหตุผลอื่น ญาติที่ติดใจสงสัยอยู่แล้วก็ เอ๊ะ ทำไมไม่ให้ฉันดู (ญาติส่วนใหญ่อยากรู้อยากเห็นอยู่แล้ว ส่วนนึงก็เพราะเป็นห่วงด้วย) พอญาติได้เห็นแผลก็ เฮ้ยทำไมเนื้อหายจนเห็นกระดูกเลย ไหนว่าเบาหวานห้ามมีแผล แถมน่ากลัวมากด้วยเห็นกระดูกเลยดูดิๆ มิน่าทำลับๆล่อๆ โกรธมาก ไม่ได้ๆ แบบนี้ต้องฟ้อง พอหมอที่ทำจะอธิบาย, เฮ้ย ไม่เชื่อ มันแก้ตัว -_-*
ดังนั้นก่อนฟ้องผมแนะนำไปหาความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวานแบบเชิงลึกมาก่อนครับ เริ่มต้นง่ายๆ อาจใช้ keyword 3 คำนี้ก่อน diabetic foot ulcer, gangrene, debridement ไปดูไปอ่านมาครับ มันเกิดเป็นมายังไง หน้าตาอาการยังไง อันตรายยังไง รักษายังไง ฯลฯ ไม่งั้นเดี๋ยวฟ้องไปแล้วสรุปเรื่องมันเป็นแบบที่ผมเดา จะไปต่อไม่ถูกเอานะ
และถ้าเป็นแบบที่ผมเดาจริงๆ บอกได้เลยว่า หมอซวยมากๆครับ และถ้ามีการฟ้องกลับได้ รับรองฝ่ายคนไข้เละยิ่งกว่าซุปไก่สกัดแน่ครับ เสียดาย หมอไทยไม่เคยฟ้องกลับ เพราะถ้าฟ้องกลับหมอก็จะโดนกระแสสังคมอีกครับ แมงงงงเลวววว ทำร้ายคนไข้ เค้าเป็นแบบนั้นยังไปฟ้องกลับเค้าอีก จิตใจทำด้วยอะไร บลาๆๆๆ (ทั้งที่ประโยคพวกนี้ฝ่ายหมอต้องเป็นคนพูด)
ถ้าคุณบอกว่าอยากจะฟ้องเพราะอยากศึกษา ผมว่าไปอ่านหนังสือเอาไม่ดีกว่าเหรอครับ เพราะพอคุณฟ้อง ไม่ว่าผลจะเป็นยังไง คุณได้ศึกษา คนไข้ก็หาย ไม่ได้สูญเสียอะไร แต่ฝ่ายหมอ ไม่ว่าผลจะเป็นยังไง มีแต่เสียอย่างเดียวครับ ไปหมดแล้วครับ เกียรติยศชื่อเสียง และที่สำคัญ "กำลังใจ" แต่ถ้าคุณศึกษามาดีพอแล้ว ข้อมูลมีเพียงพอแล้ว พบว่าหมอผิดจริง ก็ตามสบายครับ เพราะผมก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ไม่ได้รู้ข้อมูลอะไรเลยนอกจากที่คุณพิมพ์มาให้อ่านไม่กี่บรรทัด ก็แค่เดาๆไป
จากคุณ |
:
meddy hao
|
เขียนเมื่อ |
:
2 ส.ค. 54 19:42:20
|
|
|
|
|